ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu [fanfic] | ผู้จัดการสาวกับรอยยิ้มที่หายไป (Iwaitsumi x OC)

    ลำดับตอนที่ #10 : 10 - คืนฟอร์ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      3
      19 ก.ย. 67

    -10-

     

    ต่อจากตอนที่แล้ว

     

    “คือว่า.... รุ่นพี่อายากะคะ”

    “หือออ มีอะไรรึเปล่า ฮิโตกะจัง”

    “รุ่นพี่ชิมิซึให้เอาสิ่งนี้มาให้ค่ะ” ผู้จัดการปีหนึ่งที่พึ่งเข้าชมรมมาได้ไม่นาน ยาจิ ฮิโตกะ

     

    “ขอบคุณ” อายากะรับมาก่อนจะเปิดดู บันทึกการแข่งทั้งหมด คาราสึโนะแพ้รวดเลยแฮะ ชนะไม่ถึงสิบครั้งด้วย ก็ไม่แปลกหรอกนะ

     

    “ต่อไปคาราสึโนะเจอกับใครเหรอ”

    “ฟุคุโรดานิค่ะ” อายากะที่ได้ยินอย่างนั้นก็พึ่งนึกขึ้นได้ ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่ายแล้ว เวลาผ่านไปไวจังแฮะ

     

    “ฉันเป็นกรรมการสินะ” อายากะบ่นพึมพำอีกตามเคย ตลอดการเข้าค่ายนี้เธอเป็นกรรมการทุกวัน ได้เห็นพัฒนาการของแต่ละทีม ทีมที่เปลี่ยนไปเยอะที่สุดก็น่าจะเป็นคาราสึโนะ

     

    “พ....พยายามเข้านะคะ! รุ่นพี่....”

    “อายากะ เรียกฉันว่าอายากะ”

    “รุ่นพี่อายากะ... พยายามเข้านะคะ!!” อายากะได้กำลังใจจากคนอื่นเป็นครั้งแรกในรอบหลานเดือน เธอเลยไม่ชินเท่าไหร่

     

    “พวกนาย การแข่งจะเริ่มแล้วนะ”

    “ครับ!!!” การแข่งได้เริ่มต้นขึ้น โดยที่บรรยากาศนั้นอึมครึมนิดหน่อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

     

    “(หืออ ลูกหยอด?!)” อายากะที่เป็นกรรมการอยู่นั้นแปลกใจนิดหน่อย ก็เธอไม่เคยเห็นฮินาตะเล่นแบบอื่นเลยนี่นา เมื่อกี้เขาเล่นลูกหยอดเป็นครั้งแรก

     

    “ลูกหยอดงั้นเหรอ?!!” 

    “คุณโบคุโตะเป็นคนสอนเขาเอง ไม่ใช่เหรอครับ” เพื่อนร่วมทีมอย่างอาคาอาชิพูด

     

    “(ฝึกกันเมื่อวานสินะ)//เหงื่อตก” อายากะรู้ว่ามีพวกบ้าวอลเล่ย์ฝึกกันแทบทุกคืน แต่ก็ไม่นึกว่าการฝึกนั่นจะทำให้ฮินาตะเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้

     

    “(จะว่าไป..... วันนี้ทุกคนเล่นดีกันหมดเลยแฮะ โดยเฉพาะฮินาตะกับคาเงยามะ)” การได้มาเป็นกรรมการนั้นทำให้อายากะใจเย็นขึ้นเยอะ แถมได้เห็นมุมมองของการเล่นวอลเล่ย์ที่เธอไม่เคยเห็นด้วย

     

    “(เล่นดีๆก็ทำได้นี่นา)//ยิ้ม” วันนี้คาเงยามะดูสงบนิ่งผิดปกติ สภาพร่างกายพร้อมมาก ฮินาตะเองก็ด้วย คนอื่นๆเองก็เหมือนกัน

     

    “(แต่ว่า วันนี้มันสงบเกินไปไหม--)”

     

    พรึบบบบ

    “(เมื่อกี้มัน......)” จู่ๆเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น สองคู่หูตัวแสบแห่งคาราสึโนะคืนฟอร์มแล้ว 

