NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มาเฟียหัวใจทมิฬ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 65


    ไม่ทันที่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์จะบินข้ามผ่านเมืองไทยเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของธุรกิจขนส่งขนาดใหญ่ในประเทศอังกฤษก็ต้องตัดสินใจลงจากเครื่องบินไป เมื่อบอดี้การ์ดของเขาตรวจพบว่าภายในเครื่องบินมีระเบิด

    “ตอนนี้เราเหลือเวลาเท่าไร?”

    โดมินิคเอ่ยถามเสียงเคร่งเครียด

    “ตอนนี้เราเหลือเวลาอีกสามสิบนาทีครับ”

    บอดี้การ์ดร่างสูงโปร่งที่รับหน้าที่ควบคุมเฮลิคอปเตอร์รายงาน ขณะที่พยายามควบคุมเฮลิคอปเตอร์ให้บินต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ผู้เป็นนายไต่เชือกลงไปบนพื้นดินอย่างปลอดภัย

    “ฉันขอสั่งให้พวกนายสองคนมีชีวิตรอดกลับมา” เขาออกคำสั่ง ก่อนจะไต่เชือกที่ห้อยจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปข้างล่าง ในจังหวะที่เขาจะเหยียบถึงพื้นดิน จู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น ร่างของชายหนุ่มค่อยๆ ร่วงจากที่สูงลงไปนอนกองอยู่บนพื้นดิน

    บอดี้การ์ดทั้งสองที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ต่างตกใจไปตามๆกัน เมื่อเห็นร่างของผู้เป็นนายร่วงจากที่สูง แต่ทั้งสองก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากควบคุมเฮลิคอปเตอร์ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดตามคำสั่งของผู้เป็นนาย เนื่องจากอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชน

    มือปืนที่ซุ่มยิงชายหนุ่มอยู่บนต้นไม้รีบไต่ลงมาดูผลงานของตนเองทันทีอย่างไม่รอช้า เพื่อจะได้กลับไปรับรางวัลใหญ่จากนายจ้างตามข้อตกลง

    “ใครน่ะ?”

    เสียงแหลมของหญิงสาวร่างเล็กดังขึ้น เมื่อเห็นร่างใหญ่ของใครบางคนนอนกองไม่ได้สติอยู่บนพื้น

    มือปืนรีบวิ่งออกไปจากที่นี่ทันทีที่ได้ยินเสียง ด้วยคิดว่าคนที่หญิงสาวหมายถึงนั้นคือตัวเอง เขาจะไม่ระแวงขนาดนี้เลย ถ้าพื้นที่ตรงนี้ไม่ติดกับแหล่งชุมชนที่มีตำรวจเข้าออกทุกวัน

    “คุณ! คุณได้ยินฉันหรือเปล่า ไม่สิ…หน้าตาออกฝรั่งขนาดนี้คงจะไม่เข้าใจภาษาไทยแน่ๆ”

    ทอฝันพึมพำบอกตัวเองในท้ายประโยค ก่อนจะหันมองรอบตัวเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครสักคนที่พอจะช่วยพาชายหนุ่มไปโรงพยาบาลได้ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครผ่านมาทางนี้

    “ช่างเถอะ! คงแค่สลบไปไม่น่าจะเป็นอะไรมาก”

    พูดจบ เธอก็ประคองร่างชายหนุ่มไปที่บ้านไม้หลังเล็กของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ทันทีอย่างทุลักทุเล

    เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่เธอใช้ในการเดินทางมาที่บ้านพักของตัวเอง แน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่เธอใช้เวลานานถึงเพียงนี้ เพราะปกติเธอใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการเดินจากบ้านใหญ่มาที่บ้านพักของตนเอง

    "เลือด!!”

    เธออุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเสื้อของตัวเองเปื้อนเลือด ก่อนจะรีบหันไปสำรวจร่างใหญ่ที่นอนแนบนิ่งอยู่บนเตียงขนาดเล็กของตัวเอง

    เมื่อพบว่าชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ เธอไม่รอช้ารีบเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลข้างเตียงมาทำแผลให้ทันที จากนั้นจึงเดินออกไปนั่งมุมของตัวเองด้านนอกเพื่อทำงานของตัวเองเงียบๆ แล้วปล่อยให้ชายหนุ่มได้นอนพัก

    ทอฝัน ประกายดาว หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามจนใครๆ ที่พบเห็นต่างหลงรักตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งต่างจากนิสัยของเธอที่ทั้งดื้อรั้นและไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ในบางครั้งก็เงียบจนยากจะคาดเดาอารมณ์ เธอเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังรอการเรียกตัวจากบริษัทที่เพิ่งสัมภาษณ์เสร็จไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เวลาว่างส่วนใหญ่ของเธอมักจะหมดไปกับการแต่งนิยายที่เธอรัก

    แม้ว่าครอบครัวของเธอจะเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่เธอก็ยังเลือกที่จะออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากข้างนอกแทน

    “พี่ฝันค่ะ”

    เสียงของเด็กหญิงวัยแปดขวบดังขึ้นจนหญิงสาวต้องหันไปมอง พร้อมกับตอบกลับว่า

    “ว่าไงคะ”

    “พี่ฝันลืมปิ่นโตค่ะ คุณย่านับดาวเลยให้หนูเอามาให้พี่ฝันค่ะ คุณย่ายังฝากมาบอกด้วยนะคะว่าให้พี่ฝันกินข้าวให้ตรงเวลาและกลับไปกินข้าวเย็นกับคุณย่าที่บ้านด้วยค่ะ”

    เด็กหญิงตัวน้อยพูดยาวเหยียดตามที่คุณย่านับดาวฝากมา ไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว

    “ขอบคุณค่ะ ฝากบอกคุณย่านับดาวด้วยนะคะว่าพี่ฝันจะกินไม่ให้เหลือเลย”

    “ได้ค่ะ”

    พูดจบ เด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งจากไปทันที

    ทอฝันฉีกยิ้มให้กับความไร้เดียงสาและร่าเริงของเด็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจกับนิยายของตัวเองตรงหน้า

     

    หลังจากนั้นเวลาผ่านไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ทอฝันก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนที่ดังมาจากประตูด้านหลัง

    “ตื่นแล้วเหรอ?” เธอเอ่ยถามเสียงเรียบเป็นภาษาอังกฤษ หลังมั่นใจชายหนุ่มฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง

    โดมินิคพยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับหญิงสาว หลังมั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้มีอันตรายใดๆกับตนเอง อีกทั้งยังช่วยเหลือเขาไว้จากอันตรายที่มองไม่เห็น

    “เธอเป็นคนช่วยฉันไว้งั้นหรือ?”

     

     

     

    ••••

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×