คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Arc 1 รุ่นพี่ที่รัก (1)
Arc 1
ตอนที่ 1
"อินอิน ส่งข้อมูลมาได้เลย"
"รับทราบครับ"
รวบด้านที่เต็มไปดวงความมืดและดวงดาวที่ส่องประกาย ด้านหน้าของเขามีดวงดาวสีฟ้าสดใสลอยคว้างอยู่
ในห้วงอวกาศไม่มีผลกระทบต่อเทพอย่างเอวาน่าแม้แต่น้อย ขณะมองดูดวงดาวกำลังหมุนช้าๆ ข้อมูลต่างๆก็ถูกส่งจากอินอินมาสู่ความนึกคิดของเอวาน่าโดยตรง
ดาวดวงนี้มีชื่อว่า โลก อยู่ในจักรวาลระดับต่ำ ร่างที่เอวาน่าจะใช้มีชื่อว่า เอเดน ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย ครอบครัวมีกัน 5 คน พ่อ แม่ พี่ชาย เอเดนและอลัน ทั้งคู่เป็นฝาแฝดคนละฝากัน
บุตรแห่งโชคชะตาคือ ลูคัส ลูกชายของเพื่อนบ้าน และคู่ของลูคัสคืออลันผู้เป็นน้องชายของเอเดนเอง ทั้งคู่มีใจให้กันตั้งแต่เด็ก ครอบครัวก็สนับสนุน ทุกอย่างราบรื่นจนทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่ แต่งงานและใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข
แต่ภายใต้เรื่องราวที่สวยงามนี้มีคนต้องทรมาน
เอเดนผู้เป็นแฝดพี่นั้น ต่างจากแฝดน้องโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือนิสัย
เอเดนมีหน้าตาที่ค่อนไปทางสวยแต่นิสัยอ่อนหวาน ขี้เกรงใจ ไม่ค่อยสู้คน ไม่กล้าแสดงออกมากนัก ตอนเด็กยังดีหน่อยเพราะเครื่องหน้ายังมีความน่ารัก แต่พอเริ่มโตความสวยเริ่มเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่เข้าสังคมไม่เก่งอย่างเอเดนก็เริ่มมีปัญหา เอเดนโดนใส่ร้ายเพื่อความสนุกส่วนตัวเพื่อความสะใจที่ได้กดข่มรังแก ล้อเลียนหน้าตารูปร่างเพราะอิจฉา ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็มีแต่คนไม่ชอบไปซะหมด จากที่นิสัยที่ไม่สู้คนอยู่แล้วก็เลยทำให้เอเดนกลายเป็นคนเงียบๆไปโดยปริยาย
ในทางกลับกันน้องชายฝาแฝดอย่างอลันนั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน อลันเป็นคนหน้าหวาน นิสัยร่าเริงสดใส เป็นคนที่มีความมั่นใจและไม่ถือตัว ยิ่งคบหากับลูคัสก็ยิ่งมีคนบอกว่าเหมาะสมกันไม่ขาดปาก ชีวิตที่ดีเช่นนี้เอเดนก็อยากจะยินดีด้วยเช่นกันถ้าไม่ใช่เพราะชีวิตที่เอเดนเป็นอยู่นี้อลันมีส่วนเกี่ยวข้อง
ไม่รู้ว่าเอเดนรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนไหนว่าน้องชายตัวเองนั้นชอบทุกอย่างที่เป็นของเขาไปซะหมดทุกอย่าง อะไรที่เขามี อลันก็อยากมีเหมือนกัน อะไรที่เขาชอบอลันก็ชอบด้วย อาจจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆอย่างของเล่น สีที่ชอบ เสื้อผ้าที่ใส่ วิธีการเดิน คำพูดติดปาก และมากขึ้นไปอีกเพราะอลันอยากได้เพื่อนของเขา คนที่เขาชอบ คนที่ชอบเขา ความรักของครอบครัว ทุกอย่างเริ่มบานปลายไปจนเอเดนไม่ทันตั้งตัว กว่าจะรู้สึกตัวเขาก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว สิ่งที่อลันเอาไปจากเขาไม่ได้ก็คือหน้าตาและรูปร่างของเขา แต่ดูเหมือนอลันจะไม่อยากให้เขามีอะไรเหลือไว้เลย พวกคนที่ชื่นชอบอลันเริ่มพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับหน้าตาและรูปร่างของเขา ทั้งเหยียดและล้อเลียน บ้างก็ด่าอย่างหยาบคาย แต่ดูเหมือนอลันยังไม่พอใจในผลลัพธ์แค่นี้
