ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bungou Stray Dogs : G O A L (Fanfic : Male Character x Oc)

    ลำดับตอนที่ #5 : CH.4? 「เด็กผู้หญิงคนนั้นเรียกชายร่างสูงอย่างเริงร่า」

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 810
      72
      20 ก.พ. 64

    “นี่ๆ เธอตื่นแล้ว! รินทาโร่!” เสียงเด็กผู้หญิงกล่าวถึงชายคนนึงที่หันหลังอยู่ตรงชั้นวางยาข้างเตียง

     

    (เสียงของเด็กผู้หญิง?…..ใครกันนะ) ยูซุรุสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

     

    “โอ๊ะ!” ตรงหน้าของเธอนั้นมีเด็กสาวผมสีบลอนด์ทองติดริบบิ้นจ้องหน้าเธอไม่หยุด

     

    (เดี๋ยวนะตะกี้นี้เรา!?) ยูซุรุลุกพรวดขึ้นมาจากหมอนทันใดก่อนที่เธอจะชะงักไปอีกครั้งเมื่อรอบๆตัวกลับเป็นห้องนอนห้องนึงที่แสงลอดออกมาจากหน้าต่างเพียงน้อยนิด เป็นห้องที่เธอไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    ห่างออกไปไม่มากนัก มีร่างของใครบางคนยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานที่มีขวดยาวางเหมือนกับเป็นห้องปฐมพยาบาล (ที่ต่างจากสำนักงานนักสืบบุโช) 

     

    “ว่าไง ตื่นแล้วหรอ?” ชายคนนั้นหันกลับมายิ้มให้ยูซุรุขณะถือขวดยาอยู่ในมือ

     

    ผมสีดำยาวประมาณถึงคอ หนวดเคราที่เหมือนจะเริ่มขึ้นมานิดหน่อย สวมเสื้อกราวน์ลุคดูเป็นคุณหมอวัยราวๆ 40 ที่ดูแลห้องแห่งนี้อยู่

     

    “รินทาโร่! เมื่อไหร่ฉันจะเล่นแต่งตัวกับเธอได้เนี่ย!” เด็กสาวโวยวายดึงแขนเสื้อของชายที่มีนามว่า รินทาโร่ ไม่หยุด

     

    “น่าๆ เดี๋ยวก่อนสิ พี่สาวคนนี้เค้าพึ่งตื่นเองนะ เอลิซจัง ช่วยรอหน่อยแป๊บนึงน้า” ชายคนนั้นพูดอ่อดอ้อนปากหวานกับเด็กหญิงที่ชื่อว่าเอลิซ ดูแล้วเหมือนเป็นพ่อกับลูกที่เอาแต่ใจกำลังคุยกัน

     

    (คนพวกนี้เป็นใครกัน? แล้วที่นี่มันที่ไหน?) ยูซุรุมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง

     

    “คือว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ที่นี่ปลอดภัยดีแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยนะ แต่ว่าช่วยเล่นกับเอลิซจังของผมหน่อยได้มั้ย เธอค่อนข้างเอาแต่ใจนิดหน่อยแต่ว่าเป็นเด็กดีนะครับ” รินทาโร่ขอร้องยูซุุรุที่มีท่าทีหวาดระแวงกับสถานการณ์

     

    (เราจะไว้ใจคนพวกนี้ได้หรอ…แต่ว่า….พอร์ทมาเฟียจับเรามานี่นา ถ้างั้นสองคนนี้ล่ะเป็นใคร!?)

     

    “นี่ พี่สาวชื่ออะไรหรอ?” เด็กสาวถามด้วยสีหน้าร่าเริง

     

    “เอ่อ…. ยูซุรุ…โทโมเอะจ่ะ….”

     

    “เป็นชื่อที่น่ารักเหมาะกับคนน่ารักๆแบบเธอจริงๆเลยนะ อ๊ะ แต่เอลิซจังของผมน่ารักกว่าอยู่ดี” รินทาโร่ชมแม้สุดท้ายจะหันไปยิ้มให้เอลิซภายหลังก็ตาม

     

    (แล้วเขาจะพูดทำไมกันนะ…) 

     

    “งั้นฉันเรียก โทโมเอะ ก็แล้วกัน! ต่อจากนี้ไปโทโมเอะจะต้องเป็นเพื่อนเล่นของฉันนะ!”

     

    “อ..อ่อ…อื้อ!” ยูซุรุพยักหน้าก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองรินทาโร่ที่ยิ้มมองเธอจนดูน่าสงสัย

     

    (ยังไงเราก็คงต้องหาทางออกจากที่นี่กลับไปที่สำนักงาน…)

     

    “นี่เธอคงไม่คิดจะหนีไปจากที่นี่หรอกนะ ยูซุรุ โทโมเอะจัง”

     

    จู่ๆน้ำเสียงของรินทาโร่ก็เปลี่ยนไปจนทำให้ยุซุรุขนลุกขึ้นมาทันใด บรรยากาศในห้องเริ่มมาคุเรื่อยๆ

     

    “ค….คือว่า….ที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่คะ….ฉันจำได้ว่าถูกคนของพอร์ทมาเฟียจับตัวมาแล้ว…”

     

    รินทาโร่หลับตาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังตู้ที่เมื่อเปิดออกมาก็พบกับเสื้อผ้าผู้ชายแขวนเรียงรายอยู่

     

    “ขอโทษด้วยนะที่ต้องใช้กำลังทำเรื่องอะไรแบบนั้น เธอคงตกใจอยู่ล่ะสินะว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกัน แล้วพวกฉันเป็นใครกัน”

    เขาหยิบมีดโกนกวาดไปที่คางและรอบๆปากโกนหนวดออกอย่างช้าๆและดึงส่วนที่หลงเหลือออก

     

    “ถูกพอร์ทมาเฟียจับตัวมาก็คงจะช็อคอยู่สินะ" เขาเลือกเสื้อคลุมตัวนึงและหยิบออกมาสวมแทนเสื้อกราวน์ ก่อนจะเสยผมและเก็บผมด้วยเจลแต่งผมจนดูสุภาพขึ้นมาทันตา

     

    สายตาที่มองยูซุรุอยู่นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากตอนแรกเท่าไหร่นักแต่มันกลับทำให้ยูซุรุรู้สึกไม่ปลอดภัย

     

    “ขออนุญาตแนะนำตัวนะครับ ผม โมริ โอไก อดีตเคยเป็นหมอครับ ตอนนี้ผมเป็นบอสของพอร์ทมาเฟียน่ะครับ”

     

    (บอสของพอร์ทมาเฟีย!? อย่าบอกนะว่าที่นี่คือฐานของพอร์ทมาเฟีย)

     

    “โอ๊ะ ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ ผมไม่คิดจะทำอะไรเธออยู่แล้วล่ะ แต่ว่าเธอคิดยังไงกับอาคุตางาว่าบ้างล่ะ เป็นเด็กที่หัวรุนแรงใช้ได้เลยเนอะ?”

