ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet Father คุณพ่อมือใหม่ หวานใจนายกอดอุ่น[Yaoi][End]

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 11 เมื่อผมดูดาว

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 59


               “พี่ดินจะทำอะไรครับเช้านี้” ตะวันถามขึ้น ตอนที่เราพร้อมจะทำอาหารเช้าให้ชาวค่าย

                “คงเบาๆอ่ะ ข้าวต้มกุ้ย กับเครื่องเคียง แล้วจะทำน้ำต้มหมู เผื่อใครจะกินข้าวต้มทรงเครื่องด้วย” ผมบอกเมนูให้ลูกมือทราบ

                “งั้น ให้แยมทำไรมั่งดิน” แยมเพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นลูกมือถามขึ้น

                “งั้นแยมหั่นต้นหอมผักชี แล้วก็ผักกาดดองนะ ส่วนแมว ช่วยเราเตรียมเครื่องปรุงแล้วก็จานชามช้อนละกัน” ใช่ครับ เราอยู่กันสี่คน นี่คือทีมทำอาหารของผม ตลอดทริปนี้ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นหัวหน้า มันก็ต้องครูคหกรรมคนนี้นี่แหละ

                “ได้จ๊ะ/ได้จ้า” ทั้งสองรับคำ

                “ตะวัน ช่วยพี่เทน้ำใส่หม้อหน่อย” งานยกของต้องใช้ผู้ชายครับ

                “พี่ดินไม่ต้องครับ ผมยกเองไหวครับ” ตะวันโชว์แมน

                การทำอาหารดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ผสมกับบทสนทนาที่สนุกสนาน

                “ดิน แฟนเหรอ” แยมสะกิดผมเบาๆ ในขณะที่ตะวันนั่งเฝ้าหม้อข้าวต้ม เพราะต้องหมั่นคน

                “บ้า รุ่นน้องที่รู้จักกันน่ะ เป็นครูที่โรงเรียนของลูกเราน่ะ”

                “หา ดินมีลูกแล้วเหรอ” แมวตกใจเสียงดัง จนตะวันหันมามอง

                “อือ พึ่งมีน่ะ แต่ก็หกขวบละ”

                “อ๋อ นึกว่า แต่งงานแล้วไม่ชวน” บทสนทนาพาห่างไกลออกจากเรื่องของตะวันทันที

                “มีไรกินบ้าง” เป๊ะที่อยู่ๆโผล่มา ถามขึ้น

                “ข้าวต้มน่ะเช้านี้”

                “จะอร่อยมั้ยนี่ ข้าวต้มง่ายๆ”

                “กินมากี่ปี่ละล่ะ ก็เห็นเบิ้ลตลอด” ผมแซวบ้าง

                “ง่ายแต่อร่อย จะอร่อยเหมือนคนทำมั้ยนะ ถ้าอร่อยจะได้เบิ้ลด้วยไง” พูดจบทั้งวงก็หัวเราะครืน เป๊ะโต้กลับได้แสบจริงๆ

                หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายไปทำภารกิจ ตามที่มอบหมายไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ผมก็พอจะมีเวลาได้พัก ก่อนที่จะลงมือทำมื้อกลางวันต่อ

                “พี่ดิน น้ำครับ” ตะวันเอาน้ำมาให้ กำลังคอแห้งพอดี

                “ขอบใจมากตะวัน”

                “อะแฮ่ม” เรานั่งคุยกันซักพัก ก็มีเสียงแทรกมา “นั่งกันสองคน หลอกกันมาแล้วสินะ อยากลองเสี่ยงบ้างจัง เผื่อจะโดนหลอก” ยังไม่ลืมเรื่องสลากผีกันนะครับ

                “พี่เป๊ะ เป็นผีเหรอครับ”

                “ไม่บอกนะ เพราะเดี๋ยวคนแถวนี้ จะไม่กล้าไปไหนมาไหนกับพี่” อีกแล้ว เป๊ะยิงผมตลอด ช่วงหลังๆมานี่ เป๊ะยิงผมถี่มาก ยิ่งมีตะวันอยู่ในวงสนทนาด้วย มันทำให้ผมคิดนะว่า เป๊ะหึง