ในวัย 19 ปี เอเดนเริ่มโดนทำร้ายร่างกายเล็กๆน้อยๆ จนหนักขึ้นมาอีกเพราะมีการลอบทำร้ายโดยจับตัวการไม่ได้ และที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือเอเดนโดนสาดด้วยน้ำกรดฤทธิ์รุนแรง ทำให้เสียโฉมและตาซ้ายบอดสนิท โลกที่ดำมืดไปครึ่งหนึ่งทำให้เอเดนเริ่มมีอาการซึมเศร้า ปัญหาทางจิตหลายอย่างรุมเร้า กลายเป็นคนหวาดระแวง เห็นภาพหลอน หูแว่วบ่อยครั้ง เอเดนเคยบอกกับครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และเขารู้ว่าคนที่ทำคือน้องชายของเขา แต่กลับไม่มีใครเชื่อเขาแม้แต่คนเดียว อีกทั้งยังด่าว่าเขาว่ายุยงให้ครอบครัวแตกแยกต่างๆนาๆ และทุกคนก็เริ่มตีตัวออกห่าง จนถึงที่สุดเขาถึงได้รู้ตัว ว่าเขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้แต่ครอบครัวของเขาเอง
หลังจากนั้นหนึ่งเดือนครอบครัวก็ได้รู้ข่าวว่าฝาแฝดได้เหลือเพียงแค่คนเดียวแล้ว เอเดนจากไปด้วยใจที่เจ็บปวด ร่างกายของเขาค่อยๆหยุดหายใจ จนเหลือแค่ร่างเย็นชืด
เอวาน่าต้องถอดหายใจให้กับโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้านี้จริงๆ
น่าสงสารเด็กน้อยผู้นี้ที่ต้องเกิดมาพร้อมกับตัวขี้อิจฉา ไม่รู้ว่าที่ตัวเองได้ตัวเองมีไม่พอหรืออะไรกันแน่ ถึงได้อยากจะแย่งของพี่ชายแบบนี้ โตก็โตมาด้วยกัน ทำไมจิตใจถึงต่างกันมากขนาดนี้ จิตใจของมนุษย์ไม่มีอะไรมากำหนดอะไรได้จริงๆ
"เอเดนได้บอกความต้องการอะไรมารึเปล่าอินอิน"
"คุณเอเดนบอกว่าให้นายท่านทำความต้องการได้เลย เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยอีกแล้ว ถือว่าเป็นกรรมของเขาในชาตินี้ สิ่งที่ร้องขอคือชาติหน้าขอให้สมหวังกับการมีชีวิตที่ดี มีพี่น้องที่น่ารักและครอบครัวที่อบอุ่น มีคนรักที่จริงใจ เพียงแค่นี้ครับ"
"ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ มีโอกาสร้องขออะไรได้ตั้งมากมาย แต่สิ่งที่เด็กคนนี้ต้องการเป็นแค่สิ่งที่เล็กน้อยถึงเพียงนี้ บอกไปว่าข้าตอบรับคำขอ อย่าได้มีใจกังวลอีก"
"รับทราบครับ" ภูติน้อยตอบรับทันที
"ส่งวิญญาณพร้อมคำขอเรียบร้อยแล้วครับ"
มองห้วงอวกาศแห่งนี้แล้วช่างเหมือนจิตใจของเขาตอนนี้ที่ไม่มีสามีอยู่ด้วยจริงๆ วูบโหวงจนใจเจ็บ
"อืม ไปกันเถอะ ข้าคิดถึงที่รักแล้ว"
"พร้อมทำการเคลื่อนย้ายเข้าร่างภายใน 5 4 3 2 1–"
"เคลื่อนย้ายเข้าร่างสำเร็จ"
เปลือกตาสีมุกขยับแผ่วเบาก่อนจะเปิดขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าสดใส เพดานสีครีมอ่อนนวลตาสะท้อนอยู่ในดวงตา เอวาน่าลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบห้อง พนังเป็นสีครีม ข้าวของเครื่องใช้ก็เป็นสีที่คล้ายๆ กัน ห้องนอนใหญ่พอสมควร
"ตอนนี้เอเดนอายุเท่าไหร่" เสียงนุ่มนวลเอ่ยถามภูติน้อยที่ติดตามมาด้วย
"18 ปี เจ็ดเดือนครับ" ภูติน้อยส่งเสียงออกมาจากความว่างเปล่า เสียงนั้นคล้ายเด็กเด็กน้อยแต่ลักษณะการพูดที่เคร่งครัดเป็นระเบียบทำให้รู้สึกแปลกแยกเล็กน้อย