     

    “อาคุตางาว่า?…”

     

    “ก็คนที่พาตัวเธอมาที่นี่ยังไงล่ะ ขอโทษด้วยนะที่ต้องทำให้เธอหมดสติไปแบบนั้น”

     

    “คุณต้องการอะไรกันแน่คะ…..หรือว่าจะเกี่ยวกับพลังของฉัน?”

     

    “ก็ถูกของเธอนั่นแหละ เธอคงไม่คิดจะหนีหรอกใช่มั้ย”

     

    “คุณต้องการพลังไปทำอะไรกันแน่คะ….ฉันน่ะควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้นะคะ ถ้าเกิดพลังมันปะทุขึ้นมาฉันก็หยุดไว้ไม่ได้นะคะ” ยูซุรุพูดเตือน 

     

    “เพราะแบบนั้นไงล่ะ ฉันจึงมีข้อแลกเปลี่ยนกับเธอ เรามานั่งคุยกันหน่อยดีมั้ย” โมริยิ้มให้อย่างใสซื่อดูไร้พิษภัย แต่ยูซุรุก็ยังคงระแวงเพราะตอนนี้เธออยู่ในฐานของศัตรูของสำนักงานนักสืบ…..

    .

    .

    .

    .

    .

    ทางฝั่งของพวกอัตสึชิในวันนั้นเอง ก็ได้มีการจัดประชุมด่วนขึ้นบรรยากาศชวนให้หนักใจยิ่งเมื่อสมาชิกใหม่ที่เป็นกุญแจสำคัญของเหล่าผู้ใช้พลังวิเศษนั้นถูกจับตัวไปอย่างง่ายดายเพราะความประมาทของพวกเขาและได้ตกไปอยู่ในเอื้อมมือขององค์กรมืดอย่างพอร์ทมาเฟียอีกต่างหาก

     

    “เอาล่ะเราคงต้องวางแผนลักลอบเข้าไปในสำนักงานของพอร์ทมาเฟียแล้วล่ะนะ” คุนิคิดะเริ่มเปิดปากพูด

     

    “แล้วสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”ฟุคุซาว่ากล่าวถามด้วยท่าทีเคร่งเครียด

     

    “จากที่รัมโปซังบอกมา ทางฝั่งพอร์ทมาเฟียไม่คิดจะใช้ความรุนแรงกับตัวของยูซุรุครับ เพราะเหตุนั้นเลยทำให้ยูซุรุไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรครับ เพียงแค่สลบไปเพราะถูกทำให้หมดสติอย่างเดียว” คุนิคิดะอธิบาย

     

    “ฝั่งนั้นก็คงจะไปทำอะไรหรอก ถ้าให้เดาก็กำลังโน้มน้าวให้โทโมเอะจังเข้าพอร์ทมาเฟียนั่นแหละ เพราะถ้าเจ้าตัวยอมเข้าพอร์ทมาเฟียแล้วล่ะก็นะ พวกเราก็จะไม่ถูกทำร้ายครับ…และโทโมเอะจังคงจะไม่ยอมให้พวกเราเดือดร้อนก็มีโอกาสที่จะยอมรับข้อเสนอ ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น” ดาไซกล่าว

     

    “แล้วพลังวิเศษของเธอล่ะครับ ถ้าเกิดมันควบคุมไปไม่ได้ขึ้นมาล่ะครับ!!” อัตสึชิเอ่ยถามอย่างกังวล

     

    “พอร์ทมาเฟียน่าจะวางแผนที่จะทำให้ยูซุรุคุงควบคุมพลังตัวเองได้อยู่นะ ถ้าอ้างอิงตามที่ดาไซคุงบอกแล้ว เธอต้องควบคุมมันให้ได้ไม่งั้นก็เหมือนพวกนั้นเอาระเบิดไปติดกับตัว” รัมโปที่ฟื้นจากการโจมตีของอาคุตางาว่าเอ่ยปากออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    “แล้วมันจะทำการทดลองอะไรกับยูซุรุรึเปล่า?”

     

    “คงจะให้คาจิอิทำการทดลองกับเธอน่ะสิ”

     

    “ถ้างั้นผมว่าเราต้องรีบไปช่วยเธอแล้วนะครับ!”

     

    “เจ้านั้นอาจจะไม่ได้ทำการทดลองอะไรกับโทโมเอะจังก็ได้นะ แล้วชั้นก็คิดว่าไม่ต้องรีบร้อนนักหรอก”

     

    “เอ๋? แต่ยูซุรุซังอาจจะโดนบังคับขู่อะไรแบบนั้นก็ได้นะครับ!?”

     

    “ไม่มีทางหรอก" ฟุคุซาว่ากล่าวอย่างนิ่งๆ

     

    “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?” ทานิซากิเอียงคอสงสัย

     

    “ก็เจ้าโมรินั่นน่ะคงไม่ทำอะไรยูซุรุหรอก แถมยูซุรุอาจจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเจ้าตัวด้วย…แต่ว่าจะเป็นยังไงเนี่ยสิ…” ฟุคุซาว่าตอบอย่างนิ่งแต่เขากลับถอนหายใจราวกลับมีเรื่องอื่นให้เป็นกังวลใจ

     

    “หือ???” ทุกคนงุนงงคำพูดของประธาน 

     

    ขณะเดียวกันยูซุรุเองก็กำลังตึงเครียดกับการต่อรองของโมริที่มองเธออย่างกดดัน

     

    “ผมเข้าใจเธอดีนะว่าการอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดน่ะมันเหงามากแค่ไหน เพราะงั้นข้อเสนอของผมนั้นเธอมีแต่ได้ผลประโยชน์ทั้งนั้น และผมก็สัญญาว่าผมจะไม่ทำอะไรคนใกล้ตัวเธอแน่นอน”

     

    เขาจับหมากรุกตัวนึงเดินมาข้างหน้าและขยับตัวหมากกินหมาก 1 ตัวของยูซุรุที่มองกระดานหมากรุกและเขาอย่างอึดอัดใจ

     

    “ฉันจะเชื่อใจคุณได้ยังไง ในเมื่อตอนที่คุณจับตัวฉันมาคุณก็ทำร้ายรัมโปซังปางตายแบบนั้น” ยูซุรุขยับตัวหมากของเธอ กินตัวหมากของโมริไป 1 ตัว 

     

    “แค่นั้นเองนี่นา ฝั่งของทางนั้นมีโยซาโนะที่เป็นหมออยู่นี่นา ยังไงรัมโปคุงของเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้ก็คงจะวางแผนบุกมาที่นี่อยู่เป็นแน่”

     

    “จู่ๆพลังก็ตื่นขึ้นมาเธอคงจะตกใจมากอยู่แล้วแต่ถ้าเธออยู่กับผมพลังของเธอจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนรวมถึงปกป้องโยโกฮาม่าได้ด้วยนะ”

     

    “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ใช้พลังของฉันเพื่อครอบครองเมืองอื่นล่ะคะ…..ถ้าฉันให้เดา คุณเองก็เป็นผู้ใช้พลังเหมือนกันด้วยแถมคงจะแข็งแกร่งมากแน่ๆไม่งั้นคงไม่มาเป็นบอสมาเฟียหรอกใช่มั้ยล่ะคะ”

     

    “นอกจากจะมีรูปร่างใบหน้าที่งดงาม ก็มีความฉลาดหลักแหลมอีกต่างหาก แบบนี้ผมจะปล่อยตัวเธอได้ได้ยังไงกัน”

     

    “คุณจะไม่ทำอะไรพวกคนที่สำนักงานใช่มั้ยคะ?”

