ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GUNS N WAR ONLINE สงครามออนไลน์ เกมเมอร์ x จีเอ็ม ปะทะ เกมแฮ็กเกอร์

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3 วันพักผ่อนของกิลด์ ร็อก เนฟเวอร์ ได ซ่าบ้า

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 67


    ตอนที่ 3

    วันพักผ่อนของกิลด์...ร็อก เนฟเวอร์ ได ซ่าบ้า


    หลังจากฝ่ามือ ฟาดลงโต๊ะแรง ๆ เพื่อเรียกความสนใจ

    “มาเงียบ ๆ ...ไม่เป็นรึไง”

    เบย์จึงถามออกไป ขณะนั่งชันเข่าเก๋า ๆ พ่นควันบุหรี่ฉุย เปรยตามองอีกคู่ตา ที่ถลึงใส่อย่างไม่ยี่หระ

    ส่วนบิว คิ้วเข้ม ๆ ขมวดเข้าหากัน ให้คนที่มาถึงก็เสียงดังรู้ว่า รำคาญ ! แต่พอโดนตาคู่นั้นถลึงกลับมาบ้าง เจ้าตัวก็ผงะ รีบสะบัดหน้ามา ยุก ๆ ยิก ๆ กับเกมในมือถืออย่างไว ไม่กล้าปะทะสายตาดุ ๆ นั้นแม้แต่น้อย หยึย ~

    และผู้เป็นหัวหน้ากิลด์กับโดมกระจกแห่งนี้ อย่างโซเฟีย

    ~ ผ่าง ! ~

    ก็ยืนย้อนแสงตะวันเป็นเงา ค้ำหัวโต๊ะอันยาวเหยียด ตาวาว จ้องเขม็งมายังคนที่นั่งในโต๊ะให้รู้ว่า อารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ใครจะทำไม หาาาา ~!!!?

    “ไม่มา...พรุ่งนี้ซะเลยล่ะ”

    น้ำเสียงนิ่ม ๆ แต่แฝงด้วยพลังอำมหิตนั้น จะหมายถึงใครได้ ถ้าไม่ใช่คนที่พึ่งเข้าเกมมา เอาจนอาทิตย์จะตกดินป่านนี้

    “อ่าว...เมนู”

    หน้าต่างโฮโลแกรม จึงเด้งขึ้นตรงหน้าคนที่มาช้า

    “ยุติการออนไลน์”

    “หือ !”

    นิ้วเรียว ๆ ของหญิงสาว หยิบอะไรบนโต๊ะได้ ก็ปาใส่คนจอมประชด

    ทำเอาคนที่แสร้งว่ายุ่งกับเกม รีบผลุบหัวหลบหลังสมาร์ตโฟน ที่ใหญ่ซะจนปิดหน้ายังไงก็คงจะมิดหรอก ตูไม่เกี่ยวนะว้อย !

    ขวดแก้วเปล่า ๆ ถูกฝ่ามือยกขึ้นกันได้ทัน คว้าหมับ วางลงโต๊ะตามเดิม จึงเห็นใบหน้าคม ๆ กับสายตาซื่อ ๆ ที่ชวนยียวนกวนประสาทไม่น้อย

    “ก็พรุ่งนี้ ค่อยมาใหม่ไง”

    คนที่อารมณ์ไม่ดี จิกตา พูดลอดไรฟัน

    “มาถึงก็กวน...เลยนะ”

    นั่นทำให้ผู้มีผมอันเดอร์คัตดำขลับขำ จนเผยลักยิ้ม

    “มีเซนเซอร์ตัวเองด้วย พูดเล้ยว่ากวนตีน ยกเลิกยุติการออนไลน์”

    เพียงออกคำสั่งไม่ให้ระบบออกเกม ร่างตัวละครที่สวมเสื้อเชิ้ตลายตารางสีน้ำเงิน ก็หายโปร่งแสง

    “ก็เดี๋ยวมันหยาบไง กลัวรับไม่ได้”

    “อื้อ ไม่หรอก...” เบย์เอียงคอ หรี่ตาใส่สาวลูกครึ่งฝรั่ง เอ่ยเสียงนุ่ม “สวยซะอย่าง หยาบยังไงก็ไพเราะ”

    “...”