เอวาน่าลงจากเตียง เปิดม่านที่หน้าต่างออกกว้าง แสงแดดในยามเช้าส่องเข้ามาไล่ความเย็นที่เหลือจากยามค่ำคืนให้พบกับเช้าวันใหม่ เขาเข้าห้องน้ำทำธุระพร้อมกับทำความเข้าใจเรื่องราวในตอนนี้ไปด้วย
"เรื่องดำเนินถึงไหนแล้ว"
"อีก 1 ปี จะเกิดเหตุการณ์สาดน้ำกรด ตอนนี้เอเดนกลายเป็นคนเงียบๆและเก็บตัว แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเลย ทุกคนในเรื่องราวพักอยู่ที่หอพักทั้งหมด มีแค่เอเดนที่พักอยู่ที่บ้าน ตอนนี้มีอยู่สามพวกที่เอเดนเจอ หนึ่งคือพวกที่ว่าร้ายและไม่ชอบเอเดน สองคือพวกที่เฉยๆไม่ยุ่งกับใครไม่สนใจใคร และสามคือพวกที่ไม่ชอบอลัน"
"อืม เริ่มมีปัญหาหนักมากขึ้นก็ต่อจากนี้แล้วสินะ ไม่เป็นไร อะไรยุ่งยากก็สลัดทิ้งให้หมด เรื่องสำคัญของฉันคือตามหาคนรัก กับเด็กน้อยพวกนี้กล้าข้ามเส้นของฉันเมื่อไหร่ก็ต้องรอดูว่าเป็นใครกันแน่ที่จะเจ็บ"
ภูติน้อยได้ยินเช่นนี้ก็อดเม้นปากไม่ได้ หวังว่านายท่านจะไม่ไปทำจิตวิญญาณใครดับสูญนะ เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับการช่วยเหลือพวกที่มาหาเรื่องนายท่านซะแล้ว
เงาสะท้อนในกระจกสร้างความแปลกใจให้เอวาน่าไม่น้อย เส้นผมสีบลอนด์ยาวปรกตาและท้ายทอยเล็กน้อย ขนตางอนยาว มีดวงตาสีฟ้ากับหางตาที่ชี้ขึ้นทำให้ตาคมสวย และใบหน้านี้คล้ายกับเขาถึงห้าส่วน ในส่วนดวงตาแทบจะเหมือนกันเกือบร้อนเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
"อินอิน นายได้ปรับเปลี่ยนใบหน้าของเอเดนหรือเปล่า" เพราะคล้ายจนเขาสงสัย
"ใช่ครับ อินอินได้ทำการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของร่างกายเพื่อให้สามารถรองรับจิตวิญญาณของนายท่านได้ครับ แต่จะไม่มีผลกระทบต่อโลกภายนอก เพราะอินอินได้ทำการยึดจิตวิญญาณของนายท่านเป็นหลัก ทุกอย่างไม่ว่าจะรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหวก็จะเปลี่ยนตามลักษณะใหม่เมื่อนายท่านใช้ร่างครับ"
เขามองใบหน้านี้เพียงครู่หนึ่งก่อนจะผละออก "เข้าใจแล้ว"
"เรื่องอโดนิสละ"
เอวาน่านั่งตรวจเช็คสื่อโซเชียลทั้งหมดของเอเดนขณะฟังอินอินบอกข้อมูลไปด้วย
"นายท่านใหญ่อยู่ในสถานะเพื่อนของบุตรแห่งโชคชะตาฝ่ายรุกครับ ใช้ชื่อว่า โคล เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของแม่ลูคัส ในเรื่องราวเดิม คุณนายริต้าและท่านเจสผู้เป็นสามี ทั้งคู่เป็นคนมีลูกยาก แม้จะใช้การแพทย์เข้าช่วย แต่ก็ไม่สามารถมีลูกได้เลยพวกเขาจึงรับเด็กที่ไม่มีญาติจำนวน 3 คนมาเลี้ยง
ในขณะนี้เหตุการณ์รับเลี้ยงก็ยังเหมือนเดิม เพียงแค่ทั้งสองสามารถมีลูกได้ในชาตินี้ นั้นก็คือนายท่านใหญ่ครับ
ส่วนความสัมพันธ์ของทุกคนก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม นายท่านใหญ่ไม่เคยเจอฝาแฝดเลยเพราะส่วนใหญ่โตในต่างประเทศครับ เจอกับลูคัสแค่ตอนเด็กและเจอกันที่ต่างประเทศเท่านั้น
แต่ปีนี้นายท่านใหญ่จะมาเรียนโรงเรียนเดียวกับบุตรแห่งโชคชะตาทั้งสองครับ "
เอวาน่าเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น "พรุ่งนี้เป็นวันเปิดเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงย้ายมาตอนนี้"
