ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงพ่ายเสน่หา (รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อแรกพบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 574
      9
      31 ม.ค. 63

    กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟคั่วบดจากร้านกาแฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านชั้นเดียวรูปทรงเรียบง่ายของผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรไร่ภูเพลิง ไร่กาแฟมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดเชียงใหม่อย่าง อัคนี อัศวินเทวา เจ้าพ่อมาเฟียวัยสี่สิบปีบริบูรณ์หมาดๆ ที่รักในความสมถะและเรียบง่ายตรงข้ามกับทรัพย์สมบัติที่ตนมีราวฟ้ากับเหวถึงขนาดใช้วิธีการเปิดหน้าต่างรับลมหนาวแทนการเปิดเครื่องปรับอากาศนอนในทุกค่ำคืน และเขาก็ชอบที่กลิ่นหอมจากร้านกาแฟสดหน้าไร่ลอยเข้ามาปลุกเขาให้ตื่นขึ้นในยามเช้าเคล้าเสียงนกร้องริมหน้าต่างในทุกๆ วัน...เมื่อปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมกรุ่นแสนคุ้นเคยเปลือกตาของคนบนเตียงจึงลืมขึ้นตามด้วยร่างกำยำที่ผุดลุกขึ้นนั่งพลางสะบัดชายผ้าห่มผืนหนาที่ปกคลุมร่างออกพ้นลำตัวก่อนจะเหยียดยืนเต็มความสูงแล้วบิดขี้เกียจยืดเส้นสายสองสามครั้งข้างเตียงนอนของตนเหมือนเช่นเคย

    ถึงแม้จะเข้าสู่วัยกลางคนมาหมาดๆ แต่ร่างกายและบุคลิกภาพของเขายังคงเหมือนชายหนุ่มวัยฉกรรณ์ เนื่องจากบทบาทการเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทำให้เขาต้องออกกำลังกายและดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดบางอย่างซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนหลายครั้งหลายคราวที่ผ่านมา

    "นายครับ วันนี้มีประชุมกับหัวหน้าชุมชนตอนสิบโมงเช้าเรื่องการตั้งเวรยามป้องกันพวกกลุ่มมอดไม้ แล้วก็ตอนบ่ายสองก็มีเซ็นเอกสารการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเด็กกำพร้าที่นายอุปการะเพราะพ่อแม่เสียชีวิตจากการถูกพวกมอดไม้ลอบยิงที่ท้ายไร่ของเรา เอกสารจะมาถึงไร่เราประมาณเที่ยงวันนี้ครับ"

    "อืม...แล้วสภาพจิตใจของเด็กคนนั้นเป็นไงบ้าง เธอหายหวาดกลัวจนผวาทุกครั้งที่มีคนสัมผัสตัวเธอหรือยัง"

    "ดีขึ้นมากแล้วครับ คุณหมอที่นายจ้างมาดูแลแจ้งว่าเธอน่าจะกลับมาเป็นปกติและสามารถกลับไปเรียนในเทอมที่สองได้ทันเวลาเปิดเทอมครับ"

    "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี...พรุ่งนี้นายช่วยพาเธอมาพบฉันหน่อยนะ ภูริ’ "

    "ครับนาย" บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทโค้งคำนับก่อนก้าวออกจากห้องของผู้เป็นเจ้านายอย่างเคารพด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

    เมื่อทราบกำหนดการต่างๆ ของวันตามตารางนัดหมายที่ลูกน้องคนสนิทแจ้งเมื่อครู่ อัคนีก็คว้าผ้าขนหนูเดินตรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนที่จะออกไปทำภารกิจต่างๆ ให้ตรงตามเวลานัดหมาย

    ร่องรอยแผลเป็นปรากฏทั่วเรือนร่างแกร่งเมื่อเขายืนเปลือยเปล่าอยู่หน้ากระจกบานใหญ่หลังจากอาบน้ำเสร็จ สายตาคมกริบจ้องมองร่องรอยต่างๆ ด้วยสีหน้าเคียดแค้นชิงชัง กำปั้นหนักทุบลงบนผนังคอนกรีตข้างลำตัวก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

