คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 เมื่อผมอ่านหนังสือ
“โรคจิตจริงๆ”
ผมบ่นกับตัวเอง เมื่อพึ่งถอยซีรี่ย์ The Hunger
Games ทั้งสามเล่มมา
ถามว่า
ผมเอาเวลาที่ไหนมาอ่าน บอกเลยครับ ตั้งแต่เจ้าตัวเล็กมาอยู่ด้วย ผมแทบไม่มีเวลาเลย
ที่จริงช่วงที่เจ้าตัวเล็กเล่นของเล่น หรือนั่งดูโทรทัศน์ ผมก็พอจะทำอย่างอื่นได้
แต่ผมไม่ทำ เพราะผมติดเจ้าตัวเล็กทั้งสองมากครับ ผมมักจะไปเล่นด้วย
หรือดูโทรทัศน์ไปด้วย
ส่วนเจ้าหนังสือตัวปัญหา
ผมไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ เพราะตอนนี้รายชื่อหนังสือที่ผมดองเอาไว้ คงจะเกินหน้า
กระดาษ F4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมมักจะเกิดอาการอยากได้
กับหนังสือจำพวกซีรี่ย์ ทั้งนิยายไทย หรือนิยายต่างประเทศ
ทั้งแนวโรแมนติค ดราม่า ไซไฟ สืบสวนสอบสวน หรือวรรณกรรมเยาวชน ผมอ่านได้หมด
ยิ่งเป็นซีรีย์ยาว หลายๆเล่ม หรือตัวละครเกี่ยวเนื่องกันนะ โอ้ย
กระเป๋าตังนี่สั่นริกๆเลยครับ
วันนี้วันเสาร์
พวกเราพากันมาเดินห้างครับ เจ้าตัวเล็กเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่
เมื่อผมพาเดินมาถึงโซนเครื่องเล่น
“บ้านบอลมั้ยลูก”
“ครับ/ค๊า”
เสียงสดใจเจือความรู้สึกตื่นเต้น
ผมพาเด็กๆเดินไปซื้อตั๋ว
แล้วพาเดินไปส่งถึงประตู แล้วก็เดินมานั่งพักบริเวณที่จัดให้ผู้ปกครอง
ผมหยิบหนังสือออกมาอ่าน พลางชำเลืองดูเจ้าตัวเล็ก เป็นระยะ
ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นระหว่างเราทั้งสามคน
เป็นห่วงผูกมัดเราไว้สินะ ผมรู้สึกว่า เวลาส่วนตัวของผม มันหายไป ตลอดเวลาเกือบ
สามสิบปี ผมคุ้นชินกับการที่อยู่คนเดียว กับเวลา เกือบสองเดือนที่ผ่านมานั้น
ทำให้ผมลืมไปเลย ว่าผมอยู่เองคนเดียวยังไง
ในขณะที่ผมครุ่นคิดเกี่ยวกับเวลาที่หายไป ก็หมดเวลาของเครื่องเล่นแล้ว
ผมคงต้องหยุดความคิดเอาไว้ก่อน
“สวัสดีครับพี่” ตะวันทักทาย เมื่อผมมาส่งลูกๆที่โรงเรยนตามปกติ
“สวัสดีครับ
ตะวัน” เสียงทักทายสดใส ของครูตะวัน ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นรับวันใหม่จริงๆ คนอะไร เหมาะจะเป็นดารา มากกว่าครูอนุบาลซะอีก
สังเกตจากพวกป้าๆผู้ปกครองคนอื่น กรี๊ดกร๊าดยังกับเจอดาราเกาหลี
“เดี๋ยววันนี้
จะเริ่มมีการบ้านละนะครับ” หลังจากให้เด็กปรับตัวประมาณหนึ่งเดือน
ที่นี่ก็เริ่มทำการสั่งการบ้านละครับ ซึ่งการบ้านก็จริงจังมากๆ ประชดนะครับ
แค่ลากเส้นตามตัวอักษรทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แค่นั้นแหละครับ
“อ๋อครับ
