ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BROTHER

    ลำดับตอนที่ #2 : BROTHER

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 57





    BROTHER

     

    ทุกอย่างเลือนลางเหมือนภาพฝัน จากสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขา ลูแอลรู้เพียงว่าเขากำลังถูกลากไปตามพื้นคอนกรีต มันคงเป็นซอยแคบที่ไหนสักแห่ง เสียงพูดคุยจากเจ้านายดังอยู่ตลอดเวลา แต่เขาฟังไม่รู้เรื่อง มันยังคงดังแม้ลูแอลไม่ได้ตอบรับ แสดงว่าเจ้านายคงพูดกับคนอื่น

    เพียงไม่นาน ใครบางคนก็เลิกลากเขาและปล่อยขาลงกระแทกพื้นอย่างไม่ไยดี เสียงพูดคุยดังชัดเจนกว่าเดิม ฟังดูเคร่งเครียด รู้ตัวอีกทีลูแอลก็ถูกอุ้มและเหมือนจะเคลื่อนที่กลับไปยังทางเก่า เขารู้สึกเหมือนใจจะขาด

    “เจ้านาย...” ลูแอลครางเสียงแผ่ว เขากำลังอยู่ห่างจากเจ้านายมากขึ้นเรื่อย ๆ

    “เจ้านาย!” เขาลืมตาโพลง พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของชายแปลกหน้า ชายคนนั้นตกใจเพียงชั่วครู่ก็จับลูแอลไว้ได้มั่นเหมือนเดิม

    “ปล่อยผม ผมต้องไปหาเจ้านาย... เจ้านาย!” ถึงจะร้องดังหรือดิ้นแรงแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจหลุดจากพันธนาการของชายแปลกหน้าได้

    ในที่สุด ชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว ร่างของลูแอลถูกกดลงที่พื้นข้างทาง เขาพยายามลุก แต่มือเพียงข้างเดียวของคนตรงหน้ากลับดูมีพลังมาหาศาล ลูแอลเห็นเขาเงื้อมือข้างหนึ่งขึ้น บางสิ่งในมือเขาต้องแสงจันทร์เป็นประกาย มีด! ลูแอลเบิกตากว้าง ไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงร้องเมื่อมีดเล่มเล็กปักลงมาแล้ว

    เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่ลากบนอกซ้ายเป็นตัวอักษรบางอย่าง มันทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั่วร่างราวกับมีไฟมาแผดเผา ภาพของเจ้านายคนเก่าพรั่งพรูออกมา ล่าสุดเขาทำงานพลาด... แล้วภาพเหล่านั้นก็จางหายไป เหลือเพียงความโล่ง ว่างเปล่า และสายใยใหม่กำลังเริ่มทำงาน

    “ฟังไว้ลูแอล ต่อจากนั้นฉันคือเจ้านายของนาย”

    ลูแอลช้อนตามองร่างที่ลุกขึ้นยืนอยู่เหนือเขา เลือดไหลออกจากฝ่ามือเป็นทาง ลูแอลลุกขึ้นยืนตาม

    “ทำไมเจ้านายบาดเจ็บ... ผมจะทำแผลให้ขอรับ”

     

     

     

    ดอล คือทาส ต่อให้เรียกอย่างหรูหราว่าเป็นผู้รับใช้ แต่ใครก็รู้ดีว่ามันไม่ต่างกัน ทาสย่อมเป็นทาสและไม่อาจเป็นอย่างอื่นได้ เช่นนั้นแล้ว ดอลอย่างลูแอลก็สมควรจดจำเพียงว่าต้องทำตามคำสั่งและปกป้องเจ้านายเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่สิ... อันที่จริงดอลไม่มีความรู้สึกเลยต่างหาก

    เพราะฉะนั้นต่อให้อากาศยามเช้าวันนี้จะร้อนระอุขนาดไหน มันก็ไม่ส่งผลให้เด็กหนุ่มวัย 16 ปี หลบเลี่ยงออกไปจากเตาแก๊ส เสียงซ่า ๆ ยังคงดังต่อเนื่องอยู่หลายนาทีกว่าจะเงียบลงตอนที่ร่างใครบางคนโผล่เข้ามาในครัว

    “เชิญที่โต๊ะอาหารเลยขอรับเรเซอร์” ลูแอลหันมองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถึงอย่างนั้น เรเซอร์ เอเมอร์ทัล ก็ยังคงส่งยิ้มอบอุ่น

