ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงพ่ายเสน่หา (รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #2 : ความไร้เดียงสา

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 63


    ดวงตากลมโตปรือขึ้นช้าๆ หลังจากหมดสติไปสักพัก นัยน์ตาสั่นไหวสบเข้ากับร่างกำยำที่ท่อนบนเปลือยเปล่าจนคนหวาดหวั่นถลึงตัวขึ้นนั่งก่อนจะถอยกรูไปชิดติดหัวเตียงด้วยท่าทางหวาดกลัว

    "ใจเย็นๆ ...ฉันชื่ออัคนีเป็นเจ้าของไร่ภูเพลิงแล้วเธอหละเป็นใคร ใช่ธารทิพย์ที่ฉันนัดมาพบในวันนี้หรือเปล่า"

    "ออกไปนะ!"

    น้ำเสียงสั่นเครือแกมตะคอกกับร่างกายที่สั่นหงึกๆ ราวกับลูกนกตกน้ำของเด็กสาวตรงหน้าทำให้อัคนีถึงกับชะงักท่าทีและก้มมองสภาพตนเอง...นี่เขากำลังอยู่ในสภาพที่ไม่น่าไว้ใจสำหรับเธอแม้แต่น้อย คนที่เพิ่งจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาอย่างธารทิพย์คงจะหวาดกลัวและคิดลบกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าซึ่งชวนเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก

    "ใจเย็นๆ นะ ฉันไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายเธอ...เมื่อกี้เธอเข้าไปช่วยฉันเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำแล้วเธอก็...เอ่อ เป็นลม ฉันเลยอุ้มเธอมาที่เตียงนอนแล้วก็หายาดมให้เธอดมจนเธอฟื้น...ถ้าฉันคิดจะทำมิดีมิร้ายกับเธอคงทำตั้งแต่เธอยังนอนเป็นผักไม่ได้สติแบบเมื่อกี้ไปแล้ว"

    ธารทิพย์ที่กำลังสติแตกฉุกคิดตามคำอธิบายของคนน้ำเสียงสุภาพและนึกทบทวนลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมาจนสงบลง...ใบหน้าสวยหวานฉายแววเขินอายหลุบตาต่ำมองผ้าปูที่นอนก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อรู้ว่าตนกำลังเข้าใจผิดเสียใหญ่โต

    "หนูว่า...คุณอัคนีไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่ะ"

    "นั่นสิ เด็กสาวอย่างเธอคงจะไม่เคยเห็นเพศตรงข้ามในสภาพนี้สินะ ฉันต้องขอโทษด้วย" ร่างกำยำเหยียดยืนก่อนจะเดินตรงไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่ปกปิดร่างกายท่อนบน

    "หันมาได้แล้วฉันไม่โป๊แล้ว"

    ใบหน้าแดงก่ำของเด็กสาวหันมามองเพียงครู่ก็รีบหันกลับไปอีกครั้ง

    "กางเกงละคะ"

    "มันไม่เห็นอะไรแล้ว แล้วอีกอย่างมือฉันก็เจ็บแถมยังไม่ได้ทำแผลใส่เสื้อได้ก็บุญโขแล้ว"

    "นั่นสิคะ...มันเป็นความผิดของหนูเองเดี๋ยวหนูทำแผลให้นะคะ"

    "แค่เห็นเลือดยังเป็นลมนับประสาอะไรกับเห็นแผล ฉันคงต้องพาเธอไปส่งโรงพยาบาลแทนการไปพบลูกค้าคนสำคัญกันพอดี"

    "หนูไม่ได้เป็นลมเพราะเห็นเลือดของคุณอัคนีสักหน่อย" เมื่อธารทิพย์รู้ว่าตนเองเผลอหลุดปากพูดเรื่องน่าอายออกไปจึงรีบยกมือขึ้นมาทาบริมฝีปากของตัวเองทันที

    "...ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นลมเพราะ"

