คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความไร้เดียงสา
ดวงตากลมโตปรือขึ้นช้าๆ
หลังจากหมดสติไปสักพัก
นัยน์ตาสั่นไหวสบเข้ากับร่างกำยำที่ท่อนบนเปลือยเปล่าจนคนหวาดหวั่นถลึงตัวขึ้นนั่งก่อนจะถอยกรูไปชิดติดหัวเตียงด้วยท่าทางหวาดกลัว
"ใจเย็นๆ ...ฉันชื่ออัคนีเป็นเจ้าของไร่ภูเพลิงแล้วเธอหละเป็นใคร
ใช่ธารทิพย์ที่ฉันนัดมาพบในวันนี้หรือเปล่า"
"ออกไปนะ!"
น้ำเสียงสั่นเครือแกมตะคอกกับร่างกายที่สั่นหงึกๆ ราวกับลูกนกตกน้ำของเด็กสาวตรงหน้าทำให้อัคนีถึงกับชะงักท่าทีและก้มมองสภาพตนเอง...นี่เขากำลังอยู่ในสภาพที่ไม่น่าไว้ใจสำหรับเธอแม้แต่น้อย คนที่เพิ่งจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาอย่างธารทิพย์คงจะหวาดกลัวและคิดลบกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าซึ่งชวนเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก
"ใจเย็นๆ นะ ฉันไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายเธอ...เมื่อกี้เธอเข้าไปช่วยฉันเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำแล้วเธอก็...เอ่อ เป็นลม ฉันเลยอุ้มเธอมาที่เตียงนอนแล้วก็หายาดมให้เธอดมจนเธอฟื้น...ถ้าฉันคิดจะทำมิดีมิร้ายกับเธอคงทำตั้งแต่เธอยังนอนเป็นผักไม่ได้สติแบบเมื่อกี้ไปแล้ว"
ธารทิพย์ที่กำลังสติแตกฉุกคิดตามคำอธิบายของคนน้ำเสียงสุภาพและนึกทบทวนลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมาจนสงบลง...ใบหน้าสวยหวานฉายแววเขินอายหลุบตาต่ำมองผ้าปูที่นอนก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อรู้ว่าตนกำลังเข้าใจผิดเสียใหญ่โต
"หนูว่า...คุณอัคนีไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่ะ"
"นั่นสิ เด็กสาวอย่างเธอคงจะไม่เคยเห็นเพศตรงข้ามในสภาพนี้สินะ ฉันต้องขอโทษด้วย" ร่างกำยำเหยียดยืนก่อนจะเดินตรงไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่ปกปิดร่างกายท่อนบน
"หันมาได้แล้วฉันไม่โป๊แล้ว"
ใบหน้าแดงก่ำของเด็กสาวหันมามองเพียงครู่ก็รีบหันกลับไปอีกครั้ง
"กางเกงละคะ"
"มันไม่เห็นอะไรแล้ว แล้วอีกอย่างมือฉันก็เจ็บแถมยังไม่ได้ทำแผลใส่เสื้อได้ก็บุญโขแล้ว"
"นั่นสิคะ...มันเป็นความผิดของหนูเองเดี๋ยวหนูทำแผลให้นะคะ"
"แค่เห็นเลือดยังเป็นลมนับประสาอะไรกับเห็นแผล ฉันคงต้องพาเธอไปส่งโรงพยาบาลแทนการไปพบลูกค้าคนสำคัญกันพอดี"
"หนูไม่ได้เป็นลมเพราะเห็นเลือดของคุณอัคนีสักหน่อย" เมื่อธารทิพย์รู้ว่าตนเองเผลอหลุดปากพูดเรื่องน่าอายออกไปจึงรีบยกมือขึ้นมาทาบริมฝีปากของตัวเองทันที
"...ถ้าอย่างนั้นเธอก็เป็นลมเพราะ"
"อย่าพูดออกมานะคะ" เด็กสาวปรามเขาทันควันพลางผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปหยิบกล่องยาที่วางอยู่บนชั้นวางของหน้าห้องน้ำมากระชับมือ
"ตอนที่หนูหยิบหลอดไฟหนูเห็นว่ามันวางอยู่ที่ชั้นนั้นพอดี...มาค่ะ ให้หนูทำแผลให้ดีกว่า"
"เอางั้นรึ"
