ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yandere] ปักษาร้องรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 หน้านกมันเป็น...

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 67


    เมื่ออาเมเลียมาถึงกลุ่ม เธอหยิบขวดน้ำจากกระเป๋าเป้แล้วดื่มสองสามอึก ความสดชื่นจากน้ำทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น หลังจากเก็บขวดน้ำเข้าที่ เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ขณะนักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นไกด์นำทางกำลังอธิบายเกี่ยวกับพืชบางชนิดที่มีสรรพคุณเฉพาะตัวในป่าแห่งนี้ แต่ในระหว่างที่เขาอธิบาย เธอก็ได้ยินเสียงแผ่วๆ มาจากพื้นดินใกล้ๆ เสียงนั้นแตกต่างจากเสียงใบไม้หรือแมลงที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้

     

    อาเมเลียหันไปทางขวา และสิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้เธอตื่นเต้นจนต้องอุทานเบาๆ ออกมามันคือกระต่ายตัวหนึ่ง แต่ไม่ใช่กระต่ายธรรมดา กระต่ายตัวนี้มีฟันเขี้ยวเล็กๆ โผล่พ้นริมฝีปากและดวงตาสีเขียวเป็นประกายที่จ้องมาทางเธอ จมูกเล็กๆ ของมันขยับไปมาเหมือนพยายามดมกลิ่นเธอ ขนของมันเป็นสีเทาเข้มจนกลมกลืนกับพื้นป่า และที่สะดุดตายิ่งกว่านั้นคือหางยาวที่ยื่นออกมาจากด้านหลังซึ่งแปลกไปจากกระต่ายทั่วไป ตัวของมันเทียบได้กับขนาดของสุนัขขนาดกลาง

     

    “เฮ้ ดูนั่นสิ” เธอพูดเบาๆ และชี้ไปทางเจ้ากระต่ายฟันเขี้ยว ทุกคนหยุดเดินแล้วหันมาทางเธอพร้อมสายตาที่ตื่นเต้นและตกตะลึง เธอยกกล้องขึ้นถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว และเพื่อนๆ ก็ทำตาม ถ่ายภาพเจ้ากระต่ายที่ดูน่าทึ่งนี้ไว้ได้ในทันที นักวิทยาศาสตร์ไกด์ของพวกเขายิ้มเล็กๆ และอธิบายถึงกระต่ายตัวนี้ให้ฟัง “นี่คือ ‘กระต่ายฟันเขี้ยว’ หรือ *Fang Hare* กระต่ายสายพันธุ์ป่าที่มีลักษณะเฉพาะตัวมาก มันมีฟันเขี้ยวเล็กๆ ยื่นออกมาจากปากซึ่งช่วยให้มันขุดดินและป้องกันตัวเองจากนักล่า” 

     

    เขาชี้ไปที่ฟันเขี้ยวของมัน “พวกมันมีขนสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทาเข้มเพื่อพรางตัวในป่า และมีนิสัยค่อนข้างระแวดระวังและดุดันเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกคุกคาม”  อาเมเลียก้มลงเขียนรายละเอียดทั้งหมดลงในสมุดบันทึกด้วยรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นในใจ การได้เห็นสัตว์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนยิ่งตอกย้ำความใฝ่ฝันของเธอ และภาพถ่ายเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่เธอจะเก็บไว้อย่างภาคภูมิ

     

    ขณะที่ทุกคนเริ่มเดินห่างออกไป อาเมเลียยังคงหยุดมองกระต่ายฟันเขี้ยวที่หายตัวไปในพุ่มไม้ แต่อยู่ๆ เสียงกิ่งไม้แตกแหลมดังแทรกเข้ามาในความเงียบ ทำให้เธอสะดุ้ง เธอหันกลับไปทันเวลาเห็นเงาของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่กระโจนเข้าใส่กระต่ายฟันเขี้ยว มันคือหมาป่าร่างสูงใหญ่ ขนสีเทาเข้มเป็นประกาย มันกัดกระต่ายตัวนั้นจนแน่นิ่ง ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากับอาเมเลีย สายตาคมกริบที่มองมาเต็มไปด้วยความระแวดระวังและคำรามเบาๆ ข่มขวัญ เธอหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไว้อย่างรวดเร็ว และก็รีบวิ่งตามกลุ่มไป

