ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bungou Stray Dogs : G O A L (Fanfic : Male Character x Oc)

    ลำดับตอนที่ #7 : CH.6? 「คนที่ภายนอกน่ากลัว ภายในมักอ่อนไหวกว่าที่เห็น」

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 569
      59
      24 พ.ค. 64

    (นั่นเป็นบทความนึงที่ฉันอ่านจากหนังสือแนวจิตวิทยา จากบรรดาหนังสือของโมริซัง ไม่สิ ตอนนี้คงต้องเรียกบอส อย่างเต็มตัวของฉันแล้วเพราะตอนนี้ฉันคือสมาชิกของพอร์ทมาเฟีย)

     

    ยูซุรุนั่งหมกมุ่นอยู่ในห้องทำงานของโมริโดยหลังจากที่เธอนั้นเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว โมริได้มอบตำแหน่งรองผู้บริหาร ในสังกัดของชูยะเพื่อเป็นการให้ยูซุรุอยู่ในการรับผิดชอบของชูยะ แน่นอนว่าสาเหตุที่ให้ตำแหน่งสูงๆเอาไว้เพราะเผื่อเพิ่มอิสระให้กับยูซุรุตามที่ทั้งคู่ได้ตกลงไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้ทดลองเกี่ยกวับพลังของยูซุรุนั่นเอง

     

    (นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้วหลังจากที่ถูกพาตัวไปทดลองเกี่ยวกับพลังพิเศษนั่น เริ่มรู้สึกว่าพลังของตัวเองเสถียรขึ้น จากที่แรกๆนั้นทำให้คุณทาจิฮาระเสียการควบคุมพลังของตัวเองไปหน่อย แต่คงเพราะตัวเขาเองก็แข็งแกร่งกว่า ผู้ใช้พลังพิเศษที่เคยทำร้ายฉัน เลยทำให้กลับมาคุมพลังได้)

    “โทโมเอะ ฉันอยากกินเค้กอ่ะ” เสียงเล็กของเอลิซ เรียกยูซุรุที่กำลังยืนเลือกหนังสืออย่างใจจดใจจ่อ

     

    “เอ๋? พึ่งจะกินไปเมื่อวานเองนี่คะ เอลิซจังไม่เบื่อหรอ?”

     

    “ไม่เบื่อหรอก แต่เบื่อแบบเบเกอรี่แล้ว อยากกินเค้กโฮมเมดฝีมือโทโมเอะบ้างนี่นา”

     

    “แต่ว่าไม่มีวัตถุดิบเลยนะคะ”

     

    “ถ้างั้นก็ออกไปซื้อสิครับ ผมอนุญาตให้ไปกับใครซักคนนะครับห้ามไปคนเดียว” โมริที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานเอ่ยขึ้นมาขณะที่สายตาของเขาก็ยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารที่ถูกวางไว้กองพะเนิน

    .

    .

    .

    .

    “จะออกไปซื้อของทำเค้ก?? เอ่อจะว่ายังไงดีเนี่ย ตอนนี้ฉันยังไม่ว่างน่ะสิ ชวนคนอื่นไปแทนได้มั้ย?” ชูยะเอ่ยขณะที่เขากำลังวุ่นวายกับเหล่าลูกน้องของตัวเอง

     

    “เอลิซจังดันอยากกินเค้กฝีมือฉันเนี่ยสิ ทำยังไงดีล่ะเนี่ยดูเหมือนทุกคนจะไม่ว่างเลยน่ะค่ะ”

     

    ทันใดนั้นเองก็มีชายคนนึงซึ่งเดินผ่านหลังยูซุรุไป

     

    “นั่นไง ลากเจ้าหมอนั่นไปก็แล้วกัน เฮ้ย! อาคุตางาว่า!” ชูยะตะโกนเรียกชายที่เดินผ่านหลังยูซุรุไป จนเจ้าตัวถึงกับหยุดชะงักด้วยสีหน้าไม่พอใจ

    (อึ๋ย! โกรธแน่ๆ กำลังอารมณ์ไม่ดีรึเปล่านะ?)

     

    “มีอะไรครับ ชูยะซัง?”

     

    “ไปซื้อของกับโทโมเอะทีสิ”

     

    (ห้ะ?)

