คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลำนำที่ 2 แสดงความรู้สึกผิด
ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.)
เช้านี้เฟยหงส์ตื่นมาแต่เช้าตรู่เพื่อรีบแต่งตัวออกจากเรือนไม้ในป่าแต่เช้าจนแม้แต่มารดาก็ยังร้องทัก
"จะไปไหนเฟยหง"เฟยฟ่งร้องถามบุตรที่กำลังรีบทำท่าเดินพรวดพราดออกจากเรือนมา
"ข้าจะไปฝึกกับสหายขอรับ"เฟยหงได้ยินมารดาร้องทักก็รีบเดินปรี่มาตอบแล้วกอดเอวมารดาไว้หลวมๆไว้อย่างออดอ้อน
"เช่นนั้นก็ดีอย่างยิ่ง!"เฟยฟ่งพูดอย่างตื่นเต้น
"ท่านแม่ กำลังล้อเลียนข้าใช่หรือไม่"เฟยฟหงถามมารดาพร้อมกับหรี่ตามองอย่างจับผิด
"ข้าเปล่าเสียหน่อย"มารดาทำท่าเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด
"เชอะ! ข้ารักท่านพ่อก็ได้ ท่านพ่อไปไหนกัน"เฟยหงพูดอย่างแง่งอนแล้วหันมองหาคนตามที่ได้ถามหาไป
"ก็จะไปไหนกันได้นอกจากฝึกอยู่ในป่านั่นเล่า"มารดาตอบคนเป็นลูก
"ท่านพ่อจะฝึกหนักไปไหนกัน ตนเองก็หลายพันปีแล้วแท้ๆ"เฟยหงบ่นปากยื่น
"ผู้ใดจะเหมือนลูกแม่กันที่เที่ยวเล่นทั่วโลกได้น่าสนุกยิ่ง"เฟงฟ่งพูดหยอกลูกขำ
"มารดาเองก็ไม่อยู่ข้างข้าเสียแล้ว!"เฟยหงพูดอย่างแง่งอนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ผละจากกอดแล้วเดินหนีออกไปก่อนจะกลายเป็นหงส์แล้วบินขึ้นฟ้าหายลับไป
"จริงๆเลยเจ้าเด็กคนนี้ ป่านนี้คงจะเจอกับผู้นั้นแล้วสินะแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่พอหรอกลูกรัก"มารดาอย่างเฟยหงพูดพึมพำถึงลูกอยู่ผู้เดียวด้วยสายตาที่เหม่อมองท้องฟ้าที่ลูกพึ่งบินจากไป
ผ่านไปไม่นานเฟยหงก็ในร่างหงส์ก็บินร่อนลงสู่พื้นดินในสถานที่พึ่งมาเมื่อเย็นวานรอบข้างก็ยังคงเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลนและอีกด้านก็เป็นทิวทัศน์ท้องฟ้า มองจากไกลๆก็เห็นชายหนุ่มรูปงามที่กำลังนั่งอ่านตำราด้วยหลังตรงเหยียดแต่กายสุภาพเรียบร้อยด้วยอาภรณ์สีขาวขลิบทอง
เมื่อเฟยหงเห็นเป้าหมายก็รีบออกตัววิ่งไปหาเป้าหมายทันที
มองจากไกลๆเห็นร่างเพรียวในชุดสีแดงสดวิ่งท่ามกลางหิมะและทิวทัศน์ที่สวยงามสีขาวโพลน แน่นอนว่าสีขาวย่อมขับให้ร่างเพรียวใส่ชุดสีแดงโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย
"นี่! ท่านได้ทายาที่ข้าเอามาให้เมื่อวานหรือยัง"เฟยหงไปหยุดอยู่ที่อีกฝั่งของโต๊ะตรงข้างกับบุรุษหนุ่มแล้วถามเสียงสดใส
"เมื่อวานคือเจ้าที่มาเคาะน่ะหรือ"ชายหนุ่มที่ถูกรบกวนสมาธิก็เงยหน้าละจากตำราแล้วถามคนตรงหน้า
"แน่นอนสิ ข้าเองนี่ล่ะที่เป็นผู้เอามาให้น่ะ เจ้าได้ทาแล้วใช่หรือไม่หายดีหรือยัง"เฟยหงถามเสียงกระตือรืนร้น
"ไม่ต้องมาวุ่นวายถือว่าจบไปแล้ว"ชายหนุ่มตอบแล้วก้มหน้าอ่านตำราต่อ
"แต่ว่าข้ารู้สึกผิดนี่นา"เฟยหงพูดแล้วนั่งลงทันที ชายหนุ่มอีกคนก็มองอย่างไม่เข้าใจ
"ข้าไม่มีเพื่อนฝึกเลยนี่นาเลยอยากจะฝึกกับเจ้าด้วยคน"เฟยหงพูดอย่างขอร้อง
แต่สีหน้าของชายหนุ่มอีกคนกลับถามด้วยสีหน้าว่า 'อย่างเจ้าเนี่ยนะจะฝึก'
นั่นช่างเป็นคำถามที่ปักลงกลางอกแล้วแทงลึกเข้าไปจนทะลุสำหรับเฟยหงที่ถูกถามด้วยสีหน้าแบบนั้น
"ข้าจะฝึกจริงๆนะ ข้าอยากได้คนเก่งๆช่วยฝึกเป็นเพื่อนน่ะ ฝึกคนเดียวน่าเบื่อจะตายไปไม่คิดงั้นหรือ"เฟยหงถามพร้อมสีหน้าออดอ้อนอย่างสุดความสามารถ
"ไม่ล่ะ ข้าไม่ต้องการฝึกร่วมกับผู้ใด"ชายหนุ่มปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด
"โธ่ เจ้านี่มนุษยสัมพันธ์ติดลบเช่นนี้คงได้อยู่หลายหมื่นปีอย่างเดียวดายเป็นแน่ เจ้าก็คบข้าไว้สักคนจะเป็นไรไปข้าไม่ทำให้สวรรค์ถล่มเสียหรอก"เฟยหงพูดเถียงอย่างหน่ายใจกับเซียนท่านตรงหน้าที่หน้าตาก็ยังดูเด็กอยู่แท้ๆแต่กลับทำตัวเป็นตาแก่สันโดษเสียอย่างนั้น
"ไม่จำเป็น"คนตอบตอบเสียงเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองเฟยหงสักหางตา
"ปัดโถ่ เจ้านี่มันเย็นชาเสียจริงแล้วบิดามารดาเจ้าไปไหนกันใยจึงไม่เคยเห็นสักครั้ง"เฟยหงว่าแล้วก็ยิงคำถามต่อไม่เกรงใจคนกำลังนั่งศึกษาตำราสักนิด
"ข้าเกิดมาจากไข่ที่ไม่มีมารดาและบิดา"[1]ชายหนุ่มตอบโดยยังไม่เงยหน้าจากตำราเช่นเดิม
"โถ่ ทำไมถึงได้เย็นชาเช่นนี้ เจ้าปล่อยให้อากาศเย็นอย่างเดียวก็พอแล้วใยจึงต้องเย็นชาเหมือนอากาศไปอีกคนกัน"เฟยหงพูดอย่างแง่งอน
อยู่ๆชายหนุ่มรูปงามก็วางตำราลงที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนเดินจากไป
"เดี๋ยวสิ! อย่างน้อยก็น่าจะบอกกล่าวชื่อแซ่เสียหน่อยไม่ใช่หรือ"เฟยหงร้องตะโกนบอกชายอีกคนหนึ่งที่เดินหันหลังจากไปที่เรือนหลังหรูของตน
"ไม่จำเป็น"คนถูกถามหยุดเดินแล้วตอบกลับมาโดยไม่หันมาแล้วเดินต่อไป
