ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yandere] ปักษาร้องรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ขึ้นสู่เกาะ

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 67


    เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างห้องนอนของอาเมเลีย กระจายไปทั่วห้องพร้อมกับเสียงนกร้องเบาๆ ที่ลอยมาจากด้านนอก เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกถึงอากาศเย็นสบายของเช้าวันใหม่ แม้ว่าจะไม่ได้ตื่นเต้นนักกับการทัศนศึกษา แต่แสงแดดสดใสก็ทำให้เช้านี้ดูน่ารื่นรมย์ขึ้นเล็กน้อย อาเมเลียค่อยๆ ลุกจากเตียง บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้น เธอจึงหยิบชุดที่เตรียมไว้เมื่อคืนมาสวมใส่ 

     

    ชุดสบายๆ และหมวกใบโปรดที่ช่วยกันแดดทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง จากนั้นเธอก็เช็คของในกระเป๋าอีกครั้ง ทั้งขวดน้ำและครีมกันแดดยังคงอยู่ในที่ที่เตรียมไว้เรียบร้อย หลังจากเตรียมตัวเสร็จ อาเมเลียหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องนอน เธอเดินไปในครัวเพื่อหาอะไรเล็กๆ น้อยๆ รองท้อง จากนั้นก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปพบกับเพื่อนๆ และคุณครูที่จุดนัดพบ แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอก็รู้สึกพร้อมที่จะเผชิญกับวันทัศนศึกษานี้อย่างเต็มที่

     

    อาเมเลียเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเป้สะพายบ่า สายลมยามเช้าพัดมาช่วยเพิ่มความสดชื่นเล็กน้อย ขณะที่เธอเดินไปยังจุดนัดพบกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน เมื่อมาถึง เธอเห็นเพื่อนร่วมชั้นหลายคนรวมกลุ่มกัน บางคนดูตื่นเต้นกับการทัศนศึกษา บ้างก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป บ้างก็คุยเสียงดังเฮฮา บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก อาเมเลียหาที่นั่งเงียบๆ รอครูซาแมนธาเรียกชื่อและตรวจเช็กนักเรียน เธอสูดหายใจลึกๆ เตรียมใจให้พร้อมก่อนที่รถบัสจะออกเดินทางไปยังเกาะ ทุกคนทยอยขึ้นรถบัสกันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะกระจายไปทั่ว แต่เธอเลือกนั่งริมหน้าต่าง หยิบหูฟังขึ้นมาใส่เพื่อปลีกตัวจากความวุ่นวายรอบข้าง

     

    เมื่อรถบัสเริ่มเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน อาเมเลียมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นทิวทัศน์ของเมืองค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าและถนนที่ทอดยาวไปสู่ทะเล ภาพวิวที่เปิดกว้างและสายลมเย็นๆ จากหน้าต่างทำให้เธอเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเล็กน้อย ใจหนึ่งก็แอบตื่นเต้นนิดๆ ที่ได้เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ เธอเริ่มคิดว่าบางทีการทัศนศึกษานี้อาจจะมีสิ่งน่าสนใจที่เธอไม่คาดคิดก็เป็นได้

     

    เมื่อรถบัสมาถึงท่าเรือ ทุกคนก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นเรือยอชท์ขนาดใหญ่ที่จอดเทียบท่าอยู่ตรงหน้า เรือยอชท์มีลักษณะโอ่อ่าด้วยโครงสร้างสีขาวสะอาดตา และลายเส้นสีน้ำเงินเข้มที่พาดผ่านไปตามตัวเรือ สะท้อนแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ดูสง่างามยิ่งขึ้น เสากระโดงสูงชะลูดและผ้าใบที่พับเก็บเรียบร้อยบ่งบอกถึงความพร้อมในการออกเดินทาง อาเมเลียก้าวลงจากรถบัสและเงยหน้าขึ้นมองเรือยอชท์ด้วยความรู้สึกทึ่งปนด้วยความไม่เชื่อ ในใจนึกไม่ถึงว่าทริปนี้จะได้ขึ้นเรือที่สวยงามและหรูหราเช่นนี้ เสียงคลื่นทะเลกระทบกับตัวเรือเบาๆ พร้อมกับเสียงนกนางนวลที่บินผ่านไปมา บรรยากาศท่าเรือมีกลิ่นอายของน้ำทะเลเค็มๆ และลมเย็นที่พัดมาปะทะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงการผจญภัยที่จะเริ่มต้นขึ้น