สบายๆ” ผมสิ่งยิ้มสวยให้ครูตะวัน แล้วก็ไม่ลืมโบกมือ ให้เจ้าตัวน้อยทั้งสอง
เมื่อมาถึงโรงเรียนของผม
ก็ทำงานตามปกติ จนถึงช่วงพัก ผมก็กลับมาครุ่นคิดกับการจัดการเวลาของผมต่อ
ผมแค่อยากมีเวลาทำอะไรซักหนึ่งชั่วโมงต่อวัน โดยที่ไม่ต้องกังวลกับเจ้าตัวเล็ก
ผมจะได้พอมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือที่ผมชอบได้บ้าง
“เฮ้อ”
“เป็นอะไรแก”
ปิ่น เพื่อนสนิทของผมถามขึ้น
ปิ่นนั้นเรียนด้วยกันกับผมตั้งแต่
มัธยม ยันมหาลัย แถมพอจบมายังทำงานด้วยกันอีก เรียกได้ว่า ต้องยกตำแหน่ง
คนสนิทให้แล้วล่ะครับ
“ลองใช้วิธีนี้สิ
พี่ชายชั้นสอนลูกแบบนี้อ่ะแก” หลังจากรับฟัง และคิดตาม ผมก็คิดว่า
มันอาจจะเป็นวิธีการ ยิงปืนที่ได้นกสองตัวเลยก็ได้
ไม่รอช้า
หลังจาก รับเจ้าตัวน้อยทั้งสองขึ้นรถเสร็จ
ผมก็รีบบึ่งไปที่ Se-ed (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ)
มุมหนังสือเด็ก
เป็นมุมเป้าหมายของผมในวันนี้ หนังสือจะเป็นแนวความรู้ผสมตัวการ์ตูน
ซึ่งผมก็คิดว่าเจ้าตัวน้อยซึ่งกำลังหัดเขียน คงอ่านไม่รู้เรื่อง
คงเหมาะกับเด็กที่โตกว่านี้หน่อย ดังนั้น ผมต้องตามหาหนังสือ ที่เป็นหนังสือภาพ
และอาจมีลูกเล่นโดยการแปะสติ๊กเกอร์ได้
“เจ้าหญิงสวยมั้ย”
ผมถามพลอยสวย ในขณะที่เจ้าตัวจ้องหนังสือตาแป๋ว
“เพชรละลูก
สิงโตเท่มั้ย” ผมยังไม่ลืมว่าเจ้าสองคนนี้ มีความชอบที่ต่างกัน
ผมง่วนอยู่กับการเลือกซื้อ
จนได้หนังสือ 5 – 6 เล่ม เหมาะไปเลย ขี้เกียจมาบ่อย เดี๋ยวเจอซีรี่ย์อีก
กระเป๋าตังจะสั่น ฮ่าฮ่า ผมสินะที่ต้องห้ามใจตัวเอง
หลังจากถึงบ้าน
กินข้าว อาบน้ำเสร็จ ก็เกือบทุ่มพอดี ปกติ ก็จะเป็นเวลาที่เราจะเปิดโทรทัศน์
และดูรายการต่างๆไปเรื่อย แต่วันนี้ มันจะต่างไป
“เพชรพลอย
ครับ วันนี้ครูตะวัน สั่งการบ้านรึป่าว”
“สั่งคร้าบ/ค่า”
“ป่ะ
งั้นเตรียมตัวทำการบ้าน” ผมยังไม่ลืมคำแนะนำของยัยปิ่น
“ต่อไปนี้
เวลาหนึ่งทุ่ม ทุกวัน จะเป็นเวลาทำการบ้าน และอ่านหนังสือนะครับ”
ผมยังไม่ได้บอกว่าเราจะเลิกกันตอนไหน เพราะถ้าบอกเวลา จะทำให้เด็กๆกังวล
ว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลา
เด็กๆเริ่มทำการบ้าน ได้ประมาณ 10 นาที ก็เริ่มเสร็จ การบ้านง่ายดีจริงๆ
คงเพราะแค่ต้องการให้เด็กๆมีความรับผิดชอบนอกเวลาสินะ
ถึงเวลาที่ผมต้องงัดไม้เด็ดมาละสินะ
“หนังสือของใครเอ่ย”
เด็กๆยิ้มแป้น วิ่งกรูมารับหนังสือ
“นั่งโต๊ะเลยนะลูก
อยู่เงียบๆล่ะ” ผมจัดโต๊ะให้เด็กๆนั่งแยกกันพอประมาณในห้องนั่งเล่น ในขณะที่เด็กๆสนใจกับหนังสือภาพอยู่นั้น
ผมก็แอบเอาหนังสือขึ้นมาอ่านบ้าง แต่อ่านไม่รู้เรื่องหรอกนะครับ
