ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลำนำรักหงส์เพลิง (Mpreg)

    ลำดับตอนที่ #9 : ลำนำที่ 9 ฝึกรำกระบี่

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 66


    ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.)

    เทียนหลงตื่นมา สิ่งแรกที่ทำก็คือการลุกไปอาบน้ำอาบท่าอยู่ไม่ไกลจากเรือนหรูหลังงามที่ผู้เป็นอาจารย์อย่างเทียนกงเป็นผู้เสกสร้างมาให้อย่างดีเมื่อกลับมาที่เรือนก็แต่งกายด้วยเสื้อขาวบริสุทธิ์พร้อมทั้งเกล้าผมด้วยตนเองเสร็จแล้วจึงได้ก้าวขาเดินออกจากเรือนแล้วตั้งท่าใช้เวทเคลื่อนย้ายหายวับไปทันตา

    ก่อนที่จะมาโผล่อยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสวรรค์แล้วเดินเข้าด้วยท่าทางสง่างามดั่งเคย เพราะรูปโฉมงดงามและมีตำแหน่งถึง....จึงได้เป็นที่สนใจจากเซียนท่านอื่นนๆรอบๆบริเวณที่เทียนหลงเดินผ่าน ระยะทางตำหนักของเทียนจวินเองก็อยู่ไกล เทียนหลงจึงต้องอดทนเดินผ่านสายตาจากเซียนท่านอื่นๆจนถึงตำหนักในที่สุด

    เทียนหลงเดินเข้าประตูตำหนักอย่างง่ายดายโดยที่ทหารเฝ้ายามไม่คิดที่จะขวาง เดินเข้าตำหนักได้ก็ไปที่ท้องพระโรงเพราะซือจุนมักจะทำงานดูแลเกี่ยวกับวิญญาณและเซียนบนสวรรค์อยู่ที่นั่น 

    เมื่อเดินเข้ามาถึงก็เห็นเทียนจวินนั่งอยู่บนบัลลังก์กำลังนั่งอ่านหนังสือร้องเรียนเรื่องอะไรสักอย่างอยู่ เทียนหลงเดินเข้าไปใกล้แล้วยกมือประสานไว้ข้างหน้าตนแล้วก้มโค้งคำนับแสดงความเคารพซือจุนของตนเองแล้วเงยหน้าพูด

    "ซือจุน"เทียนหลงเรียกแค่นั้น เทียนจวินจึงได้เงยหน้าจากหนังสือร้องเรียนเล่มนั้นแล้วมองดูคนมาจึงได้วางไว้ที่โต๊ะแล้วเดินลงจากบัลลังก์ก้าวขาลงบันไดก็ถึงตัวเทียนหลง

    "ช่วงนี้พวกวิญญาณที่โลกมนุษย์เหมือนจะเยอะขึ้นไปสร้างเรื่องรบกวนพวกมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่จึงได้เต็มโต๊ะเช่นนั้นแต่เจ้าก็ไปฝึกเอาเองได้เดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าสักครู่"เทียนต้องการวินบอกกล่าวกับลูกศิษย์ก่อนที่จะโบกมือขึ้นเหนือศีรษะภาพรอบนอกจากตำหนักของเทียนจวินก็เปลี่ยนกลายเป็นภาพทิวทัศน์ขาวสว่างเหมือนยืนอยู่กลางอากาศท่ามกลางความว่างเปล่า

    "เอาล่ะจับตาดูให้ดี"เทียนจวินกล่าวจบก็เริ่มตั้งท่าร่ายเวทบทใหม่สอนแก่ศิษย์เอกอยู่ 3-4 ครั้งจึงหยุดการสอน

    "เช่นนั้นข้าไปก่อน อีกไม่นานเจ้าก็จะฝึกจนหมดวิชาที่ข้าจะสอนแล้วตอนข้าฝึกใช้เวลาเป็น 1,000 ปีแต่เจ้าสามารถเรียนในระยะเวลาเพียงแค่ 800 กว่าปีสมกับที่เกิดแบบคนมีบุญวาสนามากที่สุด"เทียนจวินเองก็ไม่ลืมที่ตัวเองจะพูดชมศิษย์ตนเองอย่างภาคภูมิใจก่อนจะตบไปที่บ่า 2-3 ทีแล้วก็ถอยห่างไปสักหน่อยแล้วหายแวบไป