     

    ครูซาแมนธายืนอยู่ข้างท่าเรือและเรียกให้นักเรียนรวมตัวกัน เธออธิบายกฎระเบียบและความปลอดภัยในการขึ้นเรืออย่างเคร่งครัด ก่อนที่จะอนุญาตให้ทุกคนก้าวขึ้นเรือยอชท์ทีละคน อาเมเลียมองบันไดทางขึ้นด้วยความรู้สึกทั้งลังเลและตื่นเต้นเล็กน้อย แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนดาดฟ้าเรือ เธอพบว่ามุมมองจากเรือทำให้เธอเห็นวิวทะเลที่กว้างใหญ่ไกลสุดสายตา ยิ่งเพิ่มความรู้สึกตื่นเต้นและความรู้สึกสดชื่นที่จะออกเดินทางไปยังเกาะใหม่ 

     

    แสงอาทิตย์ยามเช้าทอประกายอ่อนๆ ลงบนผืนน้ำ ก่อให้เกิดสีส้มและชมพูระเรื่อคลุมทั่วท้องฟ้าและทะเล เมฆบางๆ ลอยละเลียดไปกับสายลม ราวกับผ้าขาวบางที่ถูกคลี่ออกเหนือเส้นขอบฟ้า เรือยอชท์ขนาดกลางแล่นผ่านผืนน้ำที่ใสสว่าง เงาของเรือลอยล่องไปกับการกระเพื่อมเบาๆ ของคลื่นที่ดูเหมือนเสียงดนตรีอันไพเราะในสายลมอ่อน สะท้อนเป็นแสงประกายตัดกับเงาท้องฟ้าสีพาสเทล

     

    อาเมเลียนั่งเอนหลังอย่างผ่อนคลาย สัมผัสลมเย็นที่พัดแผ่วๆ ขับกล่อมด้วยเสียงคลื่นที่กระทบตัวเรือ ทุกครั้งที่เรือโคลงเบาๆ เธอรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ เธอทอดสายตามองทิวทัศน์ท้องทะเลกว้างใหญ่ที่ดูไร้ขอบเขต และเห็นเงาปลาตัวเล็กๆ แหวกว่ายผ่านไปใต้ผืนน้ำใส ความสงบของทะเลในเช้านี้ส่งผ่านความผ่อนคลายและความสุขสงบเข้ามาในใจเธออย่างน่าประหลาด ในบรรยากาศที่เงียบสงบเช่นนี้ เธอเริ่มรู้สึกว่าแม้การทัศนศึกษาจะไม่ใช่กิจกรรมที่เธอโปรดปรานนัก แต่ธรรมชาติอันงดงามที่โอบล้อมก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความเชื่อมโยงและความผ่อนคลาย บางทีมันก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ

     

    อาเมเลียโน้มตัวมองลงไปในทะเลใสระยิบระยับ เห็นเหล่าสัตว์ทะเลมากมายที่ทำให้การเดินทางนี้กลายเป็นเหมือนการผจญภัยเล็กๆ กลุ่มโลมาเล็กๆ ว่ายเรียงกันเป็นแถว คล้ายกำลังเล่นน้ำด้วยความสนุกสนาน พวกมันโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำแล้วดำลงไปอย่างรวดเร็ว แสดงท่าทางเชิญชวนอย่างเป็นมิตร เธอยิ้มบางๆ หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากการได้เห็นพวกมันใกล้ๆ

     

    สักพักหนึ่ง เธอสังเกตเห็นเต่าทะเลขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำครู่หนึ่ง ก่อนจะดำลึกลงไปอีกครั้งอย่างสง่างาม ใกล้ๆ กันนั้นกลุ่มแมงกะพรุนใสหลายตัวลอยขึ้นลงอย่างช้าๆ แสงแดดสะท้อนเป็นประกายเรืองรองผ่านตัวแมงกะพรุน ทำให้ดูราวกับมีแสงนุ่มนวลลึกลับในตัวเอง สวยงามราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เมื่อมองออกไปไกล เธอเห็นฉลามหัวค้อนตัวหนึ่งว่ายอย่างสงบนิ่ง ดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ขณะที่ปลากระเบนตัวหนึ่งว่ายช้าๆ ใต้ผิวน้ำ แผ่นครีบกว้างใหญ่ของมันเคลื่อนไหวอย่างสง่างามเหมือนปีกของนกที่ล่องลอยในน้ำ