    “บ๊ะ”

    บิว เขินแทนคนที่ถูกแซวเลยทีเดียว เลยแอบมองผ่านจอเกม ว่าคนที่เอาแต่ยืนตรงหัวโต๊ะ เมื่อโดนคำเคย ๆ เข้าไป อาการเป็นไง...

    พรึ่บ ! ชายโค้ตสะบัด และสยายขึ้นสูงท่วมหลัง ราวหางนกยูง ย้อนแสงเป็นเงา เพื่อให้คนที่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ ทิ้งตัวนั่งเก้าอี้นวมพนักพิงสูง ๆ อย่างกับบัลลังก์นางพญาได้สะดวก เรียวขาไขว้กัน ดูมาดมั่นขึ้นมาทันที ซะงั้น

    ...คนที่แอบมองถึงกับกลั้นขำ

    “มีกลบเกลื่อนด้วย”

    แต่ก็ปล่อยเสียงกลั้วสั่นในคอออกมาจนดัง

    “อะไร ชั้นจะนั่งลงอยู่แล้ว !”

    และคนที่ถูกจับอาการได้ว่า ‘เขิน’ กระแทกเสียงท้วงทันควัน หยิบอะไรบนโต๊ะ ปาใส่คนที่เอาแต่ขำ โดยไม่รู้ว่าปากอิ่ม ๆ น้ำตาลอมแดงของตน ก็เผลออมยิ้มสารภาพไปด้วย ว่าเขินจริง ๆ นั่นแหละ

    นั่น ทำให้บิวยิ่งหัวเราะเอิ้ก ๆ

    เบย์เลยขำตามเบา ๆ

    “พวกบ้า”

    สาวหัวกิลด์ ดันข้าวของบนโต๊ะมากองรวมกันตรงหน้าลูกกิลด์สองคน ที่เอาแต่ขำบ้าขำบอ

    “รกว่ะ เอาไปเลยชิ่ว ๆ”

    แล้วทำเป็น ปัด ๆ ถู ๆ ตรงหน้าตัวเองให้สะอาด ทั้งที่ไม่มีไรให้สกปรก

    คนที่เป็นฝ่ายแซวหยุดขำได้ ก็มองคนที่สนว่าตน จะมาตอนไหน หรือไม่มาตอนไหน เรียวปากสีธรรมชาติ ยิ้มกริ่ม

    “ทำไม คิดถึงว่างั้น ?”

    คนถูกยิงคำถามใส่ ทำหน้างง

    “อะไร ?”

    แต่พอนึกได้ ว่าหมายถึงคำพูดของตนเมื่อตะกี๊ ‘ไม่มา...พรุ่งนี้ซะเลยล่ะ’ เลยเข้าใจว่าตนนั้นคิดถึงเขา เธอแอบขนลุก ก่อนเป็นฝ่ายลั่นขำบ้าง

    “โถ ~ ผู้ในเกมนี้เด็ด ๆ มีให้คิดถึงตั้งเยอะ แกมันก็แค่หางแถว”

    เปรี๊ยะ !

    “ป้าด !” บิว ร้องเจ็บจึ้กแทนเพื่อน “หางแถววาซั่น” แต่ก็เหมือนยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมเข้าไปอีก

    คนถูกสวนกลับถึงกับช็อต คล้ายมีคำว่า ‘หางแถว’ ใหญ่ ๆ หนัก ๆ ร่วงมาทับดังโครม ! บุหรี่หลุดจากมือเลยทีเดียว อมยิ้มพลางเลิกคิ้ว

    “ขนาดนั้นเลย ?”

    ถึงตาสาวเจ้าเป็นฝ่ายรุกกลับ แอ่นหลังตรง ยิ้มมั่น “แน่นอน...” ทำปากเน้นคำด้วยว่า “ชั~วร์”

    คนรวบผมมัดจุก เปลี่ยนมาขำเพื่อนบ้าง

    ส่วนคนที่เหมือนจะเสียฟอร์มเล็กน้อยก็ขำ เลยยกมือยอมแพ้ การกวนประสาทกันไปมาแต่โดยดี เปลี่ยนจากนั่งชันเข่า เป็นหย่อนขาปกติ...

