ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic DC] Just a Normal girl (Damian Wayne x Oc)

    ลำดับตอนที่ #3 : 03: What did I do

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      236
      7 ส.ค. 64



    What did I do






         เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาพักเที่ยง เด็กนักเรียนถยอยออกจากห้องเรียน โรงเรียนนี้จะมีนักเรียนระดับชั้นตั้งแต่ม.ต้นจนถึงม.ปลาย แต่จะแยกตึกเรียนออกจากกัน Godtham academy นี้นับว่าเป็นโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่มากจนเด็กบางคนที่เรียนจบไปแล้วก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตึกหรือห้องเรียนนี้มาตั้งแต่เมื่อไร






          

         เดเมี่ยน เวนย์เองก็ยังทำตัวเหมือนเช่นเคย ปลีกวิเวกจากคนอื่น ไม่คุยไม่ยิ้มไม่อะไรทั้งสิ้น เขาเดินออกจากห้องเรียนไป 







         
         "โว้วๆ" เสียงของชายหนุ่มผิวตกต่างห้องที่ยืนอยู่หน้าประตูร้องดังขึ้น เพราะเดเมี่ยนได้เดินพุ่งออกจากห้องโดยไม่สนว่ามีใครยื่นอยู่ตรงหน้ารึเปล่า 







         
         "เฮ้ย มิลลี่" เสียงของเด็กสาวลูกครึ่งแอฟริกันอเมริกันผมหยิกสีน้ำตาล อาริ เนลสัน เธอเรียกชื่อของมิลลี่ข้างกายเธอมีชายหนุ่มตัวสูงร่างเล็ก หน้าตกกระผมสีน้ำตาลแดง เอาจริงๆแล้วถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่นหมอนี้ถือว่าผอมอยู่แต่ก็มีหุ่นที่กำยำเมื่อยืนอยู่กับพวกเธอ วิลเลียม ลัสเซลส์ หรือเรียกแค่วิลเฉยๆ







         
         พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนของเธอตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ม.ปลายที่นี้ใหม่ๆ ทั้งสองเรียนที่ Godtham academy มาตั้งแต่ม.ต้นและยังเป็นลูกคนที่มีฐานะพอสมควร อาริเป็นลูกสาวของร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนวิลมีพ่อแม่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับเพรชพลอย







         
         มิลลี่เก็บของก่อนจะเดินไปหาเพื่อนๆของเธอ จริงอยู่ที่เธออาจไม่ชอบคบค้าสมาคมกับคนอื่นสักเท่าไรแต่สำหรับสองคนนี้พวกเขาดูเป็นคนปกติที่สุดตั้งแต่ที่เธอเคยเจอและพวกเขาเองก็เป็นมิตรกับเธอด้วยเช่นกัน
    เธอเดินไปหาเพื่อนของตน 







         
         พวกเขาทั้งสามได้เดินมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารของโรงเรียน ในระหว่างทางเองพวกเขาทั้งสามก็ต่างแลกเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยกัน จนกระทั้งมาถึงหัวข้อที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันตอนนี้







         
         "มิล หมอนั้นใช่ม่ะ คุณชายเดเมี่ยน เวนย์ลูกของบรูซ เวนย์หนะ" วิลเริ่มเปิดประเด็นเรียกชื่อของมิลลี่ ซึ่งมิลเป็นชื่อเล่นที่พวกเขาเรียกกันในกลุ่ม เขาได้พูดถึงคนที่เดินเกือบชนเขาเมื่อก่อนหน้านี้อย่างมั่นไส้







         
         "ใช่" เธอตอบกลับไปสั้นๆ






          

         "อะไรละนั้น ปฎิกิริยาแบบนี้" อาริยกคิ้วข้างซ้ายขึ้นอย่างสงสัย







         
         "ปฎิกิริยาแบบไหน" เธอถามกลับอย่างงงๆ







         
         "ก็แบบ นั้นใช่เดเมี่ยน เวนย์ไหม ส่วนเธอก็ตอบแค่ว่าใช่ ฉันนึกว่าเธอจะพูดแบบ ใช่คนนั้นแหละหล่อเนอะว่าไหมอะไรแบบนี้ " อาริทำแกล้งทำเสียงสูงเพื่อทำให้เหมือนมิลลี่ มิลลี่กรอกตามองบนกับการกระทำของเพื่อนสาว







