NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภารกิจคือการตามหาสามี

    ลำดับตอนที่ #3 : Arc 1 รุ่นพี่ที่รัก (2)

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 66


    Arc 1

    ตอนที่ 2

     

     

    ภายในรถยี่ห้อหรู พี่น้องฝาแฝดกำลังเดินทางไปโรงเรียนวันแรกพร้อมกัน คนขับรถที่ตั้งแต่ขับออกจากคฤหาสน์มาแผ่นหลังก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ บรรยากาศด้านหลังเรียกได้ว่าแปลกไปจากปกติ คนพี่ที่เดิมมีบรรยากาศมืดมนหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้กลับไม่มีหลงเหลือแล้ว มีแต่ความสุขุมนิ่งสงบ ถึงจะนิ่งเงียบเหมือนเดิมแต่กลับแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน ไม่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแล้ว แค่ท่วงท่านั่งก็สามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงแล้ว

    ส่วนคนน้องนั้นคนขับรถไม่อยากพูดถึงเอาซะเลย คนนอกที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนี้ต่างก็มองออกถึงการปฏิบัติต่อพี่น้องฝาแฝดได้อย่างชัดเจน คนน้องนั้นคนงานในคฤหาสน์แทบไม่อยากยุ่งเกี่ยว มีพี่น้องเช่นนี้ไม่รู้ว่าคุณหนูเอเดนไปทำกรรมอะไรไว้

    "ทำไมพี่ถึงจะไปอยู่หอแล้วละ ไม่ใช่ว่าอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้เหรอ" 

    เสียงแหลมๆดังเข้าหูของเอวาน่าที่กำลังพักสายตาจนต้องขมวดคิ้ว ช่างเป็นเสียงที่ปวดแก้วหูจริง ไม่รู้จะดัดให้แหลมไปเพื่ออะไร

    ร่างโปร่งที่มัดผมที่ค่อนข้างยาวไว้ตรงท้ายทอยไม่ได้หันไปมองคนถาม แต่เลือกที่จะตอบสั้นๆก่อนหยิบหูฟังขึ้นมาสวม "เรื่องของฉัน"

    คนเอ่ยถามที่ตั้งใจแซะกลายเป็นหน้าม้านทันที ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ได้แต่มองคนที่เอนหลังด้วยความสบายใจด้วยความไม่พอใจ

    เขารู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าพี่ชายคนนี้ไม่เหมือนเดิม ตอนแรกเขาก็ไม่ได้สนอะไรมากนัก เพราะคิดว่าคงแค่อยากเรียกร้องความสนใจจากครอบครัวเท่านั้น

    แต่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปจากเดิมแล้วจริงๆ ทั้งท่าทีและคำพูด ไม่ได้ทำตัวมืดมนเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย 

    แต่แล้วจะยังไงละ ถึงจะเปลี่ยนไปยังไง เขาก็จะทำให้เป็นเหมือนเก่าเอง

    ใช้เวลาไม่นานรถก็จอดบริเวณใกล้ประตูโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ รอบด้านเต็มไปด้วยรถราคาแพง โรงเรียนเองก็เป็นโรงเรียนใหญ่โตสำหรับลูกคนมีเงิน ค่าเทอมที่แพงหูฉี่ทำให้คนชนชั้นกลางแทบจะจ่ายไม่ไหว แต่เพื่อคอนเนคชั่นที่มีระดับสูง หลายครอบครัวจึงกัดฟันเสียเงินและเส้นสายเพื่อให้ลูกหลานได้เข้าเรียน

    เมื่อเอวาน่าเดินเข้าประใหญ่มาก็กลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนคนอื่นทันที

    นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่จับกลุ่มกันรอเพื่อนก็มองเห็นเอเดนเช่นกัน หญิงสาวที่มีท่าทางมั่นใจถามเพื่อนที่ยืนข้างๆ "นั้นใช่แฝดคนพี่ของอลันหรือเปล่า"

    เด็กสาวตัวเล็กที่โดนถามตอบ "ใช่ เห็นว่าเป็นแฝดคนละฝาก็เลยไม่ค่อยเหมือนกัน"

    เพื่อนผู้ชายที่นั่งไขว่ห้างอยู่หันมาพูดกับเพื่อนคนแรกที่ถามตอนแรก "เธอย้ายมาอยู่ตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ใช่รึไง ไม่รู้จักเอเดนที่เป็นแฝดกับอลันได้ไง"