    มันจะมีอะไร มากไปกว่าการคุยกัน แบบกระเซ้าเย้าแหย่ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นวันพักผ่อนของสมาชิกกิลด์ ร็อก เนฟเวอร์ ได ซ่าบ้า ที่ไม่มีไรในเกมให้ทำ แถมการคุยกันนี้ ยังบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ ที่มีมาอย่างยาวนาน จนสนิทสนมกันเป็นอย่างดี


    “นู่น...”

    “?”

    ดวงตาสีน้ำเงิน มองสะท้อนคนที่ชนะการกวนประสาทครั้งนี้ ว่าจะพูดอะไร

    “คนที่คิดถึงแก...นั่งจัดดอกไม้อยู่ตรงนู้น”

    พอได้ยินงั้น คู่ตาสีน้ำเงิน ถูกเปลือกตาเลื่อนลงปิด พลางเรียวปากคลี่ยิ้ม แอบสงสัย

    ‘คิดถึงจริงเร้อ ?’

    “อาราย หนูป่าวซะหน่อย !”

    และคนที่แทนตัวเองว่าหนู ไม่ใช่เพราะเด็กเกินไป แค่ใช้กับคนที่อายุมากกว่าเฉย ๆ เสียงหวาน ๆ นั้นตะโกนมา ทำให้คนที่หลับตายิ้มกริ่มอยู่ทางนี้ คิดในใจ...

    ‘หึ ปากแข็งตามเคย’

    โซเฟีย ผู้เป็นพี่ใหญ่สุดในเวลานี้ มองสองคนที่อายุน้อยกว่าสลับกัน คนหนึ่ง เอาแต่จัดดอกไม้ตรงนู้น อีกคน ก็เอาแต่หลับตายิ้มกรุ้มกริ่มตรงนี้ ปากอิ่มอมยิ้ม ที่เห็นทั้งคู่ เอาแต่เปิดโหมดสุญญากาศใส่กันต่อหน้าคนอื่น แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้น่ะ มี ‘ซัมธิง’ กันมาสักพักแล้ว จะสารภาพต่อกันวันไหนก็แค่นั้นแหละ

    “เฮ้อ เข้ามาทำไมวะเนี่ย ไม่มีไรทำเลยว่ะ”

    ผู้เป็นพี่สาว มองผู้เป็นน้องชาย อายุน้อยกว่า 5 ปี ทำเป็นมายืดแขนบิดขี้เกียจช่วงจังหวะแบบนี้ เลยอดเบะยิ้มหมั่นไส้ไม่ได้ หยิบอะไรบนโต๊ะปาใส่อีกทีเบา ๆ

    “กลบเกลื่อนนะ...”

    “ปามาทำไมนักหนาเนี่ย”

    “เข้ามานั่งคุยกันไงล่ะ แก้เหงา ดีจะตาย”

    “พอดี...เป็นคนไม่เหงาอะ”

    “หึ แน่ละ” คู่ตาสีน้ำตาลแดงจิกมอง “คุยกับสาวอยู่กี่คนล่ะ แต่ละวัน”

    ทันที คู่ตาสีน้ำเงินเบิกโตอย่างไว

    “บ้า ไม่มีหร้อก”

    “แล้วเสียงสูงทำไม”

    “ไม่มีหรอก...”

    “ใช่ มันไม่มีหรอกสาวในเกมนี้” บิว แม้ตาจ้องเกม แต่ปากพูดแทรกขึ้น

    เบย์ ถึงกับเอียงคอ ค้อนเพื่อนสนิทฝั่งตรงข้าม ที่แสนจะรู้ใจ...ซะเหลื้อเกิน

    “อ้าว แสดงว่ามีสาวในเกมอื่นสิเนี่ย”

    แล้วเอียงคอ กลับมาค้อนใส่สาวจอมกวนตรงหัวโต๊ะ

    “ไม่มี้”

    “เสียงสูงอีกแล้ว”

    “ไมมี...” เรียวปากชมพูอ่อนยิ้มปนขำที่โดนจี้ “โอ้ย ผมเล่นอยู่เกมเดียว จะมีผู้หญิงเกมอื่นได้ไง”

    “อ้า งั้นแสดงว่า มีสาวในเกมนี้”

    “...” คนถูกจ้อชะงักเขิน รู้อยู่ว่าหมายถึงใคร “ก็...” จะพูดก็ไม่พูด ยักคิ้วยึก ๆ ใส่สาวชั่งจ้อแทน...