     

    เมื่อเธอเดินตามเพื่อนๆ ทันอีกครั้ง เธอเปิดดูภาพหมาป่าที่เพิ่งถ่ายไว้พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกและให้ความเห็นว่า หมาป่าตัวนั้นใหญ่เกือบเท่าหมีทีเดียว พวกเขาเดินทางต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนอาเมเลียเริ่มรู้สึกได้ถึงความล้าในขาของเธอ โชคดีที่นักวิทยาศาสตร์ไกด์นำทางกล่าวเสียงดังว่า พวกเขาจะหยุดพักในบริเวณโล่งที่อยู่ข้างหน้า ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อาเมเลียเลือกนั่งใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบแดดที่ยังคงอุ่นอยู่ คนอื่นๆ รวมตัวเป็นกลุ่มขณะที่พูดคุยกันเกี่ยวกับการเดินทาง

     

    เธอหยิบรูปถ่ายขึ้นมาและตรวจดูภาพในสมุดบันทึกเพื่อให้แน่ใจว่าทุกภาพจะไม่หลุดออกมา ความเงียบสงบคลออยู่รอบตัวเธอ ขณะที่สายตาเธอกวาดดูต้นไม้หนาทึบโดยรอบ แต่ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องฉับพลันดังก้องไปทั่ว พาให้คนอื่นๆ ต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ อาเมเลียเงยหน้าขึ้นและตะลึงกับภาพตรงหน้า นกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังโจมตีผู้คน มันโฉบลงมาอย่างดุดัน บ้างก็คว้าตัวคนจากพื้นแล้วปล่อยกลางอากาศ บ้างก็พุ่งข่วนใบหน้าเป็นแนวยาวก่อนโฉบขึ้นไปอีกครั้งเสียงกรีดร้องและความโกลาหลแผ่กระจายรอบตัวเธออย่างรวดเร็ว อาเมเลียตัวแข็งขณะที่มองภาพตรงหน้า ความเงียบสงบที่มีเมื่อครู่นี้พลันหายไป กลายเป็นความสับสนและความหวาดกลัว

     

    จากระยะที่ทุกคนอยู่ไกลออกไป อาเมเลียไม่สามารถบอกได้ว่านกตัวนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ในตอนนี้ ความคิดเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวที่บดบังทุกสิ่ง เธอลุกขึ้นทันทีและวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต หวังว่าจะไกลพอจากนกที่ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า หญิงสาวพยายามทำให้ตัวเองมีสติ ขณะที่เธอคิดว่าใครสักคนจะต้องรอดจากเหตุการณ์นี้ และทุกคนจะต้องหาทางกลับไปที่เรือให้ได้ เพราะตอนนี้เธอแทบจำไม่ได้ว่าจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นได้อย่างไร

     

    อาเมเลียสะดุดล้มลงสองสามครั้ง แต่ก็สามารถจับตัวเองได้ทันก่อนที่จะล้มลงกับพื้น เธอหอบหายใจและมองไปรอบๆ พบว่าเธอเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ดูคุ้นเคย แต่ไม่ใช่ในทางที่ดี เธอคิดถูก เมื่อเธอหยุดเดิน ความรู้สึกตระหนกพุ่งเข้ามาในใจ ขณะที่เธอเผชิญหน้ากับฉากที่น่าสยดสยองตรงหน้า เลือดแดงฉานปกคลุมพื้นหญ้า ผู้คนบางคนเหมือนจะตกลงมาจากที่สูงหรือถูกกรงเล็บอันแหลมคมข่วนจนตาย เธอเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง มองหาเพื่อนร่วมชั้นเรียน หวังว่าจะพบใครสักคนที่ยังมีชีวิตอยู่

