คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ฟื้นมาก็เจอแต่เรื่องแปลกๆ
warning :
อย่าคาดหวังเลยนะคะ ถึงเราจะรีเสริชมาแล้วแต่เนื้อเรื่องที่เราเขียนจำเป็นต้องตัดความเป็นจริงบางอย่างของเด็กเรียนหมอไป
โปรดอย่าดราม่าค่ะ
ไนท์ถูกย้ายตัวมาอีกโรงพยาบาลของเพื่อนตัวเองในห้องวีไอพีอย่างดี สองแฝดก็ได้จ้างพยาบาลมาเฝ้าโดยเฉพาะโดยที่ทั้งสองคนก็ไปเรียนจดเลคเชอร์ไว้ให้เพื่อนที่นอนอยู่โรงพยาบาลได้ตามทันด้วยหลังจากหายดีจนกลับมาเรียนได้แล้ว สองแฝดมักมาเยี่ยมไนท์หลังเลิกเรียนทุกวัน
22:11 น.
ไนท์นอนไม่ได้สติถึงสามถึงฟื้นในที่สุด
"อืออ น้ำ หิวน้ำ"ไนท์ตื่นขึ้นมาก็ถามหาน้ำด้วยน้ำเสียงแหบเสียงแห้งดวงตาที่หลับถึงสามวันก็หลับตาปี๋เพราะต้องปรับรับแสงสว่างหลังจากที่ไม่ได้เปิดรับแสงสว่างมานาน
"นี่น้ำมึง"พะแพงรีบเทน้ำจากเหยือกใส่แก้วส่วนพะเพื่อนก็กดปุ่มปรับเบาะให้เพื่อนตัวเองดื่มน้ำได้ถนัด พะแพงเอาแก้วไปจ่อใต้คางไนท์แล้วยื่นหลอดไปจ่อปากไนท์เนื่องจากบาดเจ็บภายในหลายส่วนและแขนขาเข้าเฝือกจึงดูดน้ำผ่านหลอด
"เป็นไงบ้างมึง"พะแพงเห็นว่าไนท์ดูดน้ำจนหมดแก้วก็ถามเพื่อนพร้อมกับเอาแก้วไปวาง
"เจ็บชิบหายเลยเพื่อน"ผมตอบตามความจริงพอเริ่มได้สติก็ลืมตามาเห็นสภาพตัวเองก็แทบจะร้องไห้
"ไม่ร้องมึง อาจารย์เค้าเข้าใจพวกกูเลคเชอร์ไว้ให้แล้วถ่ายภาพประกอบมาให้ด้วยแต่กูไม่รู้นะว่าอันไหนเป็นอันไหนเป็นอันไหน"พะเพื่อนพูดปลอบใจไนท์ด้วยที่เข้าใจว่าอาการบาดเจ็บหนักขนาดนี้หลายเดือนถึงจะหาย แต่การเรียนเองก็ไม่รอให้ไนท์หายก่อนเช่นกันจึงได้มีสีหน้าจะร้องไห้
"มึงดูสภาพกูดิไม่ให้ร้องไห้ได้ไงวะ กูเหนื่อย"ผมพูดตามความรู้สึกที่ออกมาจากใจ
"มึงก็พักผ่อนให้หายดีก่อนเถอะ อย่างน้อยก็ถอดเฝือกที่แขนก่อนค่อยเริ่มอ่าน"พะแพงบอกเพื่อนอย่างเห็นใจ
"แล้วที่งานพิเสษกูล่ะ"ผมนึกขึ้นได้อีกอ่างก็หันไปถามเพื่อน
"เรียบร้อยและ"พะเพื่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม ผมก็หายห่วง
"เชี่ย! แล้วค่ารักษาแล้วก็พักฟื้นล่ะ!"และผมก็นึกถึงสิ่งสำคัญอีกอย่างนึงได้ก็ถามเพื่อนอย่างลนลานร้อนใจ ชีวิตที่แสนจะบัดซบของผม