    มาย จัดดอกไม้ไปพลาง ฟังคนคุยกันไปพลาง

    “ไอ้นาวหายไปไหนวะ”

    เสียงคนที่ถูกจ้อให้จนมุม

    “ไรหยะ เปลี่ยนเรื่องเฉย ไม่ตอบคำถามด้วย”

    ตามด้วยเสียงคนที่เป็นฝ่ายจ้อ ขำใหญ่

    “อาราย เรื่องเดียวกัน”

    “ตรงหนายมิทราบ มันหนีออกเกมไปแล้ว”

    “เออ ยังไม่ได้เช็กบิลเลย แม่งกวนตีน มาเตะโทรศัพท์กู”

    แล้วก็เสียงคนที่ติดเกมแข่งรถในมือถืองอมแงม

    “เออ พวกแกช่วยบอกมันด้วย ว่าอย่ามากินผีเสื้อ เวลกิลด์ยิ่งขึ้นช้าอยู่ ชั้นบอก มันไม่ฟังหรอก”

    “สงสัยช่วงนี้ มันไม่ค่อยกินยา อาการสมาธิสั้นเลยกำเริบ” บิวว่า

    “ก็บอกให้มันกินสิ” สาวหัวกิลด์ สั่งเสียงชัด

    “มันอาจจะกินอยู่แล้วก็ได้ แต่ที่เห็นเนี่ย ความกวนตีนล้วน ๆ”

    ข้อสังเกตของเบย์ ทำเอาอีกสองคนขำก๊าก

    และระหว่างที่คุยกันเรื่อยเปื่อย ก็พบมุมอื่น ๆ ภายในโดมกระจก ห้องครัวพร้อมบาร์เล็ก ๆ ทำด้วยไม้สไตล์วินเทจ แขวนและเรียงภาชนะ ช้อนส้อม แก้ว ขวดไวน์ชั้นเลิศ สะท้อนแสงวาววับหรูหรา ตั้งถัดจากโต๊ะยาวกลางโดมออกมา เป็นจุดสร้างอาหารสมมุติสารพัดเมนู...

    “แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ วันนี้ออนบ้างปะ” เสียงคนที่พึ่งเข้าเกมมา หาเรื่องคุยต่อ

    แม้พวกอาหารสมมุติในเกม ไม่สามารถกินได้จริง แต่มันคือภารกิจโดมประจำวัน ต้องทำขึ้นมาแล้วกินหลอก ๆ เพื่อเอา EXP เติมเลเวลกิลด์ทุกวัน

    “แคท มีแวะมาอยู่นะช่วงบ่าย ๆ ส่วนอะตอม วันนี้น้องยังไม่ออนเลย” แล้วเป็นเสียงสาวหัวกิลด์ที่คุยด้วย

    เสาไฟแต่งสวน ตั้งประดับตามจุดต่าง ๆ ใกล้ได้ส่องแสง ศาลาไทย คลุมด้วยเครือไม้เลื้อยแสนโรแมนติก ไว้นั่งเปลี่ยนบรรยากาศในบางคราว ล้วนแต่เป็นไอเทมตกแต่งโดม เมื่อปลดล็อกและใช้งานทุกวัน กิลด์จะได้รับ EXP ด้วยเช่นกัน

    “แล้ว...คุณผู้จัดการตัวดีล่ะ เข้าโดมมายัง น่าจะไม่” เบย์ถามต่อถึงสมาชิกกิลด์อีกคน ที่ช่วงนี้ หายหน้าหายตา

    “เงียบกริ๊บ” โซเฟียยืนยัน

    “เออนั่นดิ พักนี้ทำตัวแปลก ๆ ไม่ค่อยมาประจำห้องครัว เห็นชอบไปอะไรก็ไม่รู้กับพวกจีเอ็ม เกมไอดอลก็ไม่ใช่” บิวก็พูดถึงคนเดียวกัน

    ต้นไม้ แผ่กิ่งก้าน ถูกน้ำรดทุกวันจนสูงขึ้นตามเลเวล งอกใบดก ออกรวงผล...