    “บอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามาทำอาหารน่ะ” เรเซอร์เอ่ยเสียงอ่อน

    หลายเดือนที่เขาพยายามทำให้ดอลภายใต้พันธะสัญญาเลิกทำท่าเย็นชา และเลิกคิดว่าเขาเป็นเจ้านาย แต่นั่นไม่เคยส่งผลอะไรต่อลูแอลเลย

    “เชิญขอรับ”

    สุดท้ายเรเซอร์ทำได้เพียงถอนหายใจ และจำยอมไปนั่งรออาหารที่เสิร์ฟโดยลูแอล เขาไม่ลืมที่จะเรียกดอลมานั่งด้วยกัน และชวนคุยแบบที่ทำทุกวัน แม้ว่าลูแอลจะถามคำตอบคำก็ตาม

    “ไปเถอะ วันนี้เราต้องรีบหน่อย” เรเซอร์ส่งเสียงเรียกดอลที่ผันตัวไปเป็นแม่บ้านอีกครั้งให้รีบออกมาจากครัว ร่างสูงก้าวฉับ ๆ เปิดประตูปอร์เช่สีแดงสดให้ลูแอลแทรกตัวเข้าไปนั่ง

    “คราวหลังผมเปิดเองขอรับ” ลูแอลพูดเช่นนี้เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยได้เปิดประตูรถ เรเซอร์หัวเราะหึหึในลำคอ ลูแอลมีส่วนรั้นในแบบของดอล แต่เรเซอร์เองก็มีความรั้นในแบบของเขาเช่นกัน

    เรเซอร์ไม่มีงานประจำ เขารับงานเรื่อย ๆ ตามใจ บางครั้งเป็นภารกิจง่าย ๆ หรือล่ารางวัล แต่ก็มีไม่น้อยที่เขารับงานเกี่ยวกับคดีพิเศษ อย่างวันนี้ และเช่นกัน ทุกครั้งลูแอลจะไปในฐานะผู้ช่วย เป็นเพียงแค่ผู้ช่วยเท่านั้น...

    ชายหนุ่มเหลือบมองตุ๊กตาไร้ความรู้สึกที่นั่งนิ่ง หน้าตรงไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างก็ได้แต่ถอนหายใจ ดอลยังไงก็คือดอลจริง ๆ เขาเอี้ยวตัวไปคว้ากระเป๋าหนังสะพายข้างมาส่งให้ลูแอล

    “พกติดตัวไว้ลูแอล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าให้มันห่างตัวเด็ดขาด ส่งมาให้ฉันเฉพาะตอนที่ฉันขอร้องเท่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายต้องเอาตัวรอด ไม่ต้องห่วงข้างหลัง เข้าใจมั้ย?” น้ำเสียงของเรเซอร์เคร่งเครียด ลูแอลรับกระเป๋าไปสะพาย และตอบรับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

    “ขอรับ”

    เรเซอร์ไม่แน่ใจเลยว่าลูแอลจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างหลัง ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่ภาวนาระหว่างที่จอดรถเทียบชายป่า

    บรรยายกาศอึมครึมของป่าบ่งบอกความไม่ชอบมาพากล เรเซอร์เหน็บปืนและกระบองเหล็กไว้กับตัว เขาหันไปส่งยิ้มให้ดอลก่อนจะขยี้ผมของเด็กหนุ่มเบา ๆ

    “พร้อมสำหรับภารกิจรึยัง วันนี้เราจะจับปีศาจกันนะน้องชาย” ลูแอลทำเพียงตอบรับด้วยคำสั้น ๆ และสีหน้านิ่งเหมือนเคย

    น้องชาย คำเรียกก่อนปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง บางครั้งที่เรเซอร์ทำงานร่วมกับคู่หู เขาจะบอกทุกคนว่าลูแอลเป็นน้องชาย แม้ลูแอลจะไม่ชอบใจ แต่ก็จำใจยอมรับ อย่างไรเสียเขาก็มีหน้าที่แค่ ดูแล ทำตามคำสั่ง และ... ปกป้อง เท่านั้น