     

    อาคุตางาว่า ยืนนิ่งไม่ตอบอะไร ราวกลับกำลังสงสัยว่า ‘หัวหน้าของเรากำลังสั่งทำบ้าอะไรกันเนี่ย’ อยู่ในใจ

     

    “ได้ครับ” แต่ซักพักเจ้าตัวก็ตอบกลับ

     

    “ถ้านายไม่สะดวกใจล่ะก็ให้ฉันเรียกคนอื่นไปกับยัยนั่นก็ได้นะ”

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้”

     

    กิน ซึ่งเป็นน้องสาวของริวโนสุเกะ (อาคุตางาว่า) เดินมากระซิบหูยูซุรุ

     

    “ถึงพี่จะทำเหมือนไม่พอใจแต่จริงๆพี่เขาแค่อยากจะสนิทกับท่านยูซุรุน่ะค่ะ”

     

    ยูซุรุหันไปมองอาคุตางาว่าแล้วก็พบเขาที่กำลังจ้องมาอย่างไม่ละสายตา แถมยังส่งสายตาราวกับว่า ‘อย่าขัดขื่นแล้วรีบตามมาซะ’ แบบนั้นเลยทีเดียว และเขาก็เดินนำไปโดยไม่รอยูซุรุซักนิดเดียว

     

    “ถ้างั้นฉันกับอาคุตางาว่าซังจะไปซื้อของก็แล้วกันค่ะ ไปก่อนนะคะ” ยูซุรุรีบรุดตามอาคุตางาว่าที่ทำท่าจะเดินหนีแต่กลับเดินและเว้นระยะเพื่อไม่ให้ยูซุรุหลุดจากสายตาไปเท่านั้น

     

    “จะไหวมั้ยนะหมอนั่น…” ชูยะบ่นพึมพำ

     

    “รุ่นพี่อาคุตางาว่ากับยูซุรุเนี่ยนะหวังว่าพลังวิเศษของยัยนั่นจะไม่ทำให้เขาคลั่งหรอกนะ”

     

    “สิ่งที่ทำให้อาคุตางาว่าคุงคลั่งน่ะคงจะไม่ใช่พลังพิเศษของยัยหนูหรอกนะ”

     

    “รุ่นพี่อาคุตางาว่าไปกับผู้หญิงคนนั้นสองต่อสอง!!! มันต้องเป็นแผนของเธอแน่ๆ” ฮิงุจิพึมพำไม่หยุดสร้างความเหนื่อยใจให้กับสมาชิกคนอื่นๆ

     

    “ถ้าจะมัวมาบ่นพึมพำ ก็ไปทำงานสิเว้ยแล้วจะตามไปก็ตาม! ฉันก็มีธุระที่ต้องรีบไปเหมือนกัน!!!” ชูยะโวยวายจนคนอื่นๆขยับมือทำงานต่ออย่างไว

    (ชิ ใครจะบอกล่ะว่าเป็นห่วงยัยนั่นน่ะ ไปกับอาคุตางาว่าที่ทักษะพูดเป็นศูนย์แบบนั้น แต่ว่าโทโมเอะคงจะรับมือได้ล่ะมั้ง….ก็อาคุตางาว่าแพ้คนแบบหล่อนนี่เนอะ)

    .

    .

    .

    .

    .

    ในย่านการค้ากลางเมือง โยโกฮาม่า ผู้คนเดินพลุ่กพล่านเต็มไปหมดแม้จะเป็นย่านที่ขึ้นชื่อว่าเกิดเหตุอาชญากรรมเยอะมากก็ตามแต่มันเป็นเมืองท่าเรือที่จะมีสิ่งของต่างๆมากมายถูกนำมาวางขาย ณ ย่านการค้าแสนรุ่งเรือง

     

    “เอลิซจังจะชอบแบบไหนกันนะ?" ยูซุรุยืนเลือกอุปกรณ์ทำเบเกอรี่อย่างเพลิดเพลิน

     

    “โอ๊ะ คุณลูกค้ากำลังตามหาอะไร อึ๋ย!?”