    หญิงสาวตอบกลับ "ฉันก็พอจะรู้ แต่ฉันไม่ชอบอลันอะไรนั้นเลยสักนิด ก็เลยไม่ได้สนว่าเขาจะมีพี่น้องเป็นใครหรือจะเป็นแฝดหรือไม่แฝดกับใคร"

    ชายหนุ่มหุ่นนักกีฬาพยักหน้าเห็นด้วย "ฉันก็ไม่ค่อยชอบคนที่ชื่ออลันเหมือนกัน เห็นว่าคบหากับรุ่นพี่ลูคัสมาตั้งแต่เด็ก แต่ฉันยังเห็นเขาไปวอแวกับรุ่นพี่คนอื่นไปทั่วไม่ซ้ำคนซ้ำหน้าอยู่เลย ไม่รู้เป็นคนยังไงกันแน่"

    หญิงสาวตัวสูงที่พอรู้ข่าวมาบ้างก็เบะปากร้องเหอะอย่างอัดอั้น "จะเป็นคนแบบไหนได้ละที่นอกจากจะกินเรี่ยราดไปทั่วแล้ว วันๆยังเอาแต่ทำตัวดัดจริตอีก สงสัยรุ่นพี่ลูคัสจะให้กินไม่อิ่มถึงได้ทำตัวแบบนี้"

    "ว๊าย! เป็นสาวเป็นแซ่พูดไม่เพราะเลยนะคะเธอ" สาวสองหน้าสวยที่กำลังทาลิปสติกถึงกับอุทานเสียงดังเพราะได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท แต่แล้วต่อมเผือกก็ทำงานขึ้นมากะทันหัน "ว่าแต่จริงเหรอที่กินไปทั่วนะ ยังไง ทำไมข่าวนี้ฉันถึงไม่เคยได้ยินเลยละ เกิดอะไรกับหูตาของฉันรึเปล่าเนี่ย"

    "ไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลกหรอก ที่ฉันได้รู้มาก็เพราะข่าววงในนะสิ เรื่องนี่พูดแล้วฉันก็พะอืดพะอมไม่หาย เห็นหน้าตาน่ารักไม่มีพิษสงแบบนี้แต่เคยกินลับหลังรุ่นพี่ลูคัสหลายครั้งแล้ว แถมครั้งหนึ่งยังเคยมากินแฟนเก่าฉันด้วย ยังดีที่ฉันเลิกกับคนนั้นไปก่อนแล้ว ไม่งั้นคงได้มีเขางอกกันบ้าง เหอะ"

    ข่าวใหม่จากที่หญิงสาวเล่าทำเอาเพื่อนอ้าปากค้างกันไปหมด สาวมั่นคนแรกที่เป็นคนเริ่มพูดเรื่องนี้ก็อึ้งไปอยู่นาน เธอพึ่งย้ายมาแค่ปีเดียวแต่ก็พอรู้จักคนคนนี้อยู่บ้าง จากที่เห็นเขาเป็นคนน่ารักไม่ถือตัว ไม่หยิ่งแถมเป็นกันเองกับเพื่อนๆ แต่พอมองนานไปก็เริ่มรู้สึกได้ว่ากำลังแสร้งแกล้งทำตัวแบบนั้นอยู่ เธอเลยไม่ถูกชะตาด้วย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งก้าวก่ายอะไร ต่างคนต่างอยู่กันไป ครั้งนี้ที่สนใจคือเอเดนแฝดคนพี่ แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้

    ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งเงียบตั้งแต่แรก พูดขึ้นมาหลังจากทุกคนเงียบไปนาน "จะตัดสินใครจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ"

    ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีก

    มาทางด้านเอวาน่าที่รู้ทุกอย่างอยู่แล้วแต่ไม่ได้สนใจมัน กำลังใช้กระแสจิตคุยภูติน้อยขณะเดินอย่างไม่รีบร้อน แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาคือคนรัก

    'อโดนิสมาถึงรึยัง' 

    ร่างโปร่งในชุดนักเรียนเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นทับด้วยกั๊กสีน้ำครีมและเนคไทสีน้ำตาลลายขวางกับกางเกงขายาวสีเดียวกันย่ำไปตามทางเดิน

    ภูติน้อยตอบกลับทันทีที่ได้ยินคำถาม 'ถึงแล้วครับ ตอนนี้อยู่เขตหอพักกับคุณลูคัสและเพื่อนๆ'

    'แล้วอลันละ'

    'กำลังเดินไปที่เขตหอพักครับ จากทิศทางน่าจะไปหาคุณลูคัส'

