ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Monsta X]-Time (I.M X Kihyun) #ไทม์เอ็มกี

    ลำดับตอนที่ #5 : TIME-04-

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 60




    TIME

    IM X KIHYUN

    Episode 04
    #ไทม์เอ็มกี

    ………………………………………..

    -04-

     

    ร่างผอมสูงเดินพ้นรั้วบ้านของเพื่อนร่วมห้องออกมา ก่อนจะหันกลับไปมองตัวบ้านอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจเดินออกมาจากตรงนั้น

    แช ฮยองวอนเดินตามฟุตบาทมาเรื่อยๆจนถึงป้ายรถประจำทาง เด็กหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา นิ้วเรียวกดเข้าไปในแกลลอรี่ของมือถือพลางไล่ดูรูปถ่ายที่ถูกถ่ายไว้ทั้งเก่าและใหม่ สไลด์ดูรูปของเพื่อนที่ถูกถ่ายเก็บไว้ไปเรื่อยจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่รูปๆหนึ่งซึ่งมันถูกถ่ายไว้เมื่อนานมาแล้ว

    รูปถ่ายของเด็กผู้ชายสองคนที่ใส่ชุดนักเรียนมอต้นของสถาบันกำลังกอดคอกันพร้อมกับยิ้มให้กล้องแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนสนิทกันแค่ไหน

    ในรูปบ่งบอกว่าเด็กทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและจะไม่มีวันหักหลังกัน หากแต่มันตรงข้ามกับความเป็นจริงทุกอย่าง ฮยองวอนได้แต่ยิ้มให้กับรูปในมือถือแห้งๆก่อนจะกดล็อกหน้าโดยที่ยังไม่ได้ออกไปหน้าจอหลัก คนตัวผอมลุกขึ้นก่อนจะเลือกเดินข้ามถนนเพื่อไปยังร้านกาแฟที่อยู่อีกฝั่งของถนน

    ปี๊กกกกก!!

    "โอ้ย!"

    ร่างผอมล้มลงไปกับพื้นถนนเพราะรถยนต์คันหนึ่งที่พุ่งมายังเขา มันเกือบจะชนเขาแล้วเชียวแต่โชคดีที่เจ้าของรถหยุดมันไว้ทัน เสียงเปิดและปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นของเจ้าของรถที่เขาเองก็จับใจความไม่ค่อยได้

    "เป็นไรมากไหมครับ?" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างๆเขาที่กำลังตรวจสอบแผลบนร่างกายอยู่

    "ขับรถยังไงของคุณห้ะ?"

    "อ้าวคุณ!พูดงี้หมายความว่ายังไงครับ?คุณเองไม่ใช่เหรอที่จะข้ามถนนแล้วไม่ดูเอง"

    "แต่คุณเองก็รู้หนิว่าตรงนี้มันมีทางข้ามแล้วทำไมคุณถึงไม่ลดความเร็วรถลงล่ะ!"

    "อ้าว!ก็ถ้าคุณดูสัญญาณไฟสักหน่อยผมจะเกือบชนคุณไหมล่ะครับ"

    "นี่คุณ!"

    "ครับ!"

    คนตัวผอมเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีด้วยความหัวร้อน เด็กหนุ่มพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นแต่ด้วยการที่ล้มเมื่อสักครู่ทำให้ขาของเขาแพลงการทรงตัวจึงเป็นไปด้วยความลำบากจนทำให้อีกคนที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยแม้เมื่อสักครู่จะพึ่งเถียงกันไป

    "ไม่ต้อง ผมเดินเองได้"

    แต่ก็นั่นแหละ ฮยองวอนก็คือฮยองวอนคนที่ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ชอบขี้หน้า เด็กหนุ่มเดินกะเผกมายังอีกฝั่งของถนนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่ริมฟุตบาทเพราะเดินต่อไปไม่ไหว ข้อเท้าของเขาเริ่มบวมแดงขึ้นมาจากการเดิน แถมตอนนี้เขายังรู้สึกแสบๆตรงข้อศอกสงสัยจะเป็นแผลเพราะล้ม เด็กหนุ่มมองไปยังจุดเกิดเหตุที่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นได้ขับรถออกไปแล้ว น่าหัวร้อนจริงๆที่เขาไม่สามารถเถียงหรือทำอะไรได้เพราะตัวเขาเองที่ข้ามถนนโดยไม่ยอมมองสัญญาณไฟเอง

    "อ่ะ!"