     

    “ฮืมมมมมมมมมมมมมม”

    พนักงานประจำร้านถึงกับหน้าซีดและสตั้นไปเพราะข้างยูซุรุนั้นมีอาคุตางาว่าที่ยืนจ้องคนที่เข้ามาใกล้อย่างน่ากลัวแถมเจ้าตัวก็ดูไม่สบอารมณ์กับการเดินเข้าร้านเบเกอรี่แบบนี้

     

    “อาคุตางาว่าซังถ้าไม่สงบใจรอข้างนอกร้านก็ได้นะคะ ฉันว่าทำแบบนั้นลูกค้าของร้านนี้เขาก็กลัวหนีไปกันหมดพอดี”

     

    ไม่เพียงแต่พนักงานและเจ้าของร้านเท่านั้น ลูกค้าที่เดินอยู่ในร้านเองต่างพากันเดินตีออกห่างจากบริเวณที่ยูซุรุและอาคุตางาว่ายืนหรือขยับเดิน บ้างก็ยืนแข็งทื่อและมองอย่างระหวาดระแวง

     

    “ถ้าไปรอข้างนอกร้านนี้สงสัยจะไม่มีลูกค้าเข้ากันพอดี แถมเธออาจจะหาโอกาสหนีจากหลังร้านแทนก็ได้”

     

    (คนคนนี้คิดมากไปแล้วมั้ง….ก็บอกแล้วแท้ๆว่ายังไงก็ไม่หนีน่ะ ก็หนีไปไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่แล้ว จะให้หักหลังชูซังหรือโมริซังตอนนี้ก็…..)

     

    “ถ้าจะประกบคู่อยู่ด้วยกันก็ช่วยเลิกจ้องหน้าคนอื่นแล้วแล้วค่ะ ทำหน้าแบบนั้นน่ะคนเขาก็คิดว่าไม่เป็นมิตรกันพอดี”

     

    “แล้วทำไมกระผมต้องทำตัวเป็นมิตรด้วย ผมคือพอร์ทมาเฟีย กระผมไม่ต้องการมิตรบ้าบออะไรนั่นหรอก”

     

    “เห้อ….” ยูซุรุถอนหายใจแม้จะเหนื่อยใจกับความไม่เป็นมิตรของอาคุตางาว่านัก 

     

    หลังจากทยอยเลือกของต่างๆเสร็จยูซุรุและอาคุตางาว่าก็เดินมาที่แคชเชียร์

     

    (อ๊ะลืมคิดไปเลย…..เราจะถือของพวกนี้ไปยังไงกันเนี่ย มีกันอยู่แค่ 2 คน ต้องซื้อของอื่นอีกตั้งเยอะเลย….)

     

    “อาคุตางาว่าซังคะ ฉันว่าเราอาจจะต้องส่งของพวกนี้ไปที่ฐานอีกที….”

     

    “ไม่จำเป็น”

    .

    .

    .

    .

    เสียงซุบซิบดังตลอดทางที่ยูซุรุเดินผ่าน มือของเธอนั้นไม่ได้ถือของอะไรเนี่ยนั่นก็เพราะว่า…

     

    “นั่นมันอะไรกันน่ะ?”

     

    “เสื้อ? ไม่สิ มายากล?”

     

    “น่ากลัวยังไงก็ไม่รุ้แฮะ”

     

    อาคุตางาว่าใช้พลังพิเศษ ‘ราโชมอน’ หิ้วข้าวของที่ซื้อมาจนแยกเป็นหัวของเหล่าสัตว์ประหลาด(?) คาบของเอาไว้ และเจ้าตัวก็เอามือของตนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างสบายใจ

     

    (ปกติเขาทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้เลยหรอ….)

     

    "เอ่ออาคุตางาว่าซังคะ ใช้พลังให้คนปกติเห็นนี่มันออกจะ…..

     

    “งั้นแกจะถือเอาเองมั้ย? ถ้าไม่ใช้ก็ถือไม่ได้”

     

    (ขยันต่อปากต่อคำชะมัดเลย! แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ปริปากบ่นอะไรแล้วก็ทำทุกอย่างให้แถมยังไม่ยอมให้ถือของหนักๆด้วย)

     

    “เป็นคนดีกว่าที่คิดไว้อีก….”

