คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1 : จุดเริ่มต้น
แสงอาทิตย์ยามเช้าทอแสงสดใสต้อนรับวันใหม่ผู้คน สัตว์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และไม่เว้นแม้กระทั่งหุ่นยนต์ซึ่งคอยตามเจ้านายของมันเพื่อที่จะรับใช้ เสียงนกร้องขับขานราวกับประสานเสียงดังกังวานไปทั่วทั้งอาณาจักร
‘พอสเพอรัล’ เมืองแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีและอื่นๆอีกมากมายแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เมืองแห่งนี้เสื่อมเสียธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย......
หน้าต่างห้องใต้หลังคาของบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่แถวๆชานกลางเมืองพอสเพอรัล เด็กสาวผมสีทองยาวถึงกลางหลัง นัยตาสีเขียวมรกตระยิบระยับ โครงหน้าและเค้าโครงหน้ารูปไข่ที่ได้สัดส่วนกับ ริมฝีปากได้รูปสีแดงราวกลีบกุหลาบ เธอกำลังถอดมองสภาพแวดล้อมของเมืองอย่างเศร้าศร้อย ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะเป็นคนที่มีมนุษย์สำพันธ์ดี ถ้าดูจากภายนอก เธออาจจะดูเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสในสายตาของใครหลายคน แต่ภายในนั้นมันช่างเงียบเหงาและหว้าเหว่ เสียงทะเลาะอย่างรุนแรงดังขึ้นทำให้เธอตื่นจากภวังค์ทันที
“ราเชล จะขดตัวอยู่ข้างบนอีกนานไหม นังเด็กขี้เกียด” เสียงป้าของเธอดังขึ้นทำให้เธอรีบลงไปข้างล่างอย่างรีบร้อน อันที่จริงป้าของเธอเคยเล่าว่า ทั้งแม่และพ่อของเธอทิ้งเธอไปตั้งแต่ยังเล็กเพราะทั้งคู่ไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงเธอจึงมาทิ้งเอาไว้กับป้าและลุง ลุงกับป้านั้นมีลูกด้วยกันชื่อว่า เจฟ ซึ่งแก่กว่าเธออยู่ 2 ปี เขาเป็นพี่ชายที่ดีและคอยปกป้องเธอตลอด รวมไปถึงป้องกันไม่ให้แม่ของเขาคอยมาทุบตีเธอบ่อยๆโดยไม่จำเป็น
“แม่ก็ราเชลไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย”เสียงเจฟตะโกนแหวกเสียงลุงของเธอที่คอยสบถงึมงำ พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย “มากินข้าวด้วยกันเถอะ” เขาพูดเมื่อเห็นราเชลมาถึง
“ขอบใจ”ราเชลกล่าวก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะอาหาร แล้วเริ่มต้นลงมือรับประทานอาหาร ในขณะที่บุคคลอื่นในโต๊ะเริ่มโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน และไม่เคยเลยที่ทั้งลุงและป้าของเธอจะไม่แขวะหรือนินทาเธอต่อหน้าต่อตา ร้อนถึงเจฟที่คอยแก้ต่างให้เธอบ่อยๆ ซึ่งเธอก็ได้แต่ขอบคุณอยู่ลึกๆ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของราเชลก็ดังขึ้น
“แฟนแกโทรมารึไง”ป้าเริ่มพูดด้วยเสียงประชดประชันขณะที่เธอเดินไปรับโทรศัพท์ซึ่งสามารถเห็นหน้ากันได้เหมือนเวลาที่อยู่ด้วยกันทุกอย่าง ซึ่งเรแกนเพื่อนชายคนหนึ่งของเธอโทรมานั่นเอง
“ป้าก็รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนหนู” ราเชลพูดเบาๆแต่ก็ดังพอที่จะให้คนทั้งโต๊ะได้ยิน ซึ่งป้าของเธอก็ทำหน้าล้อเลียนเธอในทันทีเมื่อได้ยินเสียงและหน้าของเรแกน
“ราเชล ฉัน...เอ่อ...ทุกคนไปรอกันอยู่ที่สนามนะ เร็วๆเข้าล่ะ” เรแกนรีบพูดเมื่อเห็นว่าสถานการในบ้านของเธอไม่ดีอีกแล้ว
“อืม เดี๋ยวฉันไป” ราเชลตอบและกดวางสาย พร้อมๆกับที่ลุงของเธอเริ่มต้นสนทนานินทาเธอในทันที
“เด็กสมัยนี้ เหอะยังเด็กอยู่แท้ๆทำตัวไปมีแฟน”
“หนูจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าเขาเป็น เพื่อน หนู” ราเชลจงใจตะโกนคำว่าเพื่อนอย่างอดไม่ได้ใส่หน้าลุงและป้าของเธอก่อนจะออกจากบ้านไป
...........................................