     

    “มีใครยังมีชีวิตอยู่ไหม?” เธอกระซิบตะโกนด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ไม่มีใครตอบกลับมา นอกจากเสียงลมหายใจของเธอที่ดังในหู และความเงียบที่แผ่ขยายออกไปจนรู้สึกอึดอัดที่กระทบเข้ากับจิตใจ ที่มุมไกลๆ อาเมเลียเห็นนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งนอนพิงต้นไม้ สภาพของเขาน่าสยดสยอง—ร่างกายถูกทำลายจนมีอวัยวะภายในทะลักออกมาจากกระเพาะที่เปิดอยู่ สายตาของเขาดูเหม่อลอย ราวกับยังติดอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด อาเมเลียรู้สึกสะอิดสะเอียน ทั้งจากภาพที่เห็นและกลิ่นเลือดที่อบอวลรอบตัว ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ในท้อง สติของเธอสั่นคลอน ขณะที่เธอพยายามควบคุมอารมณ์และหาทางหลบหนีจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    ทันใดนั้น อาเมเลียได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในต้นไม้ เสียงกรอบแกรบที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตร และเมื่อเธอมองไปทางนั้น ปีกนกขนาดใหญ่สองข้างก็กางออก เตรียมพร้อมจะบินตรงมาหาเธอ ความกลัวแล่นพล่านไปทั่วร่างในทันที อาเมเลียรู้ว่าถึงเวลาต้องวิ่งแล้ว เธอหันหลังกลับและวิ่งกลับเข้าไปในป่า หวังว่าเธอจะไม่วิ่งวนเป็นวงกลม โดยเธอตัดสินใจมุ่งหน้าไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ หวังว่าต้นไม้หนาแน่นจะปกคลุมเธอจากสายตาของนกยักษ์ที่บินอยู่กลางอากาศ ไม่นานนัก อาเมเลียก็ได้ยินเสียงนกกระพือปีกที่เข้ามาใกล้เธอ เสียงที่ดังก้องและคมชัดทำให้เธอรู้สึกถึงการเข้ามาอย่างไม่เป็นมิตร

     

    อาเมเลียเร่งฝีเท้าอย่างสุดชีวิต พยายามขยับไปทางขวาและซ้ายเพื่อหลบเลี่ยงจากการจับตามองของมัน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เสียงปีกที่กระพืออยู่ใกล้ๆ ก็ยังตามติดเธออย่างไม่ลดละ ทุกย่างก้าวเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธออยู่ในโลกแห่งความกลัว ขณะที่ความดันจากการหนีมันพุ่งสูงขึ้น จนกระทั่งจุดหนึ่ง เมื่ออาเมเลียคิดว่าเธออาจจะหลบหนีจากมันได้แล้ว ความโชคร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อเธอสะดุดรากไม้ที่โผล่พ้นขึ้นมา เธอหันหลังกลับและนั่งลงบนก้นอย่างรวดเร็ว ขาเธอถูกขัดขวางจากรากต้นไม้ที่ยื่นออกมา หัวใจของเธอเต้นระรัว ขณะที่เธอพยายามดึงขาออกจากรากไม้และมองไปข้างหลัง หวังว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะสามารถหลบหนีได้ทันก่อนที่นกยักษ์จะตามมาได้ถึงตัว

     