    ถุงพลาสติกที่มีกากบาทอยู่ตรงกลางถุงถูกยื่นให้มาอยู่ตรงหน้าเขานั่นทำให้เขาเกิดอาการงุนงงจนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเจ้าของของมัน

    "อะไร?" เมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ต้องทำให้เขาหันหน้าหนี ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เจ้าของรถคันนั้นแหละ

    "ถ้าตานายไม่บอดก็พอจะดูออกนะว่านี่มันคือถุงยา"

    "แล้วเอามาทำไม?"

    "นี่!"ถุงยาถูกดึงกลับไปพร้อมกับร่างสูงที่นั่งลงข้างๆเขาก่อนที่มือขวาของเขาจะถูกอีกคนดึงไปพร้อมกับยัดถุงยาใส่มือ "ทำแผลซะ! ความจริงฉันจะไม่รับผิดชอบนายก็ได้ แต่เห็นว่านายเจ็บอยู่ฉันเลยสงสาร"

    "แล้วคุณบอกผมทำไม? ถ้าคุณไม่อยากรับผิดชอบคุณก็แค่หนีไปเลยก็แค่นั้นเอง"

    "หนีอย่างนั้นเหรอ? เหอะ! ตั้งสติหน่อย ฉันไม่ได้ผิดทำไมฉันต้องหนีด้วย ทำแผลซะ!"

    หันหน้าไปอีกทางก่อนจะพ่นถอนหายใจออกมาอย่างข่มอารมณ์ ให้ตายเถอะวันนี้มันวันอะไรของเขานะถึงได้เจอแต่เหตุการณ์ร้ายๆแบบนี้

    ชิน โฮซอกมองกลับมายังเด็กหนุ่มที่กำลังพยายามทำแผลที่อยู่บนข้อศอกด้านขวาด้วยมือซ้ายที่ดูยังไงก็รู้ว่าไม่ถนัดแถมเมื่อกี้เขายังดึงมือขวาของอีกคนมาซะแรง จะเจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้

    "เฮ้อ!" ถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะแย่งสำลีที่ชุบน้ำยาฆ่าเชื้อจากอีกคนมา

    "คุณจะทำอะไร?"

    "ก็ทำแผลให้นายไง"

    "เอาคืนมา ผมทำเองได้"

    ชายหนุ่มตัวสูงมองเด็กตัวผอมที่แย่งสำลีกลับไปและพยายามที่จะทำแผลเองก่อนจะส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของอีกคน ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะแย่งสำลีในมือของอีกคนมาอีกครั้งพร้อมกับล็อกแขนขวาของอีกคนแล้วลงมือทำแผลทันทีโดยที่ไม่รอให้อีกคนโต้เถียงอีก

    "นี่คุณ!"

    "อยู่เฉยๆ"

    ฮยองวอนขมวดคิ้วมองคนที่กำลังทำแผลให้เขาด้วยอาการหงุดหงิด ให้ตายเถอะทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้นะ ก็แค่ซื้อยามาให้ทำแผลแล้วก็จบแล้วไม่ใช่หรือยังไงกัน

    เด็กหนุ่มมองเสี้ยวหน้าของอีกคนพร้อมกับสังเกต ผู้ชายคนนี้แน่นอนว่าอายุมากกว่าเขา ผิวขาวละเอียด ไหล่กว้าง และเขาเองก็เชื่อว่าภายในเสื้อเชิ้ตสีเข้มตัวนั้นต้องซ่อนกล้ามเนื้อไว้แน่นอน นั่นทำให้เขาอดอิจฉาไม่ได้

    แต่ทำไมเขาต้องคิดแบบนี้ด้วยล่ะ?

    "เสร็จแล้ว" หลุดออกจากภวังค์เมื่ออีกคนบอกว่าทำแผลเสร็จแล้ว ฮยองวอนดึงข้อศอกที่ถูกอีกคนล็อกไว้ก่อนหน้านี้กลับมาก่อนจะมองมันและพบว่าแผลเมื่อสักครู่มันถูกปิดไว้ด้วยผ้าก็อต

    "ขอบคุณครับ"เอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว

    "พยายามล้างแผลทุกวันให้คนที่บ้านนายช่วยก็ได้แล้วก็ระหว่างนี้ก็อย่าให้แผลโดนน้ำ

    แผลจะได้แห้งและก็หายเร็วๆ"

    "ครับ"

    "งั้นฉันขอตัว"

    "ครับ"

    ชายหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะหันหลังให้อีกคนเพื่อเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองคนที่กำลังพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ด้วยอาการเจ็บจากข้อเท้าแพลงทำให้อีกคนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง

    "เฮ้อ!"ถอนหายใจก่อนจะเดินกลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง

    "บ้านนายอยู่ที่ไหน?"