                “หึหึ ก็ลองดู ใครจะโดนบูชายัญ” ผมไม่ยอมแพ้

                “งั้นไปละ กลัวโดนจับ แม้ตัวไปแต่ใจอยู่นะ” ยังไม่วายยิงมุกมาอีก

                วันนี้ทั้งวันเป๊ะแวะเวียนมากลางวงสนทนาตลอด จนทำให้ยัยปิ่นต้องวิ่งโร่มาหาผม

                “แก มานี่ไปห้องน้ำกัน”

                “รอบนี้ทำมาชวนไปห้องน้ำนะ ไม่กลัวผีแล้วเหรอ”

                “เออ ช่างมันก่อน แกว่าเป๊ะแปลกมะ” ผมเริ่มคิดตามคำถาม

                “ก็เปล่านี่” ผมโกหกออกไป

                “หึงชัวแก คือตะวันเนี่ย เป็นตัวกระตุ้นไง” ยัยปิ่นนี่มีสัมผัสพิเศษหรือไง แถมยังเป็นญาติกับยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่มอีก

                ผมเก็บเอาเรื่องนี้มาคิด ซึ่งผมก็สังเกตเห็นว่า เป๊ะ ก็พึ่งมาปล่อยมุกใส่ผมบ่อยขึ้น ช่วงที่มีตะวันนี่แหละ หรือจะหึงจริงๆ หรือมันจะถึงเวลาที่ผมควรบอกความรู้สึกออกไปซะที

                หลังอาหารเย็น พวกเราฉลองห้องสมุดใหม่ ที่พวกเราได้ร่วมแรงร่วมใจกัน มันคืออนุสรณ์ของพวกเรา โรงเรียนล้นรัก รุ่นที่94 ผมก็ดริ๊งไปขวดนึงเหมือนกัน เพื่อบรรยากาศ

                งานเลี้ยงเลิกตอนประมาณสี่ทุ่ม พวกเราแยกย้ายกันเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เราก็จะออกเดินทางกลับกรุงเทพ แต่เหตุผลหลัก ผมว่าแต่ละคนแก่แล้ว สังขารไม่ไหวแน่ๆ

                “ดินมานั่งทำอะไรคนเดียว” เป๊ะถามขึ้น และลงนั่งข้างๆผม

                “ดูดาวน่ะ ท้องฟ้าที่นี่สวยมาก”

                “นึกถึงตอนไปภูชี้ฟ้าเนาะ ตอนนั้นเราก็นั่งดูดาวอย่างนี้” ผมนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ผมกับเป๊ะผ่านอะไรมามากมาย แต่เราก็ไม่ได้เป็นมากกว่าเพื่อนกัน มันทำให้น้ำตาผมไหล อาจจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มาผสมสินะ

                “เป๊ะ คิดยังไงกับเรา” นี่ผมกล้าถามออกไปได้ไง นี่ต้องเป็นเวทมนต์ของยัยปิ่นแน่นอน

                “แล้วดินล่ะ” เป๊ะเงียบไปซักพัก และถามขึ้น ผมพูดไม่ออกไต้แต่นิ่งเงียบไป

                “เพราะดินเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราไง เราไม่อยากให้ดินเสียใจ” เป๊ะตอบแบบอ้อมๆ

                “แล้ววันนี้เป๊ะ ตามเราทำไม” ผมอยากได้ความชัดเจน

                “ขอโทษนะดิน ทุกความรู้สึกที่ดินมีให้ เรารู้มาตลอด เราจึงตอบแทนดินด้วยการดูแลดิน เราอยากให้ดินมีความสุข เราจะไม่มีใครจนกว่าจะมีคนที่จะมาดูแลดินแทนเรา” นี่เป็นเหตุผลที่เป๊ะ ไม่มีแฟนมาตลอดสิบปีเหรอ

                “เป๊ะตอบไม่ตรงคำถาม” น้ำตาที่ซึม ไหลหนักกว่าเดิม

                “อือ เราคงเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้น่ะ แต่ดินจะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเรานะ”

                น้ำตาผมไหลหนักขึ้นไปอีก ผมว่า มันไม่ใช่ความเสียใจ แต่มันคือความโล่งมากกว่า ผมกับเป๊ะที่ได้เปิดใจให้กัน ถึงเราจะเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้ แต่สถานะเพื่อนสนิทที่มีให้มันก็พิเศษมากแล้ว

