ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงพ่ายเสน่หา (รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #3 : เด็กในอุปการะ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 63


    อัคนี ภูริ และธารทิพย์พากันเดินเข้ามายังบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าซึ่งคลาคล่ำไปด้วยกลุ่มคนมากมายที่พยายามเบียดเสียดกันเข้าไปภายในจนร่างเล็กของคนเดินตามหลังถูกเบียดให้ออกห่างจากผู้นำทางทั้งสองดีที่บอดี้การ์ดหนุ่มหันกลับมาเห็นเข้าเสียก่อนจึงเอื้อมมือคว้าเข้าที่ข้อมือเรียวแล้วฉุดร่างเล็กให้เดินตามมาได้ทันก่อนจะพลัดหลงกัน

    "ภูริ วันนี้มันวันอะไรทำไมคนถึงได้เยอะขนาดนี้"

    "วันนี้อาทิตย์คนก็เยอะเป็นปกติอยู่แล้วครับ แต่วันนี้คงจะพิเศษหน่อยตรงที่มีนักร้องมาร้องเพลงเปิดงานสัปดาห์หนังสือ...ที่เยอะๆ นี่คงเป็นแฟนคลับทั้งนั้นแหละครับ"

    ธารทิพย์ที่พยายามเดินฝ่าฝูงชนมาต่อท้ายภูริได้ไม่นานก็ถูกลุ่มคนด้านหลังดันจนล้มลงไปกองกับพื้นก่อนจะโดนเหยียบขาซ้ำให้ร้องโอดโอย อัคนีเห็นดังนั้นจึงรีบคว้าแขนเรียวแล้วออกแรงยกร่างบางจนลอยลิ่วมาประชิดแผงอก

                    เป็นอะไรมากหรือเปล่า

                    ไม่ค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย

                    เธอมาอยู่ข้างหน้าฉันดีกว่า ตัวเล็กๆ อย่างเธอถูกคนอื่นดันหลังเดี๋ยวก็ล้มลงไปให้เขาเหยียบอีก

                    ไม่พูดเปล่า มือหนายังจับเข้าที่ไหล่บางแล้วพยายามพาเด็กสาวเดินฝ่าการเบียดเสียดไปอย่างระมัดระวังและตอนนั้นเองแผงอกกับหน้าท้องลอนแข็งที่ติดกับแผ่นหลังของคนด้านหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจมันทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนภายในพิกล

    "คนไม่ค่อยเยอะแล้วคุณอัคนีปล่อยหนูเถอะค่ะ" ธารทิพย์กล่าวพลางเงยหน้ามองร่างสูงกว่าด้วยสีหน้าไร้เดียงสาแต่ในขณะเดียวกันใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบกับลำตัวที่แนบชิดกลับทำให้อีกฝ่ายเสียอาการจนหน้าแดง

    "นายครับ ร้านชุดนักเรียนคุณฉัตรอยู่ถัดไปอีกสามร้านครับ" ภูริตัดสินใจขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเจ้านายจ้องมองใบหน้าของเด็กสาวในอุปการะอย่างไม่วางสายตา

    "อืม นายนำไปสิ"

    "ครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มลอบมองใบหน้าเคร่งขรึมอันแดงก่ำของคนเบื้องหน้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนจะเดินนำหน้าชายหญิงทั้งสองไปยังร้านขายเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

    "สวัสดีค่ะคุณเพลิง วันนี้ร้านของฉัตรต้องขายดีมากแน่ๆ เลย เพราะเจ้าพ่อแห่งไร่ภูเพลิงมาอุดหนุนฉัตรถึงร้าน" สาวประเภทสองเจ้าของร้านจีบปากจีบคอพูดอย่างมีจริตด้วยท่าทางสนิทสนม

    "มีอะไรให้ฉัตรรับใช้บอกมาได้เลยนะคะ ฉัตรยินดีค่ะ"

    "ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณฉัตรช่วยจัดเครื่องแบบชุดนักเรียนม.ปลายมาให้คุณผู้หญิงท่านนี้สักสามสี่ชุด แล้วก็อุปกรณ์การเรียนจำพวกเครื่องเขียนเอาให้ครบเลยนะครับ อ้อ กางเกงพละ รองเท้าผ้าใบ รองเท้า ถุงเท้านักเรียนด้วยครับ" ภูริกล่าวแทน