"ค่ะ...เพราะที่คุณอัคนีตกลงมาโดนหลอดไฟบาดส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหนู"
คนบาดเจ็บได้ยินดังนั้นก็เดินนำเด็กสาวที่ยืนถือกล่องยาด้วยท่าทางใสซื่อไปยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนที่เธอจะเดินตามมานั่งลงกับพื้นกระเบื้องด้านหน้าของเขาให้รู้สึกแปลกใจ
"ทำไมเธอถึงไม่ขึ้นมานั่งข้างบน"
"หนูเป็นเด็ก คุณอัคนีเป็นผู้ใหญ่จะนั่งเสมอกันได้ไงล่ะคะ...ยื่นมือมาค่ะ" มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือของคนนั่งนิ่งแล้วออกแรงดึงมาวางตรงหน้าตนเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าจะทำตามคำพูดของเธอแถมยังเอาแต่จ้องหน้าเธอแบบไม่วางตา…เด็กสาวจัดการคลายผืนผ้าเปือนเลือดที่พันรอบฝ่ามือของเขาออกเผยให้เห็นบาดแผลกลางฝ่ามือกับเลือดสดสีแดงฉานที่ซึมออกมาเพียงเล็กน้อย
"ถึงจะทำแผลแล้วแต่คุณอัคนีก็ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยากันบาดทะยักด้วยนะคะ" เด็กสาวพูดพลางเทน้ำเกลือราดรดแผลสดแล้วตามด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดจนมั่นใจว่าแผลของเขาสะอาดขึ้นในระดับหนึ่งก่อนจะพันฝ่ามือของเขาด้วยผ้าพันแผล
"นายครับ พอดีในไร่มีปัญหา..." ผู้มาใหม่ถึงกับชะงักคำเมื่อเห็นธารทิพย์กำลังนั่งพันผ้าตาข่ายสีขาวที่ฝ่ามือของผู้เป็นเจ้านายอย่างใกล้ชิด
"นายเป็นอะไรครับ แล้วทำไมธารทิพย์ถึงเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้"
"พอดีเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย ธารทิพย์เลยมาช่วยทำแผลให้ฉันน่ะ...ว่าแต่นายมีอะไรเหรอภูริเมื่อกี้เหมือนยังพูดไม่จบ"
"…ผมแค่จะบอกว่าที่ผมมาสายเพราะมัวไปจัดการเรื่องคนงานทะเลาะกันในไร่มาแต่ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วครับ...แค่นั้นแหละครับ"
"อืม"
"เสร็จแล้วค่ะคุณอัคนี"
เด็กสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม…รอยยิ้มแสนสดใสไร้เดียงสาที่ทำให้หัวใจแกร่งของชายวัยกลางคนสั่นไหว หัวใจที่ไม่เคยมีอาการหวั่นไหวกับใครมานานหลายปี
"นายครับ วันนี้มีนัดเซ็นสัญญาซื้อขายกับลูกค้ารายใหญ่จากกรุงเทพนะครับ ผมเกรงว่าถ้าหากเราไปสายในวันเซ็นสัญญา...ทางนั้นจะมองว่าเราไม่ให้เกียรติเขานะครับ" ภูริที่สังเกตเห็นอัคนีเผลอลอบยิ้มมุกปากขณะจ้องมองใบหน้าสวยหวานของธารทิพย์เอ่ยขึ้นเรียกสติคนเคลิบเคลิ้ม
"อื้ม เรืองนั้นฉันรู้"
"ธารทิพย์ ฉันว่าวันนี้เธอกลับไปก่อนดีกว่าเพราะว่าคุณอัคนีจะต้องออกไปทำธุระข้างนอกต่อ"
"ไม่ต้อง...ธารทิพย์ เธอออกไปนั่งรอฉันข้างนอกก่อน
เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปทำธุระด้วยจะได้คุยกันถึงเรื่องที่ฉันเรียกเธอมาในวันนี้ไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา"
"ค่ะ" เด็กสาวรับคำก่อนจะก้มหัวเชิงขอตัวออกไปนั่งรอชายทั้งสองที่โซฟาที่ห้องทำงานด้านนอก