    'หืม ถ้างั้นเราไปรอที่ห้องพักเลยดีกว่า เดี๋ยวยังไงอโดนิสก็ต้องไปเอาหนังสือเรียนอยู่ดี ฉันไม่อยากเจอกับพวกนั้นให้ปวดหัว'

    ห้องที่อโดนิสเข้าอยู่คือ 4303 ตึก 4 ชั้น 3 ห้อง 03

    ตึกหอพักมีหลายตึก จำนวนชั้นไม่เท่ากัน แต่จำนวนห้องแต่ละชั้นมีเท่ากันคือ 6 ห้อง ห้องหนึ่งสามารถอยู่ได้แค่สองคน ขนาดห้องไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่ส่วนตัวทำให้คนที่อยู่ร่วมกันไม่อึดอัด

    เอวาน่าขึ้นลิฟต์ไปชั้นห้องพัก ตอนนี้ยังเช้าอยู่มากนักเรียนเลยยังน้อย คนที่เดินผ่านก็ไม่ได้สนใจเอวาน่าเขาเลยเดินถึงห้องอย่างชิวๆ

    ประตูห้องเป็นกลอนประตูไฟฟ้าแบบดิจิตอล อินอินเจาะระบบใส่รหัสผ่านอย่างรวดเร็ว ร่างบางเข้าห้องได้อย่างง่ายดาย ภายในห้องค่อนข้างกว้าง ข้างประตูด้านขวามีชั้นวางรองเท้าวางเรียงอยู่ ส่วนของอื่นๆก็วางได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย 

    ซ้ายขวามีเตียงสองเตียงวางชิดริมพนัง ถัดมาด้านในติดริมหน้าต่างมีโต๊ะหนังสือสองโต๊ะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ทางปลายเตียงมีชั้นใส่ของและด้านขวามีห้องน้ำหนึ่งห้องต้องใช้ร่วมกัน ใกล้ประตูห้องน้ำมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สองตู้ รวมที่แขวนเข็มขัดและโต๊ะวางของ กลางห้องเยื้องมาด้านขวามีโทรทัศน์เครื่องใหญ่และโซฟายาวหนึ่งตัว นี้ถือว่าหรูมากแล้วสำหรับหอพักนักเรียน

    สิ่งของที่เขาไปซื้อที่ห้างวางกองอยู่กลางห้อง ข้างๆเองก็มีของที่ยังไม่ได้เก็บกองอยู่ด้วยน่าจะเป็นของอโดนิส 

    ระหว่างที่รอเจอสามี เขาก็เริ่มจัดของไปพลางๆ เขายึดตู้เสื้อผ้าด้านขวาเลยโดยไม่รอถามความเห็นของเพื่อนร่วมห้องที่ยังไม่ได้พบหน้า จัดไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ได้ยินเสียงดัง 'ตี๊ด' จากประตู 

    เขาที่นั่งอยู่ในกองสิ่งของหันไปมองคนมาใหม่ที่ปิดประตูลงพอดี 

    เพราะเขานั่งอยู่ที่พื้นเลยต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ชั่วขณะที่นัยน์ตาสีฟ้ามองสบกับนัยน์ตาสีเขียวเข้มราวกับเวลาได้หยุดลง ความรู้สึกทุกอย่างพรั่งพรูออกมาในพริบตาเดียว ทุกอย่างอันแน่นไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงจนคนที่พึ่งเข้าห้องมาตกตะลึง

    โคลไม่คิดว่าจะเจอคนอยู่ในห้อง ผู้ชายร่างโปร่งเพียวที่นั่งทำอะไรบางอย่างอยู่กับกองสิ่งของดูโดนเด่นขึ้นมาท่ามกลางสิ่งของมากมาย แต่วินาทีที่อีกฝ่ายหันมาแล้วได้สบตากัน ในอกก็พลันเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเขาเจ็บหน่วงขึ้นมา แต่ในความเจ็บก็มีความปลื้มปีติอย่างถึงที่สุดราวกับเขาได้เจอบางอย่างที่เป็นชีวิตของเขา

    แม้ตกใจกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ที่ทำให้เขาตกตะลึงอย่างที่จริงคือความรู้สึกที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย มันรุนแรงเกินไปจนเขารู้สึกได้ ทั้งความรัก ความคิดถึง ความห่วงหา ทั้งยังมีความหวาดกลัว ความเจ็บปวด จนเขารู้สึกวูบโหวงในอก ชั่วขณะนั้นไม่รู้ทำไมเขาถึงมีความคิดว่าไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดแม้สักนิดเดียว เขาอยากทำให้อีกฝ่ายมีความสุขอย่างถึงที่สุด อยากให้คนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้ 