"จากที่อินอินหาข้อมูลมา คือเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนทางนายท่านใหญ่ได้ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเองโดยกะทันหันครับ จะขึ้นเครื่องบินมาเที่ยงนี้และถึงตอนเย็นโดยประมาณ"
"เหตุผลละ"
"นายท่านใหญ่ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับทางครอบครัวเลยครับ"
"นายว่าเขาจะสัมผัสถึงฉันได้รึเปล่า" เอวาน่ายกยิ้มโดยไม่รู้ตัวขณะถามทีเล่นทีจริงกับภูติน้อยของตน
ภูติน้อยมองเจ้านายที่มีรอยยิ้มเต็มหน้าแล้วก็ตอบตามที่คิด "ใช่ครับ ดูจะรีบร้อนมากทีเดียว"
"ฮ่าๆ ดูเหมือนฉันพึ่งจะมาถึงเขาก็ได้กลิ่นแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ" เอวาน่ายิ้มขำ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ภายใน แม้จะบาดเจ็บหรือไม่มีความทรงจำ แต่คนคนนี้ก็ยังสามารถใช้สัญชาตญาณหาเขาจนเจอ เพราะเป็นซะแบบนี้จะไม่ให้เขารักจนไปถึงจิตวิญญาณได้อย่างไร
ขณะติดอยู่ในห้วงรักเสียงของภูติน้อยก็ดังขึ้นมาขัด "ตอนนี้นายท่านใหญ่ได้ลงทะเบียนเข้าหอพักเรียบร้อยแล้ว นายท่านจะให้อินอินลงทะเบียนห้องเดียวกันเลยไหมครับ"
เอวาน่าตาเป็นประกายขึ้นมาทันที "ลงเลย นายนี้รู้ใจฉันดีจริงๆ"
จะไม่ให้เขารู้ได้อย่างไร ก็อยู่กับคู่รักคู่นี้มาหลายพันปีแล้ว ภูติน้อยได้แต่คิดในใจ
"ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ย้ายเข้าวันนี้ได้เลยครับ นายท่านอย่าลืมบอกครอบครัวของเจ้าของร่างนะครับ"
เมื่อนึกถึงครอบครัวนี้ขึ้นมา เขาก็ต้องส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่ามีอะไรบดบังลูกตาอยู่ ถึงมองอะไรไม่เห็นเลยสักอย่าง "อ่อ ต้องบอกกับครอบครัวก่อนสินะ เข้าร่างคนมีครอบครัวแล้วขยับตัวไม่ค่อยสะดวก ถ้าเป็นไปได้ต่อไปใช้ร่างคนที่ไม่มีครอบครัวจะดีกว่านะ"
"รับทราบครับนายท่าน"
"อืม"
เอวาน่าเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ออก เสื้อผ้าส่วนใหญ่เป็นสีพื้นๆ ดำ ขาว เทา ครีม เอเดนคิดว่าการใส่สีพวกนี้จะช่วยลดการมีตัวตนของตัวเองลงบ้าง แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าไม่ว่าตัวเองจะใส่สีอะไรใส่ชุดแบบไหนก็โดดเด่นกว่าคนอื่นอยู่ดี หน้าตาที่สวยรั้นแต่เพราะมีนิสัยอ่อนโยนจึงไม่ได้ดูเฉียบคมเกินไป ผมสีสว่างแค่โดนแสงส่องก็เป็นประกายจนจะเหมือนกับนางฟ้าอยู่แล้ว แต่เอเดนไม่เคยรับรู้เลยจริงๆ
ก็เด็กคนนี้มองโลกในแง่ดี แถมยังเป็นคนคิดบวก จะไปเข้าใจพวกขี้อิจฉาได้อย่างไร
เขาหยิบเสื้อสเวตเตอร์คอปกสีครีมไม่มีลายมาใส่คู่กับกางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำ ดูไม่นุ่มนวลแต่ก็ไม่แข็งกร้าวเกินไป แม้ใส่ขาสั้นจะดูเด็กลงแต่บรรยากาศที่เอวาน่ามาเข้าร่างแทนก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกของความเป็นเด็กแต่อย่างใด ความเฉียบคมแทนที่ซัดความหม่นหมองให้ปลิวไปไกล หลังจากหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์แล้ว เขาก็เดินลงไปที่ห้องทานข้าว