    "ฉันไม่มีวันปล่อยให้คนชั่วๆ อย่างพวกแกลอยนวลเป็นอันขาด!ไม่ว่าพวกแกจะเป็นใครฉันขอสาบานว่าจะลากคอพวกแกมาลงโทษในสิ่งที่พวกแกทำกับพ่อแม่ของฉันและทุกคนให้ได้!" เสียงห้าวคำรามลั่นอย่างรู้สึกโกรธ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วทุกอณูเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนวนเวียนเข้ามาในความทรงจำจนทำให้เขารู้สึกเจ็บหน่วงหัวใจแกร่งทุกครั้งที่นึกถึง

     

    ชาวบ้านกว่าสิบคนลุกขึ้นต้อนรับผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนที่เพิ่งจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ด้านหน้าสุดของห้องประชุมนั้นจะมีสมญานามว่า เจ้าพ่อมาเฟียแห่งไร่ภูเพลิงแต่คนในไร่และพื้นที่โดยรอบที่ได้สัมผัสตัวตนของเขาไม่คิดเช่นนั้นเพราะอัคนีเป็นที่รักของคนงานและชาวบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขานั้นคือผู้ริเริ่มก่อตั้งกลุ่มคนช่วยดูแลผืนป่าให้ปลอดภัยจากกลุ่มค้าไม้ทำลายป่าซึ่งมีปัญหามานานนับสิบปีและเขาก็เป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งแตกต่างจากบุคลิกน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

    "สวัสดีครับคุณอัคนี"

    "สวัสดีทุกคน เชิญนั่งกันตามสบาย"

    สิ้นประโยค ทุกคนต่างพากันนั่งลงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยข้างโต๊ะประชุมตัวยาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย

    "ใครมีอะไรจะรายงานฉันเกี่ยวกับพวกมอดไม้ที่แอบลักลอบเข้ามาตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่การดูแลของฉันไหม"

    "มีครับ...คือว่าเมื่อวันก่อนฉันกับไอ้ชินเข้าไปหาสมุนไพรที่ต้นสายน้ำตกกันแต่ดันไปเจอคนท่าทางแปลกๆ กำลังถ่ายรูปต้นไม้ต้นใหญ่กันอยู่สองคน พวกเราเลยเข้าไปถามว่าพวกมันมาทำอะไร มันบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวน้ำตกแล้วเดินหลงขึ้นไปเฉยๆ พอเราสองคนกำลังจะอ้าปากถามต่อพวกมันก็รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว...แต่ท่าทางของพวกมันไม่น่าจะใช่นักท่องเที่ยวธรรมดาๆ นะครับคุณอัคนี น่าจะเป็นสายของพวกมอดไม้มากกว่า"

    "แล้วพวกมันขึ้นไปถึงข้างบนได้ยังไง ทั้งๆ ที่เราจัดคนคอยตรวจตราคนที่เดินขึ้นไปตามแนวป่าต้นน้ำของน้ำตกทุกทางแถมเรายังเพิ่มจำนวนคนและกระจายกำลังอยู่ตามพื้นที่อื่นๆ ด้วยเต็มไปหมด...มันคงไม่ได้ปีนหน้าผาของน้ำตกขึ้นไปหรอกนะเพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะขึ้นไปถึงป่าต้นน้ำได้"

    "นั่นสิครับ...หรือว่าจะมีคนในเป็นหนอน เพราะที่ผ่านมาถึงเราจะป้องกันและควบคุมคนที่พยายามรุกล้ำขึ้นไปบนป่าต้นน้ำจากบริเวณน้ำตกยากที่สุดเพราะเป็นที่เดียวที่ไม่ได้อยู่ในความดูแลของคุณอัคนีแต่ทางเราก็มีสายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานที่คอยส่งข่าวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่มักจะแอบเดินลัดเลาะขึ้นไปแต่ถูกเชิญกลับลงด้านล่างไปทุกที...แต่ครั้งนี้กลับไม่มีใครเห็นตอนที่มันขึ้นไปกลับเห็นตอนมันอยู่ที่ป่าต้นน้ำเรียบร้อยแล้วแถมยังหนีหายไปทางไหนก็ไม่มีใครรู้อีก" ผู้นำชุมชนกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ

    "ใครมันกล้าลองดีกับฉัน! ถ้าฉันจับได้! รับรองได้ว่ามันไม่ตายดีแน่!" อัคนีคำรามลั่นพลางฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะประชุมดังลั่นจนทุกคนต่างพากันสะดุ้งเฮือก

    "ผมขอฝากเรื่องสืบหาหนอนบ่อนไส้ให้ผู้ใหญ่ทองช่วยจัดการด้วยและขอให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องอย่าให้คลาดสายตา เพราะป่าต้นน้ำและต้นไม้ทุกต้นในความดูแลของเราเป็นดั่งชีวิตของคนในชุมชน ทุกคนคงไม่อยากให้มันร่อยหรอลงไปจนเหลือแต่ซากไม้ไร้ชีวิตเหมือนกับรูปบนกระดานพวกนั้น!"

    "ครับคุณอัคนี" ผู้นำชุมชนรับคำก่อนจะหันไปสนทนากับชาวบ้านในเรื่องการปรับเปลี่ยนเวรยามและการสืบหาผู้ต้องสงสัยในการเป็นหนอนบ่อนไส้ต่อ

    สายตาคมกริบจ้องมองภาพถ่ายของตอไม้จำนวนมากที่ถูกแปะเรียงรายไว้บนกระดานดำหน้าห้องประชุมพลางกำหมัดแน่น ความทรงจำที่เขาเคยปฏิญาณตนต่อหน้าหลุมฝังศพของผู้เป็นพ่อและแม่ของเขาที่ท้ายไร่อย่างหนักแน่นว่าจะจับตัวคนบงการมารับผิดและขอขมาหน้าหลุมฝังศพของท่านทั้งสองให้ได้แล่นเข้ามาให้หัว

     

    แสงแดดเจิดจ้ายามบ่ายทำให้เด็กสาวที่กำลังขมักเขม่นอยู่กับการรูดเก็บเมล็ดกาแฟสีแดงสดลงบนมุ้งไนลอนเซถลาเพราะรู้สึกหน้ามืดเมื่อเผลอเงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ดวงโตอันร้อนระอุ ร่างบางปะทะเข้ากับแผงอกกว้างของชายหนุ่มชุดดำที่บังเอิญเดินเข้ามาประชิดด้านหลังของเธอพอดีจนเธอสะดุ้งเฮือก

    "ว้าย! …ออกไปนะ ออกไป ฉันกลัวแล้ว" เสียงหวานแผดลั่นพลางยกกำปั้นเล็กขึ้นทุบแผงอกของชายหนุ่มแบบไม่ยั้งมือ

    ท่าทางลนลานก้มหน้างุดของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ผู้ถูกกระทำต้องรวบข้อมือเรียวทั้งสองข้างก่อนจะกระชากคนสติเตลิดเข้าประชิดตัว

    "หยุดก่อนธารทิพย์! นี่ฉันเอง...ภูริไง! เธอช่วยตั้งสติก่อนได้ไหม"

    "คุณภูริ...ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ" เด็กสาวเห็นดังนั้นจึงรีบดึงข้อมือตนออกจากพันธนาการของชายหนุ่มก่อนจะก้าวถอยหลังไปตั้งสติแล้วยกมือไหว้แสดงความเคารพ

    "คุณภูริมีอะไรหรือเปล่าคะ"

    "มีสิ พรุ่งเช้าเธอเข้าไปหาคุณอัคนีที่บ้านด้วยนะ คุณอัคนีอยากจะเห็นหน้าค่าตาเธอในฐานะผู้อุปการะที่ส่งเสียให้เธอเรียนต่อจนจบระดับชั้นม.ปลาย...และอาจจะส่งเสียให้เธอเรียนจนจบปริญญาตรีเลยหละ"

    "คะ? คุณอัคนีที่เป็นเจ้าของไร่จะอุปการะหนูหรอคะ" ธารทิพย์กระโดดโลดเต้นดีใจขณะถามเขากลับ