     

    ไม่ไกลจากเรือ ฝูงปลาเล็กๆ สีสันสดใสต่างพากันว่ายวนอยู่ใกล้แนวปะการัง พวกมันเคลื่อนไหวไปมาราวกับกำลังแสดงระบำในท้องทะเล สร้างความมีชีวิตชีวาและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังงานให้กับทิวทัศน์ใต้น้ำ อาเมเลียจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างหลงใหล ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบในเช้านี้ จนเธออดคิดไม่ได้ว่าการทัศนศึกษาครั้งนี้อาจกลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่เธอไม่อาจลืม

     

    เมื่อทุกคนก้าวลงจากเรือและมาถึงเกาะ สัมผัสแรกที่ได้รับคือบรรยากาศของธรรมชาติอันดิบเถื่อนที่ยังคงบริสุทธิ์ ภายในเกาะเต็มไปด้วยป่าดงดิบเขียวขจีที่หนาทึบ ต้นไม้สูงใหญ่สลับกับพืชพรรณแน่นหนาครอบคลุมทุกพื้นที่ สายลมพัดผ่านต้นไม้ทำให้เกิดเสียงซู่ซ่ารอบตัว สร้างความรู้สึกเหมือนกับเกาะนี้แทบไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามามาก่อน เสียงนกป่าหลากชนิดร้องประสานกัน บางเสียงแหลม บางเสียงก้องกังวานในระยะไกล คล้ายกำลังต้อนรับผู้มาเยือนแต่ก็แฝงความลึกลับไว้อย่างยากจะคาดเดา

     

    พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าผ่านชายหาดทรายขาวที่เงียบสงัด ไร้ร่องรอยของนักท่องเที่ยว ชายหาดทอดยาวขนาบด้วยต้นไม้หนาแน่นและน้ำทะเลสีฟ้าใสที่กระทบชายฝั่งเป็นระลอกเล็กๆ ให้บรรยากาศสงบแต่ก็ชวนให้อ้างว้างลึกๆ ผืนน้ำสะท้อนเงาท้องฟ้าและป่าไม้รอบข้าง ทำให้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวของเกาะแห่งนี้ ไม่ไกลจากชายหาด เป็นหน้าผาหินสูงชันที่ตั้งตระหง่านยื่นออกไปในทะเล บางจุดของหน้าผามีต้นไม้ปกคลุมตามซอกหินน้อยๆ สร้างมุมมองที่ดูน่าเกรงขามและเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นท้องทะเลและแสงอาทิตย์ตกดินได้อย่างงดงาม ด้านล่างหน้าผามีถ้ำลับซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มโขดหิน ทางเข้าถ้ำต้องปีนป่ายหินขึ้นไป ภายในถ้ำเย็นสบาย มีเสียงน้ำหยดสะท้อนในความมืดเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบของธรรมชาติ

    ลึกเข้าไปในป่า พวกเขาพบทะเลสาบขนาดเล็กที่เกิดจากน้ำฝนสะสม น้ำในทะเลสาบใสจนมองเห็นหินและต้นไม้น้ำเบื้องล่าง เงาสะท้อนของต้นไม้ล้อมรอบและท้องฟ้าสีครามทำให้ทะเลสาบดูสงบและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ที่นี่เป็นแหล่งน้ำจืดที่เงียบสงบ เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ธรรมชาติกลางเกาะ สัตว์ป่าในเกาะนี้ก็แปลกตา นกหลากสีสันบินฉวัดเฉวียนไปมาผ่านยอดไม้ ลิงป่าที่ไวว่องโผล่มาให้เห็นเพียงชั่วครู่ก่อนจะหายลับไปตามพุ่มไม้ และสัตว์เลื้อยคลานที่เคลื่อนตัวเงียบๆ ระหว่างรากไม้ใหญ่ สร้างความรู้สึกตื่นเต้นและความรู้สึกผจญภัยให้กับทุกคน