ความกังวลของผมยังไม่หายไป ผมยังแอบชำเลืองเด็กๆเป็นระยะ
“สองทุ่มละนะครับ
ถึงเวลาเข้านอนแล้ว เดี๋ยวตื่นสาย ครูตะวันดุนะ” ดูเหมือนเด็กๆจะไม่อยากวางหนังสือ
แต่พอใช้ชื่อครูตะวันมาอ้าง ก็พอจะทำให้เด็กๆ วางมืออย่างว่าง่าย
วันแรกดูเหมือนจะประสพผลสำเร็จไปด้วยดี
แต่ถ้าหลายๆวันเข้า เด็กๆต้องเกิดอาการเบื่อแน่ๆเลย
ผมยังเฝ้ารอพฤติกรรมของเด็กต่อเนื่องไปอีกหลายวัน
ซึ่งเวลาที่เด็กๆ เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ เริ่มเร็วขึ้นทุกวัน แต่ก็พบว่า
เมื่อถึงเวลาเกือบหนึ่งทุ่มเด็กๆ จะค้นสมุดการบ้านขึ้นมาด้วยตัวเอง
โดยไม่ต้องให้ผมสั่ง
วันต่อมา
ผมแอบออกไปร้านหนังสือในช่วงพัก เพื่อตามหาหนังสือรูปแบบใหม่ หลังจากเลือกอยู่นาน
ก็พบหนังสือที่ต้องการ เป็นหนังสือ ป๊อปอัพ ที่สามารถนำตัวละครไปวางในแต่ละหน้าได้
ดูเหมือนจะได้ผลดี
เด็กๆสนุกอยู่กับหนังสือ จนถึง สองทุ่มอีกครั้ง และวันเวลาดูเหมือนจะผ่านไปเกือบ
20 วัน ไม่รวมวันเสาร์ ซึ่งผมให้เด็กๆพัก สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
ส่วนวันนี้เป็นวันศุกร์
หลังจากเลิกงาน เราขับรถมาจากบ้านผมประมาณ สองชั่วโมง เผื่อมาเที่ยวหาคุณปู่คุณย่า ผมมาถึงที่บ้านท่านก็ประมาณ หกโมงนิดๆ
พ่อแม่ออกมาต้อนรับผมและหลานๆของท่าน ท่านค่อนข้างเอ็นดูเจ้าตัวเล็กทั้งสอง
แม้ว่าจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขก็เถอะ ลึกๆท่านคงทำใจมานานแล้วว่าจะไม่มีหลาน
แต่ก็ดันมามี เลยเห่อซะ
หลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จ
เด็กชายเพชรจ้า ก็เดินมากระตุกเสื้อผม
“พ่อครับๆ
เพชรลืมเอาหนังสือมา” ผมงงนิดหน่อย แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
ว่านี่เป็นเวลาที่เด็กๆจะต้องอ่านหนังสือนี่น่า ผมเหลียวไปมอง พลอยสวย
เธอกอดหนังสือเล่มโปรดไว้กับตัว
ผมรู้สึก
ดีใจ โล่งใจ น้ำตาซึมอีกแล้ว ความพยายาม สามอาทิตย์ นั้นเห็นผลชัดเจน
ผมทำให้ลูกๆของผม รู้จักการใช้เวลา รู้จักหน้าที่ รู้จักการอ่าน
และที่สำคัญผมจะมีเวลาอ่านหนังสืออย่างสบายใจบ้างแล้วสินะ
“งั้นวันนี้
พิเศษ พ่อจะเล่านิทาน ของพลอยสวยให้ลูกๆฟังดีมั้ย” พลอยสวยยิ้มแป้น
เธอคลายกอดจากหนังสือ ยื่นให้ผม แต่เจ้าเพชรจ้า ดูจะไม่จ้าเอาซะเลย เพราะ
หนังสือเล่มนั้น คือ ซินเดอเรลล่า
“ไม่ต้องห่วงนะ
เพราะซินเดอเรลล่านี้เป็นเวอร์ชั่น พิเศษ เรามาดูกันว่า ซินเดอเรลล่า
เมื่อแต่งงานแล้ว จะต้องพบกับอะไรบ้าง” บัดนั้น เจ้าเพชรจ้าของเรา
ก็เปล่งประกายยิ้มหวานขึ้นมาบ้าง
ความคิดเห็น