คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5.พี่ชายที่แสนดี
ตอนที่ 5.พี่ชายที่แสนดี
คิมหันต์มีประชุมกับลูกค้าช่วงบ่าย และมีนัดทานข้าวกับลูกค้าในมื้อเย็นด้วย แต่พอได้ยินว่าน้องชายมาที่บ้าน จึงยกเลิกนัดทุกอย่าง ขับรถตรงดิ่งเข้าบ้านทันทีไม่ได้สนใจว่านัดหมายช่วงค่ำจะสำคัญต่อบริษัทเพียงใด สำหรับคิมหันต์ คิรากรสำคัญที่สุด
เมื่อมาถึงบ้านตรงดิ่งเข้าไปในตัวบ้าน ปล่อยให้คนงานเอารถไปเก็บให้ เพราะถึงแม้จะคุยกับน้องชายทางโทรศัพท์ประจำอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเจอน้องชายสุดที่รัก การที่คิรากรยอมมาที่บ้าน มันคือข่าวดีที่สุดของเขา แต่เมื่อก้าวเข้ามาถึงห้องรับแขก เสียงแม่กับน้องชายก็เหมือนจะทะเลาะกันอยู่ คงเป็นเรื่องที่แม่มาขอร้องให้เขาคุยกับน้องเรื่องการหมั้นหมาย เขาไม่อยากให้คิรากรไม่สบายใจ นาน ๆ จะกลับบ้านที ทำไมต้องทะเลาะกัน
"พอเถอะครับพ่อกับแม่ เดี๋ยวผมคุยกับน้องเอง" คิมหันต์ที่เข้ามาทันเหตุการณ์พอดี กลัวว่าพ่อกับแม่จะหัวร้อนจนพาลใส่น้องชายสุดที่รักของตน จึงได้เอ่ยขัดจังหวะขึ้น
"คุยกันเองละกัน แม่ขอไปดูในครัวก่อน ใกล้มื้อค่ำเต็มทีแล้ว แล้วอย่าหนีกลับไปก่อนล่ะ แม่อยากทานข้าวกับกร" กรกนกถอนหายใจก่อนจะบอกให้ลูกชายคนโตจัดการความดื้อดึงของลูกคนเล็กให้ และบอกให้คิรากรอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกัน
"พี่คิม กรมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่" คิรากรเอ่ยถามพี่ชายก่อนจะเข้ามากอด ท่าทางออดอ้อนนี้น้องชายของเขาเท่านั้นที่ทำแล้วถึงจะดูน่ารักที่สุดในสายตาของเขา
"งานเลี้ยงเมื่อหลายเดือนก่อน คุณลุงกิตติพัฒน์เขาเห็นว่ากรน่ารักดี เลยเอ่ยขอกับคุณพ่อคุณแม่ และพวกท่านเห็นว่าลูกชายของคุณลุงก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แถมยังเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง และธุรกิจกำลังไปได้สวย คุณแม่เลยตกปากรับคำทางนั้น" คิมหันต์รู้จักคุณลุงดี แต่ไม่ค่อยรู้จักลูกชายของฝ่ายนั้น ได้ข่าวว่าไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา พอกลับมาก็เลยให้คนเป็นพ่อขายหุ้นในบริษัทเครือญาติแล้วเอาเงินมาลงทุนเปิดบริษัทเอง
"กรไม่อยากแต่งกับเขาเลย" คิรากรเอ่ยขึ้น ทำหน้าหนักใจที่รู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นคิมหันต์โอบกอดน้องชายเอาไว้ในอ้อมแขน น้องรักใครเขาก็จะรักตาม ไม่ฝืนใจ ไม่ขัดขวาง ถ้าน้องไม่อยากแต่งงานกับคู่หมายที่พ่อแม่หาไว้ให้ เขาก็จะตามใจขอแค่ผู้ชายที่น้องชายรัก เป็นคนดีสำหรับคิรากร และดูแลน้องชายของเขาได้