     

    “อื้มผมดูไม่น่าเชื่อถือหรอครับ?”

     

    “ใช่ค่ะ การยิ้มของคุณน่ะปลอมสุดๆไปเลยค่ะ” ยูซุรุตอบกลับอย่างรวดเร็วแถมแทงใจดำโมริ ที่เขาไม่คิดว่าเธอจะตอบกลับแบบนั้นเลย

     

    “เอ่อ…ไม่เห็นต้องพูดตรงขนาดนั้นเลย..ใจร้ายอ่ะ” โมริทำท่าเสียใจ จนเอลิซปลงกับเขาไป

     

    “ถ้าฉันยอมให้คุณใช้พลังแต่คุณจะไม่แตะต้องพวกเขา ฉันก็จะยอมเป็นพวกของคุณค่ะ แต่ถ้าเกิดฉันรู้ว่าคุณผิดสัญญาแม้แต่เรื่องเล็กน้อยล่ะก็ ฉันก็พร้อมที่จะตายโดยที่ไม่ให้พวกคุณมีโอกาสใช้พลังของฉันอีกเลย" 

     

    “อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นต่อหน้าเอลิซจังสิครับ ผมไม่ได้อยากให้เธอตายซักหน่อยนะ งั้นต่อไปคือข้อตกลงของทางผมนะครับ……”

     

    “ เธอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพอร์ทมาเฟีย เธอจะไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้จนกว่าจะมีคำสั่งจากผม”

     

    “…….”  ยูซุรุตั้งใจฟัง

     

    “ทุกฝีก้าวของเธอ ผมจะมีคนคอยคุมความประพฤติของเธอเพื่อป้องกันการหลบหนีหรือก่อกบฏในภายหลัง”

     

    “เธอต้องให้ความร่วมมืออย่างไม่มีข้อแม้ใดๆในการใช้พลังวิเศษของเธอ ทั้งในการทดลองและการทำงาน ห้ามปกปิดหรือซ่อนพลังของตัวเอง เพราะไม่งั้นผมจะสั่งให้คนของผมจัดการกับคนรอบข้างของเธอ”

     

    “ถ้าเธอฝ่าฝืนและยกเลิกสัญญานี้จริงๆล่ะก็ ต่อจากนี้ไปผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวเธอมาเป็นของผม คงเข้าใจกันนะครับ”

     

    “….ค่ะ….”

     

    (ขอแค่ทุกคนปลอดภัย ฉันจะเป็นยังไงก็ไม่สนทั้งนั้นแหละ…)

     

    “เอาล่ะถ้างั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ถ้างั้นจะขอแนะนำคนที่ผมจะให้อยู่คุมเธออยู่ตลอดเวลาหน่อยก็แล้วกันนะครับ ถ้าฝ่าฝืนเขาเอาคุณตายเชียวนะเพราะงั้นก็อย่าขัดขืนซะดีกว่า”

    ขณะเดียวกันฝั่งพวกอัตสึชิ

     

    “แต่ว่าถ้าเกิดพวกนั้นทำอะไรเธอขึ้นมาจริงๆล่ะ!?”

     

    “ไม่หรอก ยังไงก็ไม่มีใครทำอะไรโทโมเอะจังได้แน่ๆล่ะ” ดาไซเริ่มเผยยิ้มสนุกขึ้นมา

     

    ฝั่งพอร์ทมาเฟียในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามาในห้องจากประตู เห็นเป็นเงาของคนคนนึงเดินเข้ามาเรื่อยๆ พอเดินเข้ามาใกล้ แสงจากห้องก็สาดสะท้อนให้เห็นร่างของบุคคลที่เดินมาชัดเจนชุดกับหมวกสีดำตัดกับผมสีน้ำตาลออกส้ม ที่ยูซุรุค่อนข้างรู้จักเป็นอย่างดีสายตาคมที่ดุดันพยายามมองดูใบหน้าของอีกฝ่ายที่โดนเงาบังอย่างน่าสงสัย

     

    “ขอแนะนำให้เธอได้รู้จักก่อนนะเขาเป็นผู้บริหารส่วนนึงของพอร์ทมาเฟียแห่งนี้ นากาฮาระ ชูยะ”

     

    (ชูซัง!? / โทโมเอะ!?) ต่างคนต่างตกใจกันและได้แต่อุทานในใจ

     

    “อะไรกัน ตกใจหรอกหรอ ที่ชูยะคุงตัวเท่านี้สินะ” โมริหยอกล้อชูยะ แม้เจ้าตัวจะแสดงท่าทีสงบเสงี่ยม

     

    “ชูยะนี่คือหน้าที่ใหม่ของนาย เป็นคนคอยคุมเธอคนนี้ที่มีพลังวิเศษตามที่ชั้นได้บอกไปนะ”

     

    “ยูซุรุ โทโมเอะ..สินะครับ” ชูยะถาม

     

    “ใช่แล้ว อย่าให้หนีกลับไปได้นะ ถ้าหนีไปได้นายเดือดร้อนแน่นอนนะครับ” 

     

    (ถ้าเกิดฉันหนีชูซังจะโดนลงโทษหรอ!? แล้วแบบนี้ฉันจะหนีไปแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ!? ) 

     

    “เอาล่ะ ถ้างั้นจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ ยูซุรุจัง ตามฉันมา” 

     

    “ไปกันค่ะ!” เอลิซจูงมือยูซุรุที่ระแวงรอบข้างอยู่เดินนำไป ชูยะก็เดินตามแผ่นหลังนั้นอย่างช้าๆ

     

    (เขาคิดจะทำอะไรกับโทโมเอะกันแน่….แล้วยัยนั่นมีพลังวิเศษตอนไหนกัน??) 

     

    “ถ้างั้นมาเริ่มทดสอบก่อนเลยแล้วกันนะครับ” โมริยิ้มให้อย่างมีเล่ศนัย จนยูซุรุขนลุก

    .