         
         "และอีกอย่าง หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหญิงสาวทุกคนในโรงเรียนนี้อยากจะนั่งที่แทนเธอทั้งนั้นแต่เธอที่ได้นั่งข้างกับคุณชายเทพบุตรแบบนั้นกับไม่มีปฎิกิริยาใดๆเลย" อาริเสริมต่อ







         
         "อาริมันก็แค่ที่นั่งอีกอย่างฉันเองก็แทบจะไม่ได้คุยกับหมอนั้นด้วยซ้ำ"







         
         "ใช่แล้วอาริ มิลเขาไม่ได้เข้าหาผู้ชายทุกคนไม่เลือกหน้าแบบเธอหรอกนะ" วิลพูดแซะ







         
         "เจ็บมากเลยวิล" อาริเอามือแกล้งเช็ดหยดน้ำตาก่อนจะกระทุ้งแขนเข้าซี่โครงเพื่อนหนุ่มจนร้องเจ็บๆเบาๆ ก่อนจะชูนิ้วเลขหนึ่งขึ้นมา "ใช่ฉันสนหนุ่มหล่อจริงอยู่ที่เดเมี่ยนเวนย์คนนั้นหล่อ แต่ว่าข้อแรกฉันไม่ได้เข้าหาผู้ชายทุกคน ข้อสองฉันชอบผู้ชายที่มีอายุ และสุดท้ายฉันเลือกเป็นย่ะ" พวกเราทั้งสองคนหัวเราะ กับสีหน้าที่จริงจังของอาริ







         
         มิลลี่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์หน้าประหลาดได้ก็ได้เริ่มเล่าเรื่องให้เพื่อนเธอฟัง






          

         "นี่ พวกเธอคงไม่เชื่อแน่ว่าฉันเจออะไร" เธอเว้นระยะ "เบ็นพยายามใช้กระสุนน้ำลายยิงเขาในคาบฟิสิกส์"







         
         "เดี๋ยวๆ เบ็น ชิลล์จอมวางหมาดคนนั้นเนี้ยนะ" อาริเสริม มิลลี่พยักหน้า







         
         "หมอนั้นอายุกี่ขวบกันแน่ที่ทำอะไรแบบนั้น แต่ว่าฉันไม่เห็นรอยหรือคราบอะไรติดหน้าหมอนั้นเลย" วิลตอยเด็กสาว







         
         "ใช่ หมอนั้นรับกระสุนพวกนั้นได้แบบอย่างกับนินจายังไงยังงั้น" มิลลี่ทำท่าหลบเหมือนกับนินจา เอามือบังหน้าเพื่อทำให้เพื่อนเธอนึกภาพตาม เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันเองก่อนจะหัวเราะให้กับจินตนาการมิลลี่







         
         "เดี๋ยวๆ มิลเธอคงดูนั่งเยอะไปแล้ว" อาริหัวเราะในลำคอ







         
         "จริงๆนะ หมอนั้นหยิบสมุดจดขึ้นมาบังในขณะที่มือยังจดเนื้อหาอยู่เลย" มิลลี่ยังคงทำท่าใก้พวกเขาดู







         
         "มิล เธอคงจะหน้ามืดหิวแน่ๆ เลยผสมความเป็นจริงกับจินตนาการ จริงอยู่ที่เมืองก็อตแทมอาจจะมีพวกวายร้ายไม่สมประกอบเยอะ แล้วเดเมี่ยน เวนย์ละเป็นอะไร โรบินผู้ช่วยแบทแมนรึไง" วิลหยอกเพื่อนสาวตัวเอง







         
         พวกเขาทั้งสองหัวเราะกับเรื่องเล่าของเด็กสาว ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาคงไม่เชื่อหรอก ถ้าตัวเธอเป็นพวกเขาเธอเองก็อาจจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน คนอะไรจะรับก้อนน้ำลายนั้นโดยไม่หันมามองเลย







         
         "เอาเถอะพวกเธอจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร" มิลลี่พูดตัดพ้อ







         
         "เดี๋ยวสิมิลอย่าพึ่งงอลสิ พวกเราเชื่อเธอนะ" วิลง้อมิลลี่ที่ตอนนี้งอลแก้มป่องเป็นที่เรียบร้อย







         
         "ฉันคนนึงละไม่" อาริชูมือปฎิเสธ "แต่ฉันเชื่อว่าหมอนั้นต้องรับน้องใหม่อย่างเดเมี่ยนแน่" อาริเสริมสมมติฐานของตน