    "รับทราบค่ะ...ตามฉันมาทางนี้จ้ะหนู ไปวัดตัวเลือกไซต์เสื้อผ้ากันจ้ะ"

    "ค่ะ"

    ร่างบางเดินตามเจ้าของร้านไปด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวก่อนจะหันมาส่งยิ้มสดใสให้ชายทั้งสองที่ยืนดึงหน้าขรึมมองเธอจากทางหน้าร้านราวกับหุ่นลองชุด

    "ขอโทษนะคะ เมื่อกี้หนูได้ยินคุณฉัตรเรียกคุณอัคนีว่าคุณเพลิง...นั่นคือชื่อเล่นของคุณอัคนีเหรอคะ"

    "ใช่แล้วจ้ะ น้อยคนนักที่จะรู้เพราะส่วนใหญ่ทุกคนก็พากันเรียกชื่อจริงหรือไม่ก็เรียกว่าเจ้าพ่อมาเฟียกันทั้งนั้น คนสนิทเท่านั้นแหละถึงจะรู้ชื่อเล่นของคุณเพลิง"

    "โห ถ้าอย่างนั้นคุณฉัตรก็ต้องสนิทกับคุณอัคนีมากแน่ๆ เลยใช่ไหมคะถึงได้รู้ชื่อเล่น ขนาดหนูอยู่ในไร่มาตั้งแต่เกิดก็เพิ่งจะรู้ว่าคุณอัคนีมีชื่อเล่นก็วันนี้เองค่ะ"

    "สนิทสิจ๊ะ ฉันน่ะรับใช้ตระกูลอัศวินเทวามาตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่ของคุณเพลิงยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ไม่อยากจะโม้ว่าฉันน่ะเห็นคุณเพลิงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แถมคุณเพลิงเองก็ส่งคนมาซื้อเสื้อผ้ากับเครื่องเขียนร้านฉันไปแจกเด็กๆ บนดอยทุกปี ไม่มีร้านไหนในเชียงใหม่ที่จะสนิทกับเจ้าพ่อภูเพลิงไปมากกว่าฉันแล้วหละหนู"

    "ว้าว สุดยอดไปเลยค่ะ" เด็กสาวกล่าวพลางยกหัวแม่มือสองข้างให้คู่สนทนาด้วยท่าทางราวกับเด็กจนคนที่แอบลอบมองจากหน้าร้านอยู่ไกลๆ อดยิ้มไม่ได้

    "ลองเข้าไปลองชุดดูจ้ะ"

    "ค่ะ" มือเรียวรับเครื่องแบบนักเรียนที่อีกฝ่ายยื่นให้มากระชับมือก่อนจะเข้าไปลองเสื้อผ้าในห้องลองชุดก่อนจะถูกพาไปเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ จนได้ทุกอย่างครบตามความตั้งใจของชายวัยกลางคนที่ยืนรออยู่หน้าร้าน

    "เธออยากได้อะไรอีกไหมธารทิพย์" ร่างสูงกว่ากดสายตาลงมาเอ่ยถามเด็กสาวข้างกายขณะยืนรอรับใบเสร็จอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์คิดเงิน

    "ไม่แล้วค่ะ"

    "ถ้าอย่างนั้นพอเราซื้อชุดลำลองของเธอเสร็จเราจะได้กลับกันเลย"

    "ค่ะ" เด็กสาวรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างไปยังร้านถัดไปโดยมีบอดี้การ์ดหนุ่มคอยเดินตามหลังอย่างเงียบๆ

    เสื้อผ้าแฟชั่นมากมายถูกแขวนเรียงรายเต็มราวละลานตาจนคนที่เดินตามร่างเบื้องหน้าเข้ามาตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

    "เธออยากได้ชุดไหนก็หยิบเอาเลยนะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอด้านนอก"

    "เดี๋ยวค่ะๆ คุณอัคนีคะเสื้อผ้าในร้านราคาค่อนข้างสูง...หนูว่าซื้อเสื้อผ้าตัวละร้อยสองร้อยให้หนูก็พอค่ะ"

    "ไม่ได้ ฉันเป็นผู้ปกครองของเธอแล้วเพราะฉะนั้นเสื้อผ้าที่เธอใส่ต้องดูดีในระดับนึง คนอื่นเขาจะว่าเอาได้ถ้าหากเธอใส่ชุดราคาไม่กี่บาทเดี๋ยวจะหาว่าฉันดูแลเธอไม่ดี"

    "แต่..."