    ความรู้สึกที่บ้าคลั่งทำให้เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว จนเขาตั้งสติได้ภาพที่เห็นคือใบหน้าสวยที่มีน้ำตาไหลรินเป็นทาง ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาโอบกอดคนตรงหน้าเข้ามาในอ้อมอก 

    อาการสั่นเทาของคนในอ้อมแขนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด ทำไมคนตรงหน้าถึงร้องไห้ ทำไมเราสบตากันแค่ระยะเวลาสั้นๆกลับมีความรู้สึกอะไรได้มากมายขนาดนี้ 

    เกิดอะไรขึ้นกันแน่

    แต่แล้วเสียงนุ่มนวลที่แหบเล็กน้อยก็ดังขึ้นเบาๆข้างหูขัดความสับสนของเขาได้ในทันที 

    "นี้"

    เสียงแผ่วเบาแค่นี้แต่เขากลับได้ยินก้องอยู่ในใจ ราวกับจิตวิญญาณของเขากำลังสั่นสะท้านเพื่อตอบรับเสียงนี้

    "นาย..เป็นอะไรรึเปล่า" 

    เขาถามอย่างอ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะมาคิดดูแล้ว เราพึ่งจะเจอกัน แต่เขากลับเข้าไปกอดอีกฝ่ายจนจมอกเข้าซะแล้ว เขาเลยได้แค่แข็งค้างอยู่ท่าเดิมโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ

    เอวาน่าที่ดึงสติกลับมาได้แล้วรู้สึกดีขึ้นมากเพราะท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่าย จากตอนแรกที่ไม่ทันได้ตั้งตัวกับการต้องเจอคนที่รักแต่อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้ เลยทำให้รู้สึกปวดใจจนแทบทนไม่ไหว

    แต่พอสติกลับมาเขาก็อยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของคนรักที่แม้จะไม่มีความจำเกี่ยวกับเขาเลย แต่เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณนี้กลับจำจดเขาได้ในทันที ทำให้ต้นไม้ที่ใกล้เฉาตายอย่างเขาได้รับน้ำที่อบอุ่นและหอมหวานจนสามารถหยั่งรากเติบโตได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย

    "พี่ครับ เราอยู่แบบนี้สักพักได้ไหม" 

    เอวาน่าถามขณะซบลงกับอกแกร่ง หน้าผากเขาสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่กำลังสั่นระริกเล็กๆของอีกฝ่าย มุมปากของคนในอ้อมอกยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

    คนโตกว่าที่ปกติไม่ชอบการสัมผัสตัวกับคนอื่นไม่ได้ปฏิเสธอย่างหาได้ยาก แต่มองรอบตัวแล้ว สิ่งของมากมายที่กองอยู่ทำให้เขาเอ่ยปาก

    "พี่ว่าเราไปที่โซฟากันดีกว่า.."

    คนตัวสูงยังพูดไม่จบประโยคเขาก็ยกแขนขึ้นคล้องคอก่อนแล้ว บ่งบอกชัดเจนว่าจะไม่เดินไปเอง ส่วนอีกคนก็ไม่รู้ใจสื่อถึงกันหรืออย่างไร แขนแกร่งของคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำโอบเอวของคนในอกข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็สอดเข้าไปที่ก้นช้อนขึ้นอุ้มอีกฝ่ายเข้าเอวเดินไปที่โซฟาอย่างเป็นธรรมชาติ

    แต่เมื่อนั่งลงแล้วเขาถึงได้รู้สึกว่าท่าทางของเราสองคนค่อนข้างแนบชิดและล่อแหลมไปหน่อย แต่จะเอ่ยปากก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้ชายกันทั้งคู่ ถ้าจะแตะตัวกันมากหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก..มั้ง

    ในหัวคิดอย่างนั้น แต่ร่างกายกลับทำอีกอย่างหนึ่ง

    เอวาน่ารู้สึกได้ถึงแรงโอบที่รั้งเขาเข้าไปมากกว่าเดิมจนร่างกายของพวกเขาแนบสนิทกันไม่เหลือช่องว่าง เขาได้แต่กะพริบตาปริบ เพราะรู้สึกได้ถึงของบางอย่างที่มีขนาดไม่ธรรมดาด้านล่าง แม้จะยังไม่ได้กลายร่าง แต่มันก็ใหญ่จนเขาสัมผัสได้ผ่านเสื้อผ้า