    ส่วนเทียนหลงก็ตั้งท่าตั้งหน้าฝึกวิชาที่พึ่งเรียนมาหมาดๆอย่างตั้งใจ

     

     

    ส่วนทางด้านของเทียนจวินที่พึงออกมาจากภพที่ตนเองสร้างขึ้นก็เดินไปนั่งนึกคิดบางอย่างอยู่ที่บัลลังก์นึกคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็สงสัยในสิ่งที่ตนเองเห็นจนในที่สุดก็เดินลงจากบัลลังก์แล้วเดินออกจากตำหนักตนเอง

    "พวกเจ้าไม่ต้องตามข้าไป"เทียนจวินสั่งบอกทหารที่จะติดตามไปด้วยเอาไว้ก่อนจะเปลี่ยนรูปโฉมของตนเองเป็นเซียนธรรมดาคนหนึ่งแล้วออกเดินทางไปยังตำหนักของเทพเจ้าด้ายแดง

    "เซียนเช่นเจ้าเข้ามาในตำหนักข้าได้อย่างไร!"เทียนจวินเดินเข้าตำหนักได้อย่างสบายๆเทพแห่งด้ายแดงจึงได้โผล่มาตรงหน้าทันทีพร้อมกับถามเสียงดังต้องการข่มขวัญผู้บุกรุก

    "ข้าเอง"เทียนจวินบอกพร้อมกับแปลงกายกลับไปเป็นเทียนจวินเช่นเดิม

    "เทียนจวิน ข้าขออภัยที่ล่วงเกินท่าน"เทพด้ายแดงเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดที่บุกรุกเข้าตำหนักก็รีบผายมือเชิญเข้าตำหนักตน ทั้งคู่จึงได้เดินเข้าตำหนักกัน

    "เทียนจวินมาหาข้าทำไมหรือ"เทพด้ายแดงถามถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนในครั้งนี้

    "ข้าแค่...เห็นว่าบรรยากาศรอบตัวของเทียนหลงมีออร่าสีชมพู"เทียนจวินพูดด้วยความสงสัย

    "เรื่องนั้นข้าบอกไม่ได้เทียนจวินเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับตัวท่านข้าบอกไม่ได้เอาเป็นว่าท่านคิดถูกแล้ว"เทพด้ายแดงบอกกล่าวกับเทียนจวินอย่างลำบากใจ

    "เช่นนั้นใคร"เทียนจวินถามต่อถึงคนที่ทำให้เทียนหลงมีบรรยากาศแห่งความรักได้

    "คนผู้นั้น...หลีเฟยหง"เทพด้ายแดงบอกอย่างง่ายดายเพราะมันเกี่ยวเนื่องกับโชคชะตาในอนาคต

    "เป็นเช่นนี้"เทียนจวินพูดเข้าใจทันที

    "เช่นนั้นข้าไปก่อน"เทียนจวินว่าแบบนั้นแล้วก็หายวับไปทันที

    "เฮ้อออ สวรรค์คงใกล้จะได้วุ่นวายเสียแล้ว"เทพด้ายแดงกล่าวขึ้นเมื่อเทียนจวินจากไปอยู่คนเดียว ย่อมมีแค่ผู้พูดถึงจะเข้าใจความหมายในประโยคที่ตนเองพูดเท่านั้น

     

     

     

    ทางด้านของเฟยหงที่กำลังฝึกวิชาอยู่กับมารดาอย่างขยันขันแข็งแต่ก็ยังคงอยู่ในบทเรียนของการใช้เวทเคลื่อนย้ายอยู่เพราะเฟยหงก็ยังจับมารดาไม่ได้เมื่อวานนี้ ในวันนี้ก็ยังคงต้องฝึกอยู่ผู้เดียวอยู่และเมื่อหมดเวลาก็ต้องไล่จับมารดาเหมือนอย่างเมื่อวานนี้ 