    .

    .

    .

    (นี่เรียกว่าทดสอบอย่างงั้นหรอ…..)

     

    “เอลิซจัง ชุดนี้เธอคิดว่าไง?”

     

    “อึดอัดไป ไม่เอา!”

     

    “ฉันว่าน่ารักดีออกนะ”

     

    โมริที่เขร่งขรึมดูน่ากลัวกำลังแสดงสีหน้าแสนเคลิ้มเพลิดเพลินกับการเลือกเสื้อผ้าให้เอลิซจากห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยชุดหลากสี

     

    (เหมือนพ่อลูกทั่วไปเลยแฮะ…แต่ว่า…เอลิซจัง….ไม่เหมือนเขาเลยซักนิด)

     

    “นี่! โทโมเอะ คิดว่าอันไหนเหมาะกับเอลิซหรอ?” จู่ๆเอลิซจับมือยูซุรุเรียกสติเธอคืนมา

     

    จังหวะที่จับมือนั่นเองยูซุรุสตั้นไปและสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

     

    (พลังวิเศษของเอลิซจัง….ไม่สินี่มัน…พลังของชายคนนั้น…แข็งแกร่งมาก….)

     

    “นี่ เลือกชุดให้เอลิซแทนรินทาโร่เถอะนะเบื่อแล้วอ่ะ”

     

    “เอ่อ…”

     

    เอลิซชี้ไปยังชุดโลลิต้าสีฟ้าและสีชมพูตรงหน้า

     

    (ไม่ว่าสีไหนมันก็เข้ากับเด็กคนนี้ไปหมดเลยนี่นา….ถ้าตามหลักแล้วชุดที่เหมาะกับคนผมยาว….จะต้อง)

     

    “เอ่อ….ยูซุรุ….จัง?” โมริถึงกับงงไปเมื่อจู่ๆบรรยากาศก็เต็มไปด้วยออร่าชวนอึดอัดจากยูซุรุ ที่พวกโมริบังเอิญเปิดสวิตท์โหมดดีไซเนอร์ของเธอเข้า

     

    “ให้ตายสิ ดันไปปลุกวิญญาณศิลปินเข้าจนได้ไง….” ชูยะถอนหายใจขณะมองยูซุรุที่จ้องมองเสื้อผ้าและบ่นพึมพำคนเดียว

     

    และจู่ๆยูซุรุก็กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง(?) และหยิบชุดที่เลือกขึ้นมา

     

    “ฉันว่าใส่สีฟ้าตัวนี้กับที่คาดหัวอันนี้ เหมาะกับเอลิซจังดีนะจ้ะ” 

     

    “อืม….จริงด้วยค่ะ! ถ้างั้นวันนี้เอลิซจะใส่ตัวนี้! ขอบคุณนะโทโมเอะ”

     

    “ด้วยความยินดีจ้ะ” ยูซุรุยิ้มตอบ เอลิซเปลี่ยนชุดตามอย่างที่ยูซุรุแนะนำและแสดงท่าทีพอใจอยู่ไม่น้อย

     

    “เอลิซจัง น่ารักที่สุดเลยน้า”

     

    “เอลิซน่ารักตลอดเวลานั่นแหละ แต่วันนี้เป็นฝีมือของโทโมเอะนะ”

     

    "ลืมไปเลยนะเนี่ย...เป็นดีไซน์เนอร์ด้วยนี่เองเนอะ ถ้างั้นต่อไปก็ตาเธอแล้วล่ะนะ"

     

    "เอ๋?"

    .

    .

    .

    ซักพักต่อมายูซุรุถูกโมริและเอลิซที่สนุกกับการให้เธอสวมชุดเดรสและชุดน่ารักมากมายสลับไปมา

     

    "บอสครับ...พอเถอะครับ…" ชูยะที่เงียบอยู่นานเอ่ยปาก

     

    “เอ๋ ทำไมล่ะ สนุกดีออก ยูซุรุจังหน้าตาดี ฉันก็อยากให้เธอดูดีตอนอยู่ที่นี่สิ”

     

    “เล่นบังคับใจกันเธออาจจะลำบากใจนะครับ เปลี่ยนชุดไปมาเจ้าตัวก็น่าจะเหนื่อยแล้วนะครับ”

     

    (เราก็ไม่ได้เหนื่อยหรอกนะแอบคิดว่าสนุกดีที่มีคนจับเราแต่งตัวซะเอง แต่ว่าชูซังเองก็มีมุมเป็นห่วงคนอื่นเหมือนกันแฮะ…ผิดคาดไปเลย…)

     

    ยูซุรุส่งสายตาเป็นลางบอกชูยะว่าเธอยังสบายดีอยู่ไม่ต้องเป็นห่วงเธอ เพื่อให้ชายหนุ่มไม่เป็นกังวล

     

    “งั้นขอชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายก็แล้วกันนะ ผมจะพาเธอไปทัวร์ที่นี่ซักที”

     

    “ค่ะ” ยูซุรุฉีกยิ้มกว้าง อย่างเป็นมิตร


    (ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่กลับรู้สึกว่า โมริซังไม่ใช่คนไม่ดี อย่างที่เคยเจอมาใน'อดีต'เลยนะ..)

    .

    .

    .

    หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยดีแล้ว โมริก็พายูซุรุเดินชมฐานของพอร์ทมาเฟีย โดยที่เขาก็พูดคุยเรื่องต่างๆของพอร์ทมาเฟีย และซักถามข้อมูลของยูซุรุเป็นช่วงๆไป

     

    “ยูซุรุจังอายุ 19 สินะแปลกจริงๆเลยนะปกติเด็กผู้หญิงวัยนี้จะต้องเรียนอยู่ไม่ก็ถูกจับไปหมั้นกับใครซักคนแบบนั้นไม่ใช่หรอ?”

     

    “……” ยูซุรุแสดงสีหน้าราวกลับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง จนโมริเลือกที่จะเบี่ยงถามเรื่องครอบครัวของยูซุรุไป

     

    “โอ๊ะ บอส สวัสดีค่ะ” ทันใดนั้นตรงทางแยกก็มีร่างของผู้หญิงคนนึงสวมชุดสูทสีดำผมที่มันม้วนขึ้นอย่างเรียบร้อย โค้งให้กับโมริที่เดินผ่าน

     

    “ฮิงุจินี่เอง อาคุตางาว่าก็ด้วยหรอ?”