     

    อาเมเลียยืนยิ้มอย่างตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหลงใหลต่อธรรมชาติรอบตัว ขณะที่เธอและเพื่อนๆ ในชั้นเรียนสำรวจป่าและบันทึกภาพสัตว์พืชมากมายที่พบอยู่รอบเกาะ เธอกดชัตเตอร์กล้องบันทึกภาพดอกไม้และสิ่งมีชีวิตที่แปลกตา รูปถ่ายเหล่านี้อาจเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับการตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีทั้งสีสันและรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์จนเหมือนหลุดมาจากจินตนาการ

     

    อาเมเลียหยุดชะงักเมื่อเจอดอกไม้สีฟ้าอมม่วงแปลกตาต้นหนึ่งที่เรืองแสงอ่อนๆ เมื่ออยู่ในที่มืด กลีบดอกไม้บอบบางและโปร่งแสงสะท้อนแสงจันทร์เป็นสีรุ้งระยิบระยับ ทำให้ดูราวกับดอกไม้มาจากโลกแห่งความฝัน และอีกไม่นานเธอก็พบดอกไม้สีแดงส้มสดใสที่กำลังบานอยู่กลางแสงแดด กลีบดอกยาวและหยักปลายดูเหมือนไฟลุก ขณะที่ดอกไม้ต้องแสงแดด ก็เปล่งประกายวูบวาบเหมือนเปลวไฟ ชวนให้อบอุ่นและน่าหลงใหล

     

    ถัดไปอีกไม่ไกล เธอพบดอกไม้สีขาวและสีเงินแปลกๆ ที่ขึ้นใกล้แหล่งน้ำซึ่งมีหมอกหนาล้อมรอบ กลีบดอกเนียนนุ่มดูอ่อนโยน และเมื่อเข้าใกล้ จะรู้สึกได้ถึงไอน้ำเย็นๆ ลอยรอบตัว ทำให้บรรยากาศดูสงบเย็นราวกับอยู่ท่ามกลางหมอกในเช้าวันฝนตก ต่อจากนั้น อาเมเลียเห็นดอกไม้ที่กลีบใสราวกับคริสตัล มีสีเขียวอมฟ้าของน้ำทะเล กลีบของมันสะท้อนแสงแดดเหมือนแร่คริสตัลระยิบระยับ น่าอัศจรรย์ที่ดอกไม้เช่นนี้เติบโตในที่ที่แสงแดดส่องถึง ทำให้มันดูเหมือนอัญมณีเล็กๆ ที่ถูกซ่อนไว้ในป่า

     

    สุดท้าย เธอพบดอกไม้ที่ทำให้รู้สึกลึกลับที่สุด ดอกไม้สีดำอมม่วงมืดลึกล้ำ มีเกสรสีเงินที่สะท้อนแสงเล็กน้อยเหมือนดวงดาว ดอกไม้ชนิดนี้บานเฉพาะในบริเวณที่เงียบสงัด ทำให้ดอกนี้เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความลึกลับและความเงียบงันในป่าลึกลับแห่งนี้ อาเมเลียบันทึกภาพดอกไม้แต่ละชนิดไว้ด้วยความชื่นชม รู้สึกเหมือนได้ค้นพบสมบัติของธรรมชาติที่รอให้เธอเปิดเผยและแบ่งปันให้ผู้อื่นได้สัมผัส

     

    อาเมเลียหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่ดูแปลกประหลาดเคลื่อนไหวอยู่เหนือศีรษะของเธอ เสียงนั้นดังแว่วอยู่ในอากาศ ทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที ขณะที่เพื่อนๆ ของเธอเดินต่อไปอย่างไม่รู้ตัว เธอเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้ยินเสียงนั้น เพราะทุกคนดูเหมือนจะถูกดึงดูดไปยังความงามของธรรมชาติรอบตัว เธอมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง จนกระทั่งในพริบตาเดียว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็คือขนหางที่ยาวเหยียดของสัตว์ตัวหนึ่ง อาเมเลียเล็งกล้องไปที่มันอย่างตั้งใจ หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อได้ภาพของสิ่งมีชีวิตที่ไม่คุ้นเคยนั้น ขนหางของมันมีสีสันสดใสและประกายระยิบระยับเมื่อแสงแดดตกกระทบ