พื้นที่บ้านขนาดสองชั้น ใหญ่โตพอสมควร มองก็รู้ว่าเป็นครอบครัวคนมีเงิน บนโต๊ะทานข้าวขนาดสิบที่นั่ง คนพ่อนั่งหัวโต๊ะคนแม่นั่งฝั่งซ้ายมือ ถัดมาคือน้องชายฝาแฝด ข้างคนพ่อฝั่งขวาคือพี่ชายคนโต ที่นั่งถัดมาเป็นของเอเดน
แต่เขาไม่ได้เข้าไปนั่งด้วย แค่บอกถึงเรื่องที่ต้องบอกเท่านั้น "ปีนี้ผมจะย้ายเข้าหอพัก ลงทะเบียนเสร็จแล้ว ตอนบ่ายจะมาย้ายของออก ไปก่อนนะครับ" พูดเสร็จเขาก็เดินจากไปทันทีไม่ได้สนใจคนที่เหลืออีก
ทุกคนมองตามเด็กที่เอาแต่เก็บตัวมาทั้งเดือนจนสุดสายตาก็รู้สึกแปลกใจปนมึนงงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวคนพูดก็เดินหายไปเสียแล้ว
คนแม่พูดขึ้นอย่างคิดไม่ถึง "เมื่อกี้เขาบอกว่าจะไปอยู่หอพักเหรอ? ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม"
"ใช่ เด็กคนนั้นบอกจะไปอยู่หอจริงๆ แต่จัดการเสร็จไปแล้วค่อยมาบอกเนี่ยนะ!?" คนพ่อพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ภายในบ้านเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว โดนทำเหมือนไม่เคารพกันแบบนี้ เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจลูกคนนี้มากขึ้นไปอีก ทั้งที่ปกติก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวไม่ได้อยู่แล้ว ยังเพิ่มมีชื่อเสียให้กับตระกูลอีกต่างหาก ไม่ว่ายังไงเขาก็ชอบลูกคนนี้ไม่ลง
แตกต่างจากคนน้องเหลือเกิน ทั้งน่ารักน่าเอ็นดู มีสัมมาคารวะ เป็นเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลได้ไม่อายใคร ไม่เคยมีชื่อเสียงที่ไม่ดีให้ได้ยิน
ถ้าเอวาน่าได้ยินความคิดนี้คงได้เบะปากมองบน สงสัยตาจะบอดกันทั้งบ้านเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนหรอก ครอบครัวบัดซบที่รักลูกไม่เท่ากันจนบ้านเอียงแทบกลับด้านแบบนี้ แค่แสร้งแกล้งทำเป็นเด็กดีด้วย เขาก็ไม่อยากทำแล้ว ถ้ามีลูกได้แต่ไม่มีความรับผิดชอบชีวิตเด็กมันก็อย่ามีเลย ถุงยางอนามัยกับยาคุมกำเนิดนะรู้จักรึเปล่า ?
ที่โต๊ะทานข้าว ทั้งที่พ่อแม่กับพี่ชายกำลังบ่นด้วยความไม่ชอบใจ อลันกลับแทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ เพราะปกติเอเดนอยู่ที่บ้านตลอด จะทำอะไรก็ต้องรอทำแค่ภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่ถ้าเอเดนเข้ามาพักในหอ พวกที่ชื่นชอบเขาคงทำงานกันได้สะดวกมากขึ้น แค่คิดก็สนุกจนทนไม่ไหวแล้ว เขารอวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
สงสัยแผนร้ายในหัวมีเยอะเกินไปจนปิดกั้นสิ่งที่เรียกว่าสามัญสำนึกไปหมดแล้ว
เอวาน่าก็รอพรุ่งนี้อย่างใจจดจ่อเช่นกัน เพราะเขาพักห้องเดียวกับที่รักไงละ แค่คิดก็ดีใจจนแทบคลั่งแล้ว ไม่ได้เจอกันแค่ 1 วัน แต่คล้ายจะยาวนานเหมือน 1 ปี
เฮ้อ เจ็บปวดใจเหลือเกิน ที่รักผมคิดถึงคุณ
แต่ก่อนอื่นต้องไปทานข้าวก่อน นี้ก็สายมากแล้ว เขาบอกให้คนขับรถมาส่งที่ห้างแห่งหนึ่งก่อนจะไล่กลับไป