     

    “พูดว่าอะไรนะ?” อาคุตางาว่าแสดงท่าทีไม่พอใจ

     

    “แค่พูดกับตัวเองน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก ฮ่าๆ ๆ ๆ”

     

    (เกือบจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปทำขนมแล้วสิ)

     

    ยูซุรุเดินกับอาคุตางาว่าอย่างเขินๆอายๆ (เพราะอีกฝ่ายดันทำตัวแปลกในที่โจ่งแจ้งจะไม่อายได้ยังไง)

    เธอรีบพาอาคุตางาว่ามายังที่ซึ่งมีคนพลุ่กพล่านน้อยเช่นสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

     

    (อ๊ะ….ที่นี่….เราเจออาคุตางาว่าซังครั้งแรกแล้วก็….รัมโปซัง…)

     

    ยูซุรุหยุดชะงักลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ซึ่ง เธอนั้นได้พบกับอาคุตางาว่าครั้งแรก และรัมโปถูกทำร้ายเนื่องจากขัดขวางอาคุตางาว่าที่มาพาตัวเธอไป เพราะอ่อนแอเธอจึงทำให้สมาชิกคนสำคัญบาดเจ็บและยังช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมสุดท้ายก็ยังเลือกที่จะอยู่กับพอร์ทมาเฟียอีก

     

    “คิดอะไรไม่เข้าท่า เลิกทำหน้าแบบนั้นแล้วกินนี่ไปซะ”

     

    “เอ๋?”

     

    อาคุตางาว่ายื่นเครปซึ่งเขาคงอาศัยช่วงที่ยูซุรุกำลังยืนนึกถึงอดีตและซื้อมาจากรถขายข้างๆ

     

    “เรื่องในอดีตก็คืออดีต ยังไงก็แก้ไขมันไม่ได้ มีแต่ต้องทำปัจจุบันให้ดีกว่าเดิม”

     

    “จะบอกว่าเรื่องที่คุณทำมันแก้ไขไม่ได้เลยอย่างงั้นหรอคะ” ยูซุรุแสดงท่าทีไม่พอใจ เพราะในเหตุการณ์นั้นอาคุตางาว่าดำเนินการโดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของยูซุรุ เธอจึงไม่พอใจอย่างมากเมื่อเจ้าตัวพูดราวกับให้ตัวเธอลืมมันไป

     

    “กระผมหมายถึง……เลิกทำหน้าแบบนั้นแล้วก็ร่าเริงซะต่างหาก” อาคุตางาว่าพูดเสียงเบาลง แต่นั่นก็ทำให้ยูซุรุเบิกตาโพลง

     

    (นี่เขากำลังให้กำลังใจเราหรอกหรอ?)

     

    “ยิ้มอะไรของแก”

     

    “เปล่าค่ะ” ยูซุรุรับเครปมาและบรรจงกินมันด้วยอมยิ้มที่ไม่อาจหุบลงได้

    .

    .

    .

    .

    เมื่อเสร็จกิจทุกอย่างแล้วทั้งคู่ก็กลับมายังฐานพอร์ทมาเฟีย ทุกคนนั้นก็ยังคงวุ่นกับการทำงาน(?)อยู่เช่นเดิม

    (พอกลับมาถึงที่นี่อาคุตางาว่าซังก็ปลีกตัวออกไปเลย ก็คงไม่อยากจะอยู่กับตัวอันตรายแบบเรานานล่ะนะ..)

    ยูซุรุเลยเข้าห้องครัวของฐานและเริ่มทำขนมสำหรับเอลิซจัง

     

    “อ๊ะ…..ลืมซื้อไม้พายกับหัวบีบมานี่นา……จะออกไปซื้ออีกทีดีมั้ยนะ….อ๊ะที่ร้านเสื้อเราก็มีนี่นากลับไปเอาที่นั่นก็แล้วกัน”

     

    (ไม่อยากรบกวนอาคุตางาว่าซังเลย ถ้างั้นเราออกไปเองดีกว่าไม่นานนักทิ้งทรศไว้ที่นี่แล้ว ก็ทิ้งข้อความไว้ให้ชูซัง..โอเค! เดี๋ยวกลับมานะคะ)

     

    ยูซุรุเดินออกมาจากสำนักงานและมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเพื่อไปยังร้านของตน

    .

    .

    .

    .

    ยูซุรุออกมาจากร้านของตนซึ่งตอนนี้นั้นอยู่ในความดูแลของพอร์ทมาเฟีย โดยที่เธอนั้นก็ยังคงออกแบบเสื้อผ้าขณะอยู่ที่ฐานพอร์ทมาเฟียอยู่เรื่อยๆ

    “คุณยูซุรุสำหรับสินค้าใหม่จะมีมาสต๊อกเพิ่มอีกในสัปดาห์หน้านะครับ”

     

    “งั้นหรอคะ”

     

    “แต่ว่าทำไมถึงออกมาคนเดียวได้ล่ะครับ ยังไม่มีคำสั่งจากคุณชูยะหรือบอสเลยนี่….”