    "อย่าพูดออกมานะคะ" เด็กสาวปรามเขาทันควันพลางผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปหยิบกล่องยาที่วางอยู่บนชั้นวางของหน้าห้องน้ำมากระชับมือ

    "ตอนที่หนูหยิบหลอดไฟหนูเห็นว่ามันวางอยู่ที่ชั้นนั้นพอดี...มาค่ะ ให้หนูทำแผลให้ดีกว่า"

    "เอางั้นรึ"

    "ค่ะ...เพราะที่คุณอัคนีตกลงมาโดนหลอดไฟบาดส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหนู"

    คนบาดเจ็บได้ยินดังนั้นก็เดินนำเด็กสาวที่ยืนถือกล่องยาด้วยท่าทางใสซื่อไปยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนที่เธอจะเดินตามมานั่งลงกับพื้นกระเบื้องด้านหน้าของเขาให้รู้สึกแปลกใจ

    "ทำไมเธอถึงไม่ขึ้นมานั่งข้างบน"

    "หนูเป็นเด็ก คุณอัคนีเป็นผู้ใหญ่จะนั่งเสมอกันได้ไงล่ะคะ...ยื่นมือมาค่ะ" มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือของคนนั่งนิ่งแล้วออกแรงดึงมาวางตรงหน้าตนเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าจะทำตามคำพูดของเธอแถมยังเอาแต่จ้องหน้าเธอแบบไม่วางตาเด็กสาวจัดการคลายผืนผ้าเปือนเลือดที่พันรอบฝ่ามือของเขาออกเผยให้เห็นบาดแผลกลางฝ่ามือกับเลือดสดสีแดงฉานที่ซึมออกมาเพียงเล็กน้อย

    "ถึงจะทำแผลแล้วแต่คุณอัคนีก็ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยากันบาดทะยักด้วยนะคะ" เด็กสาวพูดพลางเทน้ำเกลือราดรดแผลสดแล้วตามด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดจนมั่นใจว่าแผลของเขาสะอาดขึ้นในระดับหนึ่งก่อนจะพันฝ่ามือของเขาด้วยผ้าพันแผล

    "นายครับ พอดีในไร่มีปัญหา..." ผู้มาใหม่ถึงกัชะงักคำเมื่อเห็นธารทิพย์กำลังนั่งพันผ้าตาข่ายสีขาวที่ฝ่ามือของผู้เป็นเจ้านายอย่างใกล้ชิด

    "นายเป็นอะไรครับ แล้วทำไมธารทิพย์ถึงเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้"

    "พอดีเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย ธารทิพย์เลยมาช่วยทำแผลให้ฉันน่ะ...ว่าแต่นายมีอะไรหรอภูริเมื่อกี้เหมือนยังพูดไม่จบ"

    "…ผมแค่จะบอกว่าที่ผมมาสายเพราะมัวไปจัดการเรื่องคนงานทะเลาะกันในไร่มาแต่ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วครับ...แค่นั้นแหละครับ"

    "อืม"

    "เสร็จแล้วค่ะคุณอัคนี"

    เด็กสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มรอยยิ้มแสนสดใสไร้เดียงสาที่ทำให้หัวใจแกร่งของชายวัยกลางคนสั่นไหว หัวใจที่ไม่เคยมีอาการหวั่นไหวกับใครมานานหลายปี

    "นายครับ วันนี้มีนัดเซ็นสัญญาซื้อขายกับลูกค้ารายใหญ่จากกรุงเทพนะครับ ผมเกรงว่าถ้าหากเราไปสายในวันเซ็นสัญญา...ทางนั้นจะมองว่าเราไม่ให้เกียรติเขานะครับ" ภูริที่สังเกตเห็นอัคนีเผลอลอบยิ้มมุกปากขณะจ้องมองใบหน้าสวยหวานของธารทิพย์เอ่ยขึ้นเรียกสติคนเคลิบเคลิ้ม