"พ่อกับแม่ทุกคน ที่มีลูกชายแบบกร แบบที่ท้องได้ ให้กำเนิดลูกได้เหมือนผู้หญิง ต่างก็เป็นห่วงลูกชายตัวน้อยของพวกเขาทั้งนั้น เพราะคนในสังคม ยังมองว่าผู้ชายท้องได้เป็นตัวประหลาด ฉะนั้นการที่พ่อแม่หาคู่หมายให้ลูกชายจึงเป็นเรื่องปกติ กรต้องเข้าใจพ่อกับแม่ด้วยนะครับ" คิมหันต์ที่คอยดูแลน้องมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่รู้ว่าน้องเป็นแบบนี้ก็คอยดูแลปกป้องมาตลอด เขาพยายามอธิบายให้คิรากรเข้าใจพ่อกับแม่ เพื่อที่จะให้ทั้งสามคนเข้าใจกันและกัน
"กรต้องไปพบผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหมครับ" คิรากรเอ่ยถามพี่ชาย เขาไม่อยากแต่งงานกับใครนอกจากจิตติพัฒน์ แม้ตอนนี้เขากับจิตติพัฒน์จะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เขาเชื่อว่าสักวันจิตติพัฒน์ก็จะขอเขาแต่งงาน
"ไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยไปก็ได้ครับ กรอยากไปตอนที่มีแฟนแล้ว มั่นใจแล้วว่าคนที่กรเลือกเขาเลือกกร ถึงวันนั้นค่อยไปเจอเขา และปฏิเสธเขาไปก็ได้" คิมหันต์อยากให้เวลาน้องชายในการตัดสินใจ ไม่เร่งรัดหรือยื้อจนเกินไป จนทำให้คนตัวเล็กรู้สึกดีขึ้นมา
"รักพี่คิมที่สุดเลย พี่ชายที่แสนดีของน้อง เข้าใจน้องไปเสียทุกอย่าง" คิรากรหอมแก้มพี่ชายอย่างรู้สึกขอบคุณที่พี่ชายเข้าใจ คิมหันต์เองก็หอมหัวคนตัวเล็กก่อนจะชวนกันไปทานข้าว
"อันนี้แม่ทำเองทานเยอะ ๆ ล่ะ" คุณกรกนกตักแกงเขียวหวานของโปรดลูกชายคนเล็กใส่จานให้อย่างเอาใจ ถามไถ่เรื่องอาหารการกินที่คอนโดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนคนเป็นพ่อก็ถามเรื่องงาน ถามถึงเพื่อนร่วมงาน คิมหันต์ยิ้มให้น้องชายที่ยิ้มอย่างมีความสุขที่พ่อแม่ไม่พูดเรื่องคู่หมั้นแล้ว
"ขอบคุณพี่คิมนะครับที่มาส่ง" คิมหันต์ยื่นมือไปยีศีรษะน้องชายอย่างเอ็นดู ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกี่ปีคิรากรก็ยังเป็นเด็กในสายตาของเขาเสมอ
"อย่าลืมไปคิดดูเรื่องที่พี่บอกล่ะ ไปพบเขาเร็วเท่าไหร่ กรก็จะได้ใช้ชีวิตตัวเองเร็วขึ้นเท่านั้น" คิมหันต์บอกน้องชาย ก่อนจะให้น้องลงไปใช้ชีวิตของตัวเอง พี่ชายอย่างเขาทำได้มากสุดแค่เป็นห่วง
"ครับ กรจะไปคิดดูก่อน แล้วกรจะบอกพี่คิมต์อีกทีนะครับ" คิรากรโบกมือลาพี่ชาย คิมหันต์เคลื่อนรถออกจากคอนโดหรู ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหน ที่ทำได้ก็แค่มองดูอยู่ห่าง ๆ
"ไปไงมาไงวะ ทำไมมาถึงนี่ได้" วรเมธเอ่ยถามเพื่อนรัก ตั้งแต่ครั้งก่อนที่คิมหันต์มาคือตอนที่มาทำให้เอวาไม่พอใจ ทำให้ต้องไล่เด็กเสิร์ฟออก เมื่อเพื่อนรักมาอีกครั้งเขาจึงแปลกใจว่าที่หายไป เพราะไปตามจีบเด็กเสิร์ฟคนนั้นหรือตามดูน้องชายกันแน่
"กรโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก มากจนกูกลัว ว่าสักวันกูจะเสียน้องไปจริง ๆ " คิมหันต์บ่นกับเพื่อน ก่อนจะสาดเหล้าเข้าปาก วรเมธส่ายหน้าให้กับคนที่เป็นพี่ชาย พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันรู้ดีว่าคิมหันต์รักน้องขนาดไหน
"มาทีไรก็บ่นแต่เรื่องน้อง แล้ววันนี้จะให้เรียกเอวาให้ไหม แกไม่ได้มาหาเขานานแล้วนะ" วรเมธเอ่ยถามเพราะเอวาเองแม้จะยังรับลูกค้าอยู่ แต่ก็มักจะปฏิเสธลูกค้าบ่อย ๆ และถามหาคิมหันต์เสมอ เขาเองก็เตือนเอวาตลอดว่าอย่าไปรู้สึกอะไรกับลูกค้า เพราะถ้าผิดหวังมา คนที่เจ็บก็คือเอาวาเอง
"มีเด็กใหม่ไหมวะ เด็กเสิร์ฟคนนั้นน่ะเขาไม่รับลูกค้าหรือวะ" คิมหันต์ยังจำกลิ่นกายของเด็กที่เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเขาได้อยู่ ถ้าราคาจะแพงกว่าเอวาเขาก็จะยอมสู้ ขอเพียงยอมให้เขาทำได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ
"เด็กคนไหนวะ กูจำไม่ได้ว่ะ มึงไม่มาตั้งนานแล้ว" แม้จะรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงใคร แต่วรเมธก็แสร้งทำไม่รู้ไปอย่างนั้น เกิดเรื่องใหญ่ในร้านขนาดนั้นทำไมเขาจะไม่รู้
"เออ ช่างเถอะ เรียกเอวามาที เดี๋ยววันนี้กูจะพาไปคอนโด" คิมหันต์เลิกสนใจเพื่อนหันมาดื่มแทน ถ้าเอวามาเขาก็ไม่จำเป็นต้องยั้งการดื่มเพราะเอวาช่วยเขาขับรถได้ ไม่จำเป็นต้องขับเอง และที่เขาเรียกแต่เอวา เพราะว่าเอวาตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการได้ดีที่สุด
"เฮ้อ หาแฟนเป็นตัวเป็นต้นได้แล้วนะมึง จะได้เลิกฟุ้งซ่านเรื่องน้อง ถึงแม้เอวาจะเป็นเด็กขาย แต่ถ้ามึงจริงใจกับเขา กูว่าพ่อแม่มึงก็คงจะไม่รังเกียจหรอกนะ เขาดูชอบมึงออกขนาดนั้น" วรเมธเองก็ไม่ได้รังเกียจเด็กขาย เพราะตัวเขาเองก็หากินกับคนพวกนี้เหมือนกัน
"ไม่ได้สำคัญหรอกเว้ย ว่าคนคนนั้นทำอาชีพอะไรมาก่อน มันสำคัญที่ตรงนี้ กูไม่ได้รักเอวา แม้ว่ากูจะชอบที่เขาสนองกูได้ แต่กูไม่ได้รักเขาไง" คิมหันต์ชี้ที่หน้าอกของตัวเอง เอวาไม่เคยได้มาอยู่ในใจของเขาเลย แต่ที่เขาเรียกหาแต่เอวา เพราะรสนิยมส่วนตัว ที่เขาจะเล่นกับเอวาหนักขนาดไหน อีกคนก็รับได้ทุกอย่าง เขาไม่อยากเปลี่ยนคู่นอน ที่ไม่ถึงใจเขา ยิ่งเรื่องมีแฟน ยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าคนคนนั้นรับสิ่งที่เขาทำไม่ได้ รักกันแค่ไหน ก็อยู่กันไม่รอด
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐
ตอนที่ห้าเข้าไปแล้ว ลูกชายแม่ยังเพิ่งได้จูบกับไฟแค่ครั้งเดียวเองนะลูก
ใครยังไม่อ่านเรื่องของคิรากร อย่าลืมไปอ่านเน้อ คลิกเลย ??‘?
https://writer.dek-d.com/Pattisia/writer/view.php?id=2350143
ความคิดเห็น