     

    “อ…อ้อ! มากับอาคุตางาว่าซังน่ะค่ะ แต่ว่าเจ้าตัวไปที่อื่นอยู่เดี๋ยวฉันไปยังจุดนัดพบกับเขาอีกทีค่ะ แค่ออกมาเอาของด้วย ฮะๆๆ”

     

    “ถ้างั้นก็เดินทางปลอดภัยนะครับ”

    เหล่าพนักงาน(สมาชิกพอร์ทมาเฟีย)ที่ดูแลร้านสุดคึกคักนั้นโค้งส่งให้ยูซุรุ

     

    “ดูไปดูมาคนเยอะกว่าตอนเราดูแลเองอีกนะเนี่ย สมแล้วล่ะที่เป็นพอร์ทมาเฟีย…..”

     

    ยูซุรุเดินถือถุงอุปกรณ์และเดินไปตามทางกลับฐานพอร์ทมาเฟีย

     

    “อ..อ๊ะ….”

     

    ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานนึงหลุดออกมาตรงหน้าของเธอจึงทำให้เธอมองไปยังต้นเสียงนั้น

     

    (คุนิคิดะซัง…….)

     

    วันที่ยูซุรุประกาศว่าตนนั้นจะอยู่กับพอร์ทมาเฟีย คุนิคิดะและดาไซไม่ได้อยู่ในเหตุการ์ณดังกล่าวแต่ว่าตอนนี้เธอคิดว่าเขานั้นคงรู้สถานการณ์ของเธอแล้วแต่ก็คงไม่นึกว่ายูซุรุจะออกมาเดินกลางเมืองแบบนี้โดยไร้คนติดตาม

     

    “ค…คือ….”

     

    “ชั้นขอเวลาเธอหน่อยได้มั้ย? แถวนี้มีร้านอาหารอร่อยๆอยู่ ถ้าไม่ติดอะไร….”

    .

    .

    .

    .

    ยูซุรุตอบรับคำขอของคุนิคิดะและตอนนี้เธอก็นั่งอยู่เงียบๆไม่เอ่ยปากพูดอะไร เช่นเดียวกันกับคุนิคิดะที่นั่งจ้องและมีท่าทีราวกลับทำตัวไม่ถูกเมื่อพบกับ (อดีต)คนร่วมงานที่ไม่นานมานี้เขาพึ่งจะสอนงานไป

     

    “ที่นู่นอยู่สบายดีรึเปล่า?” คุนิคิดะเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา

     

    “ก็สบายดีค่ะที่นั่นเขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับฉันเลยค่ะ ปฏิบัติเหมือนฉันเป็นสมาชิกคนนึงของพวกเขา….แถมยังให้ตำแหน่งสูงๆอย่างรองผู้บริหารด้วย….”

     

    “แหม่ๆ ตำแหน่งใหญ่ดีจังเลยนะ เทียบกับสำนักงานเราไม่ติด”

     

    “นั่นสินะคะ”

     

    “…….”

     

    (dead air อีกแล้ว…ทำไงดีล่ะ….)

     

    “ช่วงนี้ที่สำนักงานเป็นยังไงบ้างหรอคะ? มีงานเยอะมั้ย?”

     

    “ไม่มีอะไรเท่าไหร่หรอก ก็พวกพอร์ทมาเฟียไม่ได้สร้างปัญหาอะไร แต่ก็มีคดีให้วุ่นวายอยู่เหมือนเดิม”

    คุนิคิดะกล่าวพร้อมจิบกาแฟ

     

    “แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสบายดีหรอกนะ โดยเฉพาะรัมโปซังน่ะ”

     

    ยูซุรุชะงักเมื่อได้ยินชื่อของชาย ที่จนท้ายที่สุดก็ไม่ได้คุยกันเลย

     

    “จริงๆก็คงจะป่วยการเมืองนั่นแหละ ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ”

     

    (เราน่ะผิดเต็มๆเลยต่างหาก….)

     

    ยูซูรุถึงกับสะดุ้งอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาแตะที่มือของเธอ

     

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ มันทำให้ชั้นไม่สบายใจนะ”

     

    (มือของคุนิคิดะซัง…..อบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ที่ทำให้จิตใจสงบลงอย่างน่าแปลกนักซะจริงๆ)

     

    “อย่างน้อยพวกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ ฉันก็สบายใจขึ้นมาแล้วล่ะ”

     

    “แต่…คุนิคิดะซัง…..มาอยู่กับฉันแบบนี้มันจะดีหรอคะ?”