    ทั้งสองเดินตามทางสายเล็กเข้าสู่ป่า บริเวณป่ามืดกว่าปกติเพราะต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้าน มันเงียบสนิทจนได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำลงบนดินนุ่ม ๆ มันส่งเสียงหยุบหยับทุกครั้งที่มีการยกเท้าขึ้นลง ต่อให้พยายามเดินเบาแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไร แต่เรเซอร์ก็คิดว่าดีกว่าโคลนที่จะคอยรั้งไม่ให้เคลื่อนไหวไปไหนง่าย ๆ

    ร่างสูงพยายามหันมองลูแอลเป็นระยะ ดอลยังคงเดินตามเขาเรื่อย ๆ ด้วยระยะห่างที่ไม่เปลี่ยนแปลง สีหน้าเรียบนิ่งดูไม่ยี่หระต่อสภาพแวดล้อมแม้ต่อน้อย ทว่า หากสังเกตจะเห็นว่าลูแอลกำบางอย่างในมือจนแน่น และคาดว่าคงพร้อมกระโจนเข้าใส่ทันทีหากมีอะไรโผล่ออกมา

    เรเซอร์เริ่มเดินออกนอกเส้นทาง สายหลัก เมื่อเริ่มเข้าป่าลึกก็เริ่มมีเสียงแปลกหลายอย่างดังแว่วมาให้ได้ยินไม่หยุด ทั้งสองต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กดดันอยู่ในบรรยากาศ มันชวนให้หายใจไม่ออกราวกับมีบางอย่างมากดทับหน้าอกไว้

    ลูแอลเดินสะดุดเป็นครั้งแรกเพราะน้ำหนังของบางสิ่งในกระเป๋าเพิ่มขึ้น ชายหนุ่มหันไปมอง

    “มันพยายามไปทางไหนลูแอล” เด็กหนุ่มฟังคำถามก็ยืนนิ่งพักหนึ่ง เขาพยายามสัมผัสน้ำหนักของกระเป๋าที่เหมือนจะดึงตัวเองไปที่ไหนสักแห่ง ในที่สุดเขาก็ชี้มือ

    “ทางนั้นขอรับ”

    ชายหนุ่มขยี้ผมเด็กหนุ่มอีกครั้งแทนการขอบคุณ ก่อนจะเดินนำไปยังทิศทางที่ลูแอลบอก บรรยากาศที่กดดันมากขึ้นบ่งบอกว่าพวกเขามาถูกทาง จนกระทั่งเรเซอร์พบต้นไม้หน้าตาประหลาดอยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่กี่เมตร

    “รออยู่นี่นะลูแอล อย่าลืมที่บอกไว้ล่ะ” เรเซอร์หันมาเอ่ยเสียงเรียบกับดอลก่อนจะค่อย ๆ เดินไปสำรวจต้นไม้ มันเป็นต้นไม้ที่มีลำต้นอวบ ตะปุ่มตะป่ำ ซ่อนโพรงเล็ก ๆ ไว้หลายที่ มีใบอยู่เพียงสองสามใบที่กำลังจะร่วงมิร่วงแหล่ ชายหนุ่มหยิบมีดที่เหน็บไว้ขึ้นมาแนบอก

    “ในนามของข้า เรเซอร์ เอเมอร์ทัล ขอพลังเป็นของข้า”

    ลมพัดวูบหนึ่งก่อนที่มีดเล่มเล็กจะถูกปักลงบนต้นไม้ เรเซอร์กดน้ำหนักกรีดมันจนเป็นทางยาว ของเหลวสีดำไหลซึมออกมา

    “ออกมาสิ วีเวอร์...”

    ฉับพลันลมก็กระโชกแรง ฝูงนกกระพือขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงหวีดร้องดังก้องหู ต้นไม้ต้นหนึ่งโค่นลงขวางระหว่างลูแอลและเรเซอร์ เงาดำล้อมรอบตัวพวกเขาแยกจากกันไว้ ลูแอลไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเรเซอร์เป็นยังไงบ้าง แต่ก็จำคำสั่งของเจ้านายได้แม่น เขาใช้มือข้างหนึ่งกอดกระเป๋าที่หนักอึ้งไว้ มืออีกข้างยกมีดขึ้น ร่างเพรียวกระโจนเข้าหาเงาดำ จัดการสังหารปีศาจอย่างรวดเร็ว ทว่ามันกลับมีเยอะจนเกินไป