"ปกติ...ถ้าไม่จำเป็นนายไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาในห้องนอนนี่ครับแล้วก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนขึ้นรถไปไหนมาไหนด้วย
ทำไมธารทิพย์ที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวถึงทำให้นายผู้ขึ้นชื่อว่าเป๊ะไปซะทุกอย่างยอมฉีกกฎของตัวเองล่ะครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยถามขณะที่ผู้เป็นเจ้านายกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
"แล้วทำไมภูริผู้ที่ไม่เคยมีนิสัยขี้สงสัยถึงได้ซักไซ้ไล่เลียงฉันราวกับเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จี้ถามเมื่อทำความผิดบางอย่าง"
อัคนีย้อนถามเสียงเรียบ มือหนาดันเนคไทขึ้นกระชับลำคอก่อนจะหันไปมองหน้าคนสนิทอย่างรอคำตอบ
"ผมก็แค่สงสัยเฉยๆ ครับ เพราะนายไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครเข้าใกล้นายขนาดนี้
แถมนายก็ไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆ ด้วย"
"ไม่รู้สิ...ถูกชะหละตามั้ง" เขาตอบก่อนจะเดินนำหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มออกไปหาคนที่ถูกกล่าวถึงในห้องกระจกใส
"ไปกันได้แล้วธารทิพย์"
"ค่ะ"
ร่างบางเดินกึ่งวิ่งตามแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าต้อยๆ
เพราะช่วงขาที่ยาวกว่าของคนเดินนำทำให้เธอแทบจะสาวเท้าตามเขาไม่ทันจนต้องเร่งฝีเท้าถี่โดยไม่ทันระวัง...ศีรษะเล็กปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตที่หยุดก้าวขายืนรอรถแวนให้จอดเทียบท่าสนิทอยู่ตรงบานประตู
"อุ้ย ขอโทษค่ะ"
ใบหน้าขรึมแสดงสีหน้าเชิงตำหนิใส่เด็กสาวเบื้องหลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะก้าวขึ้นรถแวนสีดำคันหรูและพยักหน้าเชื้อเชิญเธอให้ขึ้นตามไปนั่งยังเบาะข้างๆ โดยมีภูริขึ้นนั่งประจำตำแหน่งข้างคนขับ
"ฉันตั้งใจจะส่งเธอให้เรียนจนจบปริญญาตรี หลังจากจบมอปลายแล้วเธออยากเข้าเรียนที่ไหนก็บอกฉันได้ไม่ต้องเกรงใจ"
"หนูต้องขอบคุณคุณอัคนีมากๆ เลยนะคะที่เมตตาอุปการะหนู แต่หนูคิดว่าแค่ส่งหนูให้เรียบจบม.ปลายก็เกินพอแล้วค่ะเพราะยังไงหนูก็ต้องมาทำงานในไร่กาแฟของไร่ภูเพลิงอยู่ดี
เรียนปริญญาตรีไปก็เท่านั้น เสียเวลาแถมเสียเงินเปล่าๆ ด้วยค่ะ" มือเรียวยกขึ้นไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณที่เบาะด้านข้างอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
"ใครบอกว่าฉันจะให้เธอทำงานในไร่ต่อเมื่อเรียนจบ…คนเรามันต้องพัฒนา มันต้องก้าวไปข้างหน้า ยิ่งเธอเรียนสูงเธอก็จะหางานที่ดีทำได้ไม่ยากและแน่นอนว่าเธอจะมีอนาคตที่ดีตามมาไม่ใช่มาทำงานเก็บเมล็ดกาแฟในไร่ฉันไปจนแก่ตาย"
"แต่หนูเกรงใจคุณอัคนีจริงๆ นี่คะ ไหนจะค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายจิปาฐะในตอนเรียนอีกแค่นี้หนูก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้คืนคุณอัคนีให้หมดแล้วค่ะ"