    อาเมเลียสูดหายใจลึกอย่างหวาดกลัว เธอดิ้นรนให้พ้นจากกรงเล็บที่คมกริบของมนุษย์นกที่กดเธอลงกับพื้น รู้สึกถึงแรงกดมหาศาลจากร่างของเขาที่ทับลงบนหลัง ขณะที่กรงเล็บจิกเข้ามาในเสื้อจนเนื้อผ้าขาดออก เธอหันศีรษะอย่างยากลำบากเพื่อมองดูว่าเจ้ามนุษย์นกนี้มีลักษณะอย่างไร ในระยะแรกเธอไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมด ทว่าความสยองขวัญก็ค่อยๆ เข้ามาเมื่อได้เห็นหัวและครึ่งบนของมนุษย์และครึ่งร่างเป็นนก

    (ทรงหน้าพระเอก)

     

    ชายผู้นี้มีผมสีม่วงที่ปลายแซมด้วยสีฟ้าอ่อน ใบหน้าที่ดูดุร้ายและนิ่งเย็นทำให้อาเมเลียขนลุกไปทั่วทั้งร่าง ขนปีกขนาดใหญ่ของเขาพลิ้วไหวไปมา และปลายปีกเหล่านั้นก็เป็นสีฟ้าอ่อนเหมือนผม ดวงตาสีเหลืองอำพันคมกริบจ้องมาที่เธอด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเป็นนักล่าที่น่ากลัว เมื่อเธอก้มมองไปที่ขา เขามีขาของนกที่มีสีเทาเงินและกรงเล็บสีดำที่น่ากลัว แม้กระทั่งหางของเขายาวและมีปลายเป็นสีฟ้าอ่อนเช่นกัน

     

    อาเมเลียได้แต่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความสับสนที่ผสมผสานกับความกลัวแพร่กระจายไปทั่วใบหน้า ในขณะที่มนุษย์นกกดเธอแน่นขึ้น เธอจำเรื่องราวที่เคยได้ยินเกี่ยวกับนกแปลกๆ ในป่านี้ได้ นกที่มีขนสีสันประหลาดพร้อมกับนิสัยดุร้ายที่พร้อมจะทำร้ายทุกคนที่บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมัน เธอเริ่มตระหนักว่าเขาไม่ใช่เพียงแค่นกเท่านั้น แต่เป็นนักล่าที่มีปัญญาและความต้องการในการปกป้องดินแดน อาเมเลียรู้สึกเบาใจเล็กน้อยที่มนุษย์นกตนนี้ยังมีขนปกคลุมร่างกายไว้ในส่วนที่พอจะป้องกันเอ่อ…ของผู้ชาย

     

    ก่อนที่อาเมเลียจะทันได้ทำอะไร เขาใช้ขาทั้งสองข้างที่มีกรงเล็บยาวน่ากลัวนั้นวางลงขนาบร่างของเธอไว้ จากนั้นเขาก็จับเสื้อของเธอและพลิกร่างเธอให้หงายขึ้น อาเมเลียรู้สึกถึงแรงบีบแน่นที่ขยุ้มเสื้อจนเธอต้องข่มความกลัวในใจและเผชิญหน้ากับเขา สายตาของเธอกวาดมองไปที่ขาของเขาอีกครั้ง พบว่าขาทั้งสองข้างของเขานั้นแปลกประหลาดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขามีหัวเข่าสองส่วน—หัวเข่าหนึ่งเหมือนมนุษย์ปกติ ขณะที่อีกข้างงอไปด้านหลังเหมือนขานกซึ่งดูแปลกประหลาด แม้มันจะดูเหมือนเป็นโครงสร้างที่ผิดธรรมชาติ แต่มันก็ดูเป็นปกติสำหรับเขา ก็เขามีขาเป็นนกนิ และเขายังคงเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ หูที่แหลมคมของเขาขยับเล็กน้อยราวกับจับเสียงบางอย่าง ท่าทางของเขาแฝงความเบื่อหน่ายและสงบเยือกเย็น

     