     

    “(ลูกเซตหยุดในจังหวะติดลบ?!)” อายากะตกใจกับสิ่งที่เกิดเมื่อกี้เอามากๆ คาเงยามะสามารถส่งลูกให้หยุดที่จุดนัดพบได้ สุดยอดเลยแฮะ พัฒนาขึ้นไปอีกแล้วสินะ

     

    “เหหห ทำได้ไม่เลวเลยนี่ คาเงยามะ”

    “ม.....ไม่เท่าไหร่หรอกครับ รุ่นพี่อิชิกะ” รุ่นพี่ต่างโรงเรียนเป็นคนสอนเทคนิคนี้ให้

     

    “เธอเป็นคนสอนเหรอ”

    “อายากะวานมาน่ะ” อิชิกะพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย อันที่จริงเธอสนใจในตัวคาเงยามะอยู่แล้ว แถมอายากะก็เป็นคนวานมา เธอเลยสอนให้ด้วยความเต็มใจ

     

    “เหหห” เอมิกะเองก็สนใจในตัวคาเงยามะอยู่นิดๆ แต่ตัวเธอชอบฮินาตะมากกว่า ก็เพราะฮินาตะเป็นคนที่มีพัฒนาที่โดดเด่นที่สุดในค่ายนี้แล้วไงล่ะ

     

    “(ให้ตายสิ น่ากลัวจริงๆ)” อายากะที่เป็นกรรมการอยู่นั้นก็คิดไปพลางดูไปพลาง ถ้าเกิดเธอกลับไปเล่นวอลเล่ย์ คู่ต่อสู้ที่เธอไม่ชอบที่สุด ก็คงจะเป็นพวกที่ปรับตัวเก่ง รับมือได้ยาก อย่างเช่นทีมคาราสึโนะชายในตอนนี้

     

    “รุ่นพี่โบคุโตะ ใจเย็นหน่อยสิคะ”

    “ฉันก็ใจเย็นอยู่ตลอดนั่นแหละ!” โบคุโตะพูดพร้อมกับยัดขวดน้ำใส่มือเอมิโกะ จากนั้นก็เดินเข้าสนามไป

     

    “เอมิโกะจัง หรือว่า......”

    “เร็วกว่าที่คิดอีกแฮะ” คนในทีมฟุคุโรดานิเริ่มเหงื่อตกไปตามๆกัน ไม่นึกเลยว่ากัปตันทีมจะหงุดหงิดได้เร็วแบบนี้ “งานหนักหน่อยนะคะ รุ่นพี่อาคาอาชิ”

     

     

     

     

     

    เวลาผ่านไป

    “เป็นกรรมการสนุกรึเปล่า”

    “สุดๆเลยค่ะ ดีกว่าที่คิดไว้อีก” หลังแข่งเสร็จ ทุกคนต่างก็กินบาร์บีคิวกันอย่างอร่อย

     

    “แต่หลานยังเหลือพรุ่งนี้อีกวัน พยายามเข้าล่ะ”

    “ค่ะ” วันสุดท้ายของการเข้าค่าย ก็ต้องเลี้ยงฉลองกันหน่อย อายากะที่ได้คุยกับปู่ตัวเองก็รู้สึกดีขึ้นมาก

     

    “ยูกับโยดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ”

    “ได้นิสัยมาจากคุณพ่อเต็มๆเลยล่ะค่ะ” ยูกับโยต่างก็เป็นคนใจเย็นและรับฟังคนอื่น แต่ว่าทั้งคู่ก็เป็นพวกกวนประสาทอยู่นิดๆนะ

     

    “จะว่าไป แล้วอายาโกะเป็นไงบ้าง” ชายแก่หันไปถามอายาโกะที่กำลังดื่มน้ำอยู่

     

    “ก็ดีค่ะ ช่วงนี้ก็เรื่อยๆ”

    “มีแฟนก็บอกคุณปู่ไป ได้ข่าวว่าวางแพลนแต่งงานไว้แล้วด้วยไม่ใช่เหรอ//ยิ้มเจ่าเล่ห์”