"นายไม่คิดจะเอาเงินคืนหรอกนะธารทิพย์" ภูริกล่าว
"คะ!?" เสียงหวานอุทานอย่างตกใจพลางเบือนหน้ากลับไปมองผู้อุปการะอย่างต้องการคำตอบ
"ใช่ ฉันไม่คิดจะให้เธอมาชดใช้เงินที่ฉันส่งเสียให้เธอร่ำเรียนจนจบหรอกนะ
พ่อแม่เธอก็ทำงานกับฉันมานานและทั้งสองคนก็ตั้งใจทำงานให้ฉันจนวาระสุดท้ายของชีวิตเป็นอย่างดี
เรื่องเงินที่ส่งเสียให้เธอเรียนแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากสำหรับฉัน"
หัวใจดวงน้อยของธารทิพย์ราวกับถูกบีบให้เจ็บปวดเมื่อได้ยินอัคนีกล่าวถึงผู้เป็นพ่อและแม่ตน น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าค่อยๆ ไหลรินอาบสองข้างแก้มขาวละเอียดจนเจ้าพ่อมาเฟียผู้เคร่งขรึมถึงกับตกใจหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทยื่นให้เธอด้วยท่าทางร้อนรนทันที
"เธอเป็นอะไร"
"หนูคิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ ฮือๆ "
เด็กสาวเริ่มสะอื้นไห้ตัวโยนจนคนข้างกายสติกระเจิง
"เธออย่าร้องไห้สิ หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ!"
"ฮือๆๆๆ คุณอัคนีดุหนูทำไมคะ"
"ปะ ปะ เปล่า ฉันไม่ได้ดุเธอ แค่บอกให้เธอหยุดร้องไห้...ยะ
หยุดร้องนะธารทิพย์"
ท่าทางร้อนรนของชายวัยกลางคนทำให้ธารทิพย์ที่กำลังสะอึกสะอื้นอยู่หลุดขำออกมาอย่างลืมตัว
"นี่เธอหัวเราะอะไร"
"ก็คุณอัคนีทำท่าทางตลกนี่คะ หนูได้ยินแต่คนงานในไร่พากันพูดว่าคุณอัคนีเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่โหดและดุดันน่าเกรงขาม
แต่สิ่งที่หนูเห็นตรงหน้ามันต่างจากที่ได้ยินมาอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ ออกจะเป็นคนเด๋อๆ
ตลกๆ ซะมากกว่า" มือเรียวคว้าผ้าเช็ดหน้าในมือคนหน้าเหว๋อมาซับน้ำตาพลางหัวเราะร่วน
"เฮ้อ เด็กหนอเด็ก"
"นายครับถึงแล้วครับ"
"อืม...เดี๋ยวเธอรอฉันอยู่ในรถกับลุงวิชัยนะ เสร็จธุระแล้วฉันจะพาไปซื้อเสื้อผ้า เห็นภูริบอกว่าชุดนักเรียนของเธอถูกไฟไหม้ไปพร้อมกับกองเพลิงหมดแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่อยู่นี่ก็ของคนงานในไร่ช่วยกันบริจาคมาให้ใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"ฉันคงคุยงานไม่นาน…วิชัยเดี๋ยวนายช่วยเปิดหนังหรือการ์ตูนให้ธารทิพย์ดูรอฆ่าเวลาไปก่อนด้วยนะ"
หลังจากออกคำสั่งกับคนขับรถเรียบร้อยแล้วอัคนีก็ก้าวลงจากรถโดยมีภูริเดินตามไปติดๆ
ทิ้งให้เด็กสาวใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาหัวเราะคิกคักกับประโยคทิ้งทายของคนท่าทางน่าเกรงขามเมื่อครู่
“ขำอะไรเหรอหนูธารทิพย์”
คุณลุงท่าทางใจดีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็ขำเจ้านายคุณลุงน่ะสิคะ
มีการบอกให้คุณลุงเปิดการ์ตูนให้หนูดู หนูอายุสิบเจ็ดแล้วนะคะไม่ใช่เด็กๆ ”
“อ่อ คุณอัคนีก็นิสัยลุงๆ แบบนี้แหละ
แกไม่เคยมีเพื่อนต่างเพศต่างวัยคงจะไม่รู้จะทำตัวยังไง”
“คะ?