     

    “ทำไมล่ะ? ฉันจะอยู่กับเธอแล้วมันมีปัญหาอะไรอย่างงั้นหรอ?”

     

    “มันก็….ไม่ได้เป็นปัญหาของฉันหรอกค่ะ แต่ว่า….”

     

    (ถ้าคุนิคิดะซังอยู่ด้วยก็จะเป็นอันตรายน่ะสิ….)

     

    “หรือว่าเธอจะกลัวว่าพอร์ทมาเฟียจะจับตามองเราอยู่งั้นหรอ?”

     

    จู่ๆคุนิคิดะก็เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ยูซุรุอย่างไม่ทันตั้งตัวจนเธอหน้าแดงขึ้นมาเพราะความใกล้ของเสียงและใบหน้านั้น

     

    “อ๊ะ ขอโทษทีเมื่อกี้มีพวกนั้นผ่านมาพอดีน่ะ”

     

    เมื่อยูซุรุเหลือบมองไปจากข้างหลังของคุนิคิดะแล้วเธอก็เห็นลูกน้องของพอร์ทมาเฟียที่เหมือนกำลังตามหาคนอยู่อย่างวุ่นวาย
     

    “ดูท่าจะวุ่นวายน่าดูเลยนะ แอบหนีออกมารึไง?"

     

    “ไม่เชิงแบบนั้นหรอกค่ะ….ก็แค่ออกมาเอาของที่ร้าน….สุดท้ายก็คงจะคิดว่าหนีนั่นแหละค่ะ….คิดว่าจะไปแป๊บเดียวแต่ก็นานกว่าที่คิดไว้….”

     

    “ขอโทษที่พาเธอมานะ…แต่ว่าฉันอยากจะคุยด้วยน่ะ ไม่งั้นก็รู้สึกคาใจน่ะ”

     

    “ฉันแค่ไม่อยากสร้างปัญหาให้กับคนที่สำนักงานน่ะค่ะ…ถ้าฉันอยู่กับพอร์ทมาเฟียที่มีอิทธิพลมากกว่าคงทำให้ทุกคนปลอดภัยจากพวกโมริซังด้วย…..เพราะทำสัญญาไว้แล้วถ้าให้ความร่วมมือจะไม่แตะต้องพวกคุนิคิดะซัง”

     

    “อย่างงี้นี่เอง…..ฉันเชื่อนะว่าเธอทำอะไรซักอย่างได้แน่นอน เพราะงั้นฉันจะไม่บังคับเธอหรอกนะ”


    “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการฉันไม่รั้งไว้หรอก”

    จู่ๆคำพูดของประธานฟุคุซาว่าก็ลอยขึ้นมาในหัวของยูซุรุ


    “ สมแล้วจริงๆนะคะที่เป็นผู้นำของสำนักงาน”


    “ห้ะ?” คุนิคิดะงุนงง


    “ถึงเวลากลับแล้วล่ะคะ ไม่งั้นมันจะแย่กว่านี้ ฉันเองก็ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาด้วยคงจะตามตัวกันลำบากมากด้วย”

     

    “อย่างน้อยให้ฉันได้ไปส่งเธอเถอะนะ”

     

    …….

    ไม่นานเท่าไหร่นักคุนิคิดะและยูซุรุเดินมายังทางเดินใกล้ท่าเรือซึ่งอยู่ห่างจากฐานพอร์ทมาเฟียไม่เท่าไหร่นัก

     

    “อ่า…..ฉันคงมาส่งได้แค่นี้ล่ะนะ”

     

    “ขอบคุณนะคะที่มาส่งถึงที่”

     

    “หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ”

     

    “พูดกับศัตรูแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะคะ”

     

    “ฮะๆ นั่นสินะ….. !?”

     

    ทันใดนั้นเองกระแสลมก็พัดเปลี่ยน เงาดำทมิฬของอะไรบางอย่าง ฟาดตรงไปที่คุนิคิดะ และปรากฏร่างของเจ้าของเงาดำนั้น

     

    “อ อาคุตางาว่าซัง!?”