    “ท่าจะมีงานว่ะ” เสียงเบย์

    “งานไรวะ” เสียงบิว

    พอพวกนกแฟนตาซีมาจิกกินผลไม้ เลเวลก็จะเพิ่มขึ้นจนตัวใหญ่ เช่นเดียวกับเหล่าผีเสื้อแฟนตาซี ที่เอาแต่ดูดเกสรดอกไม้ เป็นการเพิ่ม EXP ให้ตัวเองและกิลด์อีกทาง

    “ไม่รู้ดิ แต่กูว่าน่าจะมี ไม่งั้นจะไปรู้จักกับจีเอ็มทำไม” เบย์ว่า

    “จะกิลด์แตกป่าววะ”

    “เฮ่ย ไม่ขนาดนั้นหรอก”

    เสียงสองหนุ่มชาวร็อกคุยถึงคนเดียวกัน ขณะที่มาย...หันมา ผมสลวยดำขลับสะบัดเบา ๆ รอบใบหน้าที่แต่งแต้มสีดำตรงเรียวปาก คู่ตาดำ กวาดมองดอกไม้แต่ละชนิด ที่ตนเป็นคนเดียว นั่งจัดเรียงมาเกือบชั่วโมง...

    “แก กินไรมายัง”

    “ผมหรอ...”

    เป็นทุ่งดอกไม้กว้างเล็กน้อย ขยายตามขนาดโดมที่ใหญ่ขึ้น เพราะเลเวลกิลด์พึ่งจะอัปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    “เพราหมูกรอบไข่ดาว”

    ดอกไม้ยามนี้ มองเห็นก็แต่สีทองตัดเงาดำ หากยามเช้าสายพรุ่งนี้มาดูอีกที คงเปล่งสีสันสดใสใต้ฟ้าครามและแสงแดดน่าดู

    “ของกินที่กรุงเทพมีเยอะแยะ กินเป็นแต่ผัดกะเพราเนี่ยนะ”

    การสังเคราะห์แสงและดูดซับน้ำของดอกไม้ทุกวัน ก็ช่วยเพิ่มเลเวลให้ตัวเองและกิลด์ด้วย

    “ก็เพราะของกินมีเยอะแยะไง เลยไม่รู้จะกินไร”

    “เลยกินแต่ผัดกะเพรา ?”

    “ใช่แล้ว”

    “สมองเนาะ”

    สาวผู้แต่งตัวโทนดำ ลุกขึ้นยืน ร่างบาง ๆ ภายใต้เดรสดำรัดรูปคอปกตั้งเท่ ๆ ยืดแขน เขย่งตัว คลายความเมื่อล้า ก่อนชักมือลงมา ดึงชายเดรสที่ถกขึ้นจนสั้นลงปิดต้นขานวล ๆ เมื่อการจัดเรียงดอกไม้เสร็จสิ้น ใบหน้าที่แต่งเข้มจนดาร์ก แต่ซ่อนความหวานละมุนไว้ หันขวับ ไปยังโต๊ะยาวกลางโดมหาทุกคน...

    “เข้ามาทำไมวะเนี่ย”

    คนที่กินเป็นแต่ผัดกะเพรา ถามตัวเองอีกครั้ง ทำให้คนที่เบื่อกับคำถามนี้ต้องตวาดใส่

    “โอ้ยน่ามคาญ อยากออกก็ออกไปเลยไป !”

    “หึ ไม่ออก”

    “งั้นก็...ชัตอัป !”

    “แปลว่า”

    ฝ่ามือบาง ๆ แต่ทรงพลัง ง้างขึ้น

    “เอาปากมานี่ จะแปลให้”

    เบย์ นั่งขำ สนุกที่ได้กวนประสาทพี่สาวจอมยัวะ

    “หยุดบ้าสงครามซักวัน...”


    “...คงไม่ตายหรอกม้~าง”


    เปรี้ยง !