    "อื้ม เรืองนั้นฉันรู้"

    "ธารทิพย์ ฉันว่าวันนี้เธอกลับไปก่อนดีกว่าเพราะว่าคุณอัคนีจะต้องออกไปทำธุระข้างนอกต่อ"

    "ไม่ต้อง...ธารทิพย์ เธอออกไปนั่งรอฉันข้างนอกก่อน เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปทำธุระด้วยจะได้คุยกันถึงเรื่องที่ฉันเรียกเธอมาในวันนี้ไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา"

    "ค่ะ" เด็กสาวรับคำก่อนจะก้มหัวเชิงขอตัวออกไปนั่งรอชายทั้งสองที่โซฟาที่ห้องทำงานด้านนอก

    "ปกติ...ถ้าไม่จำเป็นนายไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาในห้องนอนนี่ครับแล้วก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นรถไปไหนมาไหนด้วย ทำไมธารทิพย์ที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวถึงทำให้นายผู้ขึ้นชื่อว่าเป๊ะไปซะทุกอย่างยอมฉีกกฎของตัวเองล่ะครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยถามขณะที่ผู้เป็นเจ้านายกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่

    "แล้วทำไมภูริผู้ที่ไม่เคยมีนิสัยขี้สงสัยถึงได้ซักไซ้ไล่เลียงฉันราวกับเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จี้ถามเมื่อทำความผิดบางอย่าง" อัคนีย้อนถามเสียงเรียบ มือหนาดันเนคไทขึ้นกระชับลำคอก่อนจะหันไปมองหน้าคนสนิทอย่างรอคำตอบ

    "ผมก็แค่สงสัยเฉยๆ ครับ เพราะนายไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้าใกล้นายขนาดนี้ แถมนายก็ไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ ด้วย"

    "ไม่รู้สิ...ถูกชะหละตามั้ง" เขาตอบก่อนจะเดินนำหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มออกไปหาคนที่ถูกกล่าวถึงในห้องกระจกใส

    "ไปกันได้แล้วธารทิพย์"

    "ค่ะ"

    ร่างบางเดินกึ่งวิ่งตามแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าต้อยๆ เพราะช่วงขาที่ยาวกว่าของคนเดินนำทำให้เธอแทบจะสาวเท้าตามเขาไม่ทันจนต้องเร่งฝีเท้าถี่โดยไม่ทันระวัง...ศีรษะเล็กปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตที่หยุดก้าวขายืนรอรถแวนให้จอดเทียบท่าสนิทอยู่ตรงบานประตู

    "อุ้ย ขอโทษค่ะ"

    ใบหน้าขรึมแสดงสีหน้าเชิงตำหนิใส่เด็กสาวเบื้องหลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะก้าวขึ้นรถแวนสีดำคันหรูและพยักหน้าเชื้อเชิญเธอให้ขึ้นตามไปนั่งยังเบาะข้างๆ โดยมีภูริขึ้นนั่งประจำตำแหน่งข้างคนขับ

    "ฉันตั้งใจจะส่งเธอให้เรียนจนจบปริญญาตรี หลังจากจบมอปลายแล้วเธออยากเข้าเรียนที่ไหนก็บอกฉันได้ไม่ต้องเกรงใจ"

    "หนูต้องขอบคุณคุณอัคนีมากเลยนะคะที่เมตตาอุปการะหนู แต่หนูคิดว่าแค่ส่งหนูให้เรียบจบม.ปลายก็เกินพอแล้วค่ะเพราะยังไงหนูก็ต้องมาทำงานในไร่กาแฟของไร่ภูเพลิงอยู่ดี เรียนปริญญาตรีไปก็เท่านั้น เสียเวลาแถมเสียเงินเปล่าๆ ด้วยค่ะ" มือเรียวยกขึ้นไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณที่เบาะด้านข้างอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ

    "ใครบอกว่าฉันจะให้เธอทำงานในไร่ต่อเมื่อเรียนจบคนเรามันต้องพัฒนา มันต้องก้าวไปข้างหน้า ยิ่งเธอเรียนสูงเธอก็จะหางานที่ดีทำได้ไม่ยากและแน่นอนว่าเธอจะมีอนาคตที่ดีตามมาไม่ใช่มาทำงานเก็บเมล็ดกาแฟในไร่ฉันไปจนแก่ตาย"

    "แต่หนูเกรงใจคุณอัคนีจริงๆ นี่คะ ไหนจะค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายจิปาฐะในตอนเรียนอีกแค่นี้หนูก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้คืนคุณอัคนีให้หมดแล้วค่ะ"

    "นายไม่คิดจะเอาเงินคืนหรอกนะธารทิพย์" ภูริกล่าว

    "คะ!?" เสียงหวานอุทานอย่างตกใจพลางเบือนหน้ากลับไปมองผู้อุปการะอย่างต้องการคำตอบ

    "ใช่ ฉันไม่คิดจะให้เธอมาชดใช้เงินที่ฉันส่งเสียให้เธอร่ำเรียนจนจบหรอกนะ พ่อแม่เธอก็ทำงานกับฉันมานานและทั้งสองคนก็ตั้งใจทำงานให้ฉันจนวาระสุดท้ายของชีวิตเป็นอย่างดี เรื่องเงินที่ส่งเสียให้เธอเรียนแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากสำหรับฉัน"

    หัวใจดวงน้อยของธารทิพย์ราวกับถูกบีบให้เจ็บปวดเมื่อได้ยินอัคนีกล่าวถึงผู้เป็นพ่อและแม่ตน น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าค่อยๆ ไหลรินอาบสองข้างแก้มขาวละเอียดจนเจ้าพ่อมาเฟียผู้เคร่งขรึมถึงกับตกใจหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทยื่นให้เธอด้วยท่าทางร้อนรนทันที

    "เธอเป็นอะไร"

    "หนูคิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ ฮือๆ "

    เด็กสาวเริ่มสะอื้นไห้ตัวโยนจนคนข้างกายสติกระเจิง

    "เธออย่าร้องไห้สิ หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ!"

    "ฮือๆๆๆ คุณอัคนีดุหนูทำไมคะ"

    "ปะ ปะ เปล่า ฉันไม่ได้ดุเธอ แค่บอกให้เธอหยุดร้องไห้...ยะ หยุดร้องนะธารทิพย์"

    ท่าทางร้อนรนของชายวัยกลางคนทำให้ธารทิพย์ที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่หลุดขำออกมาอย่างลืมตัว

    "นี่เธอหัวเราะอะไร"

    "ก็คุณอัคนีทำท่าทางตลกนี่คะ หนูได้ยินแต่คนงานในไร่พากันพูดว่าคุณอัคนีเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่โหดและดุดันน่าเกรงขาม แต่สิ่งที่หนูเห็นตรงหน้ามันต่างจากที่ได้ยินมาอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ ออกจะเป็นคนเด๋อๆ ตลกๆ ซะมากกว่า" มือเรียวคว้าผ้าเช็ดหน้าในมือคนหน้าเหว๋อมาซับน้ำตาพลางหัวเราะร่วน

    "เฮ้อ เด็กหนอเด็ก"

    "นายครับถึงแล้วครับ"

    "อืม...เดี๋ยวเธอรอฉันอยู่ในรถกับลุงวิชัยนะ เสร็จธุระแล้วฉันจะพาไปซื้อเสื้อผ้า เห็นภูริบอกว่าชุดนักเรียนของเธอถูกไฟไหม้ไปพร้อมกับกองเพลิงหมดแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่อยู่นี่ก็ของคนงานในไร่ช่วยกันบริจาคมาให้ใช่ไหม"

    "ใช่ค่ะ"