"คนผู้นี้ใยจึงได้เย็นชาเช่นนี้นะ แม้แต่ชื่อแซ่ก็ไม่บอกกล่าวสักคำ!"เฟยหงบ่นด่าด้วยสีหน้าหงุดหงิดเมื่อคุณหนูถูกขัดใจแล้วยื่นมือไปหยิบตำราที่ชายหนุ่มพึ่งวางมาอ่านแทนเปิดๆไปหลายหน้าก็ต้องตาโต
"นี่มันขุมทรัพย์ไม่ใช่หรือนี่!! ก้อนน้ำแข็งนั่นไปเอามาจากไหนกันถ้าหลุดไปโลกมนุษย์ละก็คงมีเซียนที่ได้ขึ้นสวรรค์เพิ่มขึ้นหลายเท่าเลยเชียว"เฟยหงพูดอย่างตื่นตะลึงกลับตำราตรงหน้าที่เป็นการบำเพ็ญเซียนที่ล้ำค่าอย่างมากและนั่งนึกถึงเหตุผลที่ชายหนุ่มเจ้าของไปเอามาจากไหนโดยการตั้งสรรพนามใหม่เป็น ตาแก่
"ช่างเถิด ข้าเองก็ควรจะลักขโมยสักเล็กน้อยไม่ได้คัดลอกคงไม่เป็นอันใดหรอก"เฟยหงพูดเองเออเองอยู่ผู้เดียวแล้วเริ่มวาดมือฝึกเซียนตามในตำราอย่างตั้งใจ
ยามเซิน (15.00 – 16.59 น.)
เฟยหงยังคงฝึกอยู่หลายชั่วยามก่อนที่จะพักผ่อนวางตำราไว้ที่เดิมแล้วหันมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเจ้าของเรือนเสียทีไปก็ไม่บอกกล่าวว่าไปไหน เฟยหงเริ่มมีอาการหงุดหงิด
"เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ"อยู่ๆข้างหลังของเฟยหงก็มีเสียงถามเย็นวาบอย่างกับทะเลสาบหรือแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งดังขึ้นอยู่ด้านหลัง ส่วนเฟยหงก็ตกใจลุกพรวดพราดหันหลังไปมองก็ตกใจและโล่งใจที่เจอชายหนุ่มเจ้าของเรือน
"ข้าก็นึกว่าผู้ใดเจ้านี่เองข้าตกอกตกใจเสียหมด"เฟยหงพูดขึ้นอย่างโล่งใจ แต่อีกฝ่ายกลับใช้สายตาสอดส่องตั้งแต่ใบหน้าน่ารักและสวยๆหยิ่งๆตามแบบกำเนิดเผ่าหงส์ก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนสายตาลงต่ำลงมาเรื่อยๆรูปร่างส่วนสูงที่เพรียวบางเกินกว่าจะเป็นบุรุษ หน้าอกแบนราบที่เหมือนบุรุษก่อนที่ชายหนุ่มจะเลิกมองแล้วเดินหนีไปทางเรือนหลังใหญ่หรูหราของตน
"เดี๋ยวสิ! เจ้ามองข้าเช่นนี้หมายความว่าเช่นไรกัน เจ้าดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ!!"แน่นอนว่าเฟยหงรู้สึกเหมือนโดนดูถูกเหยียดหยามจึงรีบวิ่งไปดักหน้าชายหนุ่มแล้วถามเสียงดังอย่างหาเรื่องถึงแม้ว่าตนจะตัวเตี้ยและผอมบางกว่าก็ตาม
"อากาศหนาวเย็นเช่นนี้เจ้ากลับเอาแต่เดินด้วยเสื้อผ้าอันเบาบางเช่นนั้น เจ้าควรจะรักษาเนื้อรักษาตัวเสียหน่อยถึงแม้จะเป็นบุรุษก็ตาม"ชายหนุ่มว่ากล่าวตักเตือนเสียงราบเรียบไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆแล้วเดินเบี่ยงหลบไปอีกทางแต่ก็ถูกเฟยหงเดินมาดักอีกเช่นเดิมจึงมองหน้าเฟยหงด้วยสายตาเริ่มไม่พอใจ
