ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yandere] ปักษาร้องรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 รัง

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 67


    อาเมเลียค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน โดยไม่ละสายตาจากเขาที่มองมาด้วยความสนใจ เขาจ้องเธอราวกับกำลังจับสังเกตทุกการเคลื่อนไหว เมื่ออาเมเลียยืนตรงเต็มความสูงแล้ว เธอสังเกตว่าเขายังคงยืนอยู่บนพื้นโดยไม่ได้ยืดตัวขึ้นอย่างมนุษย์ปกติ ทำให้เธอสงสัยว่าเขาคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวด้วยขาทั้งสี่เหมือนสัตว์ป่าหรือไม่ เมื่อพวกเขาจ้องหน้ากันไปสักพัก ใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ คลายความตึงเครียด แทนที่ด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด 

     

    และทันใดนั้นเอง ดวงตาสีเหลืองและม่วงของเขาขยายใหญ่ขึ้นในทันทีอย่างน่าประหลาดใจ ดูเหมือนเขาจะพอใจหรือยินดีอะไรบางอย่าง ก่อนจะส่งเสียงร้องของนกอย่างร่าเริงและเป็นจังหวะ ราวกับแสดงความรู้สึกดีใจออกมา อาเมเลียถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทีคุกคามอีกต่อไป แถมยังดูเหมือนจะยอมรับเธออยู่บ้าง รอยยิ้มแผ่วเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอพยายามผ่อนคลายตัวเองจากความตึงเครียด

     

    อาเมเลียค่อย ๆ ถอยออกมาหวังจะหลบหนีอย่างเงียบ ๆ แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็รู้สึกถึงมืออันแข็งแรงของเขาคว้าเข้าที่แขนของเธอไว้ เธอหันกลับไปมองเขาและเห็นร่างสูงเต็มความสูงซึ่งทำให้เธอรู้สึกเล็กลงเมื่อยืนตรงหน้ากับเขา หน้าผากของเธออยู่เพียงแค่ระดับอกของเขาเท่านั้น ดวงตาคู่สีเหลืองและม่วงจ้องลึกมาที่เธอพร้อมรอยยิ้มประหลาดที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

     

    โดยไม่พูดอะไร เขาหันตัวไปและเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้า ดึงเธอให้ตามไปด้วย เธอไม่สามารถปฏิเสธหรือหลบหนีได้ เพียงแค่ปล่อยตัวให้เขานำทางไป ขณะที่เขาลากเธอผ่านแนวป่าทึบไปยังอีกที่หนึ่ง อาเมเลียก็รู้สึกถึงความสงสัยและความตื่นเต้นที่เพิ่มมากขึ้น ไม่กี่อึดใจต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงน้ำกระทบหินดังแผ่วเบา และเมื่อพ้นพงไม้หนาออกมา เธอก็พบกับพื้นที่โล่งที่สว่างไสว มีน้ำตกสายหนึ่งที่ไหลลงสู่บ่อน้ำใสราวกับคริสตัล

     

    แสงแดดสะท้อนประกายระยิบระยับบนผิวน้ำ ภาพนั้นงดงามและสงบจนทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง อาเมเลียยืนมองด้วยความตะลึงงัน ปล่อยให้สายลมอ่อน ๆ พัดผ่าน เธอเหลือบมองชายร่างนกข้างกายที่พาเธอมาที่นี่ ท่าทางของเขาบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขาต้องการให้เธอได้เห็นและซึมซับความงามนี้ พื้นที่รอบน้ำตกนั้นงดงามและดูเงียบสงบในแบบที่แทบไม่น่าเชื่อ 

     

    สายน้ำตกที่ไหลลงจากหน้าผาหินสูงนั้นเป็นประกายระยิบระยับราวกับเส้นไหมสีเงินที่ถักทออยู่กลางอากาศ เมื่อกระทบพื้นน้ำเบื้องล่าง ก็เกิดเป็นละอองน้ำใสละเอียดลอยขึ้นไปในอากาศ ช่วยให้บริเวณโดยรอบชุ่มฉ่ำเย็นสบาย รอบๆ น้ำตกมีต้นไม้สูงใหญ่หลากหลายชนิด แต่ละต้นมีใบหนาเขียวชอุ่ม บางส่วนของต้นไม้โค้งเข้าหากันคล้ายโดมธรรมชาติ ปกคลุมพื้นที่ด้วยเงาเย็นที่แสงอาทิตย์ลอดผ่านมาเพียงบางส่วน พื้นป่าใต้ต้นไม้เต็มไปด้วยพืชพรรณขนาดเล็กสีเขียวสดและดอกไม้ป่าหลากสีสัน ดอกไม้เล็กๆ เหล่านั้นเบ่งบานตามโขดหินและริมลำธารที่คดเคี้ยวไปตามแนวหินขรุขระ