เมื่อ ออกจากบ้านมาเธอก็เดินมาตามทางเรื่อยๆ ซึ่งก็ใช้เวลาร่วม 20 นาที กว่าจะถึงสนามกีฬาประจำเมืองซึ่งปกติแล้วเพื่อนๆคนอื่นๆของเธอจะมียานประจำตัวแต่ละคนเอาไว้เวลาไปไหนมาไหน แต่ลุงและป้าของเธอไม่อนุญาตให้ซื้อเนื่องจากว่า มันเปลือง และ ฟุ่มเฟือย ทั้งๆที่เทียบกับความจริงแล้วตอนเธอไปโรงเรียน ลุงกับป้าของเธอก็ไม่ยอมไปส่งเสียด้วยทำให้เธอต้องเดินไปโรงเรียน ซึ่งกว่าจะเดินไปถึงก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงแต่เธอก็ไม่ค่อยจะเดินบ่อยนักหรอกเพราะปกติแล้วเพื่อนๆของเธอจะมารับ เนื่องจากเห็นใจกับการเดินทางสุดโหดเมื่อพวกเขาได้รู้เข้า
บรรยากาศของพอสเพอรัลยังคงไม่เปลี่ยนแปลงยานยนต์ต่างๆวิ่งกันเต็มท้องฟ้าไปหมดอีกทั้งยานที่ลอยอยู่บนพื้นถนนอีกด้วย ยานประจำทางจอดเมื่อมาถึงป้าย กับคนเก็บตั๋วหุ่นยนต์ซึ่งคอยเก็บตั๋วผู้โดยสารเมื่อไปนั่งบนยานเรียบร้อยแล้ว ราเชลได้แต่เดินไปมองไปที่ผู้คนด้วยความรู้สึกอิจฉาหน่อยๆที่ไม่ต้องมาเดินแบบเธออย่างนี้ จะทำอย่างไรได้เล่าก็ป้าของเธอไม่เคยให้ค่าขนมอะไรเลยมาซักแดงเดียว เงินที่มีอยู่ก็คงเป็นเงินเก็บออมจากเงินที่ได้จากการไปโรงเรียนซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่ซื้อข้างกลางวันร่วมกับคนอื่นๆเท่านั้น และแล้วอยู่ๆก็มีเสียงแตรของยานลำหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอ ทำให้เธอต้องหันไปมองและก็พบกับฟินตันเพื่อนอีกคนหนึ่งของเธอ ผมสีน้ำตาลเข้มถูกซอยระต้นคอปลิวไหวตามแรงลม นัยน์ตาสีเงินแวววาวแลดูที่ขี้เล่นอย่างไม่คิดปิดบัง ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายที่สามารถทำให้หญิงสาวทุกคนต่างก็ใจละลายไปตามๆกัน เขากำลังส่งยิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี ซึ่งมันส่งผลให้กับสภาพจิตใจของเธอนิดๆ
“ใจคอเธอคิดจะเดินอย่างนั้นไปเรื่อยๆหรอ” เขาถามพลางส่งยิ้มให้ ซึ่งทำให้ราเชลส่งยิ้มตอบทันทีก่อนจะเดินขึ้นไปซ้อนข้างหลังเขา พร้อมกับเอ่ยอย่างกวนประสาท
“ก็คงจะเป็นอย่างที่นายเห็นอยู่น่ะแหละ” เมื่อเธอพูดจบฟินตันก็ยังคงส่งยิ้มน้อยๆมาให้ก่อนจะกดปุ่มบางอย่าง กระจกใสเคลื่อนตัวมาครอบทั้งยานช้าๆ พร้อมกับเสียงผู้หญิงประจำเครื่องเพื่อบอกว่าระบบทำงาน และยานก็ค่อยๆเคลื่อนตัวทะยานไปบนฟ้าอย่างนุ่มนวล
“นี่ฉันเห็นว่าเธอ ไม่ชอบให้ฉันขับเร็วๆนะเนี่ย” ฟินตันพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง
“เอ้า..แล้วนายจะรีบขับไปตายที่ไหนล่ะ”คำพูดพล่อยๆถูกเอ่ยออกมาจากปากของราเชล ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของฟินตันที่ยิ้มตลอดเวลาคลายลงเลยแม้แต่น้อย