    ราวกับมีสายฟ้าฟาดใส่ พอได้ยินงั้น เรียวปากสีธรรมชาติหุบยิ้มทันที คล้ายถูกกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างที่ค้างคาใจ คนที่สวมเสื้อลายตารางสีน้ำเงิน ทิ้งคอพาดพนักพิง เงยขึ้นฟ้า มองผ่านโคมไฟระย้าขึ้นไปถึงหลังคากระจกโดมที่ฉาบแสงทอง เงาพวกนก...

    ‘หยุดบ้าสงครามงั้นเหรอ ?’

    ...บินพาดผ่าน

    ‘จริงสิ สองเดือนแล้ว ที่เราไม่ได้ชัยชนะกับเงินรางวัลสูงสุดหนึ่งล้านบาท จากสงครามรายเดือน เพราะมันคนนั้น...’

    พลัน ดวงตาขาวซีดไร้ม่านเหลือกถลน พุ่งเข้ามา

    “มึงคิดเหรอ ว่าจะรวยจากเกมนี้ได้ง่าย ๆ !”

    สองพลัง ไฟกับไฟฟ้า พุ่งปะทะกัน เสียงดังตูมและดังเปรี้ยง !!!

    “แต่กูนี่แหละ จะรวยจากเกมนี้ให้ดู !”

    ‘กลับเป็นเราทั้งสองเดือน...’

    “หึ แล้วเจอกันใหม่ ไอ้เบย์...”

    ดวงตาซีดเผือดนั้น ค่อย ๆ ถอยหายไป แล้วแทนด้วยเปลวไฟแดงสว่าง ลุกโชนขึ้น !

    ‘...ที่พ่ายแพ้ ให้กับมัน’

    แผดเผาร่างผู้ใช้พลังธาตุไฟฟ้า มอดไหม้ไปพร้อมกับสงคราม

    “เราได้เจอกันอีกแน่ ไอ้เบล !!!”


    แตะ...


    มือบาง ๆ ของใครสักคน สัมผัสลงที่หัวไหล่ชายหนุ่ม ทำให้ดวงตาสีน้ำเงิน หรือราวกับพลังไฟฟ้าสถิตตลอดเวลา ถูกเปลือกตากะพริบ ตื่นจากภวังค์

    เป็นภาพในสายตา สั่นเล็กน้อย เลื่อนมองมือเรียว ที่จรดอยู่หัวไหล่ขวาตัวเอง ก่อนร่างบาง ภายใต้เดรสดำ จะทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ ยามผมสลวยดำขลับกระเพื่อม กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยโชยออกมา เพียงใบหน้าหันขวับมา จึงได้สบตาดำประกายแสงระยะประชิด หัวใจกระตุกวูบทันที คิ้วดำเรียวโก่ง จมูกเชิดปลายหยดน้ำ เรียวปากสีดำ พอมองใกล้ ๆ มันอมม่วงลูกเกดหน่อย ๆ ซ่อนเสน่ห์เย้ายวนเอาไว้ กำลังขยับพูด

    “ไง...พระเอก ไหวมั้ย ?”

    น้ำเสียงหวาน ๆ ละมุนชวนฟัง เอ่ยสั้น ๆ ก่อนมือเรียวผละออกจากไหล่ ใบหน้าหันกลับเข้าโต๊ะ ทิ้งไว้ซึ่งความนิ่งสงบ ในสายตาผู้มอง ไม่สั่นสะท้านกระหายสงครามอย่างเมื่อครู่ คงมีแต่เธอผู้เดียว ที่จะหยุดความบ้าคลั่งในใจชายหนุ่มได้ แล้วภาพในสายตา ก็ดับลง...


    “ฮัล...”

    ทันใดนั้น

    “...โหลลลล้ ! ล ล”


    ก็มีเสียงใส ๆ ของหญิงสาว ดังขึ้นผ่านไมโครโฟน ก้องสะท้อนโดมกระจกที่อาบแสงทองยามพลบค่ำขณะนี้

    โซเฟีย ที่กำลังหยิบขนมข้าวแต๋นน้ำแตงโม อาหารสมมุติในเกม เข้าปากก็ชะงัก

    “นั่นไง แคทมาแล้ว”

    จึงหันไปมองตามเสียงก่อนใคร

    “สวัสดียามแลงเจ้ากุ๊คนนนน ! น น”

    ตามด้วยคนที่เหลือในโต๊ะ หันไปมองพร้อมกัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×