    "ครับ ไปสักเก้าโมงเช้านะเพราะตอนสายๆ คุณอัคนีต้องออกไปเซ็นสัญญาการค้าในตัวเมืองอ้อ ถ้าไปถึงแล้วก็เข้าไปนั่งรอที่ห้องทำงานของคุณอัคนีได้เลย ปกติแล้วคุณอัคนีเป็นคนตรงต่อเวลาน่ะเผลอๆ ตอนที่เธอไปถึงเค้าอาจจะนั่งรอเธออยู่ก่อนแล้วก็ได้"

    "ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณภูริหนูดีใจที่สุดเลย"

    ใบหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มปรากฏรอยยิ้มเมื่อเผลอจ้องมองใบหน้าสวยหวานตรงหน้าที่กำลังฉีกยิ้มสดใสอย่างลืมตัว

    ธารทิพย์ เด็กสาวอายุเพียงสิบเจ็ดปีที่มีใบหน้ารูปกลมไข่ ดวงตากลมโตสีดำขลับ สันจมูกโด่งปลายรั้นเชิ่ดที่รับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดโดยไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ ลงไปแม้แต่น้อยแลดูสวยเพลินตาน่ามองเสียจนทำให้ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีอย่างภูริถึงกับตกหลุมรักเธอเมื่อแรกเจอที่กระท่อมท้ายไร่ในตอนที่เขาเข้าไปช่วยเธอจากกองเพลิงเมื่อราวหนึ่งเดือนที่แล้ว

    "คุณภูริคะ คุณภูริ!"

    “...ครับ! คนถูกเรียกได้สติเมื่อสิ้นเสียงเรียกกึ่งตะโกนเรียกของเด็กสาว

    มีอะไรหรือเปล่าคะ

    "เอ่อ ไม่มีๆ ...ถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ หมดธุระของฉันแล้ว"

    "ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"

    ร่างสูงหันหลังเดินจากมาแล้วลอบยิ้มอย่างมีความสุขพลางก้มมองฝ่ามือของตนก่อนจะยกมันขึ้นมาสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับแป้งเด็กด้วยท่าทางสุภาพเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาได้สัมผัสตัวเด็กสาวอย่างใกล้ชิด

     

    "นี่คือเอกสารและประวัติของนางสาวธารทิพย์ครับนาย"

    มือหนาดึงแฟ้มเอกสารตรงหน้าเข้ามาถือกระชับมือและไล่เปิดอ่านแบบผ่านสายตาก่อนจะหยุดชะงักในหน้าสุดท้ายซึ่งมีรูปถ่ายของเด็กสาวที่เขารับอุปการะด้วยความสงสาร...รูปถ่ายใบเล็กตรงมุมขวาด้านบนของแผ่นกระดาษที่ทำให้เขาถึงกับเผลอจ้องมองมันนานเสียจนคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องเรียกสติ

    "...นายครับ"

    สายตาคมกริบละจากแฟ้มในมือก่อนจะเปิดไปยังหน้าแรกอีกครั้งเพื่อลงลายมือชื่อในเอกสารของทางโรงเรียนแล้วส่งมันกลับไปให้บอดี้การ์ดหนุ่มคนสนิท

    "แล้วกระท่อมหลังใหม่ที่สร้างให้เธอแทนหลังเก่าที่ถูกไฟไหม้ไปเมื่อหลายวันก่อนเสร็จเรียบร้อยดีหรือยัง"

    "ใกล้เสร็จแล้วครับเหลือแค่มุงหลังคา ตอนนี้ธารทิพย์อาศัยอยู่กับครอบครัวคนงานหลังข้างๆ เพื่อรอกระท่อมหลังใหม่เสร็จสมบูรณ์ครับ"

    "อืม...ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ฉันว่าจะขึ้นไปดูป่าต้นน้ำด้านบนสักหน่อย เห็นชาวบ้านบอกว่ามีคนท่าทางน่าสงสัยเข้ามาแอบถ่ายรูปต้นไม้ใหญ่...ฉันไม่สบายใจ"

    "ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วยนะครับ เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากล"

    "ดี"