"พวกกูจ่ายให้แล้ว พ่อกูเองก็เข้าใจถือซะว่าทำบุญนั่นแหละ"พะแพงตอบไนท์
"แต่มันแพงมากเลยนี่ กูเรียนหมอนะเว้ยทำไมจะตีราคาคร่าวๆไม่ได้"ผมเถียงอย่างไม่ยอมให้เพื่อนถูกผมเอาเปรียบ
"พ่อกูอยากได้มึงมาทำงานด้วยกันด้วยแหละ"พะเพื่อนเฉลยในที่สุด
"โธ่ เจอหน้าพ่อมึงกูต้องกราบและ"ผมพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อทั้งหยอกเล่นและคิดจริง
"เอาจริงพ่อกูก็ชอบบริจาคเงินรักษาคนป่วยที่ไม่มีเงินด้วยแหละเค้าเป็นแผลในใจที่ไม่สามารถรักษาแม่เอาไว้ได้"พะแพงอธิบายถึงเหตุผลของพ่อตัวเอง
"อย่างนี้นี่เอง น่าเศร้าเนอะ"ผมได้ฟังก็เริ่มเข้าใจและพูดอย่างเข้าใจในเรื่องราว
"ว่าแต่เด็กที่แต่งตัวเหมือนกุมารทองนั่นลูกหลานใครวะ ทาตัวทองเชียว"ผมถามเพื่อนเมื่อเห็นเด็กน้อยที่แต่งตัวเหมือนกุมารทองและทาตัวสีทองทั้งตัวยืนอยู่ตรงกำแพงห้องปลายเตียง สองแฝดต่างก็มองหน้ากันงงๆแล้วหันไปมองรอบๆห้องอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าพวกมันมองอะไร
"มึงหมายถึงเด็กที่ไหนวะ มีกูกับน้องแค่ 2 คนแล้วก็มึงเป็น 3 ไม่ได้มีเด็กที่ไหนเลยเหอะ"พะเพื่อนที่มองไปรอบๆห้องแล้วไม่เห็นอย่างที่เพื่อนว่า
"เชี่ย! ไม่จริงเหอะพวกมึงหลอกกูชัดๆ"ผมได้ยินเพื่อนตอบก็นึกไปถึงแต่ผีสางตกใจถามเพื่อนอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าผมคิดถูกหรือคิดผิด
"มึงบ้าปะเนี่ยตื่นมาแล้วพูดอะไรของมึง"พะแพงถามไนท์มองท่าทางอาการของไนท์อย่างไม่เข้าใจ
"เด็กแต่งเป็นกุมารอยู่ตรงนั้นอ่ะ ยิ้มให้กูด้วย!"ผมบอกพร้อมกับชี้ให้ดูจุด แต่อยู่ๆเด็กกุมารทองก็ยิ้มให้กับผมถึงแม้จะยิ้มแบบเด็กๆก็ตามที แต่ถ้าเพื่อนมองไม่เห็นแบบนี้มันดูจะไม่ปกติแล้ว
"มึงนอนก่อนเถอะเพื่อน"พะแพงกดปุ่มปรับเตียงให้นอนลงแล้วบอกให้ไนท์หลับตานอนพักผ่อนซะ
"หรือว่ากูจะเห็นผีเพราะอุบัติเหตุ"ผมก็ไม่ยอมนอนแล้วเริ่มคิดหาสาเหตุ
"ก็ไม่รู้ดิ หมอเล่าว่ามึงมีภาวะหัวใจหยุดเต้นไปตั้ง 1 นาที"พะแพงนึกดูแล้วก็พอจะมีเหตุผลอยู่บ้างที่เพื่อนเห็นผี