    ดูเหมือนถึงจะเป็นแค่เสี้ยวของจิตวิญญาณ แต่ไอสิ่งนี้ไม่ได้ต่างจากเดิมเลย อ่า นิสัยลามกโดยธรรมชาติน่ะ

    "พี่ไม่หนักเหรอครับ ผมลงดีกว่า" เอวาน่าจะลงไปนั่งข้างๆเพราะจะได้คุยกันสะดวก แต่แขนที่ล็อกเอวแน่นทำให้เขาขยับไม่ได้จนต้องเงยหน้าขึ้นมองที่คนเขานั่งทับอยู่อย่างไม่เข้าใจ แม้จะให้อุ้มมาก็จริง แต่ไม่ต้องนั่งกันแบบนี้ก็ได้มั้ง อีกอย่างเราพึ่งเจอกันเท่านั้น เขาจะรีบร้อนไม่ได้ หากอีกฝ่ายหนีไปเขาก็แย่สิ

    "นั่งแบบนี้ก็ได้ครับ น้องไม่หนักเลย"

    โอ้... ดูเหมือนไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีไปแล้ว กลัวแต่เขานี่ละที่จะตั้งรับไม่ทัน

    เขานิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะมีท่าทีเหมือนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย "เอ่อ ไม่หนักจริงๆเหรอครับ"

     ทั้งที่ในใจนี้ยิ้มกว้างจนปวดแก้มไปหมดแล้ว

    "สำหรับพี่ไม่หนักเลยครับ"

    เขามองคนที่ตอบตาใส แต่มือกลับแอบบีบลูบเอวเขาไม่หยุดอย่างหมั่นไส้ 

    นายคนนี้จะรู้ไหมว่าถ้าไปทำแบบนี้คนอื่นที่พึ่งจะเจอกันครั้งแรกอาจจะโดนต่อยได้นะ?

    เขาเลิกคิดไร้สาระแล้วปรับท่านั่งให้สบาย มือวางไว้ที่เอวสอบ เอนไปด้านหลังเล็กน้อย "พี่เป็นอีกคนที่อยู่ห้องนี้ใช่ไหมครับ"

    "ใช่ครับ" คนตอบเอนหลังพิงโซฟา แล้วรั้งให้ร่างเล็กโน้มมาพิงเขาแทนจะได้ไม่เมื่อยตัว

    "งั้นเราก็เป็นรูมเมทกัน ผมชื่อเอเดน อยู่ปี 3 ครับ" 

    นั่งกันอยู่นานพึ่งจะมาแนะนำตัว ทำเอารู้สึกแปลกๆ แถมการต้องรู้จักกันอีกครั้งในตัวตนอื่นก็ทำให้รู้สึกแปลกไม่แพ้กัน

    "พี่ชื่อโคลครับ อยู่ปี 4 พึ่งย้ายมาปีนี้เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

    มาพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักทั้งที่นั่งกอดกันอยู่แบบนี้ นายไม่รู้สึกว่ามันแปลกบ้างเลยหรอกเหรอ ฮึ?!

    "เรามีอะไรก็แนะนำพี่ได้เลยนะ ก่อนหน้านี้พี่เรียนที่ต่างประเทศมาตลอดเลยไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่"

    แบบนี้ก็เข้าทางเขานะสิ

    "ก่อนหน้านี้พี่เรียนที่ประเทศอะไรเหรอครับ"

    "ประเทศ F นะ ย้ายมาเมื่อวานเอง ของใช้ทั้งหมดก็พึ่งส่งมาถึงห้องเมื่อคืน ยังไม่ได้จัดเลย ของกองข้างๆนั้นของพี่เอง"

    "ของผมก็ส่งมาเมื่อวานตอนใกล้ค่ำแล้วก็เลยต้องมาจัดเอาวันนี้เหมือนกัน งั้นเราไปจัดของก่อนจะถึงพิธีปฐมนิเทศกันครับ" เขายกตัวขึ้นเล็กน้อย จะลุกขึ้นไปทำตามที่พูด แต่แขนที่กอดเขาอยู่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด 

    เขาได้แต่มองอย่างข้องใจ จะนั่งกันไปแบบนี้จนกริ่งดังเลยรึไง

    โคลมองคนตัวเล็กที่ทำปากล่างยื่นอย่างน่ารักแล้วรู้สึกใจอิ่มฟูไปหมด เขาพึ่งเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ครั้งแรก แต่คล้ายจะเสพติดมันจากจิตวิญญาณ