คุณอัคนีไม่เคยมีแฟนหรือคนรักเลยเหรอคะลุง”
“เท่าที่จำได้ก็ไม่มีนะ...อ้อ นึกออกแล้ว
ลุงเคยเห็นคุณอัคนีสนิทกับผู้หญิงอยู่คนนึงสมัยเรียน ม.ปลายแต่จู่ๆ
ผู้หญิงคนนั้นก็หายเงียบไป ได้ข่าวว่าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศน่ะ”
“อ๋อ
ถ้าอย่างนั้นหนูก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะถ้าคุณอัคนีจะมีนิสัยลุงๆ อย่างที่ลุงว่า”
ชายชรากับเด็กสาวหัวเราะร่วนร่วมกันก่อนจะชูนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากส่งสัญญาณว่าเรื่องที่คุยกันทั้งหมดนั้นถือเป็นความลับที่ห้ามแพร่งพราย
ไม่นานนักการเจรจาต่อรองและการเซ็นสัญญาร่วมทำธุรกิจซื้อขายครั้งใหญ่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
คู่ค้าทั้งสองฝ่ายต่างจับมือกันอย่างเป็นมิตรด้วยรอยยิ้มพลางจิบไวน์ราคาแพงเป็นการฉลองให้กับธุรกิจตน
"ทางไร่ของเราต้องขอขอบคุณคุณเกรียงไกรเป็นอย่างมากที่ไว้ใจเลือกกาแฟจากไร่ภูเพลิงไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเคเคกรุ๊ปครับ"
"แหม่ ก็กาแฟของไร่คุณขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพระดับประเทศขนาดนี้ ถ้าผมไม่รีบมาเซ็นสัญญากับคุณมีหวังบริษัทอื่นคงจะชิงตัวตัดหน้าผมไปแน่ๆ
"
"ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งครับ"
"ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องขอตัวก่อนเพราะต้องรีบกลับไปประชุมบอร์ดบริหารเย็นนี้ต่อ"
"ครับ สวัสดีครับ แล้วเจอกันครับ" อัคนีกล่าวลา ก่อนที่คู่ค้าทั้งสองฝ่ายจะพากันแยกย้ายไปตามทางของตน
"นายจะกลับไปที่ไร่เลยไหมครับ หรือว่าจะไปไหนต่อ"
"พาธารทิพย์ไปซื้อชุดนักเรียนกับเสื้อผ้าอยู่บ้านชุดใหม่"
"เดี๋ยวเรื่องนั้นผมจัดการเองก็ได้ครับ แค่ซื้อเสื้อผ้าให้เด็กที่ทำงานในไร่แค่นี้เองนายไม่เห็นจะต้องพาไปซื้อด้วยตัวเองหรอกครับ"
ร่างกำยำในชุดสูทสีครีมหยุดก้าวเท้าพลางหันมาจ้องหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนักจนคนถูกจ้องต้องสงบปากสงบคำก้มหน้านิ่ง
"วันนี้นายดูจะจุ้นจ้านกับฉันไปซะทุกอย่างเลยนะภูริ...ฉันเป็นผู้ปกครองของธารทิพย์ทำไมฉันจะพาเธอไปซื้อของพวกนั้นด้วยตัวเองไม่ได้"
"ขอโทษครับนาย"
ขายาวก้าวฝีเท้าเร็วขึ้นหลังจากปรามลูกน้องคนสนิท