"ข้าขอบใจในความเป็นห่วงของเจ้าแต่ข้ามีชาติกำเนิดเป็นหงส์เพลิงเพราะงั้นข้าอยู่ได้สบายๆ และข้ารอเจ้าตั้งแต่เช้ายันตะวันเลยหัวเจ้าไม่คิดจะบอกชื่อแซ่เจ้าแก่ข้าบ้างหรือ"เฟยหงบอกขอบคุณและทวงถามชื่ออย่างไม่ลดละ
"ไม่น่าเจ้าถึงได้หน้าตางดงาม"อยู่ๆชายหนุ่มอีกคนก็พูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งตัวและตั้งใจจนทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากันตาปริบๆและไร้เสียงท่าทางนิ่งค้างไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มรูปงามจะรีบเดินหนีไปอีกทางเฟยหงก็หันหลังไปมองชายหนุ่มรูปงามที่แอบตั้งฉายาให้ว่าตาแก่อย่างไม่เข้าใจและทำตัวไม่ถูก
ชายหนุ่มเดินจนเกือบถึงเรือนของตนก็หยุดเดินกะทันหันแล้วพูดออกมา 3 คำ
"หวัง เทียนหลง"
เมื่อบอกกล่าวชื่อแซ่ตนเองเสร็จก็เดินเข้าเรือนไปปิดประตูเงียบ
"สุดท้ายก็แพ้ให้กับใบหน้าอันงดงามของข้าจนได้"เฟยหงพูดพร้อมกอดอกอย่างภาคภูมิใจแล้วก็แปลงกายเป็นหงส์บินหายไป
ว่าด้วยเรื่องของการเกิดเหล่าเซียนแดนสวรรค์เพิ่มเติมนะคะ (*เราก็ไม่แน่ใจว่าในจีนโบราณต้นฉบับออริจินอลมีรึเปล่าแต่เราเติมเองค่ะ*)
1.เกิดมาจากไข่โดยไม่มีผู้ให้กำเนิด คือ คนที่มีบุญสูงชาติก่อนอาจจะเคยเป็นเทพแล้วมาจุติใหม่ หรืออาจจะทำบุญสูงมากๆ เมื่อตอนเคยเป็นมนุษย์เมื่อตายกลายเป็นวิญญาณก็กลายร่างเป็นไข่ของสัตว์เทพต่างๆ
2.เกิดมาจากไข่โดยมีผู้ให้กำเนิด คือ คนที่มีบุญเหมือนกันแต่ไม่มากเท่าคนที่กำเนิดโดยไม่มีผู้ให้กำเนิด ได้เกิดจากสัตว์เทพทั้งหลายหรืออาจจะเกิดจากเทพกับเทพหรือเทพกับมนุษย์
หรือเซียนบางคนก็มาจากมนุษย์ได้จากการบำเพ็ญเพียรได้เช่นกัน
เชิงอรรถ
1.^ เกิดมาจากไข่โดยไม่มีผู้ให้กำเนิด คือ คนที่มีบุญสูงชาติก่อนอาจจะเคยเป็นเทพแล้วมาจุติใหม่ หรืออาจจะทำบุญสูงมากๆเมื่อตอนเคยเป็นมนุษย์เมื่อตายกลายเป็นวิญญาณก็กลายร่างเป็นไข่ของสัตว์เทพต่างๆ
สปอย
ในส่วนที่มีการเน้นตัวหนาคือชื่อหรือคำศัพท์จีนโบราณและอีกอย่างก็คือปมเนื้อเรื่องค่ะ อารมณ์เหมือนสปอยเนื้อเรื่องบางส่วนที่มันคลุมเครือ
ความคิดเห็น