"เหมือนแฮรี่ พอตเตอร์งี้ป่ะผ่านความตายมาแล้วก็เลยมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น"พะเพื่อนพูดเมื่อนึกถึงหนังเรื่องดังขึ้นมาได้
"ก็เหมือนอยู่นะมึง"พะแพงคิดตามแล้วก็น่าเห็นด้วย
"แต่มึงลองนอนดูก่อนแล้วค่อยตื่นมากินข้าวพรุ่งนี้เช้า"พะเพื่อนบอกไนท์ให้นอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตรงหน้าอกให้ไนท์
"เออๆ"ผมก็ยอมตอบรับส่งๆไปจบๆ
"ไปกันเหอะ"พะเพื่อนเห็นว่าเพื่อนเริ่มจะหลับก็หันไปบอกน้องพากันกลับไปนอน
ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบยกเว้นก็แต่ เด็กน้อยกุมารที่ไนท์เห็นในห้องเปลี่ยนมายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงแล้วค่อยๆปีนขึ้นเตียงมองสำรวจไนท์อย่างละเอียดก่อนจะหายวับไปในอากาศ
"เด็กกุมารใครวะ ไอ้เหี้ยกูไม่เคยเลี้ยงสักหน่อยยิ่งเพื่อนกูเปิดโรงบาลจะมาเลี้ยงกุมารเป็นไปไม่ได้"ผมที่กลั้นใจหลับขณะที่เด็กกุมารตัวนั้นทำอะไรก็ไม่รู้ จนผมลืมตาพูดอย่างโล่งอกที่กุมารตัวน้อยหายไปในที่สุด แล้วก็มานอนพูดตั้งข้อสงสัยกับตัวเองต่อ
"สรุปกุมารใครวะ วันๆกูเรียนกับทำงานไปมีเรื่องกับหมอผีคนใหญ่คนโตที่ไหนอีก"ผมนั่งคิดหนักจนปวดหัวจึงได้เลิกคิดแล้วนอนซะ
6:12 น.
ผมตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน แต่ตื่นมาก็ได้รับรอยยิ้มของพยาบาลสาวแสนสวยแต่ก็ยังเห็นกุมารเด็กยืนอยู่ห่างออกไปจากปลายเตียงเหมือนเดิม แต่ผมก็ทำเป็นไม่เห็นแล้วส่งยิ้มหวานให้พี่พยาบาลแทน พี่พยาบาลก็ยิ้มหวานให้ผมเช่นกัน
"ดูเหมือนว่าจะเห็นด้วยสินะคะปกติน้อยมากที่คนจะเห็น"พี่พยาบาลพูดทักผมแปลกๆ แต่ผมก็มีมารยาทดีไม่หุบยิ้มถึงแม้ใจในจะเอะใจและสงสัยก็ตาม
"พี่พูดอะไรครับ"ผมตัดสินใจใจกล้าถามออกไปตามตรง ถ้าผีก็ผีช่างแม่งแล้ว!
"555555 พี่เป็นผีแหละ5555555"พี่พยาบาลเฉลยผมในที่สุด! แต่ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อ คนเราไม่ควรเชื่อใครง่ายๆสิ
"พี่พูดหยอกผมหรอครับ5555555"ผมพูดแล้วก็แกล้งขำถึงแม้ว่ามันจะแห้งมากก็ตาม
พี่พยาบาลไม่ตอบอะไรยังคงยิ้มให้ผมก่อนที่ร่างกายของพี่พยาบาลจะค่อยๆส่งกลิ่นเหม็นเน่า ร่างกายเริ่มบวมอืดทีละน้อยเท่านั้นและทุกคนก็ต้องตะโกนพร้อมกันว่า
