คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 06: Return Back
Return Back
รู้งี้น่าจะถามก่อนมาด้วย
ครอบครัวแอมเมอร์สันขับรถมาจนถึงทางเนินเขา ไร้ซึ่งที่อยู่ทางด้านรอบข้างถนน พวกเค้าขับมาได้สักพักก็มาถึงประตูรั่วเหล็กสูงสีดำสนิมเกราะ พ่อของมิลลี่ลดกระจกรถลงก่อนจะกดกริ่งประตูที่มีสปีคเกอร์ติดอยู่
"สวัสดีครับ แอมเมอร์สัน เบเกอรี่ครับ" เสียงจากลำโพงก็ดังขึ้นเป็นเสียงชายชรา
"เรากำลังรออยู่เลยครับ คุณแอมเมอร์สัน เชิญครับ" ประตูเหล็กเปิดขึ้นอัตโนมัติ ครอบครัวแอมเอมร์สันขับตรงเข้าไป ทางจากประตูบ้านกับตัวคฤหาส์ไกลตัวพอสมควร อาจจะใหญ่กว่าสวนสาธารณะประจำ เมืองก็อตแทมก็เป็นได้ อะไรจะบ้านรวยขนาดนี้
รถได้มาจอดหน้าคฤหาสหรูที่มีชายชราในชุดสูทสีดำสนิทยืนรออยู่
"สวัสดีครับยินดีต้อนรับสู่ คฤหาส์เวนย์ กระผมอัลเฟรด เพนนีเวิสพ่อบ้านประจำคฤหาส์" ร้อยวันพันปีตั้งแต่มิลลี่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นพ่อบ้านตัวเป็นๆตรงหน้า พ่อบ้านชราพูด สำเนียงบริทิสและท่าทางราวกับผู้ดีอังกฤษ
"สวัสดีครับ ผมเฮนรี่ แอมเมอร์สัน นี้ภรรยาผมนิโคล แล้วก็ลูกสาวผม มิลลี่" พ่อบ้านชราจับมือทักทายสมาชิกทุกคนในครอบครัว
"ยินดีที่ได้พบค่ะ คุณเพนนิเวิส" มิลลี่กล่าวทักทาย
หลังจากพูดคุยจิปาถะเล็กน้อย คุณอัลเฟรดอยากให้เอาอาหารทั้งหมดไปไว้ที่สวนหลังคฤหาส์ โต๊ะจัดเลี้ยงนับสิบวางเรียงรายกัน ของประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงาม ทั้งผ้าสีขาวที่โยงระยาราวกับหมอกเมฆ กับแสงสีส้มอ่อนๆชวนทำให้อบอุ่น ทุกอย่างล้วนลงตัวไปหมด
มิลลี่เข็นรถเข็นอาหารไปวางไว้ตามจุดที่คุณเพนนีเวิสให้มา เธอค่อยๆวางถาดคานาเป้ลงบนผ้าปูดโต๊ะสีขาวสะอาดจนเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอเข็นรถถาดอาหารไปตามทางที่เดินทะลุตัวคฤหาส์มา
"นี้มันกี่ครั้งกันแล้วที่ลูกแอบหนีไปด้านนอกตอนกลางคืน" ในขณะที่มิลลี่กำลังจะเดินไปตามทางโถงเดิน เสียงของชายหนุ่มดังออกมาจากห้องๆนึงที่ดูเหมือนจะเป็นการโต้เถียงที่ดูจริงจังกันมาก นั้นทำให้เธอต้องหยุดฟัง
"ลูกรู้ไหมว่าข้างนอกมันอันตรายแค่ไหน"
"อย่างน้อยก็อันตรายน้อยกว่าครอบครัวตัวเอง" เสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เดเมี่ยน ดังออกมาจากห้องนั้นเช่นกันงั้นก็หมายความอีกคนที่กำลังพูดด้วยอยู่ก็คือ บรูซ เวนย์งั้นสิ มิลลี่คิด
"เดเมี่ยน เราคุยเรื่องนี้กันแล้วทำไมลูกถึงไม่ยอมเข้าใจ แถมนี้ ยังไปโรงเรียนไม่ถึงเดือนลูกก็ไปมีเรื่องกับคนอื่น"
" TT ก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร" เสียงโต้เถียงยังคงดำเนินต่อไป