    “จะบ้าเหรอ?!!” อิชิโกะแซวก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์

     

    “หือออ อายาโกะมีแฟนแล้วเหรอ”

    “อ่า...... ค่ะ ชื่อมิยะ โอซามุ คุณปู่น่าจะรู้--”

    “แฟนมิยะคนดังจากอินาริซากิ” ถ้าอยู่วงการวอลเล่ย์บอล ก็คงไม่มีไม่รู้จักแฝดมิยะแน่ๆ เซตเตอร์อันดับหนึ่งของปีนี้ มีแฝดชื่อมิยะ โอซามุ

     

    “ว่าแต่เธอเถอะ กับซาคุสะไปถึงไหนแล้วล่ะ”

    “เอ้ะ เรื่องนั้นมัน......” อายาโกะรีบเอาคืนแฝดตัวเองทันที

     

    “อ๋อออ ถ้าเรื่องนั้นละก็ ขยับจากนางเชื้อโรคมาเป็นยัยไวรัสแล้วล่ะครับ

    “ทั้งที่เป็นฝ่ายจีบเขาเองแท้ๆ” ยูกับโยพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย นั่นทำให้อิชิโกะหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุก

     

    “หืมมม ท่าทางคงไม่ได้คบซะละมั้ง;)”

    “จะบ้าเหรอ!! โอมิคุงพูดกับฉันเองเลยนะ!! ว่าถ้าคดีของอายากะจบเมื่อไหร่ เขาจะขอฉันเป็นแฟน แถมโอมิคุงก็อัดเสียงตอนพูดไว้ด้วย เอ้ะ.....” อิชิโกะพึ่งรู้ว่าเผลอพูดความลับตัวเองออกไป

     

    “เหหหห แบบนี้เองเหรอเนี่ย:)”

    “ม...ไม่ใช่นะ เมื่อกี้มัน....//เลิ่กลั่ก” พอเป็นเรื่องความรักของตัวเอง อิชิโกะก็มักจะเลิ่กลั่กจนทำอะไรไม่ถูก

     

    “ผมว่าคู่ที่น่าลุ้นที่สุด ก็คือพี่อายากะ”

    “เอ๋ ฉันเหรอ//ชี้ตัวเอง” อายากะเอียงหัวด้วยความสงสัย ว่าทำไมยูถึงพูดแบบนั้น

     

    “งั้นเหรอ ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะ” ชายแก่ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู 

     

    “??? มองฉันทำไม”

    “ก็เธอดันซื่อไม่เข้าเรื่องน่ะสิ ฉันละท้อแทนคนที่จีบเธอจริงๆ”

    “คนที่จีบฉัน.... มีด้วยเหรอ” พออายากะพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนต่างก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

    “ผมว่าคุณอิวะน่าจะอกหักแล้วล่ะ”

    “ไม่มั้ง ได้ยินว่าไปท้าพี่โทชิไว้อะไรสักอย่างนี่แหละ” ยูกับโยพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนประสาท

     

    “พวกเธอโตกันเร็วจริงๆนะ เริ่มมีแฟนกันหมดแล้วสิเนี่ย” ชายแก่บ่นอุบอิบนิดหน่อย

     

    “พี่อายากะกับคุณอิวะ พี่อายาโกะกับคุณโอซามุ พี่เอมิโกะกับคุณโบคุโตะ พี่เอมิกะกับคุณโฮชิอุมิ พี่อิชิโกะกับคุณซาคุสะ ที่เหลือก็.......”

    “พี่อิชิกะไม่มีคนคุย สถานะโสดยาว” ยูกับโยนั้นไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ที่อิชิกะจะไม่มีคนเข้ามาจีบเลยอ่ะนะ

     

    โป้กกกก!!!