“คือ..ฉันคิดว่าเราจะตายเมื่อไปถึงเนื่ยละ” ฟินตันย้อนเข้าให้ แต่ราเชลก็รู้ดีว่าเรแกนคงอาละวาดเป็นแน่แท้โทษฐานที่เธอมาสาย “เธอเกาะฉันแน่นๆแล้วกันนะ” เขาพูดแล้วเริ่มขับเร็วขึ้นเรื่อยๆจนคนอื่นๆต้องหันมามองและหลบทางให้เมื่อพบว่า บุคคลที่อยู่ภายในยานนั้นได้ชื่อว่า เป็นถึง กลุ่มเด็กอัจฉริยะ ผู้ซึ่งโด่งดังไปทั้งในและนอกเมืองกับผลงานความคิดสร้างสรรค์และงานประดิษฐ์ของต่างๆยอดเยี่ยมจนเป็นที่กล่าวขวัญ และก็โดดเด่นในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย
เพียงเสี้ยวนาทียานของฟินตันก็ร่อนลงจอดอย่างนุ่มนวล ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฟินตันและราเชลกำลังวิ่งมาหยุดทางพวกเขาพลางหอบแฮ่กๆ เขามีผมสีแดงเข้มเข้ากับนัยน์ตาสีแดงที่ออกจะดูน่ากลัวบวกกับเจ้าเล่ห์หน่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาดูหน้ากลัวเลย ในขณะเดียวกันมันออกจะดูเท่ด้วยซ้ำไป ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่บรรดาแฟนคลับของเขาไม่ได้น้อยหรือด้อยไปกว่าแฟนคลับของฟินตันเลย หากแต่ตอนนี้ราเชลกลับคิดว่ามันจะดูดีกว่านี้ท่าคิ้วของเขาไม่ได้ขมวดกันจนเป็นโบว์
“นายเลยเวลานัดหมายนะฟิ้น ส่วนราเชลฉันลดโทษให้ก็ได้เนื่องจาก ฉันลืมไปว่าเธอไม่มียานใช้” คำบอกของเด็กหนุ่มผมอดงทำให้เธอทำหน้าล้อเลียนเขาในทันที
“โถ่ เรย์ นายจะซีเรียสไปทำไม ฮึ” ราเชลพูดอย่างขบขัน “ แล้ว สเตฟานกับเควินล่ะ?” คำเอ่ยถามหาทั้งสองของราเชลทำให้เรแกนหน้าซีดลงในทันที ก่อนที่คิ้วจะขมวดมุ่นอีกครั้งอย่างมีน้ำโห
“ไอ้เจ้าพวกนั้น ไปหาของกินอีกแล้ว ฉันจะฆ่าพวกนั้น ถ้าฉันเจอนะ” พูดจบเขาก็เดินดุ่มๆไปตามหาทั้งคู่ทันที ทิ้งให้ฟินตันกับราเชลมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะอย่างคบขันเป็นที่สุด และแล้วก็มีมือของใครบางคนเข้ามาปิดตาของราเชลในทันที
“ไม่เอาน่า สเตฟาน”ราเชลพูดก่อนจะหันไปมองและพบกับ เด็กหนุ่มผมสีทองตัด กับนัยน์ตาสีฟ้าที่ส่อแววเป็นมิตร ใบหน้าคมคายหล่อเหลา แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มละไมที่ทำให้หญิงสาวต่างก็ใจละลายไปตามๆกัน
“ไง สวีทกันไปถึงไหนแล้วพวกนาย”เสียงอีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยร่างของเด็กหนุ่มผมสีดำลับกับตาสีน้ำเงินดูมีอำนาจผิดกับนิสัยของเจ้าตัว โดยสิ้นเชิง ใบหน้าคมคายดูหน้าเกรงขาม ถูกระบายทาบทับด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของเขา
“ฉันมีไรมาอวดแน่ะ” สเตฟานพูดขัดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจประโยคจากปากของเควินเมื่อครู่ พร้อมกับชูห่อถุงสีน้ำตาลซึ่งข้างในเต็มไปด้วยขนมมากมายของร้านชื่อดังที่สุดของเมืองขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้พูดพร่ำทำเพลงถุงนั้นก็หายลับไปจากมือเขาเสียแล้ว
‘หง่ำๆ’ เสียงเจ้าปัญหาดังขึ้นที่ราเชล ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้จึงหันสายตามาที่ราเชลโดยไม่ได้นัดหมายพร้อมกับราเชลที่บอกว่า “อร่อยดีนะขอบคุณที่เลี้ยง” คำพูดนั้นทำเอาสเตฟานวิ่งไล่กวดเธอแทบไม่ทัน การวิ่งไล่จับดำเนินอยู่ไม่กี่นาที เรแกนก็กับมาพร้อมกับเขกหัวเจ้าเพื่อนตัวดีทั้งสองที่วิ่งไล่จับกับอย่างไม่รู้เวลา ทำเอาทั้งสองคนกุมหัวตัวเองป้อยๆ
“อะ..แฮ่ม” เขาเริ่มกระแฮ่มพอเป็นพิธีแต่เมื่อเห็นว่ายังมีการเล่นกันอยู่เขาจึงกระแฮ่มต่อไป “อะ..แฮะ..แฮ่ม”
“เอ่อ..ไม่ทราบว่าส้นเท้าติดคอหรอครับ กระผมจะช่วยเอาออกให้”เควินเอ่ยกึ่งเล่นกึ่งจริงพร้อมกับแสร้งส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ ทำเอาคนอื่นฮาครืน และเรแกนซึ่งเสียหน้าไปในทันทีจะพูดขัดขึ้นแต่เสียงหลายเสียงก็ดังจนกลบเสียงเขาทำให้เขาต้องหันไปมองแล้วก็พบกับ....กลุ่มแฟนคลับกลุ่มใหญ่
“กรี๊ดดดดดด นั่นไงๆ กลุ่มซิวอยู่ตรงโน้นนน” พร้อมกับอีกหลายเสียงตามมา
“กรี๊ดดดดดดดดดดด แล้วนั่นฟินตันนน” แต่ก่อนที่อีกเสียงจะตามมาอย่างกระชั้นชิดพวกกลุ่มเด็กสาวกลุ่มใหญ่ก็พากันรุมล้อมพวกเขาเอาไว้ อย่างคับคั่ง
“โว๊ยยยยยย ร้อน จะกรี๊ดหาใครนักหนาวะ” ราเชลตะโกนขึ้นทันทีกับเสียงกรี๊ดกร๊าดที่พากันรุมเข้ามาขอลายเซ็น ทำเอาผู้ชายหลายคนที่กะจะมาใกล้ๆเธอพากันมองอย่างอึ้งๆ ก่อนที่ฝูงชนจะหายลับไปเพราะเสียงลั่นปฐพีของราเชล
เมื่อ(ฝูง)กลุ่มคนหายลับไปเพราะเสียงของราเชลแล้ว เรแกนจึงเริ่มต้นกระแอ่มเบาๆก่อนจะรีบพูดทันที เมื่อเห็นสีหน้าของทุกๆคน
“คือว่าวันนี้เรามีแข่งบาสกับแบล็คสโตนอ่ะนะ” เขาพูดสีหน้าจริงจัง พลางไล่สายตามองไปทีละคน คนแรกสเตฟานซึ่งใบหน้าของเขากำลังพราวระริก คนที่สองเควินที่สีหน้าดูมีความสุข คนที่สามฟินตันสีหน้าของเขาแลดูสนุกสนาน คนที่สี่ราเชลซึ่งบัดนี้สีหน้าของเธอซีดลงทันตา
“เอ่อ..ความจริงฉันก็ไม่อยากจะพูดให้พวกนายอดเล่นอ่ะนะ” เธอพูดก่อนจะเว้นประโยคไว้ แล้วพยายามทำสีหน้าให้ซีดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเรแกนและคนอื่นๆจ้องเธอเขม็ง “แต่เผอิญช่วงนี้สุขภาพของฉันมันไม่ค่อยดีน่ะ แหะๆ”พูดจบราเชลก็รีบวิ่งแจ้นออกมาในทันที ตามท้ายด้วยเสียงเอะอะโวยวายข้างหลังจากเพื่อนๆของเธอข้างหลัง