    "ไม่มีแต่ เลือกชุดไป ฉันจะออกไปยืนรอหน้าร้าน" เสียงห้าวกล่าวแกมดุจนคนถูกดุหน้าหงอยก้มหน้างุด

    "ค่ะ" หลังจากที่ธารทิพย์เดินดูเสื้อผ้าในร้านสักพัก็ไม่สามารถเลือกตัวที่ถูกใจได้เลยเนื่องจากเสื้อผ้าแต่ละตัวนั้นมีราคาค่อนข้างสูงเกินความจำเป็นของเธอทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มที่คอยลอบสังเกตอยู่นานตัดสินใจเดินเข้ามาถามไถ่

    "มีอะไรหรือเปล่า หรือเธอไม่ชอบเสื้อผ้าร้านนี้"

    "ไม่ใช่นะคะ เสื้อผ้าในร้านนี้สวยมากค่ะแต่ราคาสูงเกินไปหนูเลยไม่กล้าหยิบ หนูเกรงใจคุณอัคนี"

    "โถ่ เด็กน้อย เงินนายมีเป็นร้อยล้านกะอีแค่เสื้อผ้าตัวละห้าร้อยหนึ่งพันหรือเหมาไปทั้งร้านยังไม่ทำให้นายจนลงเลย...มานี่เดี๋ยวฉันเลือกให้" ไม่รอช้า ชายหนุ่มเอื้อมคว้าเสื้อผ้าบนราวใกล้ตัวมาทาบลงบนร่างบางที่ยืนนิ่งงันหน้าตาเหลอหลาทีละชุดจนคนที่มองจากหน้าร้านต้องเดินเข้ามาสมทบ

    "มีอะไร"

    "เอ่อ ธารทิพย์ไม่กล้าเลือกชุดครับบอกว่ามันแพงไปผมเลยเข้ามาช่วยเลือกให้"

    "พอๆ "

    สายตาคมกริบสอดส่ายสายตาหาเจ้าของร้านก่อนจะกวักมือเรียกให้เข้ามาหา

    "คุณลูกค้ามีอะไรให้ช่วยคะ"

    "ผมเอาที่อยู่บนราวนี่อย่างละหนึ่งตัว...เธอใส่ไซต์อะไร" เขาหันไปถามเด็กสาว

    "เอสค่ะ"

    "เอาไซต์เอสแล้วมาคิดเงินกับผมได้เลย"

    "ได้ค่ะคุณลูกค้า" เจ้าของร้านรับคำด้วยรอยยิ้มก่อนจะจัดการบรรจุเสื้อผ้าหลากหลายชุดลงถุงกระดาษที่เคาท์เตอร์คิดเงินหน้าร้านตามคำสั่ง

    "คุณอัคนี..."

    "ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขืนรอเธอเลือกพรุ่งนี้ก็คงไม่เสร็จ ต้องใช้วิธีนี้แหละ"

    ดวงตากลมโตหันไปสบกับบอดี้การ์ดหนุ่มข้างกายด้วยสีหน้าสลดและรู้สึกเสียดายเงินจำนวนไม่น้อยที่เจ้าพ่อมาเฟียหมดไปกับเธอ

     

    เมื่อกลับถึงไร่ภูเพลิง ภูริกับวิชัยก็ช่วยขนสัมภาระของธารทิพย์เข้าไปเก็บไว้ภายในบ้านตามคำสั่งของอัคนี คนอยากช่วยได้แต่ยืนมองตาละห้อยเนื่องจากถูกรั้งข้อมือปรามไม่ให้ช่วยตามที่ตั้งใจ

    "เอาของไว้ที่นี่ก่อนแล้วกันจนกว่ากระท่อมของเธอจะเสร็จ เอาไปตอนนี้ก็เกะกะคนที่เธอไปอาศัยอยู่ด้วยเปล่าๆ "

                    “ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่...”

    จู่ๆ อัคนีก็ยกมือขึ้นกุมที่หน้าท้องพลางนิ่วหน้า ธารทิพย์เห็นดังนั้นจึงตกใจร้องลั่น

    "คุณอัคนีเป็นอะไรคะ!"