    "ฉันคงคุยงานไม่นานวิชัยเดี๋ยวนายช่วยเปิดหนังหรือการ์ตูนให้ธารทิพย์ดูรอฆ่าเวลาไปก่อนด้วยนะ"

    หลังจากออกคำสั่งกับคนขับรถเรียบร้อยแล้วอัคนีก็ก้าวลงจากรถโดยมีภูริเดินตามไปติดๆ ทิ้งให้เด็กสาวใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาหัวเราะคิกคักกับประโยคทิ้งทายของคนท่าทางน่าเกรงขามเมื่อครู่

                    “ขำอะไรเหรอหนูธารทิพย์” คุณลุงท่าทางใจดีเอ่ยถามด้วยความสงสัย

                    ก็ขำเจ้านายคุณลุงน่ะสิคะ มีการบอกให้คุณลุงเปิดการ์ตูนให้หนูดู หนูอายุสิบเจ็ดแล้วนะคะไม่ใช่เด็กๆ

                    อ่อ คุณอัคนีก็นิสัยลุงๆ แบบนี้แหละ แกไม่เคยมีเพื่อนต่างเพศต่างวัยคงจะไม่รู้จะทำตัวยังไง

                    คะ? คุณอัคนีไม่เคยมีแฟนหรือคนรักเลยเหรอคะลุง

                    เท่าที่จำได้ก็ไม่มีนะ...อ้อ นึกออกแล้ว ลุงเคยเห็นคุณอัคนีสนิทกับผู้หญิงอยู่คนนึงสมัยเรียน ม.ปลายแต่จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หายเงียบไป ได้ข่าวว่าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศน่ะ

                    อ๋อ ถ้าอย่างนั้นหนูก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะถ้าคุณอัคนีจะมีนิสัยลุงๆ อย่างที่ลุงว่า”

                    ชายชรากับเด็กสาวหัวเราะร่วนร่วมกันก่อนจะชูนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากส่งสัญญาณว่าเรื่องที่คุยกันทั้งหมดนั้นถือเป็นความลับที่ห้ามแพร่งพราย

     

    ไม่นานนักการเจรจาต่อรองและการเซ็นสัญญาร่วมทำธุรกิจซื้อขายครั้งใหญ่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คู่ค้าทั้งสองฝ่ายต่างจับมือกันอย่างเป็นมิตรด้วยรอยยิ้มพลางจิบไวน์ราคาแพงเป็นการฉลองให้กับธุรกิจตน

    "ทางไร่ของเราต้องขอขอบคุณคุณเกรียงไกรเป็นอย่างมากที่ไว้ใจเลือกกาแฟจากไร่ภูเพลิงไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเคเคกรุ๊ปครับ"

    "แหม่ ก็กาแฟของไร่คุณขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพระดับประเทศขนาดนี้ ถ้าผมไม่รีบมาเซ็นสัญญากับคุณมีหวังบริษัทอื่นคงจะชิงตัวตัดหน้าผมไปแน่ๆ "

    "ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งครับ"

    "ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องขอตัวก่อนเพราะต้องรีบกลับไปประชุมบอร์ดบริหารเย็นนี้ต่อ"

    "ครับ สวัสดีครับ แล้วเจอกันครับ" อัคนีกล่าวลา ก่อนที่คู่ค้าทั้งสองฝ่ายจะพากันแยกย้ายไปตามทางของตน

    "นายจะกลับไปที่ไร่เลยไหมครับ หรือว่าจะไปไหนต่อ"

    "พาธารทิพย์ไปซื้อชุดนักเรียนกับเสื้อผ้าอยู่บ้านชุดใหม่"

    "เดี๋ยวเรื่องนั้นผมจัดการเองก็ได้ครับ แค่ซื้อเสื้อผ้าให้เด็กที่ทำงานในไร่แค่นี้เองนายไม่เห็นจะต้องพาไปซื้อด้วยตัวเองหรอกครับ"