ห้าง J แห่งนี้เป็นห้างที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของห้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีครบทุกอย่างตั้งแต่สินค้าราคาถูกได้คุณภาพ จนไปถึงของใช้คนรวย ซึ่งเจ้าของห้างคือท่านเจส พ่อของอโดนิสนั้นเอง ห้างในสาขายังมีอีกหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เขาให้อินอินหาร้านอาหารที่อร่อยที่สุดทันที หลังจากทานเสร็จ เขาก็เดินหาทุกอย่างที่ต้องการของวันนี้ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์การเรียน และอีกหลายสิ่ง เรียกได้ว่าซื้อทุกอย่างใหม่หมด เพราะสิ่งที่เอเดนมี อลันก็มีเหมือนกันหมดทุกอย่าง ในเรื่องนี้ถึงขนาดมีพวกลิ่วล้อของน้องชายมาด่าเอเดนด้วยคำหยาบคายว่าเลียนแบบน้องชายตัวเองบ้าง คิดเองไม่เป็นบ้าง มีแต่คำแสลงหูที่เอเดนได้ยินแล้วถึงกับตกใจ เขารับรองได้เลยว่าคำพูดพวกนี้หยาบคายที่สุดในชีวิตเด็กน้อยคนนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าอลันเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าคำพวกนี้ช่างเหมาะตัวเองมากกว่าใคร
หลังจากเดินเรื่อยเปื่อยจนเกือบบ่ายโมง เขาก็โทรเรียกรถมารับกลับบ้าน สิ่งของที่ซื้อใหม่ทุกอย่างจะส่งไปที่หอพัก ส่วนของที่บ้านเขากะจะไม่เอาไปอยู่แล้วยกเว้นสิ่งของส่วนตัวของเอเดน อย่างไดอารี่และสิ่งของประดิษฐ์ที่ทำด้วยมือ ของพวกนี้แม้จะไม่ได้สำคัญกับเขา แต่กับเอเดนแล้วถือว่าเป็นของสำคัญ
เมื่อถึงบ้านเขาก็ขึ้นห้องทันที ไม่สนน้องชายที่คุยกับคู่รักลูคัสที่เป็นบุตรแห่งโชคชะตาเลยสักนิด
สำหรับอโดนิสที่จิตวิญญาณบาดเจ็บนั้นอาจจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับบุตรแห่งโชคชะตาอาการจึงจะบรรเทา แต่ถ้าเขามาถึงแล้วบุตรแห่งโชคชะตาก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะบุตรแห่งโชคชะตาทำได้แค่บรรเทาอาการเท่านั้น แต่เขาสามารถรักษาได้โดยตรง แม้เขาจะใช้พลังเทพได้แค่หนึ่งในสิบส่วน แค่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการรักษาเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ
ลูคัสหันไปเห็นแฝดคนพี่ที่กำลังเดินผ่านพอดีก็อดมองนานสักหน่อยไม่ได้ แม้แฟนของเขากับอีกคนจะเป็นฝาแฝดกัน แต่ทั้งคู่กลับไม่เหมือนกันเลย มีแค่สีผม สีตา และสีผิวเท่านั้นที่คล้ายกัน มองรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ไม่เหมือนฝาแฝดเลยจริงๆ
ตอนที่ย้ายบ้านมาตอนเด็กเขาจำได้ว่าทั้งคู่ค่อนข้างคล้ายกันมาก แต่นิสัยทำให้แยกพวกเขาได้ง่าย คนพี่จะขี้อาย คนน้องร่าเริง ในตอนแรกเขาชอบเอเดนมากกว่า เพราะอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสงบ แถมยังน่ารักน่าเอ็นดู ความรู้สึกการได้เป็นที่พึ่งทำให้เด็กผู้ชายอย่างเขาปลื้มใจ แต่เมื่อโตขึ้นและสนิทกันมากขึ้น เขาก็โดนอลันดึงความสนใจไว้ตลอดจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาจะมองหาคนน้องก่อน เขาได้ลืมความรู้สึกตอนเด็กไปนานแล้ว ตั้งแต่คบกับอลันมา เขาก็คิดว่าเอเดนเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง
แต่เมื่อครู่ที่เห็นเอเดนเดินผ่านแค่แวบเดียว ในอกเขากลับเต้นแรงจนเขางงงัน ความรู้ราวกับรักแรกพบทำให้เขารู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน เพราะตอนนี้เขาคบอยู่กับคนน้อง จะไปชอบคนพี่ได้อย่างไร ความรู้สึกที่ปนเปทำให้เขาสับสน