    แต่วันนี้เฟยหงกลับทำมันได้อย่างดีกว่าเมื่อวานในเรื่องของการใช้เวทย้ายตนเองไปยังที่หมายที่ตั้งใจไว้ได้แม่นยำยิ่งขึ้นกว่ามาก แต่ก็ยังคงไล่ตามเฟยฟ่งไม่ทันอยู่ดี จนได้หอบเหนื่อยกับพื้นเช่นเดิม

    "ท่านแม่ไม่คิดจะอ่อนข้อให้ลูกบ้างหรือ"เฟยหงออกปากถามมารดาอย่างเหนื่อยล้า

    "เช่นนั้นเจ้าจะเก่งหรือ"เฟยฟ่งตอบกลับ เฟยหงได้ยินก็เหนื่อยกว่าเดิม

    "ข้าไม่อยากเก่งแล้วท่านแม่"เฟยหงบอกทันทีไม่คิด

    "ไม่ได้สิ เจ้าเป็นถึงลูกหงส์หัวหน้าเผ่าพันธ์จะอ่อนแอได้อย่างไร เจ้าคือว่าที่ผู้นำ"เฟยฟ่งบอกลูกเสียงแข็ง

    "ท่านแม่~~~"เฟยหงพูดเสียงอ้อนพร้อมกับดึงชายเสื้อมารดา

    "เอาเถอะ ข้าทำอาหารไว้ให้ เจ้าก็ไปกินเสียเถอะ"เฟยฟ่งเลิกทำเสียงดุแล้วเอ่ยไล่แทน

    "ข้ารักท่านที่สุด!!"ส่วนคนที่ชอบอาหารโลกมนุษย์ก็รีบลุกขึ้นแล้วกอดมารดาพูดเสียงดังฟังชัดก่อนจะวิ่งหายเข้าเรือนไป

     

     

     

    ยามเซิน (15.00 – 16.59 น.)

    เฟยหงกินข้าวเสร็จก็แวะไปหาสหายทั้ง 4 คนอยู่คุยเล่นด้วยกันจนยามเซินถึงได้ขอตัวกลับ แต่เฟยหงไม่ได้กลับบ้าน ใช้เวทเคลื่อนย้ายพาตัวเองไปที่หน้าผาแล้วแปลงกายเป็นหงส์เพลิงบินร่อนขึ้นฟ้าไป

    เฟยหงบินมาลงที่ภูเขาลูกนั้นที่เทียนหลงอยู่ วิ่งเข้าไปใกล้เรือนหรูจึงเห็นว่าเทียนหลงกำลังรำกระบี่อยู่

    "เทียนหลง เจ้าสอนข้ารำบ้าง"เฟยหงเห็นว่าน่าสนใจจึงเอ่ยขอเทียนหลง

    "ข้ากำลังฝึกกระบี่ไม่ใช่รำ"เทียนหลงหยุดแกว่งดาบถือให้ขนานกับตัวแล้วบอกเด็กซนอย่างเฟยหง

    "สอนข้าบ้าง!"เฟยหงพูดขออีกครั้ง

    "เจ้าไม่มีกระบี่"เทียนหลงก็บอกอีกครั้ง เฟยหงจึงได้เงียบใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง

    "เช่นนั้นยืมของเจ้าก่อนไม่ได้หรือ"เฟยหงขอร้องอีกครั้งน้ำเสียงอ่อนโยนและแฝงความออดอ้อน

    "กระบี่มีจิตวิญญาณมันอาจจะไม่อยากให้เจ้าใช้งานมัน"เทียนหลงตอบไปตามความจริงที่ได้เรียนมาและกระบี่ของตนเองก็มีนิสัยเหมือนกันตรงที่ไม่ชอบให้ผู้อื่นมาใช้ของร่วมกัน