"ไอ้เหี้ยยย! มาหลอกกูทำม้ายยยย!"ผมตะโกนด้วยเสียงสุดเสียงพร้อมกับหลับตาปี๋ถ้าแขนขาผมไม่เข้าเฝือกก็คงวิ่งหนีออกจากห้องไปและ
"หึ หึ หึ"หลอกผมได้พี่แกก็หึๆใส่ผมแล้วเงียบไป ผมก็ไม่ยอมลืมตาจนกว่าพี่พยาบาลตัวจริงจะมา
"มีอะไรคะคนไข้เกิดอะไรข้น!"ในที่สุดพี่พยาบาลก็เปิดประตูแล้วถามผมเสียงดัง ผมลืมตาแล้วฟ้องพี่พยาบาลทันที
"ผีพี่ ผมเห็นผีพยาบาล"
"ใจเย็นๆนะคะคนไข้ ไม่มีพยาบาลคนอื่นนอกจากพี่เลยนะคะ"พี่พยาบาลบอกไนท์ที่ท่าทางตื่นกลัวให้ใจเย็นๆ
"ผีอ่ะพี๊!"ผมบอกพี่พยาบาลเสียงหลง ใจจริงอยากจะกรี้ดด้วยซ้ำเหอะ แต่เกรงใจหูคนแถวนี้
"คนไข้ใจเย็นก่อนนะ พี่พยาบาลคนนั้นแค่อยากแกล้งเล่นเป็นประจำนั่นแหละค่ะ อย่าถือสาแกเลยนะคะ"พยาบาลบอกไนท์อย่างใจเย็นแต่ก็เลือดเย็นสำหรับไนท์มากเช่นกัน
"แกล้งเล่นแบบนี้ผมก็โดนด่าดิ เกิดผมหัวใจวายขึ้นมาทำไง"ผมโวยวายกับพี่พยาบาลแต่ก็หวังว่าผีพยาบาลคนนั้นจะได้ยินที่ผมด่าเหมือนกัน
"เอาเป็นว่าใจเย็นขึ้นแล้วก็นอนสักครู่นะคะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกหมอมาตรวจดูเราสักหน่อย"พยาบาลบอกไนท์แล้วเดินออกจากห้องไป
ผมนอนอยู่อย่างใจที่ไม่สงบจะสวดมนต์ก็กลัวจะมาเยอะกว่าเดิม แต่จะให้รอพี่พยาบาลก็ไม่รู้จะมาพร้อมหมออีกนานไหม แถมในห้องก็ยังมีกุมารตัวเดิมอีกยืนอยู่ที่เดิมจ้องผมไม่หยุด หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะกุมารตัวนี้ทำให้ผมเห็นผีก็ได้นี่นา อยู่ดีๆผมก็ฉุกคิดขึ้นได้
คิดได้ไม่ทันไรหมอก็เข้ามาตรวจเสร็จเรียบร้อยก็ออกไป ผมเองก็เริ่มลืมตาไม่ไหวเพราะยาที่ต้องกินรักษาอาการก็เริ่มรู้สึกง่วงเลยตัดสินใจนอนดีกว่าไม่อยากฟุ้งซ่านกับเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้
ตลอดการรักษาเพื่อนของไนท์ก็มาเยี่ยมทุกค่ำหลังเลิกเรียนเสมอ นั่งพูดคุยต่างๆนาๆเกี่ยวกับที่เรียนและรับรู้ถึงงานที่รออยู่แต่มันก็ไม่เยอะเท่าเนื้อหาที่ต้องเรียนหรอก ชีวิตดำเนินแบบนั้นตลอด 3 วันการรักษาตัวก็เสร็จสิ้นได้กลับบ้านในที่สุด
15:39 น.