ราเชลวิ่งต่อมาเรื่อยๆอย่างไม่คิดที่จะหยุดพัก และไม่ว่าเธอจะวิ่งไปทางไหนก็มีเสียงตะโกนหรือไม่ก็เสียงกรี๊ดกร๊าดของกลุ่มชนซึ่งเป็นบรรดาแฟนคลับของเธอนั่นเอง จึงไม่แปลกเลยที่ เควิน ซึ่งถูกเรแกนออกคำสั่งให้ตามเธอมา เนื่องจากเขาวิ่งเร็วที่สุดแล้วถ้าไม่นับราเชลเข้ามาด้วย จะตามเธอไปไม่ถูกทาง สาเหตุนั้นทำให้ราเชลนึกด่าบรรดาแฟนคลับทั้งหลายอยู่ในใจ ฉับพลันเธอก็เห็นที่หลบซ่อนชั้นเยี่ยม นั่นทำให้เธอหน้าบานขึ้นมาทันตาก่อนจะมุดเข้ากอพุ่มไม้นั้น เควินซึ่งตามราเชลมาอย่างกระชั้นชิด เห็นเธอหายไปจึงหยุดมองไปรอบๆอยู่สักครู่ ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบของบรรดาแฟนคลับทั้งหลาย นั่นทำให้เขาตกลงใจที่จะเดินไปถามคนกลุ่มนั้น
“เอ่อ..ขอโทษครับ” เควินเดินเข้าไปถามหญิงสาวที่อยู่เขามากที่สุด ซึ่งหญิงสาวคนนั้นเมื่อเห็นเควินเดินมาพูดด้วยจึงเกิดอาการหน้าแดงไปซะเฉยๆ “ไม่ทราบว่าเห็นราเชลบ้างไหมครับ”
“ .” แต่ดูจากท่าทางหญิงสาวผู้นั้นคงจะไม่ได้ฟังคำที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย เธอก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย ก่อนจะตอบคำถามของเควิน แบบตะกุกตะกัก
“ฉะ..ฉันเห็นขะ..เข้าไปหลังพุ่มมะ...ไม้นู่นน่ะค่ะ”เธอตอบพลางชี้ไปที่พุ่มไม้ซึ่งเป็นที่พักพิงของราเชล ซึ่งตอนนี้กำลังแอบดูเควินอยู่สะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที ก่อนจะค่อยๆขยับตัวอย่างช้าๆ ในขณะเดียวกันนั้นเควินผู้น่าสงสารถูกบรรดาแฟนคลับล้อมตัวเอาไว้ ทำเอาเธอกระหยิ่มยิ้มย่องในใจก่อนจะหันหน้ากลับไปมองสภาพแวดล้อมด้านหลังของเธอและต้องพบกับฟินตันซึ่งบัดนี้หน้าของราเชลห่างกับเขาไม่ถึงคืบ! แต่กระนั้นสมองก็ยังคงหาทางอยู่รอดเธอจึงตัดสินใจที่จะตะโกนออกมา หากแต่ฟินตันเหมือนจะรู้ทันความคิดของเธอ จึงเอามืออุดปากของเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่จะค่อยๆ คลายมือออกมาจับข้อมือของเธอไว้แทน ใบหน้าของเขาค่อยๆโน้มตัวมาหาเธอช้าๆ
“นายจะทำอะไรน่ะ” เสียงสวรรค์ในความคิดของราเชลดังขึ้น ทำให้ฟินตันรีบผละออกห่างจากเธอไวปานจรวด ก่อนจะหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย ราเชลเองก็เช่นกันตอนนี้เธอทั้งอายทั้งมึนงงในเวลาเดียวกัน
‘นั่นฟิ้นมัน....คิด....ไม่สิ...มัน...จะจูบเรา!!!’ทันทีที่เธอคิดมาจนถึงประโยคสุดท้ายหน้าของเธอก็แดงแปร๊ดมากขึ้นกว่าเดิมในทันทีโดยไม่ทันได้สังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวที่จู่ๆก็อึมครึมขึ้นมาในทันที ไม่ได้สังเกตแม้กระทั่งว่าฟินตันนั้นจับข้อมือของเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้สังเกตสักนิดว่าใครเป็นคนพูดที่ช่วยเธอเอาไว้ได้