    "เช่นนั้นข้าขอลองก่อนนะๆน้า~"เฟยหงก็ไม่ยอมแพ้ร้องขอใหม่ เทียนหลงจึงได้ยอมยื่นด้ามกระบี่ไปให้เฟยหงได้ลองดู ส่วนคนได้ก็ยิ้มหวานรีบยื่นมือไปจับกระบี่ แต่กระบี่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "เช่นนี้หมายความว่าข้าสามารถใช้มันได้แล้วใช่ไหม"เฟยหงเห็นว่ามันไม่เกิดอะไรขึ้นจึงได้หันไปถามเจ้าของกระบี่ก็ได้รับการพยักหน้ากลับมา

    "เห๋~ ’เค้าว่ากันว่ากระบี่กับเจ้าของสื่อจิตถึงกัน‘ แล้วอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็อยากสอนข้าใช่หรือไม่กระบี่ที่หวงตัวถึงได้ยอม"เฟยหงถาม

    "เหลวไหล ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูดจาเหลวไหลข้าจะเอากระบี่คืน"เทียนหลงพูดตัดพร้อมท่าทางที่ขรึมขึ้น เฟยหงจึงได้เลิกหยอกอีกคนเล่นแล้วยืนตรงรอให้เทียนหลงสอน

    "เช่นนั้นข้าขอรบกวนด้วย"เฟยหงพูดพร้อมกับประสานมือทั้งสองข้างไว้ข้างหน้าปลายกระบี่ชี้ลงพื้นพูดจบประโยคก็โค้งคำนับดั่งชาวยุทธที่โลกมนุษย์

    "ถ้าเจ้าไม่ตั้งใจเรียนและมัวแต่เล่นข้าจะไม่สอนเด็ดขาด"เทียนหลงว่ากล่าวตักเตือนก่อนที่จะเริ่มสอนเมื่อเฟยหงพยักหน้ายอมรับ

    เทียนหลงจึงได้เริ่มสอนกระบี่อย่างจริงจังให้เฟยหงตั้งแต่ท่าแรกจนถึงท่าที่สองอย่างตั้งใจ โดยการทำให้เฟยหงดูก่อนพร้อมอธิบายถึงท่าแต่ละท่าว่าสามารถสร้างความเสียหายได้ในระดับไหนและระดับความยากรวมถึงการใช้ปราณว่าปริมาณมากเท่าไหร่ ถ้าเฟยหงทำท่าได้ไม่ดีเทียนหลงก็จะจัดท่าทางให้ใหม่อย่างไม่ถือตัวจนในยามโหย่ว[1]จึงได้เลิกสอนเพราะพระอาทิตย์เองก็เริ่มจะหายลับไปจากภูเขาลูกนี้เสียแล้ว

    "ขอบคุณท่านซือจุนที่เสียแรงสอนข้า"เฟยหงพูดพร้อมกับทำท่าอย่างจอมยุทธอีกครั้ง

    "ใครซือจุนเจ้า"แต่เทียนหลงดูจะไม่อยากรับเสียเท่าไหร่ เฟยหงก็ถือเสียว่าได้แกล้งอีกคนแล้วมอบกระบี่คืนสู่เจ้าของ

    "พรุ่งนี้จะมาอีกหรือไม่"เทียนหลงเอ่ยถามเฟยหงเมื่อเก็บกระบี่ใส่ฝักของตน

    "เจ้าคิดถึงข้าอย่างนั้นสินะ!"เฟยหงได้ยินคนถามถึงก็ถามอย่างตื่นเต้นดีใจที่เจ้าก้อนน้ำแข็งเคลื่อนที่เริ่มมีมนุษยสัมพันธ์บ้างเสียแล้ว

    "ข้าเพียงถามเพื่อที่จะหนีเจ้า"เทียนหลงก็ยังคงปากร้ายอีกด้วยตอบเฟยหงอย่างทำร้ายจิตใจ