         
         "เอาเหอะ เรารีบไปโรงอาหารก่อนจะไม่มีที่นั่งเหลือเหอะ" ในเมื่อบทสนถนานี้จะดูไม่มีใครเชื่อ มิลลี่เลยเปลี่ยนหัวข้อสนถนาไป

         





         พวกเขาได้เดินมาถึงประตูโรงอาหารสีแดงใหญ่เปิดอ้าไว้ มีนักเรียนหลายร้อยคนตั้งแต่เกรดสิบถึงสิบสอง ถึงที่นี้จะมีมอต้นแต่ตัวโรงอาหารก็จะแยกไปอีกตัวตึกเช่นกันจึงไม่ได้มารวมกับกลุ่มรุ่นพี่ โต๊ะหลายตัวถูกจับจองไปเกือบหมด 







         
         ด้วยความที่วิลเป็นผู้ชายและสุภาพบุรุษ(ที่โดนยัดเยียดโดยอาริ)เลยตัดสินใจว่าจะไปจองที่นั่งให้ในขณะที่พวกเธอไปเอาอาหารมา มิลลี่และอาริได้เดินไปที่แถวต่ออาหาร พลางดูเมนูไปด้วย






          

         คนภายนอกอาจจะมองว่าโรงเรียนนี้หรูแต่หารู้ไม่ว่าเมนูอาหารนั้นไม่ได้ต่างจากโรงเรียนภาคอื่นเลย มันไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดี จึงมีนักเรียนหลายคนตัดสินใจห่อข้าวมากินเองบ้าง







         
         "ไม่อยากจะเชื่อว่าจ่ายค่าเทอมซะแพงแต่อาหารห่วยแตกชะมัด" อาริบ่นกับเมนูอาหารที่จืดชืด







         
    "เอาน่าอย่างน้อยวันนี้ก็มีมีทบอลที่เธอชอบนะ" มิลลี่ปลอบเพื่อนสาวของเธอซึ่งถ้าเสียงดังไปมากกว่านี้มีหวังป้าแม่ครัวได้ปาตะหลิวมาที่พวกเธอแน่ๆ







         
         "มีทบอลแช่แข็งหละสิไม่ว่า" อาริ้ซ้อมเขี่ยจานอาหารแปรรูปอย่างรังเกียจ มันเป็นมีทบอลที่ซอสควรจะเป็นสีแดงแต่กลับเป็นสีส้มอ่อนจนน่ากลัวบวกกับขนมปังที่แผ่นบางยิ่งกว่ากระดาษเสียด้วยซ้ำ







         
         พอพวกเธอตักอาหารเสร็จก็ได้มองหาชายหนุ่มเพื่อนรัก วิลที่อยู่ริมหน้าต่างของโรงอาหารก็โบกมือให้กับเด็กสาวทั้งสองคน







         
         

         "วันนี้มีมีทบอลหรอเนี้ย" วิลถาม







         
         "มีทบอลแช่แข็ง" อาริก็ยังคงเสียงแข็ง มิลลี่ที่เห็นเพื่อนสาวตัวเองที่ยังไม่พอใจกับอาหารตัวเองสักเท่าไรจึงได้เริ่มกินมื้อเที่ยงของตัวเองโดยไม่สนคำติ







         
         "งั้นฉันจะไปเอาบ้าง เดี๋ยวมานะ" วิลขอตัวเดินไปต่อแถวตักอาหารปล่อยให้เพื่อนทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกัน มิลลี่จิ้มลูกชิ้นเนื้อเข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่า โดยมีสายตามองไปยังนอกน่าต่างอยู่ แต่ความสงบกลับถูกขัดขึ้นโดยเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆเธอ







         
         "แล้ว เดเมี่ยน เวนย์ที่ว่านี้เป็นคนยังไง" อาริถามพลางตักก้อนมีทบอลเข้าปาก







         
         "เป็นไงนี่คือ"







         
         "ก็แบบ เจ้าชู้ บ้าบอ ติ๊งต็องหรือแบบ แบดบอยลูกมาเฟียประมาณนี้น่ะ" อาริยกอธิบายคำถามตัวเอง มิลลี่เอามือเท้าคางมองเพื่อนสาว 







         
         "เอาจริงๆนะที่เธอพูดมาไม่ตรงสักอย่าง" มิลจิ้มมีทบอลในจานก่อนจะพูดต่อ "เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดละมั้ง เดเมี่ยนแทบจะไม่คุยหรือปฎิสัมพันธ์กับใครในห้องเลย"