    ……………………………………………………………………….

    แช ฮยองวอนเดินเข้ามาในบ้านของตัวเองโดยที่มีใครอีกคนพยุงเข้ามา ฟังไม่ผิดหรอกชิน โฮซอกนั่นแหละ ในตอนแรกเขาบอกให้คนที่อายุมากกว่าส่งเขาแค่หน้าบ้านเท่านั้น แต่ก็นั่นแหละพอโฮซอกเห็นเขาทำท่าเดินเข้าบ้านไม่ไหวก็ปรี่เข้ามาช่วยและพยุงเข้ามาในบ้านอย่างที่บอกไป

    "ส่งแค่นี้ก็พอครับ"

    "อ่อ...โอเค"

    ชิน โฮซอกปล่อยมือที่ประคองอีกคนก่อนจะยกขึ้นถูจมูกเพราะรู้สึกอึดอัด หลังจากที่บอกกับอีกคนว่าจะมาส่งเขาก็พยุงกึ่งบังคับให้อีกคนขึ้นรถ จัดการถามชื่อและที่อยู่ก่อนที่เขาจะเข้ามาส่งฮยองวอนถึงในบ้าน

    "ขอบคุณมากนะครับ"

    เอ่ยขอบคุณคนที่อายุมากกว่าตามมารยาทก่อนจะสังเกตว่าอีกคนกำลังกวาดตามองรอบๆบ้านของเขา

    "อยู่คนเดียวเหรอ?"

    คิดแล้วว่าต้องได้ยินคำถามนี้จากอีกคน เพราะบ้านที่ค่อนข้างใหญ่เกินกว่าที่จะอยู่คนเดียว ก็ไม่แปลกหรอกที่คนมาใหม่จะถามแบบนั้น แต่สิ่งที่ชิน โฮซอกถามเขากับความจริงที่เป็นมันสวนทางกัน เขาอยู่ที่นี่กับพ่อและแม่

    แช ฮยองวอนมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แถมยังเป็นลูกคนเดียวของบ้าน หลายคนอิจฉาที่เขาเกิดมาบนกองเงินกองทองที่ทางบ้านหาไว้ให้มากมาย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะเงินทุกบาทที่ได้มามันต้องแลกกับเวลาที่เขาจะได้อยู่กับบุพการี

    แชฮยองวอนมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบก็จริง แต่มันกลับไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่นเลย

    "เปล่าครับ ผมอยู่กับพ่อแม่"

    "อืม..งั้นเดียวฉันขอตัวกลับก่อนนะ นี่นามบัตรฉันมีอะไรโทรหาได้"คนอายุมากกว่ายื่นกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆให้เขาก่อนที่เขาจะรับมันมาถือไว้

    "ผมส่งคุณแค่นี้นะครับ แล้วก็..."ฮยองวอนเว้นหายใจสักครู่เพราะคิดถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาทีก่อน ความจริงชิน โฮซอกจะไม่รับผิดชอบเขาก็ได้เพราะเขาเองเป็นคนผิด แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเขาคงต้องยอมรับน้ำใจของอีกฝ่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้"ขอบคุณมากสำหรับวันนี้"

    ชิน โฮซอกไม่ตอบแต่พยักหน้าเพื่อบอกเขาว่าอีกคนรับรู้แล้ว

    "พักผ่อนเถอะ ฉันขอตัว"

    พูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาข้างนอกตัวบ้าน โฮซอกหันหลังกลับไปมองอีกคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปที่รถ

    ……………………………………………………………………....

    ชายหนุ่มนั่งอยู่หลังพวงมาลัยแต่ยังไม่ทันได้สตาร์ทรถเพราะนั่งคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันค่อนข้างที่จะหนักสำหรับเขากับการที่ถูกแฟนสาวที่คบกันมานานบอกเลิก

    ใช่! เธอบอกเลิกเขา

    โฮซอกไม่เข้าใจและก็ไม่มีวันเข้าใจถึงเหตุผลของอดีตคนรักเธอนัดเขาให้ไปเจอและบอกเลิกเอาดื้อๆ

    'เราเลิกกันเถอะ'

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เธอบอกกับเขาก่อนที่เขาจะถูกทิ้งให้กลายเป็นคนอกหักอย่างเต็มตัว

    "เฮ้อ!"