    "ค่อยจัดตอนเย็นดีกว่าครับ จะได้จัดทีเดียวให้เสร็จเลย ตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ต้องไปพิธีเปิดภาคเรียนแล้ว พี่ว่าเรามาคุยกันดีกว่า เราจะได้สนิทกันมากขึ้นไง"

    เอวาน่าไม่ค่อยเชื่อคำพูดของคนตรงหน้านัก เพราะที่บอกว่าคุยกันเฉยๆเพื่อให้สนิทกันมากขึ้นนั้น ร่างกายของอีกฝ่ายได้ทรยศเจ้าของไปเรียบร้อยแล้ว

    เขายกเอวขึ้นก่อนจะกดลงไปบดเบียดเสียดสีกับส่วนที่เริ่มพองขยายขึ้นเป็นรูปร่าง จนคนที่ปากไม่ตรงกับใจต้องกัดฟันแน่นเพราะไม่คิดว่ารุ่นน้องที่พึ่งรู้จักจะซุกซนได้ขนาดนี้

    เอวาน่าเลื่อนมือจากเอวสอบมาที่กล้ามเนื้อท้องแน่นๆ ขยับเข้าใกล้อีกคนมากขึ้นจนปลายจมูกสัมผัสกัน "พี่ไม่รู้เหรอครับว่าเขาเลื่อนเวลาเปิดพิธีออกไปเป็นตอนก่อนเที่ยงแทนนะ เวลามีเหลือๆตั้งสองชั่วโมงกว่าเลยนะ"

    โคลโดนยั่วจนแทบทนไม่ไหว ร่างนิ่มๆในมือขโมยใจของเขาไปตั้งแต่แรกเห็นแล้วจริงๆ

    "งั้นเวลาเหลือขนาดนี้เรามาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นเถอะ น้องไม่รู้สึกเหรอ ว่าตัวพี่อยากสนิทกับน้องมากแค่ไหน" เขาพูดจบก็เลื่อนมือไล่ไปตามกระดูกสันหลังจนถึงต้นคอ อีกข้างหนึ่งก็สำรวจด้านล่าง ความรู้สึกนุ่มนิ่มที่ส่งผ่านเนื้อผ้ามาที่ฝ่ามือทำเขาอดขยำไม่ได้ มันช่างเด้งสู้มือมากจริงๆ

    เอวาน่ามองผู้ชายตรงหน้าที่มีอารมณ์จนแข็งตัวแล้ว แววตาก็มีประกายวิบวับ มือของเขาเลื่อนลงไปจนแปะอยู่บนท้องน้อยที่แข็งเกร็งทั้งยังสั่นกระตุกเป็นครั้งคราว พร้อมทั้งเอ่ยถามเสียงหวานราวกับกำลังล่อลวง "งั้นเรามาทำความรู้จักกันดีกว่า เริ่มอะไรดีละ"

    ร่างสูงที่โดนยั่วตรงๆก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

    "เริ่มจาก..ตรงนี้"

    พูดจบเขาก็กดท้ายทอยของคนตัวเล็กเข้ามาทันที วินาทีที่สัมผัสกัน เขาก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุ่น เพียงครู่เดียวเขาก็อดใจไม่ไหว แลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะดูดดึงปากล่างของคนตัวเล็กอย่างแรงทีหนึ่ง จากนั้นก็ดันลิ้นเข้าไปเล็กน้อย เมื่ออีกฝ่ายแยกริมฝีปากออกเขาก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปชิมลิ้มรสตามการเชิญชวน ลิ้นไล่ต้อนความหวานอย่างหิวกระหาย และตอนที่เจอความนุ่มละมุนของลิ้นเล็กเขาก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกันส่งผ่านไปทั่วร่าง ความวาบหวามยิ่งเพิ่มมากขึ้นไม่มีหยุด เขาได้แต่ลุ่มหลงอยู่ในวังวนนี้จนถอนตัวไม่ได้ 

    เอวาน่าชื่นชอบนักเวลาสามีทำตัวหิวกระหายเช่นนี้ เขาเองก็ทั้งเลียทั้งดูดดึงลิ้นของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ มือทั้งสองข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่าง เลื่อนลงไปสัมผัสกับแกนกายที่แข็งขึงผ่านกางเกง ลูบไล้จากปลายจนถึงโคน ความใหญ่โตที่ต่างจากขนาดปกติแทบจะดันซิปกางเกงปริ