     

    ทันใดที่ได้ยินชื่ออาคุตางาว่า ยูซุรุก็รู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องเธออย่างไม่ละสายตา และนั่นก็คือสายตาของอาคุตางาว่านั่นเอง

     

    “ ผู้หญิงคนนั้น…ใครหรอคะ?” ฮิงุจิเอียงคอสงสัย

     

    “อ๋อ ก็คนที่ฉันสั่งให้พาตัวมานั่นแหละ เป้าหมายน่ะ ยูซุรุ โทโมเอะ ตอนนี้เธอเป็น ‘พวกเดียวกัน’ แล้วล่ะนะ ” โมริอธิบาย

    แต่อาคุตางาว่าก็ยังคงมองยูซุรุไม่ละสายตาอยู่ดี

     

    “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันรึเปล่าคะ…เห็นจ้องมาซักพักแล้วนะคะ ถ้ามีคำถามอะไรก็ถามมาเถอะค่ะ” ยูซุรุตัดสินใจถามสวนให้อีกฝ่ายเอ่ยปากออกมา

     

    (รุ่นพี่อาคุตางาว่ามองยัยนี่ใหญ่เลย หรือว่ารุ่นพี่จะสนใจยัยผู้หญิงคนนี้หรอ) ฮิงุจิมองยูซุรุอย่างหงุดหงิด

     

    “แค่กๆ…..กระผมไม่มีอะไรจะพูดกับแก” พออีกฝ่ายกล่าวเสร็จเจ้าตัวก็เดินหันสวนทางไปอย่างไร้เยื่อใย

     

    “อาคุตางาว่าเป็นคนแบบนั้นต้องขอโทษด้วยนะ” โมริกล่าว

     

    “ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนเงียบๆดีน่ะค่ะ”

     

    “นั่นสินะ เธอเองก็เป็นคนที่ช่างพูดดีเนอะ” จู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนแทรกเข้ามา ก่อนที่จะมีเสียงเกี๊ยะเดินเข้ามาใกล้และปรากฏเป็นร่างของคาจิอินั่นเอง

     

    " คาจิอิ โมโตจิโระ เป็นนักทดลองของพอร์ทมาเฟียครับผมหวังว่าเธอจะให้ความร่วมมือกับการทดสอบเรื่องพลังของเธอนะครับ ฮิๆๆ ฮ่าๆ"

     

    "เอ่อ...." ยูซุรุถึงกับงงไปเมื่อพบคาจิอิ

     

    "เดี๋ยวฉันมีงานต่อ ชูยะฝากนายจัดการต่อเรื่องของยูซุรุจังทีนะ"

     

    "ครับ" ชูยะตอบโมริ

     

    "ยูซุรุจัง ฉันสัญญาว่าจะไม่ผิดสัญญาเธอแน่ๆ เพราะงั้นช่วยให้ความร่วมมือกับพวกฉันด้วยนะ" โมริกุมมือยูซุรุขึ้นมา เธอตกใจเล็กน้อยเพราะปกติไม่เคยรับมือคนประเภทนี้มาก่อนจึงทำตัวไม่ถูก โมริปล่อยมือและเดิน

    จากไป

     

    "ไหนๆบอสก็ไปแล้วสนใจไปแล็ปของผมด้วยกันมั้ยครับ แม่สาวเลมอน" 

     

    (แม่สาวเลมอน?? ฉันหรอ??) ยูซุรุอึ้งกับชื่อเล่นที่คาจิอิตั้งให้

     

    "เฮ้ย ยังมีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะ ยังไม่ถึงเวลาของแก คาจิอิ" ชูยะเข้ามาขัดก่อนจะรีบจูงยูซุรุเดินหนีไป

     

    "ไว้สะดวกก็มาหาผมได้เสมอนะครับ~"

    .

    .

    .

    .

    ชูยะพายูซุรุมายังห้องนอนห้องหนึ่ง ก่อนจะเริ่มบ่นขณะนั่งอยู่ที่โซฟาจิบชาในห้องกับยูซุรุ

     

    "เฮ้ย นี่มันหมายความว่ายังไงกันห้ะ!? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้" 

     

    "ก็ถูกจับมาน่ะค่ะ...."

     

    "ไม่ใช่สิ...ทำไมไอ้พวกดาไซเฮงซวยนั่นถึงปล่อยให้เธอโดนจับมาแบบนี้ได้ ห้ะ!!??" ชูยะโวยวาย

     

    "ฉันออกมาเดทกับรัมโปซังก็เลยโดนจับมา..."

     

    "อะไรนะ!!??" ชูยะตกใจจนหยุดจิบชาทันที

     

    "ท..ทำไมถึงตกใจขนาดนั้นล่ะคะ!?"

     

    "น..นี่เธอคบกับไอ้เปียกนั่นอ่ะนะ!?"

     

    "ป...เปล่าค่ะ เป็นบทลงโทษจากเกมพระราชา..."

     

    "สำนักงานนักสืบหรือสนามเด็กเล่นกันฟ้ะ..." ชูยะพึมพำ

     

    "ฉันคิดว่าพอร์ทมาเฟียจะไม่โจมตีแบบเปิดเผยเลยเผลอการ์ดตกไป..."

     

    "ไม่ใช่เพราะเธอหรอก ฉันเองก็พลาดเหมือนกันไม่คิดว่าจะถูกเจอตัวไวขนาดนี้ ไอ้หมอนั่นนี่ไวเหมือนเดิมเลยนะ"

     

    "หมายถึง...อาคุตางาว่าซังคนนั้นหรอคะ?"

     

    "อ่า ใช่ พอได้รับคำสั่งมาสงสัยว่าเจ้าตัวจะตามหาเธอแล้วอาศัยจังหวะเธออยู่แยกกับพวกดาไซนั่นน่ะสิ"

     

    “เขาทำร้ายรัมโปซัง…”

     

    “ขอโทษจริงๆนะ ฉันเองก็ไม่อยากให้เธอถูกจับมาที่นี่หรอก..ไม่อยากให้เธอต้องมาพัวพันกับโลกฝั่งนี้….แต่ว่าตราบใดที่พลังของเธอมันตื่นขึ้นมาแล้ว ฉันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ”

     

    “ฉันไม่ได้ว่าอะไรชูซังหรอกค่ะ ก็โมริซังไม่ได้เป็นคนไม่ดีนี่คะ”

     

    “โทโมเอะ……”

     

    “แต่ว่าเขานี่ดูเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้สุดๆเลยนะคะ ตอนที่ฉันเห็นครั้งแรกคิดว่าเป็นพวกโลลิค่อนด้วยล่ะ”

     

    “เอ่อ โทโมเอะ บอสฉันนะ รักษาน้ำใจนิดนึงอย่างน้อยเขาก็ไม่ทำอะไรเธอก็บุญแล้ว”

     

    “แต่ว่าฉันจะทำยังไงกับร้านของฉันดีละ…ถ้าไม่ได้เปิดลูกค้าฉันหายแหงเลย…”

     

    “ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง เธอไม่ต้องเป็นห่วงไป คิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องก็เลยเอาป้ายไปติดไว้แล้วที่หน้าร้านล่ะว่าให้สั่งซื้อผ่านเว็บเอา ตอนนี้ปิดชั่วคราว” 