ตามประสาเจ้าตัวจริงๆ ไม่ใช่แค่คนนอกเท่านั้นที่ต้องเจอคารมณ์ของเจ้าตัว คนในครอบครัวเองก็คงจะไม่เว้นเช่นกัน ไม่รู้ว่ามิลลี่แอบฟังพวกเค้านานแค่ไหน แต่เสียงฝีเท้ากลับใกล้เข้ามาที่ประตู เด็กสาวเข้าใจในทันทีว่าต้องรีบหาที่หลบ แต่ทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว
ประตูถูกเปิดอย่างรุนแรง ร่างของเดเมี่ยนในเสื้อสีดำคอเต่าสาวเท้าเดินออกมา มันดูแปลกสายตาสำหรับเด็กสาวเพราะเธอมักจะเจอเค้าในชุดเครื่องแบบโรงเรียนเท่านั้น
"เดเมี่ยนพ่อยังพูดไม่จบ" เสียงของบรูซตะโกนไล่หลังลูกชายของตัวเองแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเลยสักนิด
"แต่ว่าผมจบแล้ว" เดเมี่ยนเหมือนจะรู้ตัวว่ามีบุคคลที่สามกำลังยืนอยู่
"เธออีกแล้ว" พวกเค้าทั้งสองต่างมองหน้ากัน ใบหน้าของเด็กชายตอนนี้คงโกรธเป็นแน่ท่าดูจากรอยริ้วคิ้วขมวดที่แทบจะผูกเป็นเงื่อนตายเต็มที
"เดเมี่ยน" เสียงของผู้เป็นพ่อเรียกลูกชายอีกทีแต่เด็กชายทำเสียงจิจ้ะเบาๆก่อนจะทิ้งผู้เป็นพ่อของตนให้ยืนนิ่งตามทางเดินไว้โดยไม่หันหลังกลับแล่มองเลยสักนิด
ร่างของชายในชุดสูทมีราคาสีดำสวยเดินออกมาจากห้อง เค้ามีหน้าตาคล้ายกับลูกไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าเดเมี่ยนมีหน้าตาคับคล้ายกับผู้เป็นพ่อไม่มีผิดทั้งโครงหน้าคมสัน สีผม ท่าทางต่างๆ เว้นเสียอย่างเดียวคือดวงตาสีมรกตของเค้าไม่เหมือนกับดวงตาสีท้องทะเลเช่นพ่อ
บรูซหันมาหาเด็กสาวปริศนาที่ดูเหมือนจะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง มิลลี่ที่เห็นท่าทีว่าคงไม่ดีแน่ๆและบวกกับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดนี้ด้วย เธอเลยเป็นฝ่านเริ่มแนะนำตัวก่อน
"สวัสดีค่ะ หนูมิลลี่ แอมเมอร์สัน คุณว่าจ้างร้านครอบครัวของหนูเรื่องอาหารงานเลี้ยงน่ะค่ะ" บรูซมองเธอนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
"งั้นหรอ ร้านแอมเมอร์สันสินะ ขอบใจมากเลยเรื่องอาหารสำหรับงานกาล่าห์วันนี้" บรูสปรับน้ำเสียงท่าทางและอารมณ์ของตัวเอง
มิลลี่พยักหน้ารับคำขอบคุณโดยไม่พูดอะไร
"งั้นฉันต้องขอตัวก่อนด้วยคุณแอมเมอร์สัน"บรูสขอตัวตามมารยาท เค้าหันหลังเดินไปตามทางที่ลูกชายของเค้าไป
ดูเหมือนว่าลูกชายของเค้าจะยังไม่ได้เล่าเรื่องจริงๆที่เกิดในวันนี้สินะ ด้วยความรู้สึกผิดที่แอบฟังกับสิ่งที่เดเมี่ยนได้ช่วยเธอไว้ในครั้งนั้น มิลลี่จึงตะโกนเรียกมหาเศษฐีหนุ่ม
"คือเรื่องที่เดเมี่ยนเค้าโดนทำโทษจริงๆแล้วเค้าไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก่อนหรอกนะคะ" บรูซหยุดกับสิ่งที่ได้ยินเลยหันมาหาเด็กสาว
"เรื่องมันเป็นยังไงเธอลองเล่ามาซิ"
มิลลี่เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้น ทั้งเรื่องที่ชิลล์หาเรื่องก่อนและตัวเธอที่อาจจะเป็นตนเรื่องทะเลาะทั้งหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงเล่าเรื่องนี้ให้เค้าฟังทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของเธอเลยด้วยซ้ำ
"เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะและจริงๆหนูเองก็ต้องโดนทำโทษเช่นกัน แต่ถ้าไม่ใช่คำแก้ตัวของลูกชายคุณหนูคงจะโดนไปเหมือนกันค่ะ ต้องขอบคุณเค้าจริงๆค่ะ"
บรูซเงียบไปสักพักใบหน้าเรียบนิ่งกับเรื่องที่เธอเล่าให้ฟัง เอาจริงๆเธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
"งั้นหรอ ขอบใจมากจริงๆที่เธอเล่าให้ฟัง ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ" ใบหน้าของเค้ายังคงเรียบเฉยจากเรื่องที่ฟังมา เค้าเดินจากเด็กสาวแต่ทว่าก็ต้องหยุดกับสิ่งที่มิลพูดอีกครั้ง
"หนูรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวของคุณ" เธอเว้นระยะพูดมือยังคงจับรถเข็นแน่น "ถึงหนูจะไม่ได้รู้จักลูกชายของคุณดี แต่ว่า" เธอเว้นระยะพูด "ตลอดเวลาที่เค้าอยู่โรงเรียนเค้ามักจะอยู่เงียบๆไม่ยอมสุงสิงกับใคร หนูเลยคิดว่าเค้าไม่ใช่คนที่จะมาเริ่มหาเรื่องคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลค่ะ "
เธอหยุดพักหายใจก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่อ้อมแอ่ม "แล้วก็คือว่าต้องขอโทษด้วยที่เผลอแอบฟังเรื่องของคุณกับลูกชายคุณ"
บรูซยิ้มอย่างอ่อนโย่นพลางเดินมาหาเธอ มือใหญ่จับไหล่เธอ "เป็นแบบนี้ประจำแหละ เธอไม่ต้องคิดมากหรอก" เค้าเว้นระยะพูด "แล้วก็ขอบคุณที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟัง แอมเมอร์สัน" ดวงตาของชายวัยกลางคนดูเศร้ามองลงแต่ยังคงไว้ซึ่งใบหน้าที่ดูเรียบเฉย
ตอนนี้ทั้งงานก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี พ่อกับแม่ของเธอกำลังคุยกับคุณอัลเฟรดที่ห้องครัวกันอย่างออกรสเพราะเป็นคนบ้านเดียวกันละมั้ง พ่อของเธอเป็นคนอังกฤษเหมือนกับอัลเฟรดแต่ว่ามาเจอแม่ที่อเมริกาเลยย้ายตามมาอยู่ด้วยกัน
มิลลี่เลยตัดสินใจรอพ่อกับแม่เธอที่ลานงานจัดเพราะอยากจะเฉยชมงานที่ถูกตกแต่งราวกับเทพนิยาย ผ้าแพรสีขาวกับโคมไฟสีเหลืองส้มอ่อนๆ กับไฟประดับราวกับหิ่งห้อยนับร้อย มันชั่งเหมือนกับงานเลี้ยงในวังปราสาทไม่มีผิด
เธอก้มดูจานชามเซรามิคที่จัดเตรียมไว้พลางหยิบขึ้นมาดูลวดลายของมัน จู่ๆร่างของเด็กชายก็มาปรากฎตรงหน้าของเด็กสาวโดยไม่ตั้งตัวจนเกือบทำให้จานเซรามิกเกือบหล่นแต่เด็กสาวกำมันไว้แน่นเลยไม่เป็นไร
"เธอมาทำอะไรที่นี้" เดเมี่ยนเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก
"เอ่อคือ ฉันมาช่วยงานครอบครัว"
"ถ้าเสร็จธุระแล้วก็รีบๆกลับไปได้แล้ว แค่นี้ก็น่ารำคาญมากพออยู่แล้ว"
'ที่เค้าเป็นแบบนี้คงจะเจออะไรมาเยอะ' เธอคิดในใจจากที่ดูแล้วหมอนี้ถ้าจะเป็นเด็กบ้านแตก ต้องใจเย็นกับเค้าหน่อยแล้วกัน เธอยิ้มตอบเด็กหนุ่ม