    พวกเขาผละออกจากกันเพื่อสูดอากาศเข้าปอดจากที่แนบติดกันอยู่นาน

    เอวาน่าหอบหายใจ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว เขาเงยหน้าเล็กน้อยสบกับนัยน์ตาสีเขียวเข้มที่ตอนนี้มีไฟแห่งความรุ่มร้อนสุมอยู่ข้างใน เขาพูดทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิดกันไม่ห่าง "เป็นวิธีการทำความรู้จักที่รวดเร็วดีนะครับ"

    "ใช่ พี่พึ่งจะเคยทำกับเราคนแรกเลย พึ่งรู้ว่ามันน่าสนใจขนาดนี้" คนพี่พูดไปมือใหญ่ก็ถอดเสื้อกั๊กของคนน้องไปด้วย

    เอวาน่าจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ เลิกคิ้วถาม "ทำอะไรครับ"

    "ถ้าไม่ถอดเดี๋ยวมันจะยับจนใส่ไม่ได้นะ" คนพี่ตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน ไม่มีอาการประหม่าเลยสักนิด

    "ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ" ถึงจะถามแบบนั้นแต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายถอดออกแต่โดยดี ไม่ได้ห้ามอีก "พี่ไม่เคยทำกับใครจริงๆเหรอ"

    ถึงแม้จะรู้จากข้อมูลอยู่แล้วแต่เขาก็อยากถามอยู่ดี

    โคลถอดเสื้อกั๊กกับเนกไทของตัวเองวางไว้บนโต๊ะ ข้างๆกับเสื้อกั๊กอีกตัวของคนตรงหน้า

    "พี่ไม่ค่อยชอบสัมผัสตัวกับคนอื่นตั้งแต่เด็กๆแล้วละ มีน้องคนแรกเลยที่พี่สัมผัสตัวได้นานมากขนาดนี้ แถมอยากจะสัมผัสมากกว่านี้ซะด้วย" เขาพูดขณะซุกอยู่ข้างลำคอขาว เส้นผมสีบลอนด์ยาวปัดป่ายโดนใบหน้าจนรู้สึกจักจี้

    "ดีใจจัง แล้วตรงนี้มีใครเป็นคนแรกรึยังครับ" ความแข็งแน่นในมือสั่นกระตุกอย่างแรงคล้ายตอบรับ 

    โคลอดกลั้นจนเส้นเลือดปูด หอบหายใจหนักมากขึ้นทุกที "ถ้าได้เรามาเป็นคนแรกมันคงจะดีใจจนร่าเริงไปหลายวันเลยละ"

    เอวาน่าอมยิ้ม ทำไมสามีของเขาถึงได้น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้นะ ต้องอดกลั้นมานานเพราะจิตวิญญาณยังยึดติดอยู่กับเขาทำให้ไม่สามารถแตะต้องใครได้ ไม่แม้กระทั่งจับมือ ไม่ต้องพูดถึงการมีเพศสัมพันธ์เลย นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเอง แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลของอินอิน ทำให้เขาได้รู้ว่าไม่ว่าจะที่ดาวดวงนี้หรือดาวดวงไหนอโดนิสก็ไม่สามารถมีสัมพันธ์ในเชิงทางเพศกับใครได้เลยยกเว้นเขา แม้จิตวิญญาณจะแตกออกแต่ความยึดมั่นในตัวเขานั้นช่างน่ากลัว 

    ทำให้เขารักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วเนี่ย

    "เวลาคงไม่พอถ้าจะทำกันจริงๆ เรามาช่วยกันและกันเป็นไง" เขาเสนออย่างไม่อาย เขาไม่ถืออยู่แล้วถ้าเราจะร่วมรักกันตั้งแต่แรกที่เจอ แต่ที่เขาปฏิเสธเพราะเวลาไม่พอจริงๆ

    อโดนิสในคราบโคลยังไม่เคยรู้ฤทธิ์ของการร่วมรักกับเขา เพราะมันคงไม่จบแค่รอบเดียวแน่นอน

    โคลตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

    เอวาน่าเองก็แข็งจนปวดหนึบแล้ว เขารูดซิปกางเกงทั้งของตัวเองและของอีกฝ่ายลง ถ้าถอดกางเกงออกตอนนี้คงไม่ทันใจแล้ว 

    เขารวบแกนกายสองขนาดเข้าด้วยกันก่อนจะขยับรูดขึ้นลงช้าๆ

    แกนกายของเอเดนนั้นขนาดไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ เป็นสีขาวอมชมพูที่ดูสวยน่ามอง ต่างจากของโคลที่มีขนาดใหญ่ มีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย แต่ค่อนข้างขาวพอสมควรเพราะไม่เคยใช้งาน