    “เสียมารยาท”

    “ขอโทษครับ.....” อิชิกะเดินเข้าไปเขกหัวสองแฝดด้วยความโมโห เธอจะโสดหรือไม่โลกมันก็เรื่องของเธอสิ “(เพราะแบบนี้แหละ ถึงได้ไม่มีคนเข้ามาจีบ)”

     

    “จะว่าไป เธอบอกทีมของเธอรึยัง”

    “เรื่องอะไรเหรอ”

    “ก็เรื่องขึ้นศาลพรุ่งนี้ไง ยังไม่ได้บอกสินะ” อายากะพยักหน้าเบาๆ ที่จริงเธอจะบอกอยู่ แต่สุดท้ายก็ลืมจนได้

     

    “ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงซะ พี่อายากะก็ยังเป็นพี่อายากะ เป็นพี่ที่แสนใจดีคนนั้นไงล่ะ//ยิ้ม”

    “เป็นพี่ที่แสนใจดีคนนั้นไงล่ะ//ยิ้ม” สองแฝดพูดให้กำลังใจพี่สาวตัวเอง ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่นา ต่อให้แพ้คดีในชั้นศาล แต่อายากะก็ยังเป็นพี่ที่แสนใจดีสำหรับพวกเขาอยู่ดี

     

     

     

     

     

    เวลาผ่านไป

    “คุณอายากะ จะเป็นอะไรไหมนะ” ฮินาตะพูดออกมาลอยๆ อันที่จริงก็เป็นห่วงนั้นแหละ

     

    “ไม่ต้องห่วง ยัยนั่นมีซาคุสะอยู่ คงไม่เป็นไรหรอก” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนในทีมตอนนี้ เริ่มเป็นห่วงอายากะกันหมด

     

    “จะว่าไป เมื่อวานพี่วากะโทชิโทรมา บอกว่าวันนี้จะไปรับอายากะที่โตเกียว”

    “จริงเหรอ”

    “ครับ สงสัยอยากไปรับพี่อายากะด้วยตัวเอง” ยูพูดพร้อมกับทำท่านึกไปด้วย 

     

    “วากะโทชิเนี่ย......”

    “อุชิจิมะ วากะโทชิไง ที่ฉันเคยเล่าไปตอนนั้น--” ยังไม่ทันที่อายาโกะจะพูดจบ จู่ๆอาจารย์ทาเคดะก็โผล่พรวดมาแบบกะทันหัน

     

    ปังงงงงง!!

    “ข่าวใหญ่!! เนโกมาตะ อายากะ ชนะคดีอย่างสวยสดงาม!! ซามูไรหญิงจะกลับมาผงาดอีกครั้ง!!” อาจารย์ทาเคดะพูดตามหัวข้อข่าวพร้อมกับชูไอแพดให้ทุกคนดู

     

    “เอ๋!!! อายากะชนะคดีเหรอ!!” ทุกคนพูดออกมาพร้อมกัน

     

    “เรื่องจริงเหรอครับ อาจารย์ทาเคดะ”

    “เรื่องจริงสิ ตอนนี้พวกสื่อต่างก็ประโคมข่าวกันทั้งในโทรทัศน์และโซเชี่ยลอินเตอร์เน็ต” ที่จริงคนทั่วไปคงไม่รู้หรอกมั้ง ว่าอายากะนั้นเป็นลูกรักพวกสื่อกับนักข่าวสุดๆ หลายเดือนที่ผ่านมา ข่าวเสียๆหายๆของเธอคือน้อยมาก 

     

    “แบบนี้ต้องจัดงานยินดีหน่อยแล้ว” ทุกคนในชมรมต่างก็ดีใจเป็นอย่างมาก 

     

    “เอ้ะ รูปนี้มัน......” นิชิโนยะสังเกตเห็นรูปถัดไป พอเลื่อนดู ปรากฏว่าเป็นรูปที่อายากะยืนร้องไห้ อุชิจิมะยืนปลอบ และซาคุสะยืนอยู่ข้างหลังอายากะ

     

    “พี่อายากะร้องไห้จริงจังเลยนะนั่น”

    “คงดีใจที่ชนะคดีนั่นแหละ” ยูกับโยพูด พอทั้งคู่เห็นพี่สาวตัวเองร้องไห้ทีไร ก็อยากเดินเข้าไปกอดทุกที

     