         
         "เหนือความขาดหมายแหะ นึกว่าจะมาแบบเบ็นซะอีกเห็นเป็นลูกมหาของมหาเศษฐีจะมาแบบ เห้ ฉันเวนย์รู้ไหมฉันลูกใครซะอีก" อาริทำท่ายืดอกเหมือนกับทหารแล้วดัดเสียงเข้มล้อเลียน มิลลี่ขำเล็กน้อย







         
         วิลได้กลับมานั่งที่โต๊ะ พวกเขาสามเกลอก็เริ่มพูดคุยสัพเพเหระไปต่างๆนาๆจนกระทั้ง มิลได้หันออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง






          

         เธอเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ชายหนุ่มที่น่าตาคุ้นเคย ผมสีดำสะท้อนแสงแดดประปรายเพราะมีต้นบังร่มไว้กับใบหน้าที่ดูสงบเสงี่ยม







         
         เดเมี่ยน เวนย์






         
     
         ถึงเขาจะนั่งอยู่ห่างจากเธอแต่เธอก็ยังสามารถเห็นดวงตาสีเขียวสวยได้อย่างชัดเจน เขาที่นั่งใต้ต้นไม้นิ่งอย่างสุขุมใบหน้าคมได้รูป 







         
         ถ้าสาวใดมาเห็นก็อาจจะหลงเสน่ห์เพียงชั่วพริบตาเดียวไปเลยก็ได้ ไม่รู้ว่าเธอจ้องเขามานานแค่ไหนแล้วแต่อยู่ดีๆ เพียงชั่วคณะ เดเมี่ยนได้หันมาหาและได้สบตากับเด็กสาวชั่วครู่ด้วยความจงใจหรือบังเอิญเธอก็ไม่อาจรู้ 







         
         ความรู้สึกปั่นป่วนที่ท้องเกิดขึ้นมันไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี มันเหมือนกับมีผีเสื้อนับสิบบินวนไปมาในท้องของเธอ ทั้งจักจี้และแปลกๆ เธอเอามือจับไว้ที่ท้อง นี้เราปวดท้องงั้นหรอนั้นคือสิ่งที่มิลลี่คิด






          

         "มิล นี้ มิล" วิลดีดนิ้วเรียกสติ







         
         "ห่ะ เมื่อกี้ว่าไรนะ" มิลลี่ได้ถูกเรียกสติจากเพื่อนของเธอ







         
         "เราเรียกเธอมาร้อยรอบได้แล้ว อยู่ดีๆเธอก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็นิ่งไปเลย"






          

         นี้เธอนิ่งเหม่อไปนานขนาดไหนกันเนี้ย อาริและวิลได้หันออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูว่าอะไรทำให้เพื่อนสาวเหม่อได้ขนาดนี้ 







         
         "ไม่เห็นมีอะไรนิ" วิลพูดบอกเมื่อเขาหันไปก็พบแต่เก้าอี้ม้านั่งใต้ต้นไม้ที่ว่างเปล่าแทน
    มิลลี่หันไปที่ใต้ต้นไม้แต่กลับไร้ซึ่งวี่แววของใครทั้งสิ้นอย่างที่วิลพูด 







         
         "อย่าบอกนะว่าเธอเห็นผีแล้วพอเราไม่บอกว่าไม่เห็น จนตอนสุดท้ายเธอก็โดนผีเข้าและถูกสิงไปตลอดชีวิต" อาริบรรยายเพ้อไปเรื่อย







         
         "ฉันว่าคนที่ดูหนังไล่ผีมากไปแถมเนื้อเรื่องยังคุ้นๆนะ โดยเฉพาะเรื่องคอนจูริง" มิลลี่กล่าว







         
         "แล้วเธอเห็นอะไรละ แม่สาวญาณทิพย์" อาริถาม







         
         แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรเสียงประตูโรงอาหารที่เป็นตรงทางเข้าจากด้านนอกได้ถูกเปิดขึ้น เมื่อได้ปรากฎร่างของคนมาเยือน เสียงซุบซิบสายตานับร้อยก็ได้จับจ้องไปที่คนๆนั้น






          

         "นั้นเดเมี่ยน"







         
         "คนของตระกูลเวนย์"







         
         "ลูกชายของบรูซหมอนั้นแหละ"







         
         เขาได้เดินมาทางเดียวกับกลุ่มของมิลลี่ที่นั่งอยู่เพราะว่าประตูทางออกอยู่ในทางเดียวกับที่นั่งของพวกเธอ






         
         