    "อา.." โคลวางมือลงทับบนมือของเอวาน่าจับขยับเพิ่มความเร็วการชักรูด ริมฝีปากก็เริ่มจูบไปที่ปาก แก้ม ใบหู ของอีกฝ่ายที่หอบหายใจไม่ต่างกัน

    ทั้งสองขยับมือช่วยกันและกัน แต่ก็ยังไม่หยุดคลอเคลีย ต่างคนต่างจูบกันไปมา บดเบียดกันจนแทบรวมร่าง 

    "อย่าเลียหูนะ เสียวจะตายแล้ว"

    เอวาน่าที่โดนปลุกเร่าอย่างหนักครางเสียงอ่อน พลางเอี้ยวตัวหลบคนที่ปากซุกซนไปด้วย 

    "อย่าหลบสิที่รัก มานี่สิ พี่จะทำให้เรารู้สึกดีมากกว่านี้"

    เอวาน่าได้ยินคำพูดที่คุ้นเคยก็รู้สึกตัวอ่อนยวบ ซบลงบนไหล่อีกฝ่ายอย่างอ่อนแรง คำพูดแค่นี้ก็ทำเอาเขาเสียววาบที่ท้องน้อยไปหมด 

    หลังนัวเนียกันชั่วโมงกว่า พวกเขาก็แทบหมดแรง 

    ถ้าไม่ติดว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงพิธีเปิดภาคเรียนแล้ว พวกเขาก็คงไม่ยอมแยกจากกันง่ายๆแน่

    สรุปแล้วพวกเขาก็ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันใหม่ เพราะเสื้อผ้าชุดเดิมเลอะเต็มไปด้วยคราบสีขาวของทั้งคู่ที่ผสมกันจนแยกไม่ออก กลิ่นชะมดเชียงของน้ำกามคละคลุ้งไปทั่วห้องจนแยกไม่ได้ว่ากลิ่นใครเป็นกลิ่นใครกันแน่

    เอวาน่าและโคลเดินคู่กันไปตามทางเดิน จนไปถึงหอประชุมจึงได้แยกกันสักที

    แต่ก่อนแยกกันโคลไม่วายก้มลงมากระซิบใกล้หูจนเขารู้สึกจักจี้เข้าไปถึงในหัวใจ

    "เสร็จพิธีเปิดแล้วเดี๋ยวพี่มารับเราไปกินข้าวด้วยกันนะ อย่าปฏิเสธนะครับ"

    เอวาน่าไม่สนสายตาที่เริ่มมองมาที่พวกเขาอย่างสนใจของคนอื่น เขาหันไปใกล้รุ่นพี่ตัวดีที่ดูชอบใจกับสายตาของคนรอบข้างแล้วส่งยิ้มหวานให้

    "ผมจะรอพี่มารับนะครับ"

     

     

     

     

    ????????????????????????????

    ตอนนี้เนื้อเรื่องมีน้อยมาก เพราะอยากให้โฟกัสกับการเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่

    ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดไว้เลยนะว่า เอวาน่าจะรู้สึกแบบไหนที่จะได้เจอกับคนรักที่ไม่มีความทรงจำอีกแล้ว เราก็เลยปล่อยให้ตัวเองคิดสดเลยค่ะ พอถึงตอนที่ต้องเขียนความรู้สึกก็จะมาเอง แต่ต้องทวนหลายรวบถึงจะครบถ้วนมากกว่านี้

    ส่วนการที่เลือกให้ทั้งคู่ขยับความสัมพันธ์รวดเร็วขนาดนี้เพราะว่า อยากให้มองในมุมของตัวละครค่ะ 

    เอวาน่าตอนแรกก็ไม่ได้อยากใกล้ชิดมากนักเพราะตัวอโดนิสไม่มีความทรงจำกลัวเขาหนีหาย แต่จิตวิญญาณของอโดนิสกลับจำภรรยาตัวเองได้ทั้งที่สวมร่างของคนอื่นอยู่ นั้นทำให้ทั้งคู่เลือกที่จะทำตามที่ใจบอก 

    แสดงความคิดเห็นได้นะว่ารู้สึกกันยังไงบ้าง เพราะเราก็แต่งๆเหม่อๆแล้วก็อ่านทวนวนไป ต้องเว้นเวลาไว้ พอกลับมาอ่านใหม่จะรู้ว่าจุดไหนก็แก้

    จุ๊บนะ ????????

     

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×