    ดวงตาของเขาจ้องมาที่เธออย่างเฉยเมย แต่กลับเต็มไปด้วยความคุกคามที่น่าสะพรึงกลัว เขามีดวงตาสองสี—ดวงหนึ่งเป็นสีเหลืองสดที่ฉายความรุนแรง อีกดวงหนึ่งเป็นสีม่วงเข้มซึ่งทำให้ดวงตาของเขาดูลึกลับน่ากลัว รูม่านตาของเขาหดเล็กจนน่าขนลุก ราวกับจ้องจับจ้องเธออย่างไร้ความปรานี แม้ว่าดวงอาทิตย์จะไม่ส่องตรงมาที่เขา อาเมเลียรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกจากสายตานั้น 

     

    เธอกลืนน้ำลายลงคอ พยายามทำใจเตรียมรับชะตากรรมที่อาจไม่ต่างจากคนอื่น ๆ แต่กลับผิดคาด เขาไม่ลงมือฆ่าเธอในทันทีอย่างที่เธอคาดไว้ มืออันทรงพลังของเขากลับย้ายมาวางที่ใบหน้าของเธออย่างช้า ๆ จากนั้นเขาบังคับให้เธอหันหน้าซ้ายขวาเหมือนกำลังตรวจตราอะไรบางอย่าง ราวกับต้องการค้นหาบางอย่างในตัวเธอ ตลอดเวลานั้น อาเมเลียไม่ละสายตาไปจากเขาเลย

     

    เมื่อเขาทำให้เธอหันหน้ามาด้านหน้าอีกครั้ง เขาก็โน้มใบหน้าอันเย็นชาของเขาลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นเป่ารดผิวเธออย่างน่าหวาดหวั่น มือแข็งแรงของเขายึดใบหน้าของเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับ ร่างอันน่ากลัวของเขาเริ่มสูดกลิ่นรอบตัวเธอ ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อที่ถูกจับจ้อง เขาสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง เสียงคำรามต่ำแปลกๆ หลุดออกมาจากลำคอของเขา มันดังกังวาน ทำให้บรรยากาศรอบตัวเธอเงียบงันลงไปในทันที

     

    เขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่แววตาคุกคามกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเขาถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเหลืองและสีม่วงคู่นั้นยังคงจ้องมาที่เธอด้วยความเข้มข้นที่ไม่ลดละ อาเมเลียใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความหวาดกลัวกัดกินเธออย่างเงียบงันในขณะที่ความคิดค่อยๆ ประเดประดังเข้ามา *ถ้าเขาคิดว่าฉันเป็นอาหาร… ฉันคงไม่มีทางรอดแน่* หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นอีก เธอเกือบจะกลั้นหายใจรอขณะที่ร่างของเขากดตัวเธอไว้ ไม่ว่าจะเป็นแววตาคู่นั้นหรือเงาอันเย็นเยือก เขาดูพร้อมจะสังหารเธอได้ในพริบตา

     

    อาเมเลียกลั้นหายใจ ขณะที่ร่างกายแข็งทื่อรอรับความเจ็บปวดที่คิดว่าคงหนีไม่พ้น แต่แล้ว เธอกลับรู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ไม่คาดฝัน ราวกับอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนลากผ่านผิวเนื้อที่ลำคอของเธอ เขากำลังเลียเธอจริง ๆ หรือนี่!? ความตื่นตระหนกเปลี่ยนเป็นความสับสนและไม่แน่ใจ เธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาสัมผัสกับผิวของเธอเป็นระยะ ขณะที่ลิ้นค่อยๆ เลื่อนไปที่ลำคอ และข้างใบหน้า เธอแทบไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ร่างสูงของเขาโน้มลงมากดทับเธออย่างหนักหน่วง แววตาสองสีที่เยือกเย็นจ้องมองลงมาอย่างไม่ละสายตา แต่กลับไร้ซึ่งความตั้งใจจะฆ่าอย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรก

     