         จังหวะนั้นเองกลุ่มนักเรียนชายกลุ่มนึงได้ลุกขึ้นมาจากโต๊ะโรงอาหาร โดยมีชายหนุ่มน่าทะเล้นเดินยิ้มมาหาเดเมี่ยนใช่แล้ว เบ็น ชิลล์กับพรรคพวกแก็งนักกีฬาของเขา







         
         "นี้เวนย์" เสียงของเบ็นตะโกนดังไปทั่ว ทั้งโรงอาหารเริ่มเงียบแต่เดเมี่ยนก็ไม่ได้หยุดตามเสียงเรียก







         
         "เด็กใหม่ เดเมี่ยน เวนย์" เบ็นเรียกชื่อเต็มอีกฝ่าย ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาหยุดและหันมาหา สาวๆบางคนก็แอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปของชายทั้งสองมาเก็บซึ่งมันใช่เวลาที่ควรจะทำไหม บ้างก็หยิบขึ้นมาถ่ายวิดีโอกับเหตุการณ์ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเธอก็ทำเหมือนกัน วิลเลี่ยม







         
         "เพื่อน ฉันว่าพวกนั้นต้องมีเรื่องกันแน่" วิลเริ่มกดถ่ายวิดีโออย่างสนอกสนใจ โดยมีมิลลี่กับอาริกลอกตามองบน 







         
         
         "นึกว่าจะไม่หันซะแล้ว จะรีบไปไหนหละเวนย์" เบ็นพูดกับอีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับ







         
         "เงียบแบบนี้ที่บ้านคงมีเงินมากแต่คงไม่มีเงินมาสอนพูดงั้นสิ เห็นในห้องไม่ยอมพูดกับใครเลย น่าสงสาร" เพื่อนในกลุ่มของเบ็นเริ่มหัวเราะกับตลกร้ายของเขา 







         
         "เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม" เดเมี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เบ็นเห็นปฎิกิริยาแบบนั้นก็เอียงคอยิ้มแบบเจ้าเล่ห์







         
         "ม่ายย ไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน ก็แค่ในตอนเช้าพวกเราต้อนรับนายยังไม่ได้อบอุ่นมากพอ จริงไหมพรรคพวก"  เบ็นลากเสียงยาว เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ เดเมี่ยนกำลังจะหันหลังให้ 







         
         มิลลี่มองชายหนุ่มที่ยื่นไม่ห่างจากโต๊ะของเธอมากนัก เขาไม่ได้มีสีหน้าที่ดูตื่นตระหนกเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่ในโรงอาหารหรือสีหน้าของความกังวลใดๆทั้งสิ้น







         
         "ดูมันเดินหนีน้ำใจของเราสิเพื่อน ทำตัวเหมือนเด็กไปได้ไม่พอใจอะไรก็เดินหนี" เบ็นตะโกนกร่างให้คนทุกคนได้ยิน ซึ่งนั้นแหละขีดจำกัด เดเมี่ยนหันหน้ากลับมาก่อนจะเอยปากพูด







         
         "อย่างนายที่ทำตัวเป็นเด็กเกรดสามที่เคี้ยวกระดาษในห้องเรียนแล้วปาใส่คนอื่นไปทั่วมาว่าคนอื่นว่าเด็กมันยังไงอยู่นะ" เดเมี่ยนกดอกพูด "ฉันว่าเด็กที่อายุน้อยกว่านั้นยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการแกล้งคนอื่นมากกว่านี้อีก แล้วอีกอย่าง"






          

         คนในโรงอาหารบางคนถึงกับเผลอหลุดหัวเราะออกมา นั้นจึงทำให้เบ็นหันไปมองแบบอาฆาตจนคนกลุ่มนั้นต้องถึงกับหยุด เดเมี่ยนเว้นระยะการพูดก่อนจะมองไปยังใบหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มที่สาวหลายคนอาจจะใจเต้นเป็นได้







         
         "ฉันได้ข่าวมาว่าบ้านนายยังมีข้อผู้มัดกับบริษัทบ้านฉันนะ สถานะอะไรนะ" เดเมี่ยนแกล้งทำท่าครุ่นคิด "อ้อ ลูกจ้างไงละ ชิลล์" ประโยคนั้นเองที่ทำให้เบ็นชิลล์นั้นถึงกับฟิวขาด เขามุ่งเดินหน้าไปยังเดเมี่ยนด้วยความโกรธจัดสุดๆ