    ในขณะเดียวกัน

    “เลิกร้องไห้ไวดีนะ”

    “เรื่องของฉันน่า” อายากะนั้นดีใจจนร้องไห้ ทันทีที่เห็นอุชิจิมะโผล่มา

     

    “แล้วเธอจะกลับเลยไหม”

    “ฉันเหรอ//เช็ดน้ำตา”

    “ใช่ มิยางิกับโตเกียวอยู่ไกลกันมากไม่ใช่เหรอ” จะว่าไป อายากะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยแฮะ

     

    “ที่จริงว่าจะกลับพรุ่งนี้เช้าน่ะ เพราะยังไม่ได้จองตั๋วรถไฟเลยน่ะสิ” อายากะเป็นคนที่ขี้ลืมง่าย ขนาดจองตัวรถไฟชินคันเซ็นยังลืมจองเลย

     

    “แล้วพี่โทชิล่ะคะ จะกลับเมื่อไหร่”

    “พรุ่งนี้ เมื่อวานคุณฮิโรมาสะบอกว่าไปค้างที่บ้านได้ ฉันก็เลยรีบขนของแล้วมาที่นี่เลย” ที่จริงอุชิจิมะไม่ต้องมาก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็มา เพราะเป็นห่วงอายากะไงล่ะ

     

    “ทำได้แล้วนะ อายากะ”

    “อื้อ!! ทำได้แล้ว^^” อายากะยิ้มตาหยีพร้อมกับชูสองนิ้วใส่คนเป็นพี่ชาย ถึงจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆก็เถอะ

     

    “แล้วนายล่ะ กลับเมื่อไหร่”

    “คืนนี้แหละ” ซาคุสะพูดพร้อมกับยักไหล่ไปทีนึง ก็บ้านเขาอยู่ใกล้โตเกียวนี่นา ใช้เวลาทางเดินแปปเดียว

     

    “เสียใจด้วยเรื่องแม่เธอ คงหนักน่าดู”

    “...... ก็ยังไม่หนักสุดในชีวิต” ตอนที่ถูกลักพาตัวไปขายในตลาดมืดน่ะ ตอนนั้นเป็นอะไรที่หนักที่สุดในชีวิตของอายากะแล้วล่ะ

     

    “ถ้างั้นฉันกลับล่ะ”

    “ระวังตัวด้วยนะ ซาคุสะ” จากนั้นต่างคนก็แยกย้ายกันไป แน่นอนว่าอายากะก็ได้พาพี่ชายตัวเองกลับบ้านที่โตเกียวด้วย

     

    “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ พี่โทชิ”

    “อ่า อยากเจอคุณอาฮิโรมาสะอยู่พอดี”

     

    ณ สถานีรถไฟโตเกียว

    “ไม่เห็นต้องมาส่ง ฉันกลับเองได้”

    “ฉันมาทวงคำตอบจากนายตายห่าง” อิชิโกะกับแฝดอีกสามคนมารอซาคุสะที่สถานีรถไฟโตเกียว อันที่จริงแฝดอีกสามคนไม่ได้อยากมาหรอก แต่อิชิโกะบังคับ ก็เลยมา

     

    “คำตอบ.... คำตอบอะไร”

    “ที่นายบอกว่ามีเรื่องจะบอกฉัน หลังจากจบคดีของอายากะไง อย่าบอกนะว่าลืมแล้วน่ะ นายเป็ฯคนพูดเองเลยนะว่าจะขอฉันเป็นแฟน” ซาคุสะที่ได้ยินอย่างนั้นก็นึกขึ้นได้ เกือบลืมไปเลยแฮะ

     

    “เปล่า ไม่ได้ลืมหรอก”

    “เหรอ ถ้าไม่ลืมจริงก็ดีหรอก//พองแก้ม” อิชิโกะเริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากซาคุสะที่ดูไม่มีท่าทีเขอะเขินอะไร

     

    “...........”