    ไม่รู้ว่าเขาถอนหายใจไปกี่รอบแล้วในวันนี้ และครั้งนี้ก็เช่นกันที่เขาถอนหายใจออกมา ไม่ได้ปลงกับชีวิต และไม่ได้เบื่อโลก แต่เขากำลังสมเพชตัวเองที่เป็นแบบนี้ต่างหาก

    "อ่อนแอชะมัด"

    เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่หยดน้ำตาที่พยายามกลั้นมานานจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สาบานเลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะร้องไห้ให้อดีตคนรัก วันสุดท้ายจริงๆ

    ……………………………………………………………………...

    เด็กหนุ่มตัวผอมพยุงตัวเองให้ขึ้นมาถึงห้องนอนได้ด้วยการอาศัยราวบันไดบ้านเป็นตัวช่วย เขานั่งลงที่ปลายเตียงก่อนจะก้มตัวลงไปเพื่อสำรวจข้อเท้าที่ยังบวมและเจ็บอยู่โดยไม่มีผ้าพันไว้เพื่อบรรเทาอาการบวม

    ชิน โฮซอกกลับไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เขากำลังขึ้นบันไดมา แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่พึ่งได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นหลังจากที่แยกกันไปได้ราวๆสิบนาที ฮยองวอนยกนามบัตรที่อีกคนให้ไว้ขึ้นมาอ่าน เขารู้ชื่อเพราะอีกคนบอกในรถก่อนที่จะมาส่งเขาที่บ้านคิดว่าแค่นั้นก็น่าจะพอแล้วสำหรับคนที่คิดว่าไม่น่าจะได้เจอกันอีก

    "หืม! เป็นหมอเหรอ?"

    อุทานออกมาเมื่อตำแหน่งของคนที่อายุมากกว่าถูกบ่งบอกด้วยคำนำหน้าที่ถูกพิมพ์ลงในนามบัตร

    "ไม่น่าล่ะ ถึงรู้ดีนัก" เขาหมายถึงตอนที่อีกคนบอกวิธีดูแลแผลตรงข้อศอก

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    "ใคร?"

    "ฉันเอง เปิดประตูให้หน่อย"

    "พ่อ..."

    เด็กหนุ่มเดินตรงไปที่ประตูเพื่อเปิดให้บุพการีที่ยืนอยู่อีกฝั่ง

    "พ่อมีอะไรเหรอครับ?"

    "แขนเป็นอะไร?"

    แทนที่จะตอบคำถามของลูกชาย'แช ฮูจุน'กลับเลือกที่จะถามกลับเมื่อเห็นผ้าก็อตที่ข้อศอดของลูกชาย

    "ผมหกล้มครับ"เลือกที่จะโกหก"แล้วพ่อมีอะไร?"

    "ฉันจะมาบอกแกว่าพรุ่งนี้แกมีนัดดูตัว"

    "อะไรนะครับ?"

    "ฉันนัดกับประธานจางเอาไว้แล้ว หวังว่าแกจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง"

    ไม่ฟัง พ่อของเขาไม่ฟังเขาเลยสักนิด เด็กหนุ่มตัวผอมทำได้เพียงยืนงงอยู่หน้าประตูห้องในขณะที่คนเป็นพ่อกำลังจะเดินจากไป หากแต่...

    "ผมไม่ไป!"คำพูดนั้นของเขาเป็นเบรกอย่างดีให้กับคนเป็นพ่อ ฮูจุนหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับลูกชายเพียงคนเดียวที่ยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิม

    "แกว่าไงนะ?"

    "ผมไม่ไป พ่อเลิกบังคับผมสักที"

    "แช ฮยองวอน!"

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกพ่อตะคอกใส่แบบนี้ แต่มันเป็นทุกครั้งที่เขาทำอะไรไม่ถูกใจพ่อ คนตัวผอมจ้องตากับบุพการีโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัว เขาไม่ได้อกตัญญู หากแต่เขาต้องพูดขัดอีกคนเพื่ออิสระภาพในชีวิตของเขาที่โหยหามันมาตลอด

    แต่กลับไม่เคยได้มันสักที

    "ผมจะไม่ไปดูตัวตามที่พ่อบอก และพ่อก็ควรที่จะเลิกจับคู่ให้ผมกับคนนั้นคนนี้สักที ผมไม่ต้องการ"

    "แต่ที่ฉันทำฉันก็ทำเพื่อแกทั้งนั้นผู้หญิงที่ฉันหามาให้แกเป็นคนที่เพรียบพร้อมเหมาะสมกับแกทุกอย่าง เลิกโง่สักทีแช ฮยองวอน!"