    ลูแอลก้มหลบขวานที่พุ่งเข้ามา อาศัยจังหวะนั้นแทงหลังปีศาจตนหนึ่ง แต่ตรงหน้าเขาก็ปรากฏขึ้นอีกสอง ไม่ว่าลูแอลจะสังหารไปเท่าไหร่ ก็มีตัวใหม่เกิดขึ้นมาทุกครั้ง

    “ส่งสมุดมาเดี๋ยวนี้” เสียงคำสั่งเฉียบขาดดังขึ้นข้างหลัง เด็กหนุ่มยันปีศาจสองตัวออกไป หันขวับไปมองเรเซอร์ที่ยืนหอบอยู่

    “ส่งสมุดมาสิ นี่เป็นคำสั่ง” ลูแอลเอียงคอราวกับฟังคำสั่งนั้นไม่รู้เรื่อง ก่อนที่เขาจะพุ่งไปหาร่างของเรเซอร์ กดปลาดมีดเข้ากลางอก แล้วร่างของเรเซอร์ก็สลายเป็นควันดำไป

    “ลูแอล มาทางนี้หน่อย ช่วยเอากระเป๋านั่นมาด้วย” เสียงของเรเซอร์ทำให้ลูเอลหันขวับอีกครั้ง เขากอดกระเป๋าแน่นขึ้น กระโจนฝ่าฝูงปีศาจไป ระหว่างนั้นก็กวัดแกว่งมีดอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะโดนบางสิ่งฟาดเข้ากลางหลังจนกระเด็นไปไกล แต่ลูแอลไม่สนใจความเจ็บปวด เขาฝืนลุกขึ้น เขวี้ยงมีดพกอีกเล่มออกไปและวิ่งต่อจนกระทั่งพบว่าผู้เป็นนายกำลังกำลังถูกปีศาจตัวใหญ่เล่นงาน มันกดร่างของชายหนุ่มไว้ พยายามใช้กรงเล็บฟาดฟันเรเซอร์ แต่เขาใช้กระบองเหล็กปัดป้องไว้

    เด็กหนุ่มไม่รอช้า เขากระโจนไปทางปีศาจ ทว่าดูเหมือนมันจะรู้ตัว เพราะมันหันกลับมาเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ไม่ทันแล้ว มีของลูแอลแทงเข้ากลางอกของมันระหว่างที่โยนกระเป๋าให้เรเซอร์ มันสบตาไร้ความรู้สึกของดอลก่อนที่จะแสยะยิ้มขึ้นมา

    “ตั้งใจมาหาเรื่องข้าเพราะสิ่งนี้สินะ หึ หึ หึ” มันพูด

    ลูเอลมองปีศาจด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพียงไม่นานดวงตาสีแดงฉานของมันก็ทำให้เขารู้สึกอึกอัด ลูเอลหายใจหอบ พยายามปักมีดลงไปให้ลึกกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองหมุนคว้างอยู่ในดวงต่าคู่นั้น เสียงหัวเราะน่ารังเกียจดังมาไม่หยุด

    “พอได้แล้ว!” เรเซอร์ร้อง เขากางสมุดเล่มหนาออก มันส่องแสงสว่างเมื่อเขาเริ่มพึมพำ

    “ข้อในนามผู้รับใช้แห่งเทพ ขอผนึกเจ้าไว้ด้วยความผิดบาปของเจ้า!” สิ้นเสียงร่างของปีศาจก็ถูกดูดเข้าไปในสมุด ปีศาจตนอื่นหายไป เรเซอร์รีบเก็บสมุดลงกระเป๋า และเข้าไปช้อนร่างของดอลที่หลับไหลอยู่ เขาถอนหายใจหนัก

    “ขอโทษนะลูแอล ดูเหมือนครั้งนี้จะหนักเกินไปสำหรับนาย”

     

     

     

    เขาเดินอยู่ในทางสีขาวโพลน ก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า เรื่อยเปื่อย... แล้วภาพบางอย่างก็เริ่มปรากฏ เขาหยุดเดินเพราะมาอยู่ในห้องทานอาหารของครอบครัวหนึ่ง เขาเห็นคนสี่คนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ชายวัยกลางคนคงเป็นพ่อ และผู้หญิงคงเป็นแม่ เด็กชายสองคนน่าจะเป็นพี่น้องกัน พวกเขาช่างคุ้นตาเขาเหลือเกิน ภาพต่าง ๆ ผ่านเข้ามาอย่างช้า ๆ มันเป็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่น สงบสุข เด็กชายทั้งสองถูกเลี้ยงดูอย่างดี และเติบโตขึ้น

    ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าทำไมถึงได้คุ้นหน้าเด็กชายนัก คนพี่ละม้ายคล้ายเรเซอร์เหลือเกิน ส่วนคนน้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเขาเอง... ลูแอล

    เมื่อเวลาผ่านไป ความสุขก็จบลง ลูแอลมองเห็นคนมากมายบุกเข้าบ้าน พวกมันวิ่งทะลุตัวเขาไป ฆ่าพ่อกับแม่ แต่เรเซอร์พาน้องชายของเขาออกจากบ้านได้ก่อนที่มันจะถูกเผา ลูแอลวิ่งตามทั้งสองไปในซอยเปลี่ยว เขารู้สึกใจไม่ดีจนอยากตะโกนห้ามทั้งสองไว้ แต่ก็ทำไม่ได้

    ...เจ็บปวด... ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวด...

    ลางสังหรณ์ของเขาไม่ผิด เมื่อจู่ ๆ ก็มีชายสองคนพุ่งเข้ามาจับตัวลูเอลในวัยเด็กไว้ พวกมันชนเรเซอร์จนศีรษะกระแทกเข้ากับกำแพง และเรเซอร์ก็สลบไป

    “ไม่ ไม่นะพี่ชาย ม่ายยยยยยยยยยย” เสียงของลูแอลดังลั่น ชายสองคนฉีดยาบางอย่างใส่เขา แล้วทุกอย่างก็มืดไป

    รู้สึกตัวอีกทีเขาก็อยู่ในห้องแปลก ๆ ที่มีเปลวไปจุดอยู่กลางห้อง ร่างของลูแอลถูกวางไว้บนเสื่อข้างเปลวไฟนั้น ชายสองคนยืนอยู่คนละฝั่ง

    “ข้าจะทำให้พวกมันรู้ว่า ความรู้สึกของการถูกผนึกเป็นยังไง” ใครคนหนึ่งพูด มันหยิบมีดขึ้นมาก่อนจะปักลงตรงอกซ้ายของลูเอล

    “ต่อแต่นี้เจ้าคือดอล ผู้เชื่อฟังเจ้านาย และพร้อมตายแทนเจ้านาย”

    “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เขากรีดร้อง มองร่างของตัวเองถูกโยนเข้าสู่เปลวไฟ

     

     

     

    “ไม่นะ... ไม่!” ร่างเพรียวผุดนั่ง เขาหอบจนตัวโยน ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจไม่จากไปไหน ลูแอลกำผ้าห่มแน่น เขาไม่เคยฝันมาก่อน  และความฝันครั้งแรกก็น่ากลัวเกินไป

    “ลูแอล...” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้น ลูแอลเงยหน้าขึ้นสบตาเรเซอร์ เขายืนอยู่ที่ประตู และส่งสายตาเป็นห่วง

    ...เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอบอุ่น...

    “เร...”

    โครม!

    เสียงดังขึ้นจากชั้นล่าง ตัวบ้านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ลูแอลผุดลุกขึ้นจึงได้รู้ว่าเขาระบมไปทั้งตัว เรเซอร์กดเด็กหนุ่มให้นอนลงกับเตียง

    “พักผ่อน อย่าลงไปข้างล่างเด็ดขาด ฉันจะไปจัดการเอง อย่าลืม... ถ้าเกิดอะไรขึ้น เอาตัวรอด

    แม้เสียงของเรเซอร์จะเป็นคำสั่ง แต่ลูแอลยังคงฝืนผุดลุกขึ้นตอนที่เรเซอร์ออกจากห้อง เขาได้ยินเสียงก็อกแก็กหน้าประตู บ่งบอกว่าเจ้านายได้ทำบางอย่างกับมัน

    บางอย่างที่ทำให้เขาเปิดประตูไม่ออก!