     

    บริเวณลำธารที่ไหลออกจากน้ำตกมีความใสแจ๋ว จนมองเห็นก้อนหินเล็กๆ และก้อนกรวดที่วางเรียงรายอยู่ใต้น้ำ บางแห่งมีปลาตัวเล็กว่ายไปมาราวกับเฝ้าดูแลเขตแดนของมัน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมอสส์และดินชื้นลอยอยู่ในอากาศ เงียบสงบจนได้ยินเสียงธรรมชาติชัดเจน ทั้งเสียงนกร้องแว่วไกลและเสียงน้ำไหลที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลาย เป็นที่หลบภัยจากโลกภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย

     

    อาเมเลียกำลังจะเดินไปถ่ายรูปกับน้ำตก แต่ดูเหมือนว่าคุณชายนกจะมีแผนอื่นเพราะทันใดนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้น อาเมเลียตะลึงกับความเร็วที่เขายกตัวเธอขึ้น พื้นดินใต้เท้าหายวับไปในพริบตา ขณะที่เขากระพือปีกกว้างและสูงขึ้นเรื่อยๆ เธอกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ มือทั้งสองข้างรีบโอบรอบคอของเขา และขาของเธอพันรอบท้องเขาโดยอัตโนมัติ เธอสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงใต้ผิวของเขา และแม้ว่าเขาจะดูไม่เหมือนใครและสูงมากจนทิ้งระยะความปลอดภัยที่เธอคุ้นเคยไปทั้งหมด แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและมั่นคงที่คอยพยุงเธออยู่

     

    ปีกของเขาขยับขึ้นลงอย่างสง่างาม พาเธอไต่ระดับเหนือยอดไม้ในป่าที่เคยปกคลุมสายตา ลมเย็นๆ สะบัดเส้นผมของเธอให้พลิ้วไหวขณะที่พวกเขาลอยขึ้นสูงเรื่อยๆ ทิวทัศน์เบื้องล่างกลายเป็นภาพเขียวขจีของป่าทึบสลับกับลำธารที่คดเคี้ยว เธอมองลงไปด้วยความอัศจรรย์ใจ มองเห็นน้ำตกที่เคยยืนอยู่ข้างล่างกลายเป็นเส้นสายเล็กๆ ทอดตัวลงมาจากหุบเขา อาเมเลียยังจับเขาไว้แน่น แม้จะใจเต้นแรงด้วยความกลัวผสมกับความตื่นเต้น ร่างสูงใหญ่ของเขากระชับกอดเธอไว้มั่นคง ราวกับจะบอกให้เธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอร่วงลงไป

     

    อาเมเลียหายใจติดขัดเมื่อเห็นภาพเบื้องล่าง หุบเขาที่แผ่กว้างออกไปไม่ใช่เพียงป่าเขียวขจีที่เธอคาดหวังไว้ แต่กลับเต็มไปด้วยซากกระดูกขาวซีดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง กองกระดูกบางกองยังคงมีเศษเนื้อเน่าที่เกาะอยู่ และกลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยขึ้นมาถึงแม้พวกเขาจะอยู่สูงในอากาศ บางส่วนถูกจัดวางเกะกะคล้ายกับสิ่งที่ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดี ยิ่งมองไปใกล้ เธอก็เห็นบางสิ่งที่แย่กว่านั้น 

     

    ก้อนสำรอกของนกขนาดเท่าลูกบอลของเล่นสุนัขปรากฏอยู่ตามพื้น ซากเหล่านี้ยังมีชิ้นส่วนที่น่าขนลุกติดอยู่—เส้นผมมนุษย์และชิ้นกระดูกที่ยังไม่ย่อยสลายดี คาดว่าเป็นเหยื่อจากการถูกกลืนกินไปและสำรอกออกมา อาเมเลียเริ่มรู้สึกได้ถึงความหนักหน่วงในใจ ความจริงโหดร้ายของสิ่งมีชีวิตที่อุ้มเธออยู่ ความตระหนกและขยะแขยงเกาะกุมจนเธอต้องเบือนหน้าหนี พยายามควบคุมอารมณ์ในขณะที่เธอยังเกาะเขาไว้แน่นในอากาศ