     

    “ต้องพึ่งพาชูซังจนได้…ฉันจะให้ความร่วมมือกับพอร์ทมาเฟียเต็มที่เลยนะคะ”

     

    “ฉันอยากให้เธอกลับไปอยู่กับเจ้าพวกนั้นนะ แต่พอเป็นซะอย่างงี้สงสัยฉันคงต้องดูแลเองซะแล้วล่ะ” 

    ชูยะลุกขึ้นเดินมาลูบหัวยูซุรุก่อนที่เขาจะเดินออกไป

     

    “ห้องนี้เป็นห้องของเธอแล้วใช้ตามสบายเลยนะ เดี๋ยวฉันไปเอาพวกเสื้อผ้าที่ไปซื้อมาให้เมื่อเช้ามาให้” 

     

    (ชูซังรู้ไซส์เสื้อผ้าเราได้ยังไงกันนะ…ไม่สิรู้อยู่แล้วล่ะก็เราคุยกันเรื่องไซส์เสื้อผ้าบ่อยจะตายนี่เนอะ…)

     

    ยูซุรุเดินสำรวจห้องของตัวเองไปเรื่อย จนกระทั่งพยายามชะเง้อดูที่หน้าต่างนั้นเอง

     

    “แกคิดจะหนีไปอีกอย่างงั้นหรอ”

     

    ยูซุรุหันกลับมาทันใดก็พบกับอาคุตางาว่าที่อยู่หน้าประตู

     

    “เข้ามาก็ควรจะเคาะประตูหน่อยสิคะ นี่มันห้องของฉันนะคะ”

     

    “หึ ไม่ทันไรก็กล้าตอบโต้แล้วอย่างงั้นหรอ ช่างกล้าซะจริงนะ ยูซุรุ โทโมเอะ”

     

    “ฉันยังไม่ให้อภัยที่คุณทำร้ายรัมโปซังหรอกนะคะ แต่ว่าถ้าไม่ญาติดีกับคุณคงทำงานด้วยกันลำบาก ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยก็แล้วกันค่ะ อาคุตางาว่าซัง”

     

    “หึ ……”

     

    ห้องอยู่ภายใต้ความเงียบ แต่ไม่ว่ายังไงอาคุางาว่าก็ยังไม่ออกจากห้องไปแถมยังนั่งลงที่โซฟาเงียบๆอีก

     

    (เขามานั่งเฝ้าเราขนาดนี้เลยหรอเนี่ย….)

     

    “แกน่ะ…เป็นคนรักของดาไซซังหรอ?”

     

    “เอ๋?! …..ม…..ไม่ใช่ค่ะ ดาไซซังก็แค่เป็นคนคอยช่วยเหลือฉันประมาณว่าเป็นคู่หูเฉยๆค่ะ ถึงจะยังไม่ได้ทำงานร่วมกันเลยก็เถอะ….”

     

    “แต่ดาไซซังก็ดูจะชอบแกน่าดูเลยนี่นะ”

     

    (ทำไมถึงชวนคุยเรื่องดาไซซังกันนะ?)

     

    “ดาไซซังเนี่ยเขาเป็นคนที่เก่งจังนะคะ รู้จักกับดาไซซังสินะคะ?”

     

    “เขาเก่งอยู่แล้วล่ะ เขาเคยเป็นอาจารย์ของกระผม…คนที่กระผมอยากให้เขายอมรับ…"

     

    จู่ๆก็เหมือนยูซุรุไปกดสวิตซ์บางอย่างเข้า อาคุตางาว่าจึงเริ่มเล่าเรื่องราวของเขาในอดีตกับดาไซจนเธอรู้เรื่องทั้งหมดของเขากับดาไซ

     

    (ที่แท้ก็น้บถือดาไซซังนี่เอง เขาจงรักภักดีกับพอร์ทมาเฟียเพราะดาไซซัง…แม้ดาไซซังจะทรยศต่อพอร์ทมาเฟียเขาก็ยังคงอยู่พอร์ทมาเฟียนี้ต่อ….และยังนับถือดาไซซังต่อไป….)

     

    “อึก! ทำไมกระผมถึงต้องเล่าเรื่องในอดีตของตัวเองให้แกฟังด้วยนะ"

     

    (อาคุตางาว่าซังไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแฮะ…)

     

    “ยิ้มอะไรของแก”

     

    (แค่คิดว่าอาคุตางาว่าซังดูนับถือดาไซซังมากเลยน่ะค่ะ)

     

    “แค่คิดว่าอาคุตางาว่าซังน่ารักดีค่ะ”

     

    (ให้ตายเถอะเผลอพูดความในใจออกไป!?)

     

    อาคุตางาว่าขมวดคิ้ว(ที่ไม่มี-----//โดนถีบ) แสดงท่าทีไม่พอใจ

     

    “ขอโทษค่ะ…”

     

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรแกซักนิด”

     

    “คืออยากจะขอโทษที่…โยนเครปใส่หน้าตอนนั้นด้วยน่ะค่ะ…”

     

    “เรื่องพรรค์นั้นไม่ต้องพูดหรอก ไร้สาระ” อาคุตางาว่า หันเดินทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง

     

    (อ๊ะ ที่เสื้อนั่น….) ยูซุรุเหลือบไปเห็นที่เสื้อคลุมสีดำของอาคุตางาว่ามีรอยขาด ได้ปลุกสัญชาตญาณของเธอให้เดินไปหาเขา

     

    “อาคุตางาว่าซังฉันมีเรื่องจะขอร้องค่ะ ในฐานะคู่หูของดาไซซัง” ยูซุรุทำหน้าจริงจังจนอาคุตางาว่ายอมหยุดเดิน

     

    “ถึงแกจะเป็นคนที่ดาไซซังพิเศษพิโส เอ็นดูยังไงก็ตามฉันก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับแก” อาคุตางาว่าพูดและเดินไป

     

    “แต่ว่าเรื่องที่ฉันขอร้องเกี่ยวกับดาไซซังนะคะ” อาคุตางาว่าชะงักทันทีที่เป็นเรื่องของดาไซ ก่อนจะยอมหันกลับมาพูด

     

    “หึ…งั้นก็ช่วยไม่ได้ มีเรื่องอะไร”

     

    “ช่วยถอดเสื้อคลุมที่ใส่อยู่ออกมาด้วยค่ะ”

     

    “ห้ะ?” ที่นี้เป็นตาของอาคุตางาว่าที่แสดงสีหน้าสับสน งุนงงเมื่อยูซุรุสั่งให้ตนถอดเสื้อออก

     

    “แกก็รู้ว่าเสื้อนี่คือ ‘ราโชมอน’ พลังวิเศษของกระผม คิดจะโจมตีกระผมแล้วใช้จังหวะนั้นหนีไปสินะ"

     

    “ฉันไม่ได้คิดจะหนีค่ะ แต่ถ้าไม่ถอดเสื้อนั้น ดาไซซังคงผิดหวังในตัวอาคุตางาว่าซังแน่ๆ” อาคุตางาว่ายิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ว่า เสื้อคลุมของเขาเกี่ยวข้องอะไรกับดาไซ

     

    “กระผมไม่ถอดเด็ดขาด” อาคุตางาว่าถอยหลัง

     

    “ถอดออกมาเถอะค่ะ” 

     

    “หยุดนะ!"