    “ไม่ เรเซอร์ ปล่อยผมออกไปขอรับ เรเซอร์!” ลูแอลร้องลั่นและทุบประตู เขาได้ยินเสียงโครมครามมาจากชั้นล่าง มันทำให้ลูแอลเริ่มรู้สึกกลัว... กลัวว่าจะต้องสูญเสียเรเซอร์ไป

    “ต่อแต่นี้เจ้าคือดอล ผู้เชื่อฟังเจ้านาย และพร้อมตายแทนเจ้านาย”

    เสียงของชายแปลกหน้าดังก้องเข้ามาอีกครั้ง

    “ไม่ได้ ต้องปกป้อง ต้องปกป้องเท่านั้น” ลูแอลกระวนกระวาย ในที่สุดเด็กหนุ่มก็วิ่งไปหยิบอาวุธประจำกายในลิ้นชัก เขาใช้สองมือประคองมีดไว้

    “พลังเป็นของข้า ข้าต้องปกป้อง...” เกิดแสงสว่างวาบอยู่วูบหนึ่งก่อนที่ลูแอลจะฟันประตูสุดแรง

    ประตูเกิดรอยฟันเป็นทางยาวก่อนที่มันจะพังลง ดอลหอบเล็กน้อยก่อนจะฝืนพาตัวเองวิ่งลงไปชั้นล่าง ภาพที่เขาเห็นคือสภาพบ้านที่เละเทะ ปีศาจกระจายอยู่ทั่ว และดูเหมือนจะมีเพิ่มเข้ามาไม่หยุด

    “ส่งสมุดผนึกปีศาจมา!” เสียงปีศาจในชุดเกราะเหล็กเปล่งดังก้องใส่เรเซอร์ ซึ่งตอนนี้ยืนตั้งหลักอยู่กลางห้อง เขายกกระบองเหล็กขึ้นก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นคฑาขนาดสั้น

    “ข้ามศพฉันไปก่อน!” เรเซอร์ขยับยิ้มที่มุมปาก ลูแอลรู้สึกกระวนกระวาย

    ...ไม่! ไม่ได้ ต้องปกป้อง...

    ร่างเพรียวของเด็กหนุ่มพุ่งลงไปยังชั้นล่างก่อนจะเริ่มกวัดแกว่งมีดในมือเพื่อเบิกทางไปยังชายหนุ่ม

    ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับร่างกายที่ยังพักฟื้นไม่เต็มที่และจะฝ่าฝูงปีศาจหลายสิบตัวไปได้ง่าย ๆ หลายครั้งที่ลูแอลต้องกวาดล้างเป็นวงกว้างเพื่อพักหายใจก่อนจะเปลี่ยนทิศทางตามเรเซอร์ไป เสียงการปะทะกันของชายหนุ่มและปีศาจดังมาเป็นระยะ ทุกครั้งที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดท่าลูแอลจะหวั่นใจทุกครั้ง

    “เตรียมตัวตายเถอะ แล้วข้าจะให้ผีของแกเห็นปีศาจที่ถูกผนึกเล่มนั้นออกมาฆ่านักล่าปีศาจแบบพวกแกให้หมด” เจ้าปีศาจยกมือขึ้น ก่อลูกพลังสีแดงฉานขึ้นมา เรเซอร์ยกคฑาเตรียมตั้งรับ

    “เสียใจด้วยนะ ฉันไม่ใช่นักล่าปีศาจ”

    ฉับพลันปีศาจก็ปล่อยพลังไปยังเรเซอร์ เรเซอร์ส่งพลังเวทย์สีขาวออกไปต้าน และพลังเวทย์ของชายหนุ่มก็เริ่มกินพื้นที่มากขึ้น

    “ระวัง!” ลูแอลตะโกนดังลั่น ร่างเพรียวของเด็กหนุ่มกระโจนใส่ปีศาสสองตนที่คิดเล่นลับหลัง มีคมเฉือนคอตนหนึ่ง และฟันถูกไหล่อีกตนหนึ่ง ในขณะเดียวกันกรงเล็บของปีศาจตนที่สองก็คาอยู่ที่ห้องของเด็กชายก่อนจะสลายไป เป็นจังหวะที่พลังสีขาวพุ่งไปกระแทกปีศาจในชุดเกราะ มันพุ่งกระเด็นไปไกล ลอยทะลุกำแพง ออกนอกบ้าน และหายลับไป มีเสียงแว่วมาให้ได้ยินว่า...

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ!!!