     

    หลังจากที่เขาลงจอดบนโขดหิน และวางเธอลง อาเมเลียรู้สึกถึงพื้นหินเย็นๆ ใต้ฝ่าเท้าขณะมองไปรอบๆ ด้านล่างนั้นไกลจนเธอมองเห็นยอดไม้เป็นเพียงเส้นขอบฟ้าเบลอๆ เหมือนผืนพรมสีเขียวซ้อนทับกัน เธอเหลือบไปเห็นท่านชายนกเดินนำเธอไปด้วยท่าทางสง่างาม กรงเล็บคมกริบที่เท้านกของเขากระทบหินเบาๆ ในจังหวะเล็กๆ คล้ายจังหวะกระโดดของนกอาเมเลียสังเกตเห็นถ้ำที่มืดมิดซ่อนอยู่ด้านหลังของโขดหินนั้น 

     

    ดูราวกับเป็นรังของเขา เธอก้าวเข้าไปตามเขา ภายในถ้ำกว้างขวางพอที่จะให้ลมไม่พัดเข้าไปถึง แต่ไม่ลึกจนเกินไป รอบตัวเธอมีหินและกระดูกแวววาวสะท้อนแสงที่เล็ดลอดจากปากถ้ำ ขณะที่ท่านชายนกกระโดดเล็กๆ ไปมาราวกับนกที่กำลังสำรวจ เขายืนตรงด้วยขานกทั้งสองข้างอีกครั้งพร้อมท่าทางดูสบายๆ อาเมเลียมองดูเขาอย่างระวัง ไม่แน่ใจว่าเขากำลังทำอะไร

     

    เขาก้มตัวลง คว้ากะโหลกศีรษะมนุษย์ที่วางอยู่บนพื้นก่อนจะเดินกลับมาหาเธออย่างเงียบๆ อาเมเลียเฝ้าดูเขายื่นมันให้ด้วยมือมั่นคง ใบหน้าที่เย็นชานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าเขาเมินหน้าหนีไปเล็กน้อย ราวกับไม่อยากสบตา และสีหน้าของเขาดูเหมือนเขินอายจางๆ จนแทบสังเกตไม่เห็น ขณะที่อาเมเลียมองกะโหลกในมือของเขา เธอรู้สึกทั้งตะลึงและสับสนว่าทำไมเขาถึงเลือกสิ่งนี้ให้เธอ เขายืนอย่างลุ้นๆ ราวกับเธอจะยอมรับของขวัญนี้ไหม เธอเงยหน้ามองเขาและเห็นว่าเขากำลังเหลือบสายตาไปทางอื่นเหมือนกำลังหลบสายตา

     

    เอาจริงดิ นี่มันของขวัญประเภทไหนกันล่ะเนี่ย! อาเมเลียมองไปที่กะโหลกศีรษะในมือ พยายามเก็บสีหน้าไว้ให้นิ่งแม้ในใจจะรู้สึกทั้งงุนงงและประหลาดใจ แต่เพราะไม่อยากทำให้เขาผิดหวังหรือโกรธ เธอจึงรับไว้พร้อมรอยยิ้มฝืนๆ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เพราะทันทีที่เขาเห็นเธอรับกะโหลกไว้ เขาก็ดีใจจนทำท่าเต้นรำเล็กน้อย คล้ายจะโชว์ความสุขออกมาในแบบที่ไม่ซ้ำใคร อาเมเลียถอนหายใจเบาๆ วางกะโหลกลงอย่างเบามือ จากนั้นเธอก็หันไปมองรังขนาดใหญ่ของเขา ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ มันเป็นรังที่ทำจากกิ่งไม้หนาและขนสัตว์ที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขนนกสีสดต่างๆ กระจายอยู่ทั่ว ทำให้รังนั้นดูอบอุ่นและเหมือนเป็นที่พักพิงสำหรับเขาโดยเฉพาะ

     

    รังของเขาดูราวกับเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างจากธรรมชาติ ประกอบด้วยกิ่งไม้หนาทึบที่สานกันอย่างแน่นหนา บางกิ่งมีสีเทาเข้มในขณะที่บางกิ่งดูใหม่กว่าด้วยเปลือกสีอ่อนที่ยังคงกลิ่นไม้สด ด้านในรังถูกปูด้วยขนสัตว์และขนนกนุ่มๆ ที่เขาน่าจะสะสมไว้จากการล่าแต่ละครั้ง ขนนกเหล่านั้นมีสีสันหลากหลาย ไล่ตั้งแต่สีฟ้าอ่อนเหมือนท้องฟ้า สีเขียวหม่นเหมือนใบไม้แก่ ไปจนถึงสีเหลืองนวลเหมือนแสงตะวัน 