     

    อาคุตางาว่าปัดแขนยูซุรุที่เซ้าซี้ไม่หยุด 

     

    “ห้ามทำให้เธอคนนั้นมีบาดแผลเป็นอันขาด ปฏิบัติเหมือนเธอเป็นคนสำคัญของพวกนาย ยิ่งชนะใจอีกฝ่ายได้ เราก็จะได้พลังนั้นมาครอบครอง”  เสียงของโมริสั่งการกับเหล่าลูกน้องของเขาไว้ เตือนสติให้อาคุตางาว่าพยายามไม่ทำร้ายอีกฝ่าย แต่สัญชาตญาณของเขาทำให้เผลอตะดอกใส่ยูซุรุ 

     

    “ฉันทนเห็นเสื้อผ้าเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ!” แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ยูซุรุยอมแพ้ต่อการเห็นเสื้อผ้าที่มีรอยขาดจนขัดตาไปได้

     

    ทั้งคู่ตีรันฟันแทงกันอยู่ไม่มีพักจนกระทั่งอาคุตางาว่าเสียหลักล้มลงไปบนเตียงโดยมียูซุรุที่ล็อคตัวจงใจที่จะบังคับใจถอดเสื้ออีกฝ่ายออกให้ได้

     

    “แก ทำไมต้องทำขนาดนี้ห้ะ !?”

     

    “มันก็เหมือนกับการที่มีคนเอาดังโงะมาวางตรงหน้าไว้ตรงหน้าฉันนั่นแหละค่ะ ฉันอดใจไม่ไหวหรอก!”

     

    (นังผู้หญิงคนนี้ เปรียบเทียบอะไรของมันน่ะ?)

     

    ก๊อกๆ

     

    ในขณะที่ทั้งคู่ก็ยังคงต่อสู้(?)กันอยู่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเข้ามา

     

    “ ยูซุรุ โทโมเอะ แกเห็นรุ่นพี่อาคุตางาว่าบ้าง…….มั้ย?” ฮิงุจิถึงกับชะงักเมื่อเห็นอาคุตางาว่าถูกยูซุรุค้อมตัวอยู่บนเตียงนอนและเสื้อผ้ายุ่งเหยิงกันทั้งคู่โดยที่ทั้งยูซุรุและอาคุตางาว่าก็ไ่ม่รู้ตัว แต่ก็หันมาเมื่อได้ยินเสียงฮิงุจิ

     

    “ล…..ลงมาเดี๋ยวนี้นะยะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

     

    เสียงฮิงุจิโวยวายดังก้องไปทั่วฐานจนเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นเสียงโวยวายที่ดังที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในพอร์ทมาเฟีย

    .

    .

    .

    .

    “ให้ตายสิพอเป็นเรื่องเสื้อผ้าล่ะไฟลุกไม่ยอมแพ้ทุกที” ชูยะบ่นอย่างเหนื่อยใจ ขณะที่ตัวปัญหาในครั้งนี้กำลังเย็บส่วนที่ขาดของเสื้ออาคุตางาว่าอย่างเพลิดเพลินและอารมณ์ดี

     

    “ฉันทนเห็นเสื้อผ้ามีรอบขาดไม่ได้นี่นา มันไม่ใช่ลวดลายขาดแบบจงใจด้วย ต้องซ่อมให้เหมือนใหม่!” ยูซุรุบรรจงเย็บราวกับทอผ้าตรงส่วนที่ขาดใหม่อย่างละเอียดจนทุกคนอึ้งกับความสามารถนั้นไป

     

    “ถ้าจะเย็บเสื้อให้ไม่เห็นต้องขึ้นไปค่อมบนเตียงเลยนะ รุ่นพี่อาคุตางาว่า ก็ขัดขืนหน่อยสิคะ!!!!” ฮิงุจิโวยวาย

     

    “ใครจะไปขัดขืนคำสั่งของบอสได้…” อาคุตางาว่านั่งหันหลังขณะเสื้อของตัวเองถูกเย็บโดยยูซุรุ

     

    “เอาล่ะเสร็จแล้วค่ะ!” อาคุตางาว่ามองเสื้อคลุมของตนที่ถูกเย็บเสร็จโดยไม่ตอบอะไร

     

    “เสื้อตัวนี้คงสำคัญกับอาคุตางาว่าซังมาก เพราะงั้นดูแลรักษามันให้ดีๆนะคะ” ยูซุรุยิ้มตอบ

     

    “?!” อาคุตางาว่าเบิกตาโพลง

     

    “ดูแลรักษามันให้ดีๆนะคะ” เสียงของผู้หญิงคนนึงที่ยื่นเสื้อตัวนึงที่เหมือนกับเสื้อตัวที่อาคุตางาว่าใส่อยู่ลอยขึ้นมาจากเสี้ยวความทรงจำของอาคุคางาว่า

     

    อาคุตางาว่ามองยูซุรุอย่างอึ้งๆ จนเธอเอียงคอสงสัย แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็รับเสื้อนั้นหันกลับหลัง

     

    “ขอบ..ใจ” อาคุตางาว่าตอบสั้นๆ 

     

    “ด้วยความยินดีค่ะ” เพียงแค่นั้นกลับทำให้ยูซุรุรู้สึกดีใจมากพอแล้ว

     

    (จริงๆคนของพอร์ทมาเฟียก็ไม่ใช่ว่าจะโหดร้ายเสมอไปสินะ…..ถ้าอยู่ไปเรื่อยๆฉันจะทำอะไรได้บ้างรึเปล่านะ…)

     

    “ถ้างั้นกระผมขอตัวก่อนนะครับ” 

     

    “เออ ตามสบายนายเลย อย่าไปหาเรื่องพวกสำนักงานซะล่ะ ตามสอดแนมก็พอ” ชูยะตอบกลับอาคุตางาว่าที่เดินออกไป 

     

    “ขอตัวนะคะ” ฮิงุจิไม่แคล้วจะออกไปพร้อมกับอาคุตางาว่า ก่อนออกไปก็ไม่ลืมที่จะจ้องมองยูซุรุอย่างริษยา

     

    (โดนเกลียดเข้าให้แล้วสินะ…..จะอยู่รอดอีกกี่วันกันนะตัวฉันเนี่ย…)

     

    “สงสัยจะวุ่นวายขึ้นอีกแล้วสิเนี่ย…หัดทำตัวปกติบ้างก็ได้โดนเชือดขึ้นมาจริงๆฉันช่วยไม่ได้นะเว้ย”

     

    “เข้าใจแล้วค่ะคุณแม่ชูยะ”

     

    “อย่ามาเรียกชั้นว่าคุณแม่นะเฟ้ย”

     

    “ชูซังขี้บ่นนี่นา!”