    "ชิ! นอกจากเจ้าจะเป็นก้อนน้ำแข็งแล้วยังปากร้ายอย่างสุนัขเสียด้วย!"เฟยหงเองก็ตอบกลับอย่างเจ็บแสบไม่ยอม

    "เช่นนั้นข้ากลับดีกว่า อยู่กับเจ้าแล้วคงหงุดหงิดเป็นแน่"เฟยหงพูดกระแทกเสียงแล้วเดินไปที่ริมหน้าผาก่อนจะแปลงกายเป็นหงส์เพลิงบินขึ้นฟ้าอย่างสวยงามหายลับฟ้าไป ส่วนเทียนหลงก็เดินกลับเรือนเมื่อส่งอีกคนเรียบร้อย

     

     

     

    เฟยหงบินร่อนลงพื้นแล้วกลายร่างกลับมาเป็นคนวิ่งเข้าหามารดาที่กำลังนั่งเย็บเสื้อสักตัวอยู่ที่แคร่หน้าเรือน

    "ไปเที่ยวเล่นไหนมากันถึงได้กลับเสียมืดค่ำ"เฟยฟ่งถามบุตรเสียงอ่อนหวานตามปกติ

    "ข้าไปฝึกกระบี่มาท่านแม่! เทียนหลงสอนข้ารำกระบี่ล่ะ!"เทฟยหงตอบมารดาอย่างตื่นเต้น

    "หืมม แต่เจ้าไม่มีแม้แต่กระบี่ไม้เสียด้วยซ้ำ แล้วเอากระบี่ที่ไหนฝึก"มารดาได้ยินก็สงสัยจึงถาม

    "ก็กระบี่ของเทียนหลงไงท่านแม่"เฟยหงตอบสบายๆ 

    "แล้วกระบี่ก็ยอมให้เจ้าจับน่ะหรือ"เฟยฟ่งถามอย่างแปลกใจ

    "ใช่ขอรับ"เฟยหงตอบ

    "เจ้ารีบไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน"เฟยฟ่งบอกเฟยหงให้รีบไป เฟยหงก็ลุกขึ้นเดินเข้าเรือนแล้วตรงไปที่ห้องของตนไปหยิบเสื้อผ้าสำหรับคืนนี้แล้วเดินออกจากจากเรือนเลี้ยวเข้าป่าไปที่ลำธารแล้วเปลื้องผ้าอาบน้ำเหมือนอย่างทุกที

    เมื่อเสร็จแล้วก็เดินกลับเรือนเห็นบิดาและมารดากำลังนั่งพูดคุยหยอกล้อกันอย่างหวานชื่นต่อหน้าลูกน้อย(?)จนเฟยหงเองก็อิจฉาจึงได้ยกมือขึ้นตั้งท่าหลับตาเพ่งจิตใช้เวทเคลื่อนย้ายพาตัวเองไปที่ห้องนอนของตนอย่างแม่นยำแล้วโยนกองผ้าที่ถืออยู่ลงตะกร้าอย่างสวยงามแล้วก็ตัดสินใจลองหลับตาตั้งท่าใช้เวทเคลื่อนย้ายพาตัวเองไปโผล่อยู่ที่หน้าเรือนอย่างแม่นยำอีกครั้งแล้วรีบวิ่งพุ่งตรงเข้าไปแทรกกลางบิดาและมารดาแล้วจับมือท่านแม่พูดอย่างตื่นเต้น

    "ท่านแม่! ข้าทำได้แล้ว! เมื่อครู่ข้าใช้เวทเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าห้องนอนของตนเองได้! แล้วข้าก็ลองใช้เวทเคลื่อนย้ายตัวเองกลับมาที่หน้าเรือน!"เฟยหงพูดอย่างดีใจกลับความสำเร็จในครั้งนี้ให้มารดาฟัง