    "แล้วพ่อเคยถามผมบ้างไหมว่าผมอยากได้มันบ้างหรือเปล่า พ่อเอาแต่บอกว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มันเหมาะสมกับผม แต่พ่อเคยมองดูผมบ้างหรือเปล่าว่าผมมีความสุขกับมันหรือว่าผมรังเกียจมัน"

    หมดแล้ว...ความอดทนที่เขาเคยมีมันหมดลงไปแล้ว

    ฮยองวอนมองคนตรงหน้าที่กำมือแน่นเพราะกำลังข่มอารมณ์ ใบหูของท่านกำลังแดงก่ำเพราะความโกรธ โกรธลูกชายคนนี้ ลูกชายคนที่ไม่เอาไหนคนนี้

    "ถ้าพ่อไม่รู้ ผมบอกให้ก็ได้...ว่าผมรังเกีย.."

    เพี๊ยะ!!

    ใบหน้าหล่อหันไปตามแรงของฝ่ามือผู้เป็นบุพการีที่ฟาดลงมาที่แก้มด้านขวาของเขา มันเจ็บ หากแต่มันเทียบไม่ได้เลยกับอาการเจ็บที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา มันเจ็บ! เจ็บจนน้ำตาที่เคยกลั้นไว้ไหลออกมา

    แช ฮยองวอนสบตาบุพการีอีกครั้งก่อนจะพยุงขาที่เจ็บให้เดินออกมาจากตรงนั้น จากเดินก็กลายเป็นวิ่งแม้ตอนนี้จะรู้สึกปวดตรงขาที่แพลงมากเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกที่อยากจะออกไปจากบ้านหลังนี้มันมีมากกว่า เสียงของคนเป็นพ่อยังดังไล่หลังเขามาไม่หยุด ก่อนที่มันจะเงียบหายไปเพราะเขาวิ่งออกมาพ้นจากบริเวณบ้าน

    ฮยองวอนหยุดวิ่งเมื่อเขาวิ่งออกมาได้ไกลและคงไม่มีใครตามมาอีก น้ำตาที่เคยไหลตอนนี้ก็ยังคงไหลออกมาจนคนที่สัญจรผ่านไปมามอง เขาไม่ได้รู้สึกอาย หากแต่ตอนนี้กำลังรู้สึกสมเพชตัวเอง

    เวลาหนึ่งทุ่มเป็นเวลาที่ใครหลายคนกำลังเดินทางกลับบ้านเพื่อไปหาครอบครัวที่กำลังรออยู่ แต่ตอนนี้มันสวนทางกับเขาแล้ว ฮยองวอนไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากกลับไปเจอพ่อ ไม่อยากกลับไปที่นั่น เด็กหนุ่มตัวผอมทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ริมทางหลังจากที่ระลึกได้ว่าตัวเองไม่สามารถเดินต่อไปได้เพราะอาการปวดที่ข้อเท้ามันรุนแรงมากขึ้น ให้ตายเถอะ ทำไมเวลานี้กลับคิดถึงผู้ชายคนนั้นขึ้นมานะ

    สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆออก จะให้ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงวันมันใช่เรื่องดีซะที่ไหน ยิ่งไม่รู้ว่าอีกคนเป็นใครมาจากไหนซะด้วย แต่มือมันก็อดไม่ได้ที่จะหยิบเอานามบัตรและมือถือขึ้นมา โชคดีที่เขายังไม่ทันได้เก็บของจำเป็นอย่าง มือถือและกระเป๋าตังค์ออกจากกระเป๋ากางเกง และก็โชคดีที่มันยังพ่วงนามบัตรของอีกคนมาด้วย

    มือเรียวจัดการกดเบอร์ของอีกคนลงบนแป้นตัวเลขก่อนจะชั่งใจว่าควรจะกดโทรออกดีหรือไม่ และก็ต้องกดลบเมื่อสมองสั่งการว่าไม่ควรโทรไปรบกวนคนที่พึ่งจะรู้จักกัน

    "ฮยองวอน?"

    …………………………………………………………………………..