     

    ชูยะกับยูซุรุถกเกียงกันในห้อง

     

    “ทั้งสองคนนั้นเหมือนจะรู้จักกันนะคะ รุ่นพี่อาคุตางาว่า”  ฮิงุจิสอดส่องในห้องของยูซุรุ ขณะที่อาคุตางาว่าก็ยืนพิงกำแพงอยู่เงียบๆ

     

    “นี่ ฮิงุจิ"

     

    “มีอะไรคะ?”

     

    “ไปเดินในเมืองด้วยกันหน่อย”

     

    “เอ๋?” (ร…..หรือว่าจะเป็น….ด….เดท!!!??) ฮิงุจิตีความคำพูดของอาคุตางาว่าไปเองและหน้าแดงขึ้นมา

     

    “จะไปซื้อของแต่ไม่รู้ว่าที่ไหนมีขายน่ะ”

     

    “ไว้เป็นหน้าที่ของฮิงุจิคนนี้เถอะค่ะรุ่นพี่ฉันจะพาไปยังร้านที่คุณภาพดีที่สุดเลยล่ะค่ะ แต่ว่ารุ่นพี่อยากจะซื้ออะไรหรอคะ!?!?”

     

    “ดังโงะ ”

     

    “ค…คะ???? โยโกฮาม่าไม่น่าจะหาได้ง่ายๆเลยนะคะ แต่ว่าฉันต้องหาร้านได้แน่นอนเลยนะคะ!!” 

     

    “มันมีที่ไหนบ้างกันเนี่ย วุ่นวายซะจริง” อาคุตางาว่าพึมพำ ขณะฮิงุจิก็พยายามค้นหาร้านขนมอย่างที่รุ่นพี่ของตนได้ขอไว้

    แล้วทั้งคู่ก็ได้เดินจากห้องนั้นไป ปล่อยให้ยูซุรุกับชูยะถกเถียงกันในห้องจนเหมือนยูซุรุจะลืมว่าตนถูกลักพาตัวมาไปซะแล้ว

     

    ยูซุรุที่เข้าร่วมกับพอร์ทมาเฟียเพื่อปกป้องสำนักงานนักสืบ พวกอัตสึชิที่วางแผนเพื่อนำตัวเธอกลับคืนมา พลังของยูซุรุที่เป็นตัวแปรของทั้งฝั่งสำนักงานและพอร์มาเฟีย พลังที่เสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้พลังนั้น มันจะจบที่แค่สองที่หรือไม่……นั่นก็คงจะเป็นเรื่องในอนาคตอีกไม่ช้านี้

     

    CH.5? 「จู่ๆถูกเรียกตัวไปยังห้องโล่งๆที่มีเพียงโต๊ะน้ำชาโต๊ะหนึ่ง」

    ======================================================

    เสร็จไวกว่าที่คิดไว้เยอะค่ะคิดว่าจะเสร็จตอนตุลาแต่ว่าดันเขียนติดลมก็เลยเสร็จไวมาก 555555555

    เพื่อนๆโอเคกับเซอร์วิสที่แป้งทยอยใส่ๆมามั้ยคะ คือคาแรคเตอร์ยูซุรุกลายเป็นคนที่ไม่ฟังคำพูดอะไรใดๆเมื่อเป็นเรื่องของเสื้อผ้าเลยล่ะค่ะ ตอนคิดฉากคร่อมอาคุตางาว่าก็แอบขำว่า อาคุตางาว่าจะทำสีหน้ายังไงกันนะเพราะเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะถูกผู้หญิงโจมตีใส่จนเสียท่าแบบนี้ (ถ้าไม่นับเคียวกะจัง) แล้วยิ่งเป็นคนที่สู้ไม่ถอยเรื่องเสื้อผ้าแล้ว เขาก็คงรับมือไม่ถูกเหมือนกันเพราะโดนสั่งห้ามทำร้ายร่างกายด้วยแหละ (โดยคุณหมีโมริค่อน-----//โดนมีดแทงหลัง) แน่นอนว่าก็ปูให้อาคุตางาว่ามีโมเม้นกับยูซุรุเยอะเหมือนกันค่ะ อนาคตจะน่าเอ็นดูมากกว่านี้อีก เลยต้องขอเพื่อนๆที่ชิปเรือ อาคุจัง x ฮิงุจิ ก่อนเลยนะคะว่าโมเม้นเน้น ตัวละครชายของเรื่อง x OC ของฟิคค่ะ 

     

    ความจริงกะจะใส่โมเม้นนอกจาก โมริกับอาคุตางาว่าให้มากกว่านี้เหมือนกันค่ะ อย่างคาจิอิ ที่ดูแล้วท่าจะรับมือได้ยากเอง นึกโมเม้นคู่กันยากมากค่ะ ส่วนชูยะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ มีแน่เยอะด้วยเพราะปูมาแล้วว่า จัดหนักสนองตัวเองค่ะ (ก็หนูอยากเห็นชูซังโผผัวบาง เป็นโผเมียเยอะแล้วง่ะ----)  

     

    เอาเป็นว่าคอยติดตามต่อตอนต่อไปนะคะ ตอนนี้แป้งติดงานของมหาลัยอยู่ งานวุ่นมากๆแอบอู้มาแต่งเนี่ยแหละค่ะ ไว้เจอกันท้ายตอนหน้าค่ะ 

     

    ลืมประกาศสำคัญไปเลยค่ะ! เดี๋ยวฟิคบุงโกที่แต่งทั้งหมด แป้งจะนำไปอัพลงในแอพ ReadAWrite/และแอพอื่นๆที่เพื่อนๆอ่านนิยายฟิคกัน ด้วยนะคะ เพื่อนๆจะได้มีช่องทางอ่านที่มากขึ้น แต่จะอัพเดตช้ากว่าบน Dek-D นะคะ ลองแนะนำแป้งมาได้นะคะว่าเพื่อนๆสะดวกอ่านจากไหนเดี๋ยวจะอัพลงทุกที่เลยค่ะ แล้วก็มีแพลนทำโปรเจคพิเศษอยู่ซึ่งจะประกาศเร็วๆนี้ แต่อาจจะปีหน้าค่ะ ปีนี้น่าจะยังไม่เสร็จ55555 

     

    ไว้เจอกันค่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×