    หลังจากนั้นเขาทั้งสองก็เดินทางไปยังจุดที่พบผู้ต้องสงสัยตามคำบอกเล่าของชาวบ้านเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างยังคงปกติดีอยู่หรือไม่ เพราะถ้าหากพบร่องรอยอะไรนอกเหนือจากคำบอกเล่าแล้วคงจะสืบสาวราวเรื่องต่อไปถึงตัวผู้ต้องสงสัยได้ไม่ยากจากเส้นสายที่อัคนีมีอยู่ทั่วทั้งจังหวัดและแน่นอนว่าคนอย่างอัคนีไม่มีทางที่จะขึ้นไปถึงต้นสายน้ำตกให้เสียเที่ยวเป็นอันขาดเพราะเขาทั้งสองยังเดินเท้าสำรวจบริเวณโดยรอบไปไกลอีกหลายกิโลเมตรเพื่อความแน่ใจว่าการตั้งเวรยามของชาวบ้านไม่ได้หละหลวมจนคนนอกสามารถลอบเข้ามาภายในอาณาเขตของเขาได้จนเวลาได้ล่วงเลยข้ามวันมาราวหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ทั้งสองจะกลับลงมาแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนด้วยความเหนื่อยอ่อน

     

    แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่างอ้ากว้างตกกระทบลงบนเปลือกตาของคนเครื่องหน้าหล่อเหลาบนเตียงนุ่มริมหน้าต่างพร้อมกับกลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดที่ลอยมาปะทะปลายจมูกปลุกเขาให้ตื่นเหมือนเช่นเคยแต่วันนี้มีบางอย่างต่างไปจากเดิม...คนตื่นเช้าอย่างอัคนีต้องถลึงตัวลุกพรวดขึ้นนั่งลืมความงัวเงียไปสิ้นเมื่อสายตาคมกริบสบเข้ากับนาฬิกาเรือนโตบนฝาผนังปูนเปลือยซึ่งบ่งบอกเวลาเก้านาฬิกา

    "นี่เราตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"

    ไม่รอช้า อัคนีรีบลงจากเตียงไปคว้าผ้าขนหนูเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายทันทีเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่ามีนัดสำคัญในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า

    เด็กสาวท่าทางเก้ๆ กังๆ ยืนอยู่หน้าประตูบ้านแสนเงียบสงัดมาสักพักตัดสินใจถือวิสาสะย่างเท้าเข้าไปภายในหลังจากลองเปล่งเสียงเรียกคนด้านในแต่ไร้วี่แววของคนออกมาต้อนรับจึงนึกถึงคำพูดของคนส่งสานส์เมื่อวาน อ้อ ถ้าไปถึงแล้วก็เข้าไปนั่งรอที่ห้องทำงานของคุณอัคนีได้เลย ปกติแล้วคุณอัคนีเป็นคนตรงต่อเวลาน่ะเผลอๆ ตอนที่เธอไปถึงเค้าอาจจะนั่งรอเธออยู่ก่อนแล้วก็ได้

    "ขอโทษนะคะมีใครอยู่ไหมคะ...หนูมาหาคุณอัคนีค่ะ" ไร้ซึ่งเสียงตอบรับอีกเช่นเคย เด็กสาวจึงเดินตรงไปยังห้องกระจกใสที่อยู่ไม่ไกลนักซึ่งคาดว่าจะเป็นห้องทำงานของผู้เป็นเจ้าของบ้านเพราะบนโต๊ะตรงกลางห้องมีกองเอกสารและแฟ้มต่างๆ มากมายวางอยู่เต็มไปหมด

    ธารทิพย์หย่อนกายนั่งลงบนโซฟาตัวยาวพลางสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมแล้วสายตาของเธอก็สะดุดเข้ากับกรอบรูปกรอบหนึ่งบนชั้นวางด้านหลังโต๊ะทำงาน เธอเหยียดยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเข้าไปพินิจรูปถ่ายในกรอบใกล้ๆ

    "นี่คงจะเป็นคุณอัคนีกับคุณพ่อคุณแม่สินะ" แต่ยังไม่ทันที่มือเรียวจะยื่นไปสัมผัสกรอบรูปครอบครัวของผู้เป็นเจ้าของบ้านตรงหน้าก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจมาจากห้องด้านข้างเสียก่อน

    "มีใครอยู่ข้างนอกไหม วิชัย ภูริ...อยู่หรือเปล่าช่วยเข้ามาหาฉันหน่อย"