    "บ้านรกหน่อยนะเพราะฉันไม่ค่อยมีเวลาเก็บ"

    "ครับ"

    "ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาใช่ไหม งั้นนายใช้ของฉันก่อนก็ได้ ใช้ได้ใช่ไหม?"

    "ครับ"

    "โอเค มันอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นแหละ นายรื้อหาเอานะ"

    "ครับ"

    "นี่! พูดเป็นแค่คำว่า'ครับ'หรือบยังไง?"

    "ขอโทษครับ"

    ฮยองวอนได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนโซฟาที่ตั้งอยู่ในบ้านพักของแพทย์ใน

    ใช่!ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านของโฮซอก

    มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อยเมื่อคิดถึงครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาเองกำลังลังเลว่าจะโทรไปขอความช่วยเหลือจากอีกคนดีไหม แต่อยู่ดีๆคนที่กำลังอยู่ในความคิดเขากลับโผล่มาที่ตรงหน้าโดยที่เขาไม่ต้องเสียค่าโทรหาเลยสักบาท

    หลังจากที่เขาถูกถามจนได้ความว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่ที่ริมถนนแบบนี้ อีกคนก็บอกเขาว่ากำลังซื้อของอยู่ที่มินิมาร์ทแล้วบังเอิญเห็นเขาเลยเข้ามาทัก แถมยังชวนเขามาพักที่บ้านของตัวเองหากยังไม่มีที่ไป

    ในทีแรกเขาเองก็ชั่งใจอยู่สักหน่อยเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะใจดีกับเขาขนาดนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาแสดงออกชัดว่าไม่ชอบขี้หน้าขนาดนั้น

    "กินอะไรมาหรือยัง?"

    "ยังครับ"

    "อ่า...ทำยังไงดีล่ะ ฉันซื้อแค่รามยอนมาเก็บไว้เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน"

    "ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ค่อยหิว"

    "แต่ฉันก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเหมือนกัน"

    "อย่างนั้นเหรอครับ?"เพราะการที่เป็นคนที่เกรงใจคนแช ฮยองวอนเลยทำท่านึกคิด"งั้นเดี๋ยวผมต้มรามยอนให้คุณแล้วกัน"

    "ก็ต้มมันกินด้วยกันนี่แหละ นายเองก็ยังไม่ได้กินอะไรฉันเองก็ยัง"

    "ครับ" บอกก่อนจะลุกเดินไปทางด้านหลังซึ่งเขาคาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว

    "ทำเป็นแน่นะ?" ชิน โฮซอกตามเข้ามาในห้องครัวในขณะที่เขากำลังจะต้มน้ำ

    "แน่ครับ!"

    "แน่นะ?"

    "นี่คุณ!"มองเจ้าของบ้านตาเขียว

    "ก็ถามดู ถ้าเกิดนายต้มๆอยู่แล้วมันระเบิดขึ้นมาทำไงอ่ะ?"

    "ผมทำเป็นครับ แล้วคุณก็ช่วยไปรอข้างนอกเถอะ"

    "โอเคๆ รอข้างนอกก็ได้"คนอายุมากกว่าเดินออกไป"ไม่ระเบิดแน่นะ?"

    แต่ก็ไม่วายหันกลับมาแหย่เขาอีกรอบ

    "นี่คุณ!" คนอายุมากกว่าเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้งโดยที่เขาได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของอีกฝ่าย ฮยองวอนยิ้มออกมาก่อนจะหันมาสนใจหม้อรามยอนต่อ อย่างน้อยในวันที่มืดมนแบบนี้ก็ยังมีแสงแดดส่องลอดมาให้เห็น

    เดี๋ยวนะ! นี่เขาคงไม่ได้หมายถึงชิน โฮซอกหรอกใช่ไหม?

    ………………………………………………………………………………………...
    การที่มาต่อฟิคโดยที่แต่งเสร็จแล้วลงเลย555555 มาต่อให้แล้วน้า ตอนนี้ไรท์แต่งเสร็จแล้วก็เอามาลงให้เลย ช่วงนี้ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเยอะอาจจะไม่ได้มาต่อทุกวัน แต่ไรท์จะพยายามเอามาลงให้สม่ำเสมอนะคะ อย่าลืมกันเน้ออออ
    ปล.ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคเอ็มกีนะคะ เพียงแต่ไรท์ทนความน่ารักของฮยองวอนโฮไม่ไหวแค่นั้นเอ้งงงงงง
    รักทุกคนนะคะ

    By P_Hyun6104

























     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×