    เรเซอร์หันกลับไปมองลูแอล ร่างเพรียวโซเซใกล้ล้ม แต่ก็ยังฝืนสู้กับปีศาจที่โถมเข้ามา ชายหนุ่มหายใจแรง กัดฟันกรอด เขาไม่ชอบที่เห็นลูแอลในสภาพแบบนี้ คฑาของเขาเรืองแสง สมุดผนึกปีศาจลอยกางอยู่ต่อหน้าเขา

    “ข้อในนามผู้รับใช้แห่งเทพ ขอผนึกพวกเจ้าทุกตัวไว้ด้วยความผิดบาปของพวกเจ้า!” เสียงก้องกังวาลดังไปทั่ว แสงสว่างจ้าบาดตา มันสว่างจนมองไม่เห็นอะไร ตามด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง ก่อนที่ความสงบจะกลับคืนมา...

    สมุดผนึกปีศาจร่วงลงบนพื้น คราวนี้เรเซอร์ไม่ได้ให้ความสนใจมันอีกต่อไป ร่างสูงกระวนกระวาย รีบเดินไปหาลูเอลทันประคองร่างดอลที่โงนเงนล้มลง

    “ลูแอล อย่าหลับนะลูแอล นี่เป็นคำสั่ง!” เรเซอร์เอ่ยเสียงสั่น มองดูเด็กหนุ่มที่ท่าทางอ่อนล้าเต็มที

    “ผมอยากทำให้ได้อย่างนั้นขอรับเรเซอร์” ลูแอลตอบกลับเสียงแผ่ว เป็นครั้งแรกที่เรเซอร์มีโอกาสสังเกตเห็นแววตาที่แสดงอารมณ์ของเด็กหนุ่ม สายตาของความอาลัย...

    “ลูแอล ฟังเรื่องทุกอย่างจากฉันก่อน ระหว่างนี่นายห้ามหลับนะ เข้าใจมั้ย” เรเซอร์สั่ง ลูแอลฝืนยิ้มเป็นการตอบรับ

    “นายคงเห็นเรื่องราวเหล่านั้นแล้ว ลูแอล นายเป็นน้องชายของฉัน ฉัน... ขอโทษที่ปกป้องนายไม่ได้ ทำให้นายต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ แม้ฉันจะพาตัวนายมาอยู่ด้วยได้แต่ฉันก็ทำให้นายบาดเจ็บอีกจนได้ ขอโทษนะลูแอล...”

    น้ำหยาดใสหยดลงบนแก้มซีดของเด็กชาย ร่างกายของเขาเริ่มผุพังลง พันธสัญญาที่อยู่ตรงอกซ้ายเลือนลางลง ลูแอลฝืนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...

    “ขอโทษ... นายอย่าหลับสิ นี่เป็นคำสั่งของฉันนะ ฉันเป็นเจ้านาย เป็นพี่ชายนายนะ อึก!” ลูแอลไม่เคยเห็นเรเซอร์ร้องให้มาก่อน และเขาก็ไม่ชอบมันเลย

    ...ต้องปกป้อง... ปกป้องเจ้านาย... ปกป้อง...

    “... พี่ชาย...” เสียงของลูแอลแว่วให้ได้ยินก่อนที่ดวงตาของเขาจะปิดลง

    “ไม่! ไม่ ไม่ ไม่.. ไม่นะลูแอล นี่เป็นคำสั่ง!” เรเซอร์ได้แต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น กอดร่างของน้องชายไว้แนบกาย

    สุดท้ายแล้ว..... ความพยายามทั้งหมดของเขาคงจบลงเท่านี้.....

    เขา... ที่ขัดขวางงานของลูเอลเพื่อให้เขาทำภารกิจพลาด

    เขา... ที่ทำทีเข้าไปขอซื้อตัวลูแอลต่อจากเจ้านายคนก่อน

    เขา... ที่จงใจพาลูเอลไปหาวีเวอร์เพราะหวังว่าพลังของมันจะทำให้ลูแอลได้ความทรงจำกลับคืนมา

    เขา... ที่ต้องสูญเสียทุกอย่างไปอีกครั้ง

    เขา... จึงได้แต่ร้องไห้ ขอโทษ น้องชาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนไปอยู่อย่างนั้น...

     

     

     

     

    ------------------------------------------------------

     

    ขออภัยที่มันออกจะดูเผาไปสักนิด ข้าพเจ้าหลง นึกว่าส่งวันที่ 10 (คือนางเมา) ขออภัยเจ้าของพล็อตจริง ๆ TwT


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×