    "...โรคกระเพาะคงจะกำเริบน่ะ สงสัยเป็นเพราะกินข้าวผิดเวลา"

    "จริงด้วย! คุณอัคนียังไม่ได้ทานข้าวเลยตั้งแต่เช้า เป็นเพราะหนูแท้ๆ เลย...ต้องขอโทษด้วยนะคะ"

    "นิ่ เลิกโทษตัวเองแล้วก็ลดนิสัยขี้เกรงใจลงบ้างจะได้ไหม"

    "ก็มันจริงนี่คะ...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูทำอาหารให้ทานนะคะถือเป็นการตอบแทนที่คุณอัคนีพาหนูไปซื้อของวันนี้"

    "เอางั้นรึ"

    "ค่ะ" ธารทิพย์รับคำพร้อมรอยยิ้มสดใสก่อนจะยกมือเรียวขึ้นประคองท่อนแขนแกร่งของชายวัยกลางคนจนเจ้าของร่างถึงกับชะงัก

    "เธอจะทำอะไร"

    "ต้องไปดูในตู้เย็นของคุณอัคนีก่อนค่ะว่ามีอะไรที่พอจะทำได้บ้าง"

    "ไม่ใช่ ฉันหมายถึงเธอเข้ามาประคองแขนฉันทำไม"

    "อ้าว ก็หนูกลัวคุณอัคนีหิวข้าวจนเป็นลมล้มลงไปไงคะ พ่อหนูก็เคยเป็นลมเพราะหิวข้าวมาแล้วเพราะฉะนั้นหนูจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกค่ะ" เธอตอบอย่างใสซื่อจนคนฟังลอบยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู

    "มาค่ะ"

    ขณะที่ร่างเล็กกว่ากำลังช่วยพยุงร่างสูงเข้าไปภายในบ้านด้วยความระมัดระวัง ภูริที่จัดการยกสัมภาระของเด็กสาวไปเข้าเก็บในห้องเก็บของก็เดินกลับออกมาพอดี สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันทำให้เขาถึงกับประหลาดใจในท่าทีของผู้เป็นเจ้านายที่มีต่อเด็กสาวข้างกาย...ธารทิพย์ดูเหมือนจะเป็นเพียงคนเดียวที่ใช้เวลาใกล้ชิดกับอัคนีน้อยที่สุดแต่กลับทำให้อัคนีไว้ใจง่ายที่สุด คนที่มีศัตรูรอบทิศรอบตัวอย่างอัคนีไม่เคยเปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าได้เข้าใกล้ตัวเขาได้เกินระยะสองเมตร เพิ่งจะมีเจ้าของรอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์นี่แหละที่ทำให้อัคนีแหกกฎของตัวเองออกมาได้ราวกับเป็นเรื่องอัศจรรย์

    "คุณอัคนีนั่งรอหนูอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ หนูจะรีบไปทำอาหารมาให้ทานค่ะ...ว่าแต่ห้องครัวไปทางไหนคะ"

    "เดี๋ยวฉันพาไป" บอดี้การ์ดหนุ่มกล่าวพลางผายมือแทนคำบอกเล่า เขาเดินนำหน้าเด็กสาวไปยังห้องครัวซึ่งอยู่ไม่ไกลนักโดยมีสายตาคู่หนึ่งมองตามไล่หลังให้รู้สึกประหลาดใจ

    ร่างสูงยืนพิงประตูมองร่างบางที่เดินเข้าไปสำรวจห้องครัวสภาพใหม่เอี่ยมเสียจนคิดว่ามันไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนและคาดเดาได้ว่าเธอคงจะเอ่ยประโยคคำถามขึ้นมาหลังสำรวจห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเสร็จ

    "โห ทำไมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถึงได้ดูใหม่อย่างกับไม่เคยผ่านการใช้งานแบบนี้หละคะคุณภูริ"

    "ก็แน่หละ นายไม่ค่อยได้ทำครัว อาหารส่วนใหญ่ก็ทานมาจากข้างนอกเพราะด้วยความยุ่งของงานในไร่ทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะมายืนใจเย็นทำอาหารทานเอง แต่ก็มีบ้างนานๆ ครั้งที่นายจะลงมือทำอาหารครั้งสุดท้ายที่ทำก็เมื่อสองเดือนที่แล้ว"

    "โห แล้วอย่างนี้จะมีวัตถุดิบให้หนูทำอาหารไหมคะเนี่ย" เด็กสาวกล่าวพลางเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว

    "ไม่มี!!"