    ร่างกำยำในชุดสูทสีครีมหยุดก้าวเท้าพลางหันมาจ้องหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนักจนคนถูกจ้องต้องสงบปากสงบคำก้มหน้านิ่ง

    "วันนี้นายดูจะจุ้นจ้านกับฉันไปซะทุกอย่างเลยนะภูริ...ฉันเป็นผู้ปกครองของธารทิพย์ทำไมฉันจะพาเธอไปซื้อของพวกนั้นด้วยตัวเองไม่ได้"

    "ขอโทษครับนาย"

    ขายาวก้าวฝีเท้าเร็วขึ้นหลังจากปรามลูกน้องคนสนิท

    ประตูของรถแวนสีดำคันหรูที่ขับมาจอดเทียบรอเจ้าพ่อมาเฟียตรงหน้าโรงแรมถูกเปิดออกพร้อมปรากฏใบหน้าสวยหวานเปื้อนรอยยิ้มแสนสดใสของคนที่นั่งรออยู่บนรถส่งให้ผู้ที่ก้าวขึ้นมาใหม่ซึ่งมันทำให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าในการเจรจาธุรกิจของอัคนีหายไปจนสิ้นอย่างประหลาด

    "คุยงานเสร็จแล้วเหรอคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ"

    "อืม"

    "ดีจังค่ะ หนูคิดว่าจะนานกว่านี้ซะอีก แสดงว่าคุณอัคนีต้องเก่งมากแน่ๆ ที่สามารถทำให้อีกฝ่ายยอมเซ็นสัญญาในเวลาอันสั้นขนาดนี้"

    "ก็ไม่ถึงกับเก่งอะไรมากมายนักหรอก การเจรจาธุรกิจต้องใช้เวลาและติดต่อสื่อสารกันหลายครั้งจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะพอใจในข้อตกลงร่วมกัน"

    "แต่ยังไงก็เก่งอยู่ดีค่ะ หนูปรบมือให้เลย" ไม่พูดเปล่า ธารทิพย์ยกสองมือขึ้นปรบรัวๆ ให้คนที่เธอเพิ่งกล่าวชื่นชมด้วยท่าทางราวกับเด็กจนเสือยิ้มยากอย่างอัคนีถึงกับหลุดหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะดึงสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าถูกลูกน้องที่เบาะหน้าทั้งสองแอบลอบมองผ่านกระจกมองหลัง

    "ออกรถได้แล้ว!"

    "คะ คะ ครับ"

    ไม่นานนักรถแวนก็เข้าเทียบจอด ณ ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เด็กสาวที่ฉีกยิ้มไม่หยุดปากมาตลอดทางถึงกับนั่งไม่ติดเบาะเมื่อได้เห็นสิ่งตรงหน้าเต็มๆ ตา...นั่นเป็นเพราะวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นของเธอหมดไปกับการช่วยพ่อแม่ทำงานในไร่กาแฟของอัคนีทั้งตอนหลังเลิกเรียนและในวันหยุด ด้วยความที่มีฐานะยากจนจึงทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทั้งสามคนหามาได้ต้องเก็บไว้เป็นค่าขนมของธารทิพย์ทั้งหมด อย่าว่าแต่ห้างสรรพสินค้าที่วัยรุ่นทั่วไปมักจะมาเดินเล่นกันเลย แม้แต่ร้านกิ๊ฟช็อปเล็กๆ ธารทิพย์ก็ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเพราะกลัวว่าตัวเองจะอยากได้อยากมีตามเพื่อนจนเผลอใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับของสวยๆ งามๆ

    "ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ" คนนั่งสังเกตเอ่ยถาม

    "ใช่ค่ะ หนูไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลยเคยได้ยินแต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าข้างในมีของขายมากมาย ดีใจจังเลยค่ะที่ได้มาเห็นกับตาสักที"

    "วันนี้ถ้าเธออยากได้อะไรก็บอกนะ เดี๋ยวฉันซื้อให้"

    "ขอบคุณค่ะคุณอัคนี"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×