     

    “แค่กๆ นี่แกเป็นคนพาตัวยัยนี่ไปสินะ”

     

    “ไม่ค่ะ คุนิคิดะซังไม่ได้พาฉันหนีไปไหนค่ะ ฉันแค่ไปเอาอุปกรณ์มาจากร้านแล้วก็เจอ”

     

    “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กระผมจะตัดสินใจด้วยตัวเอง”

    เมื่อยูซุรุถูกขัดอย่างไร้เหตุผล ในขณะที่อาคุตางาว่าจ้องโจมตีใส่คุนิคิดะต่อ เธอพุ่งเขาไปล็อคตัวอาคุตางาว่าจากข้างหลังเอาไว้ทันทีจนทำให้โจมตีพลาด 


    "ยูซุรุ!?'

     

    “!? นี่ แก!”

     

    “ฉันบอกว่าหยุดยังไงล่ะ!!! ฉันไปกับคุนิคิดะซังด้วยตัวเองต่างหาก แค่ไปคุยเรื่องสัญญาของฉันเท่านั้นค่ะ เขาอาสาพาฉันมาถึงนี่อย่างปลอดภัย รู้สึกขอบคุณกันซะบ้างสิคะ!!!” ยูซุรุโวยวายใส่

    อาคุตางาว่าจนเจ้าตัวสตั้นงงไป

     

    “คุนิคิดะซัง ไปเถอะค่ะ ก่อนที่ฉันจะรั้งเขาเอาไว้ไม่ได้”

     

    “โชคดีนะ…ยูซุรุ” คุนิคิดะรีบเดินจากไปจากตรงนั้นทันทีแม้สีหน้าสุดท้ายที่ยูซุรุเห็นจะเป็นเขาที่สีหน้าทุกข์ราวกลับเสียดายที่ไม่อาจจะพาตัวเธอกลับไปอยู่กับสำนักงานได้ก็ตาม

     

    “แกปล่อยให้มันหนีไปจนได้สินะ”

     

    “เราไม่มีเหตุผลที่ทำแบบนั้นนี่คะ ในสัญญาก็บอกเอาไว้ว่าจะไปโจมตีกันไม่ใช่รึไงคะ”

     

    “เอะอะอะไรก็สัญญา น่ารำคาญสิ้นดี”

     

    “!?” จู่ๆยูซุรุก็ตัวเซโดนราโชมอนของอาคุตางาว่ารัดตัวไว้ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่เคยเป็น

     

    “หัดรู้ตัวซะบ้างว่าทำอะไรไม่คิด มันทำให้คนอื่นลำบากใจ”

    (เอ๊ะ มันหมายความว่ายังไง??)

     

    “ถ้าคิดจะออกไปไหนก็อย่าทำเหมือนตัวเองไม่มีใครแล้วเรียกใช้งานกระผมซะ แค่เรียกมันยากนักที่ไหนกัน”

     

    “อาคุตางาว่าซัง….หรือว่า….เป็นห่วง…หรอคะ?”

     

    “อึก ทำไมกระผมต้องเป็นห่วงแกด้วย เพราะหน้าที่ต่างหาก วันนี้กระผมทำหน้าที่ดูแลแกแต่แกกลับเลือกที่จะออกไปโดยไม่เรียกกระผมเนี่ยนะ”

     

    “แล้วทำไมถึงเดินหนีทันทีที่มาถึงเลยล่ะคะ ทำแบบนั้นมันโหดร้ายเกินไปหน่อยรึเปล่า”

     

    “จะไปรู้หรอ ก็แก….อาจจะเกลียดกระผมก็ได้นี่…ก็กระผมเคยทำร้ายเจ้าพวกคนของสำนักงานบ้านั่น…."

     

    (นี่อย่าบอกนะว่าเขานึกว่าเรายังกลัวหรือเกลียดเขาอยู่!?…….)

     

    เมื่อมองแผ่นหลังที่หันหลังให้กับยูซุรุเธอก็มองเห็นหูที่แดงระรื่นไม่รู้ว่าเพราะแสงแดดยามเย็นหรือว่าความร้อน

     

    (เขาเป็นคนอ่อนไหวขนาดนั้นเลยหรอ…คนที่ไม่ฟังใครแบบเขาเนี่ยนะ…จะมาห่วงเราเรื่องพรรค์นั้น…)

     

    “ฉัน ไม่ได้เกลียดอาคุตางาว่าซังเลยแม้แต่น้อยค่ะ” ยูซุรุตอบอย่างซื่อตรงด้วยเสียงหนักแน่น จนเจ้าตัวสะดุ้งและหันกลับมา

     

    “แต่ว่าก่อนหน้านั้นก็แอบไม่ชอบขี้หน้าจนอยากใช้พลังทำให้บ้าคลั่งอยู่เหมือนกัน"

     

    “เฮ้ย….”