     

    นอกจากนี้ยังมีขนนกขนาดใหญ่ที่น่าจะเป็นของเขาเองกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ทำให้รังดูเหมือนผสมผสานกันระหว่างถ้ำและรังนกจริงๆ ภายในรังมีร่องรอยกระดูกที่ถูกจัดวางอย่างประณีต สลักและวางเรียงเป็นแถวรอบๆ รัง คล้ายเป็นเครื่องประดับที่เขาจัดไว้เพิ่มความน่าเกรงขาม และยังมีขนนกสีสดใสที่น่าจะเป็นของนกตัวอื่นประดับอยู่รอบๆ เพิ่มความขลังให้รังของเขาเข้าไปอีก

     

    เมื่ออาเมเลียเข้าไปนั่งในรัง ความนุ่มของขนสัตว์ที่ปูหนาแน่นสร้างความรู้สึกสบายแปลกๆ ที่เธอไม่คาดคิด แม้จะไม่สบายเท่าเตียงที่บ้าน แต่ก็มีเสน่ห์และให้ความอบอุ่นในแบบของมันเอง ขณะเธอพยายามทำตัวให้ชินกับสถานที่แปลกใหม่นี้ สายตาของเธอก็มองไปที่ชายหนุ่มนกตัวโต ซึ่งกำลังจัดเรียงกะโหลกและหินหลากสีรอบๆ รังอย่างตั้งใจ เขาหันศีรษะมาช้าๆ เมื่อสังเกตว่าเธอเริ่มเข้ามาใกล้ดินแดนส่วนตัวของเขา ดวงตาที่ต่างสีกันของเขาจับจ้องเธออย่างเฉียบคม ก่อนที่แววตาจะเปลี่ยนเป็นความสงสัยปนความพอใจ ราวกับว่าเขายินดีที่เธอไม่ได้กลัวและกำลังสำรวจรังของเขาด้วยความสนใจ

     

    เซเฟียร์กระโดดเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ อาเมเลีย ปีกขนาดใหญ่ของเขาแผ่กว้างออกพร้อมกับแขน ขณะที่ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ ยามค่ำคืนเริ่มเยือน อุณหภูมิรอบตัวลดลงทีละนิด อาเมเลียรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาด้วย เธอมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของเซเฟียร์ที่จ้องมองมา เธอหันไปเห็นเขาส่งยิ้มให้ รอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสาทำให้เธอสงสัยว่าเขาเข้าใจเธอบ้างหรือเปล่า

     

    “เฮ้ นายพูดได้รึเปล่า” อาเมเลียถาม เซเฟียร์เอียงศีรษะไปข้างหนึ่งอย่างงุนงง “นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม” เธอถามอีกครั้ง คราวนี้เขาเอียงหัวไปอีกด้านพร้อมสีหน้าสับสน อาเมเลียถอนหายใจพลางเอ่ย “ฉันเดาว่านายไม่เข้าใจ” เธอจึงลองแนะนำตัวเอง “ฉันอาเมเลีย” เธอชี้มาที่ตัวเอง เมื่อเขาดูตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอพูด เธอคิดว่าเขาอาจเข้าใจบ้าง เธอจึงถือวิสาสะตั้งชื่อให้เขา “ฉันจะเรียกนายว่าเซเฟียร์”  

     

    เมื่อเธอพูดชื่อที่ตั้งให้ เซเฟียร์ไม่ได้แสดงท่าทีขัดข้อง อาเมเลียจึงหันไปมองท้องฟ้าที่มืดลงเหนือรังขนาดใหญ่ของเขา พลันรู้สึกได้ว่าเขาขยับเข้ามาใกล้ และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ศีรษะของเขาก็เอนลงมาบนตัก น้ำหนักของเขาเบากว่าที่เธอคาดไว้ แม้รูปลักษณ์จะดูตัวใหญ่ก็ตาม เธอพยายามนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ มองลงไปเห็นใบหน้าของเขาผ่อนคลายเหมือนเด็กที่รู้สึกปลอดภัยอย่างแท้จริง ผมของเขาแซมด้วยขนนกที่สะท้อนแสงสีม่วงและฟ้าจางๆ จากท้องฟ้ายามค่ำคืน อาเมเลียหันไปมองปีกของเขาที่พับแนบลำตัว พื้นผิวเหมือนผสมระหว่างขนนกและเกล็ดเล็กๆ ให้สัมผัสที่ดูอ่อนโยนแต่สง่างาม