     

    “เป็นแฟนกับฉันไหม”

    “เอ้ะ........” บรรยากาศตอนนี้เรียกว่าเหมือนนิยายสุดๆ อิชิโกะที่มักจะเป็นคนพูดมากกลับเงียบซะงั้น

     

    “ฉันจะไม่พูดซ้ำสอง เป็นแฟนกับฉันไหม” อิชิโกะหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกแล้วเรียบร้อย ทั้งๆที่เธอเป็นฝ่ายจีบก่อนแท้ๆ แต่ดันโดนซาคุสะขอเป็นแฟนเนี่ยนะ

     

    “เร็วๆสิ ไม่งั้นฉันกลับ--”

    “เป็น!! ฉันจะเป็น.... แฟนกับนาย///” อิชิกะพูดเสียงด้วยความมั่นใจ ก่อนจะไปแผ่วปลายในตอนท้าย

     

    “ถ่ายไว้เร็วๆๆๆ”

    “ได้เลย” อิชิกะได้บอกให้เอมิกะถ่ายวิดีโอเอาไว้ เพื่อที่จะเอามาล้อทีหลัง เอมิโกะที่เห็นอย่างนั้นก็ส่ายหน้าไปมา 

     

    “หึ หน้าแดงเป็นมะเขือเทศแล้วนะ”

    “เรื่องของฉันน่า อ้ะ!!” ซาคุสะดีดหน้าผากด้วยความหมั่นไส้นิดหน่อย อันที่จริงก็คืออยากแกล้งนั่นแหละ

     

    “เจ็บนะ!! ดีดน่าผากฉันทำไมเนี่ย//พองแก้ม”

    “อย่าไปหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายอื่นล่ะ” อิชิโกะนั้นงงกับสิ่งที่คนตรงพูด เธอคงไม่รู้หรอกมั้ง ว่าเขาแอบชอบมาตั้งแต่ม.ต้น 

     

    “ทำไมพูดงั้นอ่ะ ฉันจะไปหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นได้ยังไง”

    “ลองไปถามอายากะดูสิ” ซาคุสะพูดก่อนจะหันหลังให้เพื่อเดินเข้าสถานีรถไฟกลับบ้าน

     

    “จะกลับแล้วเหรอ เร็วจัง”

    “อายากะรอเธออยู่ที่บ้าน ฉันเองก็รีบกลับเพราะพรุ่งนี้มีซ้อม ถ้าถึงบ้านเมื่อไหร่ ฉันจะโทรหาก็แล้วกัน ไว้เจอกันนะ อิชิโกะ” ซาคุสะพูดพร้อมกับโบกมือลา

     

    “โอมิคุง.......” น้ำเสียงของซาคุสะนั้นอ่อนโยนมาก ทำเอาอิชิกะไปไม่ถูกเลยทีเดียว แต่เธอรู้สึกดีนะ

     

    “ฉ...... ฉันจะรอนายโทรมานะ!!” เสียงของอิชิกะเต็มไปด้วยความอบอุ่น นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าความรัก 

     

    “(ในที่สุดฉันเข้าใจเธอแล้วล่ะ อายากะ เป็นแบบนี้เองสินะ)” อิชิโกะเอามือทั้งสองข้างมากุมไว้ที่อกตัวเอง การมีความรักน่ะ เป็นอะไรที่รู้สึกดีสุดๆ 

     

    “ฉันจะรอนายนะ~~ โอมิคูงงงงง”

    “..........” บรรยากาศแสนหวานชื่นถูกทำลายโดยแฝดจอมป่วนอย่างอิชิกะ เจ้าตัวชอบล้อคนอื่นเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว เพราะตัวเธอไม่มีคนคุยน่ะสิ

     

    “เรื่องนี้ล้อได้ยันเธอแต่งงานเลยล่ะ//ยิ้ม”

    “เป็นคู่ที่อบอุ่นจริงๆ” ต่อจากอิชิกะก็เป็นเอมิกะ เจ้าแม่แห่งการล้อคนอื่น 

     

    “กลับบ้านได้แล้ว!!”

    “ค่าาาา” นี่คือชีวิตปกติ ของสี่แฝดสาวสวยประจำกรุงโตเกียว


    **คอมเมนท์มาคุยกันได้นะ**

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×