"พี่ลูคัส พี่คิดอะไรอยู่ ผมเรียกหลายครั้งแล้วนะ" อลันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม ทั้งที่คุยกับเขาอยู่ ทำไมถึงเหม่อได้
ลูคัสเก็บความสับสนไว้ในใจก่อนจะยิ้มแล้วตอบรับแฟนรุ่นน้อง "พี่แค่กำลังคิดว่าเพื่อนจะบินมาถึงกี่โมงนะ ไหนจะเรื่องห้องพักอีก เพราะมากะทันหันเพื่อนเลยจองห้องไปหมดแล้ว มันเลยต้องพักคนเดียว"
"เพื่อนจากต่างประเทศเหรอ ทำไมผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่มีเพื่อนที่ต่างประเทศด้วย ใครเหรอ"
"เพื่อนพี่ชื่อโคล มันเป็นเพื่อนสมัยเด็กน่ะ ก่อนที่พี่จะย้ายมาที่นี่ก่อนหน้านี้อยู่ต่างประเทศเพราะอยู่กับปู่ย่า แต่พอพวกท่านเสีย พ่อแม่พี่ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรเลย จริงๆมันก็พึ่งบอกเมื่อเช้าก่อนจะขึ้นเครื่องมานี้เอง ว่าจะมาเรียนต่อที่นี่นะ" เมื่อเช้าตอนรับสายจากเบอร์ต่างประเทศเขาก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ถึงแม้จะเจอกันแค่ตอนเด็ก แต่พวกเขาก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอไม่เคยขาด
"กะทันหันจริงๆด้วย พี่อย่าลืมแนะนำให้ผมรู้จักด้วยนะ ผมอยากรู้จักเพื่อนของพี่ทุกคนเลย" อลันบอกอย่างร่าเริง ไม่ได้สังเกตสีหน้าของแฟนเลยแปลกไปชั่วครู่
ลูคัสเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากเตือนแฟนรุ่นน้องเสียงค่อย "อลัน ถ้าเจอกับโคลน้องพยายามอย่าเข้าใกล้มากนะ คือว่ายังไงดี มันไม่ค่อยชอบการสัมผัสตัวกับคนอื่นนะ น้องต้องระวังไว้"
"พี่เขาเป็นโรคกลัวเชื้อโรค (Mysophobia) เหรอ?" อลันถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเจอคนโรคนี้มาก่อน
ลูคัสเห็นท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ใช่หรอก มันแค่ไม่ชอบสัมผัสกับคนอื่นเท่านั้น ไม่ได้เป็นโรคคลั่งความสะอาดหรือเป็นโรคกลัวเชื้อโรคหรืออะไรเลย จะเรียกว่ามันเป็นคนถือตัวก็ได้ มันนิสัยดีนะ แต่แค่ไม่ชอบสัมผัสกับคนอื่นเฉยๆ"
อลันนิ่งไปคล้ายกำลังคิดบางอย่างก่อนจะยิ้มแล้วตอบรับ "ครับ ผมจะระวัง"
"ดีครับ"
เอวาน่าเก็บของที่ต้องเก็บเสร็จพอดีกับที่ฟังอินอินรายงานเรื่องที่คู่รักที่ห้องนั่งเล่นคุยกันจบแล้วก็นอนเอื่อยอยู่ในห้อง เขาหาสิ่งของอย่างอื่นมาพยายามดึงดูดความสนใจ เพราะถ้าไม่ได้ทำอะไรก็จะเอาแต่คิดถึงสามีอยู่นั้น
"อินอิน อโดนิสจะมาถึงรึยัง"
ตอนนี้ใกล้จะเย็นแล้ว ไม่รู้มาบินมากี่ชั่วโมง
"จะถึงในอีก 43 นาทีครับ"
"อืมมม เฮ้อ คิดถึงจังเลยน้า เมื่อไหร่จะได้เจอกัน" เอาอีกแล้ว สนใจอย่างอื่นได้ไม่ถึง 10 นาทีก็คิดถึงสามีอีกแล้ว
"ได้เจอกันพรุ่งนี้แน่นอนครับ นายท่านได้คิดไว้แล้วรึยังครับว่าจะจีบนายท่านใหญ่ยังไง" ภูติพยายามคุยกับเจ้านายให้คล้ายเหงา เขาสามารถรับรู้ได้ว่านายท่านคิดถึงนายท่านใหญ่มากจริงๆ แม้จะดูนิ่งๆและบ่นคิดถึงนิดหน่อย และเขายังรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวด้วย แต่ไม่ว่านายท่านจะกลัวอะไรก็ตามเขาจะไม่ทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง นายท่านทั้งสองของเขาต้องสมหวังและมีความสุขเท่านั้น