    อาเมเลียตื่นตัวในเสี้ยววินาที วางมือแนบลงบนหน้าอกของเขาแล้วออกแรงผลักอย่างแรงสุดกำลัง แต่แทนที่เขาจะถอยไป เขากลับจับร่างของเธออย่างรวดเร็ว พลิกให้เธอคว่ำหน้าลงกับพื้นก่อนจะนั่งลงบนหลังของเธอ ความรู้สึกหนักที่เธอคาดไว้กลับไม่เป็นเช่นนั้น น้ำหนักของเขาเบาเหมือนไก่ งี้สินะที่เขาเรียกว่านกมีลูกโป่งอากาศอยู่ในตัว เขาขยับตัวเล็กน้อย หันหลังให้เธอ ขณะที่นั่งหันหน้าไปอีกทาง ราวกับว่าเขามีแผนการหรือกำลังทำบางอย่างอยู่ เธอพยายามหันคอมองตาม แต่การเคลื่อนไหวทุกอย่างถูกกดทับไว้ เขาจับข้อมือของเธอไว้เบา ๆ แต่มันกลับแข็งแกร่งจนเธอขยับไม่ได้เลย อาเมเลียได้แต่สงสัยในความตั้งใจของเขา

     

    เขาโน้มตัวลง คว้าข้อเท้าของอาเมเลียแล้วดึงเบา ๆ ให้ตัวเธอเลื่อนไปใกล้เขามากขึ้น สายตาเฉียบคมของเขาหยุดอยู่ที่รองเท้าของเธอ เขาเอียงหัวเล็กน้อย ราวกับกำลังสำรวจสิ่งที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นจึงใช้มือแกร่งถอดรองเท้าและถุงเท้าของเธอออกด้วยท่าทีไม่ยากเย็นแม้แต่น้อย เขาจ้องมองเท้าเปล่าของเธอ แล้วใช้ปลายนิ้วจิ้มลงไปตามจุดต่าง ๆ บนฝ่าเท้า อาเมเลียกัดริมฝีปาก พยายามกลั้นเสียงหัวเราะที่แทบหลุดออกมาด้วยความจั๊กจี้ เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะขยับนิ้วเท้าของเธอไปมา แยกนิ้วเท้าออกจากกันอย่างสนใจอาเมเลียดิ้นพยายามขยับเท้าออกจากมือเขา หวังว่าจะทำให้เขาหยุด แต่ท่าทางนั้นทำได้เพียงเล็กน้อย เขาจับขาของเธอไว้อย่างมั่นคง เธอได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงสนใจรายละเอียดแปลก ๆ แบบนี้

     

    เมื่ออาเมเลียเริ่มดิ้นมากขึ้น เขาจับเท้าของเธอแน่นขึ้นแล้วงอในมุมที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนต้องหยุดเคลื่อนไหว ความเจ็บปวดเล็กน้อยทำให้เธอสะดุด หยุดทุกความพยายามที่จะหลุดพ้น ท่าทางพึงพอใจแปลก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา ราวกับว่าเขาควบคุมทุกอย่างได้แล้วและพอใจกับผลที่เห็นตรงหน้า เมื่อพอใจกับท่าทางนั้น เขาจึงปล่อยเท้าของเธอและถอยออกไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยืนอยู่เหนือเธอ ใบหน้าของเขาจ้องมองมาด้วยความเย็นชาและไม่แสดงอารมณ์อย่างแท้จริง สายตานั้นเหมือนคอยจับจ้องทุกรายละเอียดในการเคลื่อนไหวของเธอ ราวกับรอคอยบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาต้องการทำร้ายอีก เธอได้แต่มองเขากลับอย่างลังเล ในความเงียบที่น่าประหลาดใจนั้น ความหวาดหวั่นและความสับสนล้นท่วมจนเธอไม่อาจทำนายได้ว่าเขากำลังคิดอะไร

     

    *ตอนต่อไปอาเมเลียจะต้องเผชิญกับอะไร จะพบกับอันตรายหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน หรือโดนนกยักษ์กัดรึเปล่า โปรดติดตามตอนต่อไป!*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×