พะเพื่อนและพะแพงฝากให้พยาบาลช่วยไปส่งไนท์เนื่องจากไม่สามารถลาเรียนไปส่งไนท์ได้ บุรุษพยาบาลทั้งสองคนก็ช่วยพยุงไนท์นั่งรถเข็นแล้วเข็นออกจากห้องพักไปขึ้นลิฟต์แล้วต่อด้วยขึ้นรถแท็กซี่ทั้ง 3 คนนั่งไปส่งไนท์ถึงหอพักแน่นอนว่ามันต้องผ่านป่าที่ไนท์ได้เกิดอุบัติเหตุไปเมื่อวันก่อนตลอดจนถึงห้องพัก ยังดีที่มีลิฟต์บุรุษพยาบาลทั้งสองคนจึงได้ไม่ต้องแบกไนท์ขึ้นบันไดถึง 2 ชั้นอย่างยากลำบาก
"ขอบคุณมากนะครับ"ผมขอบคุณพี่บุรุษพยาบาลทั้งสองที่เข็นรถเข็นมาส่งถึงในห้อง
พี่บุรุษพยาบาลทั้ง 2 ยิ้มให้เป็นคำตอบแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อยคราวนี้ไนท์ก็ได้อยู่คนเดียวทั้งห้อง..ไม่สิ มีอีกตนหนึ่งอย่างกุมารตัวสีทองอีกตัวที่อยู่เป็นเพื่อนตลอดการเดินทางออกจากโรงพยาบาลจนถึงถึงหอพัก
ผมเห็นผีเดินผ่านไปมาเต็มไปหมดตั้งแต่ออกจากห้องพักวีไอพีจนขึ้นแท็กซี่ผ่านสถานที่ต่างๆมากมายก็เห็นมาตลอดทาง แต่ก็มีเพื่อนร่วมทางอีกตนที่ทำให้ผมรำคาญจนลืมกลัวผีได้เหมือนกัน เพราะเด็กกุมารทองนั่นเอาแต่ตื่นเต้นดี๊ด๊าไปหมดจนผมรำคาญลูกกระตา อาจจะเพราะกุมารทองมีนายเลยไม่มีอิสระ แต่นี่เจ้านายของเด็กนี่เป็นใครส่งมาเฝ้าผมก็ไม่รู้ แถมมาเฝ้าทำไมก็ไม่รู้อีกจะถามก็กระไรอยู่ กลัวผีตัวอื่นแถวนี้จะรู้แล้วเข้าหาผมอีก แต่ดีที่เข้าหอพักมายังไม่เห็นผีสักตัว และเด็กกุมารทองนั่นก็วิ่งพล่านทั่วห้องผมไปหมกแม้จะมีแค่ห้องน้ำและห้องนอนที่ทั้งนอนและกินข้าวรวมถึงธุระอย่างอื่นที่ต้องทำก็ด้วยทำได้แค่ที่ห้องนอนนี่ล่ะ
ผมใช้ชีวิตอยู่ได้เพราะเพื่อนจ้างพี่ดูแลหอคอยส่งข้าวส่งน้ำให้ผม ส่วนเรื่องเข้าห้องน้ำก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เพราะเป็นโถส้วมแบบชักโครกไม่นานเพื่อนก็พาไปตัดเฝือกโดยมีมันสองคนช่วยพยุงพากลับผมเองก็เกาะแขนพวกมันตลอดทางเพราะเจอแต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นแต่ก็ยังดีที่ผมตีเนียนไม่เห็นผีได้ดีแต่ก็อาจจะมีหลุดบ้างก็แค่แถๆตามที่เคยดูในหนังทั้งหลายมานั่นแหละ
18:35 น.
"พรุ่งนี้ก็ไปเรียนแล้วนะ มึงจะเรียนไหวไหม"พะเพื่อนถามผมขณะที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวเย็นกันอยู่
"ไหวดิ ทนเอาไว้เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้ไปทำบุญกัน"ผมบอกเพื่อนๆ
"ม๊าไปทำบุญแบบนั้นยิ่งเนื้อหอมนะผีจะยิ่งรุมผมเองก็ต้องเหนื่อยกันผีให้อีกไม่ใช่น้อยๆ"ไอ้เด็กกุมารทองพูด คงจะบอกผมนั่นแหละ
"เออ เอาที่มึงว่า"พะแพงพูดแล้วพูดเราก็กินข้าวร่วมกันส่วนมาก็เป็นบทเรียนนั่นแหละเพราะผมต้องไปเรียนพรุ่งนี้แล้วนี่นะต้องทวนเอาไว้พรุ่งนี้เรียนต่อจะได้ไม่งง
จบอีกตอน
อ่านเอาสนุกนะคะ
ความคิดเห็น