ร่างโปร่งที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวผ้านิ่มหัวเราะยิ้มกว้างอยู่บนเตียง "ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะต้องจีบเขาเองไหม นายดูสิ ฉันมาถึงไม่ทันไร เขาก็วิ่งมาหาฉันก่อนแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้เรียกเลยแท้ๆ ฮ่าๆ"
ภูติน้อยก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนกัน ในใจคิดว่า สมกับเป็นนายท่านใหญ่จริงๆ
"แต่ลูคัสบอกว่าเขาไม่ชอบสัมผัสกับคนอื่นเหรอ นี้เป็นลักษณะเฉพาะของเสี้ยวจิตวิญญาณหรือเปล่า" ตัวอโดนิสไม่ได้เกลียดการสัมผัสกับคนอื่น ออกจะเป็นคนมาชอบมาเกาะติดเขาเสียมากกว่า พอได้ยินว่าคนรักไม่ชอบสัมผัสตัวเขาก็รู้สึกกังวลนิดหน่อยไม่ได้ แล้วถ้าเป็นเขาละ จะไม่ชอบรึเปล่า
"ใช่ครับ ถึงแม้ตัวจริงนายท่านใหญ่จะไม่ได้มีลักษณะแบบนี้ แต่เพราะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจึงสามารถเกิดลักษณะที่แตกต่างกันออกไปได้ ความชอบเองก็จะไม่เหมือนเดิม"
เอวาน่านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น "งั้นตอนนี้ฉันก็มีสามี 34 คนที่มีนิสัยต่างกันออกไปใช่ไหม" ดวงตาสีฟ้าสดใสแวววับจนแสงอาทิตย์ยังต้องอาย
"..จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ นายท่านไม่เสียใจเหรอครับ บางที่ในจำนวนทั้งหมดอาจจะไม่มีเสี้ยวจิตวิญญาณไหนเลยที่เหมือนนายท่านใหญ่เลยก็ได้นะครับ" ภูติน้อยเอ่ยถามเสียงเบาเพราะกลัวเจ้านายจะรู้สึกไม่ดี
แต่เอวาน่ากลับเผยรอยยิ้มที่ไร้กังวล "ไม่ว่าจะมีอโดนิสสักกี่คน ยังไงทุกคนก็คือเขาไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหนแต่เขาก็ยังคนรักของฉันอยู่ดี ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหนฉันก็รักเขาทั้งนั้น บางทีครั้งนี้อาจเป็นบททดสอบความสัมพันธ์ของเราก็ได้"
ภูติน้อยขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของผู้เป็นนาย เขาเอ่ยปลอบพร้อมเข้าไปคลอเคลียข้างแก้ม "นายท่านอย่าเศร้าไปเลยครับ ท่านคิดซะว่ากำลังเล่นเกมตามหาคนรักก็ได้ บางทีห่างกันบ้างจะทำให้เวลามาเจอกันจะรักกันมากขึ้นนะครับ" ภูติตัวน้อยไม่ชอบเห็นเจ้านายเศร้าเลย
ร่างโปร่งอมยิ้มกับภูติน้อยน่ารักที่เลี้ยงดูแลมาตั้งแต่ยังเป็นแค่ไข่ใบเล็ก "นายพูดถูก เราห่างกันบ้างเวลาเจอกันจะได้รักกันมากขึ้น ดูนายสิกังวลกว่าฉันอีกนะเนี่ย" เขาเอ่ยหยอกอย่างอดไม่ได้ ปกติอินอินจะไม่ค่อยปรากฏตัวในร่างภูตินัก เพราะยังโตไม่เต็มที่ ในแดนเทพมีพลังอำนาจบางอย่างอยู่ พวกสัตว์วิเศษอย่างอินอินจะอยู่ได้แค่ในเขตปลอดภัยเท่านั้น แต่เมื่อออกจากแดนเทพแล้วสามารถปรากฏตัวได้ตามใจ แค่ต้องระวังกฎเกณฑ์ของดวงดาวนั้นๆเท่านั้น
"เอาละเรามาหาอะไรทำฆ่าเวลากันเถอะจะได้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ"
"ครับนายท่าน"
????????????????????????
ตอนหน้ามาดูสามีภรรยาคู่นี้กัน
ว่าใครจะเป็นคนจีบใคร
ความคิดเห็น