ประตูของรถแวนสีดำคันหรูที่ขับมาจอดเทียบรอเจ้าพ่อมาเฟียตรงหน้าโรงแรมถูกเปิดออกพร้อมปรากฏใบหน้าสวยหวานเปื้อนรอยยิ้มแสนสดใสของคนที่นั่งรออยู่บนรถส่งให้ผู้ที่ก้าวขึ้นมาใหม่ซึ่งมันทำให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าในการเจรจาธุรกิจของอัคนีหายไปจนสิ้นอย่างประหลาด
"คุยงานเสร็จแล้วเหรอคะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ"
"อืม"
"ดีจังค่ะ หนูคิดว่าจะนานกว่านี้ซะอีก แสดงว่าคุณอัคนีต้องเก่งมากแน่ๆ ที่สามารถทำให้อีกฝ่ายยอมเซ็นสัญญาในเวลาอันสั้นขนาดนี้"
"ก็ไม่ถึงกับเก่งอะไรมากมายนักหรอก การเจรจาธุรกิจต้องใช้เวลาและติดต่อสื่อสารกันหลายครั้งจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะพอใจในข้อตกลงร่วมกัน"
"แต่ยังไงก็เก่งอยู่ดีค่ะ หนูปรบมือให้เลย" ไม่พูดเปล่า ธารทิพย์ยกสองมือขึ้นปรบรัวๆ ให้คนที่เธอเพิ่งกล่าวชื่นชมด้วยท่าทางราวกับเด็กจนเสือยิ้มยากอย่างอัคนีถึงกับหลุดหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนจะดึงสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าถูกลูกน้องที่เบาะหน้าทั้งสองแอบลอบมองผ่านกระจกมองหลัง
"ออกรถได้แล้ว!"
"คะ คะ ครับ"
ไม่นานนักรถแวนก็เข้าเทียบจอด ณ
ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
เด็กสาวที่ฉีกยิ้มไม่หยุดปากมาตลอดทางถึงกับนั่งไม่ติดเบาะเมื่อได้เห็นสิ่งตรงหน้าเต็มๆ
ตา...นั่นเป็นเพราะวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นของเธอหมดไปกับการช่วยพ่อแม่ทำงานในไร่กาแฟของอัคนีทั้งตอนหลังเลิกเรียนและในวันหยุด
ด้วยความที่มีฐานะยากจนจึงทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทั้งสามคนหามาได้ต้องเก็บไว้เป็นค่าขนมของธารทิพย์ทั้งหมด
อย่าว่าแต่ห้างสรรพสินค้าที่วัยรุ่นทั่วไปมักจะมาเดินเล่นกันเลย แม้แต่ร้านกิ๊ฟช็อปเล็กๆ
ธารทิพย์ก็ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเพราะกลัวว่าตัวเองจะอยากได้อยากมีตามเพื่อนจนเผลอใช้เงินฟุ่มเฟือยไปกับของสวยๆ
งามๆ
"ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ" คนนั่งสังเกตเอ่ยถาม
"ใช่ค่ะ หนูไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลยเคยได้ยินแต่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าข้างในมีของขายมากมาย ดีใจจังเลยค่ะที่ได้มาเห็นกับตาสักที"
"วันนี้ถ้าเธออยากได้อะไรก็บอกนะ เดี๋ยวฉันซื้อให้"
"ขอบคุณค่ะคุณอัคนี"
ความคิดเห็น