“ไม่เอาน่า...นายคงไม่อยากจะมายุ่งกับแฟนของชาวบ้านเขาหรอกนะ” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ทั้งปวงและเงยหน้าขึ้นมอง ภาพเบื้องหน้า เด็กหนุ่มผมสีฟางออกน้ำตาลผมของเขาถูกสไลค์ยาวระบ่า ตัดกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแหลมคมดุจเหยี่ยว ใบหน้าคมคายกำลังมองมาที่ราเชลและฟินตัน ข้างกายเขา มีหญิงสาวผมสีดำเข้มและนัยน์ตาเฉกเช่นเดียวกับสีผม ใบหน้ากลมรี ริมฝีปากอมชมพูหน่อยๆกำลังแสยะยิ้มให้เธออย่างผู้ชนะ ซึ่งเมื่อมองดูๆแล้วเธอไม่ได้เป็นคนที่สวยเลิศหรือน่ารักแต่อย่างใด ภาพของหญิงสาวที่อยู่ข้างกายของเขาสร้างความเจ็บปวดให้ราเชลเป็นอย่างมากเหมือนมีเข็มนับพันเล่มพุ่งเข้าปัก
“อลัน นี่มันอะไรกันน่ะ” ราเชลเอ่ยเสียงสั่นเคลือ ทำให้เด็กหนุ่มผมสีฟางละสายตาจากฟินตันมามองเธอแทน
“ก็จะมีอะไรซะอีกล่ะ นอกจากอลันเขาจะคบกับฉันน่ะสิ ยัยเบื๊อก” หญิงสาวข้างกายอลันตอบอย่างเยาะเย้ย แถมไม่วายมาด่าราเชลอีก คำพูดของเธอถึงราเชลจะรู้ทั้งรู้ว่าโอกาสที่จะเป็นจริงนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิดถ้าเทียบกับเมื่อก่อน แต่นี่ราเชลชักจะเริ่มไม่แน่ใจซะแล้วคำพูดของเธอสร้างความเจ็บปวดให้กับราเชลเข้าไปอีก
“แล้วเธอจะเอาอะไรมาพิสูจน์ล่ะ มีมี่” ราเชลพยายามกัดฟันพูดเพื่อถามเธอ แต่อลันกลับเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาซะก่อน
“หลังแข่งเสร็จแล้วมาเจอกันที่นี่” เขาพูดก่อนจะเดินจากไปโดยมี มีมี่ตามไปติดๆ เมื่อทั้งสองเดินจากไปแล้ว หยาดน้ำตาใสเริ่มไหลอาบแก้มของราเชล ‘เหตุการณ์ วันนี้มันอะไรกันน่ะ ฉันงงไปหมดแล้วนะ’ เธอคิดในใจอย่างเศร้าๆ แล้วจู่ๆร่างกายของเธอก็พลันอุ่นขึ้นอย่างประหลาด มันเป็นความอบอุ่นที่เธอได้แต่เฝ้าหามานานแสนนาน พลันมือของฟินตันค่อยๆเลื่อนมาปาดน้ำตาของเธอออกช้าๆ
“ฉัน...เอ่อ..ขอโทษนะสำหรับวันนี้”เขาพูดเสียงนุ่มนวล “หยุดร้องไห้เถอะนะ”
“ช่างมันเถอะ” ราเชลพูดพลางยิ้มให้เขา ซึ่งทำให้เธอถึงกับมึนงงในทันทีเมื่อจู่ๆฟินตันก็หน้าแดงไปซะเฉยๆ ทำให้ บรรยากาศรอบข้างจึงพลอยเงียบไปด้วย มันทำให้เธอพลอยหน้าแดงไปกับฟินตันด้วย ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นน้อยๆแล้วพูดเป็นการกลบเกลื่อน
“เราไปกันเถอะ เดี๋ยวเรแกนจะอาละวาดเอา” พูดจบเธอก็เดินจูงมือฟินตันอย่างถือวิสาสะ ซึ่งราเชลก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจาก ความเป็นเพื่อน แต่หารู้ไม่ว่ามันทำให้จิตใจของฟินตันยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่......
ความคิดเห็น