                “เฮ้ย เป๊ะ แกทำไรดิน” ยัยปิ่นพุ่งเข้ามาแทรกอย่างไว เอาผ้าเช็ดหน้า ฟาดหน้าผมอย่างแรง นี่นางเช็ดน้ำตาให้ผมเหรอ นึกว่าโดนช้างเอางวงฟาด

                “แกนะ ฉันหวังว่าแกจะมีใจให้ดินบ้าง แฟนก็ไม่มี แต่นี่อะไร แกทำดินเสียใจเหรอ ตอนวันเกิดดินแกก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ตอนไปปิกนิกก็นั่งหวานกันดีนี่ วันนี้แกก็ตามไปแทรกกลางระหว่างดินกับตะวัน แล้วแกมาทำให้ดินร้องไห้ทำไม ไม่ชอบแล้วมากั๊กทำไมวะ” ปิ่นรัวเป็นชุด ยัยนี่พุ่งมาแรง และยังจะทะลวงต่ออีก

                “ปิ่น ฉันเคลียร์แล้วนะโว้ย” ผมบอกปิ่นก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่

                “แต่ฉันไม่เคลียร์ เป๊ะแกบอกมา ทำไมแกถึงไม่มีแฟน”

                “ก็เรารู้สึกผิดต่อดินน่ะ ทั้งๆที่ดินทำดีต่อเรามาตลอด จะให้เราหนีไปมีแฟน มีความสุขก่อนดินได้ยังไง” นี่เป๊ะคิดถึงขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆที่ถ้าเป๊ะมีแฟนผมอาจจะตัดใจง่ายกว่าก็ได้ แต่ความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ มันคือความหวังดีของเป๊ะจริงๆ

                “ก็แล้วทำไมแกไม่ปล่อยให้ดินมีแฟนไปดีๆ” ปิ่นยังคาดคั้นต่อ

                “ก็กำลังเชียร์อยู่นี่ไง น้องมันก็ออกจะน่ารัก เห็นตามติดตลอด นิสัยก็ดีนะ แล้วก็ที่วันนี้ไปหาดินบ่อยๆ ก็จะไปทำให้น้องมันหึงเนี่ยแหละ”อ้าวเกมพลิก สรุปวันนี้ยัยปิ่น คิดผิด เพราะเป๊ะไม่ได้หึง แต่เป็นแผนทำให้ตะวันหึงสินะ

                “เหรอ เออฟังมีเหตุผล” ตอนนี้อารมณ์ของยัยปิ่นเบาลงแล้ว ส่วนผมก็รู้สึกดีมากๆ ผมได้สัมผัสความอบอุ่นของผู้ชายที่ผมรัก มันเป็นความอบอุ่นอย่างมาก “ดินแกมีไรจะพูดมะ”

                “เออ ขอบคุณนะเป๊ะ เรารู้สึกดีมากเลยอ่ะ ตอนนี้เราก็คงจะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดต่อกันสินะ” ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ สิ่งที่ค้างคาใจมาหลายปีได้หลุดออกไป

                “เป๊ะแล้วแกล่ะ” ปิ่นหันไปถามเป๊ะ

                “ไหนๆก็เปิดใจกันขนาดนี้ละ เรายังเหลืออีกอย่าง อีกเหตุผลที่เราไม่มีใคร เพราะ........” ข้อความหายไปในลำคอแสนนาน “เราชอบเธอ ปิ่น” เกมพลิกอีกแล้วครับ ผมนี่อึ้งไปเลย แต่ที่อึ้งกว่าคงจะเป็นยัยปิ่น ที่อ้าปากค้างจนจะยัดแมวเข้าไปได้

                ผมเดินแยกตัวออกมาทิ้งให้เป๊ะดูแล ยัยปิ่นที่ยังเหวอไม่หาย ดาวในคืนนี้ช่างส่องประกาย ไม่มีเมฆมาบดบัง เหมือนความรู้สึกของผมตอนนี้ ที่มันกระจ่างชัดซะที ต่อแต่นี้ชีวิตผมคงจะมีความสุข ท่านกลางเด็กๆ และเพื่อนสนิทของผมทั้งเป๊ะและปิ่น แต่เอ๊ะแล้วตะวันล่ะ จะอยู่ในสถานะไหน แหม่ ดาวจะสว่าง ดันมีเมฆน้อยๆมาบังซะ 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×