    "มีสิ อยู่ในตู้ข้างๆ นั่นไง"

    "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!?" เสียงหวานอุทานลั่นเมื่อฝาตู้ถูกเปิดออกให้เห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อวางเรียงรายละลานตา

    "ใช่"

    "มันไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะคะ"

    "หรือเธอมีอะไรให้ทำนอกเหนือจากนี้ล่ะ"

    "ไม่มีค่ะ...โอ๊ะ นั่นตำลึงนี่คะ" ธารทิพย์ตาลุกวาวเมื่อหันไปเห็นยอดตำลึงที่ริมรั้ว ขาเรียวยาวปีนป่ายข้ามวงกบบานหน้าต่างเพื่อออกไปเด็ดเถาตำลึงสีเขียวอ่อนพร้อมกับดวงตาที่ลุกวาวราวกับเจอเรื่องสนุก

    "จะห้ามก็คงไม่ทันแล้วสินะแม่สาวน้อย" ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองเธอตาปริบๆ และไม่คิดว่าเด็กสาวท่าทางเรียบร้อยจะมีความทะโมนอยู่ในตัวไม่น้อย

    เมื่อได้สิ่งที่ต้องการมาเต็มมือแล้ว ธารทิพย์จึงรีบปีนกลับเข้าครัวพร้อมกับตำลึงกำใหญ่แต่ด้วยความรีบร้อนจนไม่ทันระวังทำให้เท้าของเธอสะดุดเข้ากับวงกบบานหน้าต่างจนร่างบางหน้าทิ่มขมำจวนเจียนจะถึงพื้นกระเบื้องเบื้องล่าง ดีที่ภูริเข้ามารับร่างของเธอไว้ในอ้อมกอดได้ทันท่วงที

    "เธอเป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ชายหนุ่มถามร่างในพันธนาการด้วยความห่วงใย

    "หนูปลอดภัยดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้" ใบหน้าสวยระบายยิ้มก่อนจะรีบพยุงตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง...เธอไม่ทันได้สังเกตแม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายนั้นแสดงออกถึงความดีใจที่ได้ใกล้ชิดกับเธอเสียจนเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมเก็บอาการ

    เด็กสาวตรงไปยังหน้าเตาไฟฟ้าก่อนจะตั้งน้ำในหม้อจนเดือดพล่านแล้วจัดการฉีกซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหย่อนลงไปตามด้วยใบตำลึงและปิดท้ายด้วยเครื่องปรุงรสก่อนจะปิดเตา

    "หอมน่าทานมากเลยค่ะคุณภูริว่าไหม"

    "อืม...อันที่จริงเราก็อายุอานามห่างกันไม่มาก เธอเรียกฉันว่าพี่ก็ได้นะ"

    "คะ?"

    "เธอเรียกฉันว่าคุณมันดูเหมือนฉันแก่ยังไงก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไรนักไม่ต้องให้เกียรติฉันมากหรอก...เพราะนายก็อุปการะฉันมาเหมือนกัน"

    "จริงหรอคะ"

    "จริงสิ"

    ยังไม่ทันทีบทสนทนาบทต่อไปจะเริ่มขึ้นก็มีเสียงดังขึ้นหนึ่งเรียกความสนใจจากชายหญิงทั้งสองเสียก่อน

    "ทำอะไรกันทำไมนานนัก"

    "เสร็จพอดีเลยค่ะ หนูกำลังจะยกออกไปให้คุณอัคนีทานพอดีเลย"

    "ไม่ต้องแล้ว ฉันทานในนี้นี่แหละจะได้ไม่ต้องยกไปยกมาให้เสียเวลา"

    "ถ้าอย่างนั้นเชิญนั่งเลยค่ะ" เด็กสาวจัดแจงยกถ้วยบะหมี่มาวางบนเคาท์เตอร์ลายหินอ่อนกลางห้องครัว

    "ภูริ"

    "ครับนาย"

    "นายช่วยไปดูงานในไร่แทนฉันหน่อยสิ เดี๋ยวฉันทานบะหมี่เสร็จว่าจะนอนพักสายตาสักหน่อยวันนี้คงไม่ได้ออกไปเดินตรวจไร่"

    "ได้ครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มหันมองใบหน้าสวยหวานก่อนเดินจากไปอย่างรู้สึกเสียดายแต่พอนึกถึงสัมผัสที่อยู่ในอ้อมกอดเมื่อครู่ก็ทำให้รู้สึกอิ่มเอมหัวใจได้ไม่น้อยจนเผลอคลี่ยิ้มออกมาเพียงลำพังอีกครั้ง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×