    "เจ้ากล้ามาแทรกกลางข้ากับแม่เจ้าได้อย่างไรกัน แล้วคนอื่นเค้าก็ทำได้กันทั้งนั้นกับระยะทางแค่นี้"บิดาถูกแทรกกลางกับภรรยารักโดยเจ้าลูกผู้เที่ยวเล่นเก่งอย่างน่าหมั่นไส้พร้อมกับว่าความจริงออกไปที่เจ้าลูกดันดีใจกับเรื่องแค่นี้เพราะตัวเองเอาแต่เที่ยวเล่นจึงได้อ่อนกว่าผู้อื่น

    "ท่านพ่อเงียบไปเลยข้าจะพูดกับมารดาที่แสนดีของข้า"เฟยหงก็โต้กลับเช่นกัน

    "เจ้าลูกคนนี้!"เฟยจินว่าลูกชายไว้แค่นั้นแล้วก็เงียบไปยืนฟังสองแม่ลูกคุยกัน

    "ข้าบอกพ่อเจ้าแล้วว่าเจ้าอยากฝึกกระบี่อีก 3 วันเดี๋ยวก็ได้กระบี่แล้ว"มารดาบอกข่าวดีแก่บุตร

    "เจ้าเองก็ลองไปกราบท่านพ่อเจ้าเป็นซือจุนเสียเถอะ ท่านพ่อเจ้าเองก็เก่งที่หนึ่งในเผ่าหงส์ถือว่ามีชื่อเสียงอย่างมาก"เฟยฟ่งบอกกับบุตร เฟยหงได้ยินว่าบิดาเก่งกระบี่ก็หันไปมองที่บิดาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

    "เจ้าไม่อยากเรียนก็ไปขอให้ผู้อื่นสอนเถอะ แต่ไม่มีผู้ใดยอมสอนกระบี่ให้เจ้าได้ง่ายๆหรอก"เฟยจินบอกกล่าวเมื่อเห็นถึงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อของบุตรจึงได้ตอบประชดๆไป

    "ข้าย่อมอยากเรียนกับท่านอยู่แล้วท่านพ่อ แต่ข้าเองก็ฝึกกับท่านแม่ไปครึ่งวันแล้วถ้าจะให้ข้าฝึกกระบี่กับท่านพ่ออีกครึ่งวันก็เย็นพอดีข้าเองก็ต้องได้ออกไปยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายบ้างหลังจากเรียนหนักนะ"เฟยหงพูดแถเอาตัวรอดไม่อยากฝึกเต็มวันโดยไม่ได้ไปเที่ยวเล่นบ้าง

    "เอาเป็นว่าฝึกกระบี่สัก 1 ชั่วยาม[2]ก็แล้วกันดีหรือไม่"มารดาเอ่ยถามความเห็นของบุตรที่ดูจะไม่อยากฝึกเพิ่มลากยาวทั้งวัน

    "ดี!ท่านแม่ เช่นนั้นตอนนี้ก็เริ่มนั่งสมาธิกันเถิด ข้าไม่อยากนอนดึกๆ"เฟยหงบอกให้เริ่มบทลงโทษเสียทีเมื่อตกลงกันได้แล้ว

    ทั้ง 3 คนจึงได้เริ่มนั่งสมาธิร่วมกันแบบครอบครัวเสียทีโดยนั่งไป 1 ชั่วยามเท่านั้นก็เลิกแล้วแยกย้ายกันกลับเรือนเข้าห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะแยกย้ายเฟยฟ่งก็บอกให้พรุ่งนี้สามารถตื่นสายได้เพราะจะเริ่มฝึกช้าหน่อย เฟยหงเองก็เห็นด้วย ถ้าเกิดว่ามารดาไม่บอกเสียก่อนตนเองก็จะอ้อนขอยืดเวลาออกไปอยู่ดี

    เฟยหงเองก็เดินเข้าห้องในยามจื่อ[3]จัดหมอนนิดหน่อยแล้วล้มตัวลงนอนทันที

     

     

     

     

     

     

    เชิงอรรถ

    1. ^ ยามโหย่ว  คือ 17.00 – 18.59 น.
    2. ^ 1 ชั่วยาม  = 2 ชั่วโมง
    3. ^ ยามจื่อ คือ 23.00 – 24.59 น.

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×