     

    แตะสักนิดคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาคงไม่หวงตัวจนถึงขั้นตื่นมาร้อง กระต๊าก กระต๊าก เหมือนไก่ตื่นหรอกมั้ง

     

    ความคิดที่จะได้สัมผัสปีกของเซเฟียร์ค่อยๆ ฝังแน่นในหัวของอาเมเลีย เธอเหลือบมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ราวกับว่ามีใครบางคนอาจมองเธออยู่ แต่เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ เธอจึงจิ้มปีกของเขาเบาๆ เพื่อดูว่าเขาจะรู้สึกตัวหรือไม่ เมื่อเซเฟียร์ไม่ขยับตัว อาเมเลียยิ้มเล็กๆ อย่างภาคภูมิใจในความกล้าของตัวเอง เธอใช้นิ้วสัมผัสขนนกที่เรียบลื่นของเขาอย่างระมัดระวัง ความนุ่มนวลผสมกับความแข็งแรงทำให้เธอประหลาดใจ เซเฟียร์เกร็งตัวเล็กน้อยในตอนแรก แต่จากนั้นก็ผ่อนคลายลง พร้อมกับซุกใบหน้าลงในตักของเธอมากขึ้น อาเมเลียยิ้มบางๆ กับท่าทีที่ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ นี้ 

     

    ปลายนิ้วของเธอไล้ไปตามปีกของเขา บางครั้งก็สัมผัสกับผิวหนังอุ่นๆ ใต้ขนปีก และบางครั้งเธอพบเศษสิ่งสกปรกเล็กๆ ที่ติดอยู่ เธอหยิบมันออกด้วยความระมัดระวัง ขณะที่เซเฟียร์ส่งเสียงร้องเบาๆ คล้ายเสียงนกที่แสดงถึงความพึงพอใจ ร่างกายของเขาขยับเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังผ่อนคลายกับการดูแลที่อ่อนโยนนี้ เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน อาเมเลียเริ่มรู้สึกง่วงจากความสงบที่ปกคลุมรอบตัว 

     

    เธอหาวเล็กน้อย พลางคิดว่าเธอควรจะเข้านอนโดยไม่ปลุกเขา เธอค่อยๆ เอนหลังลงในรังที่นุ่มสบายและหลับตา ท่ามกลางเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเซเฟียร์และความอบอุ่นจากปีกของเขาที่อยู่ไม่ไกล เธอมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนดูราวกับผืนผ้าใบมหึมาที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันของดวงดาวนับล้าน ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับราวกับอัญมณีที่ประดับอยู่บนความมืดมิดของห้วงอวกาศ ทางช้างเผือกทอดยาวข้ามฟากฟ้า เส้นสีเงินนวลที่ดูคล้ายหมอกละเอียดบอกเล่าความกว้างใหญ่ของจักรวาลอย่างน่าประทับใจ 

     

    ดวงจันทร์เสี้ยวบางดวงแขวนอยู่บนฟ้า มันเปล่งแสงอ่อนโยนคล้ายจะปลอบประโลมโลกด้านล่าง ความเงียบสงบของยามราตรีถูกแต่งเติมด้วยเสียงแมลงกลางคืนที่ขับขานกันอย่างแผ่วเบา ราวกับบทเพลงกล่อมให้ธรรมชาติเข้าสู่นิทรา ลมเย็นพัดผ่านเบาๆ ทำให้ใบไม้ไหวสะท้อนแสงจันทร์วูบไหว ราวกับพวกมันกำลังเต้นระบำไปพร้อมกับจังหวะแห่งความสงบนี้ ท้องฟ้าและแสงจันทร์หลอมรวมกันกลายเป็นความงดงามที่ชวนให้หลงใหล ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์มากเพียงใด เธอหลับไปอย่างรวดเร็วในโลกที่ทั้งแปลกและอบอุ่นนี้

     

    บางทีนี่อาจไม่ได้แย่อย่างที่คิดใช่ไหม

     

    *มีนกอ้อนด้วย! น้องอาเมเลียโดนคุณชายนกอ้อนล่ะท่านผู้อ่าน! ????✨ จะเอ็นดูหรือจะเขินแทนดีเนี่ย? แล้วแบบนี้ตอนต่อไปจะวุ่นวายขนาดไหน โปรดติดตามในตอนต่อไปนะ!* ????

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×