     

    “ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่อาคุตางาว่าซังก็ยังยอมรับฉันเป็นคนของฟอร์ทมาเฟีย แถมยังเป็นห่วงอีก”

     

    “ใครเขาห่วงกัน…คิดเองเออเองจริงๆนะแกน่ะ”

     

    “ เรียกแต่ ‘แก’กับ 'ยัย' อยู่นั่นแหละ เรียกชื่อเป็นมั้ยคะ”

     

    “เห้อ….หนวกหู ไปได้แล้ว” อาคุตางาว่าเดินหันกลับไปยังฐานทัพของพอร์ทมาเฟีย

     

    “ยูซุรุ”

     

    “!?” ยูซุรุถึงกับอึ้งไปเมื่อเสียงแหบเข้มๆของชายคนนั้นเรียกชื่อของตนขึ้นมา แม้จะแผ่วเบาอต่มันกลับดังก้องเข้าไปถึงใจของเธอเลยทีเดียว

     

    (ก็เรียกชื่อได้นี่นา)

    ยูซุรุยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


    “มัวแต่ยืนเอ้อระเหยอยู่ได้ เดี๋ยวต้องไปรายงานบอสอีก ไหนจะทำขนมอีก”


    “พูดแบบนี้แสดงว่าจะมาช่วยสินะคะ” ยูซุรุรีบรุดเดินตามเจ้าตัวไปซักไซร่แหย่เล่น

     

    “ช่วยไม่ได้ วันนี้กระผมต้องคุมคุณเอาไว้จนกว่าจะเลิกงาน”

     

    “เห……ขอบคุณค่ะ”

     

    “หึ ประหลาดคน”

     

    “หาเรื่องกันแบบนี้เดี๋ยวก็ใช้พลังกับอาคุตางาว่าซังเลยนะคะ!”

     

    “ยังสั่งหรือควบคุมไม่ได้ ทำเป็นพูดโอ้อวด”

     

    “เดี๋ยวก็ทำได้นั่นแหละค่ะ คอยดู!!”

     

    ยูซุระต่อล้อต่อเถียงกับอาคุตางาว่าตลอดทางกลับ

     

    (ซึ่งหลังจากที่ฉันกลับมาถึงนั้นชูซังก็วิ่งมาหาฉอดใส่ไม่ยั้งทันที คนอื่นๆเองก็เป็นห่วงที่หายไปไม่พกโทรศัพท์ ยิ่งโมริซังก็เป็นห่วงหนักกว่าเดิมจนโดนสั่งให้อยู่แค่ในฐานและเป็นหนูทดลองให้กับคาจิอิซังที่วิจัยเกี่ยวกับพลังของฉันในตอนนี้อยู่
    เท่าที่ดู ที่นี่ก็ไม่ได้แย่เลยด้วยซ้ำ ถึงจะเคยเป็นศัตรูแต่กลับเป็นห่วงเราเสมือนสมาชิกคนสำคัญของพอร์ทมาเฟียโดยสมบูรณ์

    ทำเอาคิดถึงทุกคนที่อยู่สำนักงานนักสืบเลย ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงกันบ้างนะ……)

    CH.7? 「แม้จะข่มตาหลับก็ยังเห็นภาพเดิมๆซ้ำไปมา」

    ==================================================================

    ไม่ได้หายไปไหนเลยนะคะ จริงจริ๊งงงงงงงงง หนีเสพด้อมไอดอลมาค่ะ เดี๋ยวงอกฟิคยูเมะใหม่อีกแน่นอน55555555555

    สำหรับตอนนี้ใช้เวลานานพอตัว ตันๆไปบ้าง แต่ก็ได้เห็นด้านดีๆของอาคุตางาว่ากันแล้วเนอะ ตอนต่อไปคงเดาได้ว่าเกี่ยวกับใครเป็นหลักเนอะ ขอฝากตอนต่อๆไปด้วยนะคะ ขอฝากเรื่องอื่นๆด้วยเช่นกันค่ะ จะแต่งจนกว่าจะตาย ถ้าไม่ได้แต่งต่อจะฝากคนมาบอกค่ะ สั่งเสียรอไว้เลย ฮือ 555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×