     

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะได้เก็บภาพได้อย่างชัดเจน สัตว์ตัวนั้นก็ส่งเสียงแปลกๆ และปีนขึ้นไปตามกิ่งไม้สูงจนหายไปจากสายตาของเธอ อาเมเลียรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมให้ความรู้สึกนั้นอยู่กับเธอนาน เธอรีบเปิดกล้องเพื่อตรวจสอบรูปภาพที่เพิ่งถ่ายได้ เมื่อเห็นภาพที่ได้ เธอยิ้มออกมา เพราะมันให้รายละเอียดที่น่าทึ่งและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา รูปของมันชัดเจนในระดับหนึ่ง 

     

    แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข ขณะนี้เธอหยิบภาพขึ้นมาและใส่ลงในสมุดบันทึกของเธออย่างระมัดระวัง เธอหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มเขียนบางอย่างลงไป อาเมเลียจดบันทึกลักษณะเฉพาะของสัตว์ที่เธอเห็น และพยายามพรรณนาถึงเสียงแปลกๆ ที่มันส่งออกมา พร้อมทั้งบรรยายถึงความรู้สึกที่เธอได้รับในช่วงเวลานั้น ทั้งหมดนี้เป็นการบันทึกการค้นพบที่เธอหวังว่าจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่พวกเขากำลังสำรวจอยู่

     

    ไม่เหมือนกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม อาเมเลียมีกล้องที่พิเศษไม่เหมือนใคร กล้องของเธอทำงานในลักษณะที่ว่าเมื่อเธอถ่ายภาพเสร็จแล้ว รูปจะถูกพิมพ์ออกมาในทันที เป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเสมอเมื่อได้เห็นผลลัพธ์ในมือ หลังจากที่ได้ถ่ายภาพของสัตว์ตัวนั้นแล้ว เธอไม่รอช้า รีบหยิบรูปขึ้นมาและใส่ลงในสมุดบันทึกของเธอ ด้วยความระมัดระวัง เธอจึงเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเห็น ทั้งลักษณะเฉพาะของมันและเสียงที่มันส่งออกมาอย่างน่าสนใจ

     

    กล้องตัวนี้เป็นของขวัญจากพ่อแม่ของเธอเมื่อเธอยังเด็ก มันเป็นสัญลักษณ์ของความรักและการสนับสนุนที่พวกเขามอบให้ ความหลงใหลในการถ่ายภาพพืชและสัตว์จึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่นั้น อาเมเลียมีความฝันที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักสำรวจที่ได้เป็นคนแรกในการบันทึกภาพสัตว์ใหม่ๆ ที่ค้นพบในธรรมชาติ เมื่อมองย้อนกลับไป อาเมเลียเห็นกลุ่มเพื่อนของเธออยู่ไกลออกไป แต่เธอไม่รีบร้อนที่จะเดินตามไป 

     

    เธอเลือกที่จะเดินอย่างเฉื่อยๆ ช้าๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศรอบตัว และทุกๆ ก้าวที่เธอเดิน เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนต้นไม้เหนือศีรษะของเธอ บางทีอาจจะเป็นนกที่สนใจหรือสงสัยในตัวเธอ บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยเสียงธรรมชาติที่ทำให้ใจของเธอสงบลง แม้ว่าเธอจะอยู่ในป่า แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของมัน อาเมเลียหยุดชั่วคราว มองไปที่ต้นไม้ใหญ่และฟังเสียงที่พัดผ่าน ทำให้เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างในธรรมชาติที่กำลังตามเธออยู่ ทำให้ความตื่นเต้นในใจเธอเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เธอจึงเริ่มเดินต่อไปในทิศทางของกลุ่ม เพื่อตามหาสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่รอการค้นพบในที่นี้

     

    *อาเมเลียจะเจออะไรอีก และเสียงปริศนาที่อยู่เหนือหัวคือเสียงอะไร? โปรดติดตามตอนต่อไป!*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×