    "เสียงใครนะ" เด็กสาวแอบย่องไปแนบหูฟังที่ประตูบานใหญ่ด้วยความสงสัย

    "เข้ามาช่วยฉันหน่อย โอ้ย!" เสียงอุทานของคนด้านในทำให้ธารทิพย์ต้องรีบเปิดประตูเข้าไปอย่างรู้สึกเป็นห่วงปนตื่นตระหนก

    "มาแล้วหรอ ฉันเรียกตั้งนานมัวทำอะไรอยู่ รีบเข้ามาช่วยฉันเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำหน่อยสิ ฝุ่นเข้าตาฉันเต็มไปหมดสงสัยต้องไปตามคนงานมาทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ซะแล้วหละ ฉันคงต้องยอมให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในบ้านสักหนึ่งวันสินะ" อัคนีพูดแกมตะโกนกับผู้มาใหม่ที่เขาคิดว่าเป็นบอดี้การ์ดหนุ่มคนสนิทในขณะที่ตัวเองกำลังหมุนถอดหลอดไฟดวงกลมอยู่บนเก้าอี้เหนือพื้นห้องน้ำ

    "นิ่ ช่วยหยิบหลอดไฟที่ชั้นวางของหน้าห้องน้ำให้ฉันหน่อยฉันลืมหยิบมา"

    ธารทิพย์เดินเข้าไปหาอัคนีอย่างเงียบๆ แล้วยื่นสิ่งที่เขาต้องการใส่มือก่อนจะรีบหันหลังกลับเมื่อพบว่าร่างกำยำบนเก้าอี้อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยเพราะท่อนล่างของเขาถูกพันธนาการด้วยผ้าขนหนูสีขาวสะอาดตาแบบหลวมๆ จวนเจียนจะหลุดลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อกับท่อนบนที่ไร้อาภรณ์ใดๆ ปกคลุมเผยให้เห็นเนื้อหนังมังสาที่กระชับดีดูเกินกว่าคนวัยสี่สิบปี

    "เดี๋ยวสิภูริ นายมาจับเก้าอี้ให้ฉันก่อน" อัคนีพูดทั้งๆ ที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับหลอดไฟเบื้องบน

    ร่างบางชะงักฝีเท้าก่อนจะหันหลังกลับไปอีกครั้งอย่างลังเลแต่ก็เลือกที่จะช่วยคนบนเก้าอี้ที่ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยมือเรียวเอื้อมไปจับเข้าที่พนักพิงของเก้าอี้อย่างสั่นเทาพลางหลับตาลงสนิท

    "จับดีๆ สิภูรินายกำลังทำให้เก้าอี้ฉันสั่น...เฮ้ย! ผ้าหลุด!"

    เสียงตะโกนทำให้ดวงตากลมโตที่ปิดสนิทเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ ธารทิพย์แผดเสียงร้องลั่นเมื่อสบเข้ากับท่อนล่างอันเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง

    "กรี๊ด!!!"

    "เฮ้ย! เธอเป็นใคร!"

    ธารทิพย์ถอยหลังกรูไปติดข้างฝาผนังปล่อยให้อัคนียืนโงนเงนอยู่บนเก้าอี้ที่โยกไปมาก่อนจะหล่นลงกระแทกพื้นกระเบื้องจนถูกหลอดไฟทีเขาถืออยู่แตกบาดเข้าที่ฝ่ามือจนเลือดอาบ

    "โอ้ย"

    เด็กสาวหมดสติล้มลงไปกองกับพื้นหลังจากที่อัคนีเปล่งเสียงร้องออกมา

    "เธอ! เธอ!...บ้าเอ้ย" เขาสบถเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วคว้าผ้าขนหนูมาพันรอบเอวอย่างแน่นหนาและเดินไปชำระล้างบาดแผลที่อ่างล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กใกล้มือมาพันรอบฝ่ามือเพื่อห้ามเลือดแบบลวกๆ

    "เธอเธอ!" มือหนาเอื้อมไปเขย่าร่างบางเบาๆ แล้วตัดสินใจช้อนร่างหมดสติออกไปวางยังเตียงนอนของตน ร่างกำยำหย่อนตัวลงนั่งข้างเตียงพลางถือหลอดยาดมส่ายไปมาใกล้จมูกรั้นเชิดของเด็กสาว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×