         
         "นายอย่ามาจองหองให้มากนัก ถึงนายจะเป็นลูกตระกูลเวนย์ แต่ถ้าแกไม่มีบริษัทฉันแกก็ไปไม่รอดหรอก เจ้าลูก แอ็ค-" อยู่ดีเบ็นก็ล้มลงไปกับพื้นแบบไม่มีสาเหตุ หรือจริงๆแล้วต้นเหตุนั้นมาจากเด็กสาวผมสีบลอนด์ทองที่นั่งอยู่แถวนั้น






          

         อยู่ดีๆเธอก็ยื่นขาออกมาขัดเบ็นไว้ในขณะที่เขากำลังจะวิ่งกระโจนไปหาเด็กใหม่ 







         
         "มิลนั้นเธอทำไรน่ะ!" วิลกระซิบเสียงดังถามเด็กสาวกับการกระทำมือเองก็ยังถ่ายช็อตเด็ดเมื่อกี้ไว้อยู่ อาริเองก็ถึงกับเบิกตากว้างมองเพื่อนของเธอ






         
     
         'นี้ฉันทำอะไรลงไป' เธอเองก็กำลังถามตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเธอเป็นคนรักสงบ ถ้ามีเรื่องอะไรก็จะอยู่ให้ห่างเข้าไว้ โดยเฉพาะเรื่องทะเลาะวิวาทพวกนี้เธอแทบจะไม่ย่างกรายเข้าไปหายใจร่วมเลยด้วยซ้ำ
    การให้เหตุผลว่าเอเลี่ยนมีอยู่จริงยังจะเข้าใจง่ายกว่ากับการกระทำของตัวเธอด้วยซ้ำ







         
         "นี้เธอ แอมเมอร์สัน กล้ามากนะที่ทำแบบนี้" เบ็นลุกขึ้นยืนหันหน้าไปหาเด็กสาวตรงหน้า ใบหน้ามีเลืดกำเดาไหลเพราะเมื่อกี้เขาได้ล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้นอย่างจัง เขาปัดเลือดอกกจากจมูกอย่างลวกๆ






           

         ซวยแล้วไงไม่น่าหาเหาใส่หัวเลย







         
         "อยู่ดีๆไม่อยากอยู่อยากหาเหาใส่หัวงั้นสิ" เบ็นพูดประโยคเดียวในหัวเธอ หมอนี้อ่านใจเธอได้รึไง มือเองก็หักเสียงดังกรอบๆพร้อมลงมือ 







         
         มิลลี่จับถาดอาหารในมือแน่นพร้อมโต้ตอบเช่นกัน ถ้าหมอนี้พุ่งมาทำอะไรเธอนะ แม่ฝาดหน้าหันแน่







         
         แผละ 







         
         เสียงถาดอาหารถูกปามาที่หน้าเบ็นอย่างจังซอสมีทบอลสีแดง กับขนมพุดดิ้งที่ยังกินไม่หมดไหลเต็มไปทั่วทั้งหัวและตัวของเบ็น สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากคนตกถังขยะด้วยซ้ำ มิลลี่ตกใจกับภาพตรงหน้าหันไปหาทิศที่ถาดถูกโยนมา







         

         "นายคุยอยู่กับฉันอยู่ไม่ใช่รึไง" คนที่ขว้างถาดอาหารมายังเบ็นไม่ใช่คนอื่นที่ไหนแต่เป็น







         
         "เดเมี่ยน เวนย์ แก" เบ็นโยนถาดอาหารข้ามไปอีกฝากของโรงอาหาร เด็กบางคนร้องตกใจหลบกันไปคนละทิศละทาง 






                                           

         "วันนี้แกไม่รอดแน่" ฟังจากน้ำเสียงแล้วเบ็น ชิลล์ในตอนนี้ถือว่าเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่พร้อมทำลายร้างทุกอย่างและสิ่งที่เขาจะทำลายเป็นสิ่งแรกก็คือ เด็กใหม่ตรงหน้าเขา








          เดเมี่ยนกล่าวพลางเยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย ถ้าหากไม่สั่งเกตให้ดีละก็ ก็คงคิดว่าหมอนี้หน้าตายเป็นที่เรียบร้อย แต่มิลลี่เธอกลับเห็นรอยยิ้มนั้นได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่ดูเหมือนกำลังบอกว่าชายตรงหน้ากำลังสนุกอยู่



     




    " What are you doing Mil ! "

    'I ask myself too'





    Ari Nailson

       

    William Russail





     




    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×