"แล้วก็ช่วยเข็นรถถาดอาหารให้มันเบาๆหน่อยๆคนเค้ารู้กันหมดแล้วว่าเธอจะมาน่ะ แล้วการแอบฟังคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่คนเค้าควรทำพูดไว้เผื่อเธอไม่รู้"
'ทนไหว มิลลี่ ทนไหวก็แค่เด็กบ้านแตกคนนึง ใยหน้าเด็กสาวยังคงยิ้มไว้
"งั้นฉันจะระวังให้มากขึ้นนะ แล้วก็ขอตัวก่อนนะยังมีหลายอย่างที่ฉันต้องทำน่ะ" เธอวางจานลงกับโต๊ะก่อนจะเดินผ่านร่างของคุณชายตรงหน้าเธอไปแต่ทว่าคำพูดนึงของเดเมี่ยนนั้นทำให้เด็กสาวถึงกับหยุดชะงัก
"ขนมพวกนี้บ้านเธอเป็นคนทำงั้นสิ ไม่แปลกใจที่จะมาจากบ้านเธอ" เค้าเว้นระยะ "หวังว่าวัตถุดิบคงจะยังไม่หมดอายุซะก่อนนะ" เธอกำมัดแน่นระงับอารมณ์ไว้ หายใจเข้าออกนับ1-100
"อย่างน้อยเพนนีเวิสก็น่าจะรู้จักเลือกร้านก่อนจะสั่งมาเป็นโหลแบบนี้ ฉันกลัวว่าทานไปคงจะท้องเสียซะเปล่าๆ" เด็กหนุ่มพูดแดกดันพลางจับขนมพวกนั้นอย่างรังเกียจ
เส้นขีดจำกัดของมิลลี่ได้ขาดสะพรั้งออกเป็นสองส่วน เธอกลับหลังหันมองหน้าเดเมี่ยนตาต่อตา ในตอนนี้เวลามรณะของเดเมี่ยน เวนย์ก็ได้มาถึงเริ่มจากการนับถอยหลัง
3
2
1
"พอกันที ฉันไม่ทนแล้ว" ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เพิ่งได้ยินคำดูถูกที่สุดก็คงจะเป็นชายคนนี้แหละจะเป็นเด็กบ้านแตกมาจากไหนเธอไม่แคร์แล้ว ตอนนี้คนตรงหน้าเธอได้เละแน่
"ตอนแรกฉันก็เห็นใจนายหรอกนะ กะว่าจะไม่โกรธกับคำพูดนายแล้ว แต่ตอนนี้ฉันคิดผิดเองแหละ" คำด่าปนบ่นได้พรั้งพรูออกมาจากเด็กสาวที่ถูกกลัดกลั้นไว้มานาน ตอนนี้เธอไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าจะเป็นใครมาจากไหนแต่ว่ามาหยามกันแบบนี้ เธอไม่ปลื้ม
"รู้ไว้ซะพ่อหนุ่ม พ่อนายเป็นนายจ้างงานนี้ไม่ใช่นาย นายไม่มีสิทธิที่จะมาไล่ฉันไปไหนหรอกนะ ที่นายกำลังติว่าขนมพวกนั้นที่บ้านฉันทำมาให้นายกิน นั้นรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะทำทั้งหมดนี้เสร็จให้ทันเวลา นี้ยังไม่นับเวลาที่ต้องเตรียมส่วนผสมกับต้องโต้รุ่งทำทั้งวันทั้งคืนจนสายตัวแทบขาดมันเป็นยังไง" เธอทำท่าประชดนึกคิดกอดอกอยู่กับตัว
"อ้อลืมไป นายไม่รู้ เพราะนายก็เป็นได้แค่เด็กบ้านแตกที่เวลาไม่พอใจก็ชอบลงอารมณ์กับคนอื่นเท่านั้น"
สายตาของเดเมี่ยนดูตกใจกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างมาก ภาพของเด็กสาวที่โกรธหน้าแดงก่ำ ไม่เหลือเค้าโครงใบหน้าที่สดใสไว้แม้แต่น้อย
"ฉันไม่รู้ว่านายมีปัญหาครอบครัวอะไรหรอกนะแต่การที่นายมาลงที่ฉันมันไม่ดูเด็กไปรึงไง" มิลลี่หันมือที่ชี้มาที่ตัวเอง
"นี้เธอได้ยิน-" ยังไม่ทันที่เด็กชายจะพูดอะไรก็ถูกขัดไว้ซะก่อน
"ยังๆ ฉันยังพูดไม่จบ ลืมไปพูดขัดคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ พูดไว้เผื่อนายลืม" เธอชูมือห้ามอีกฝ่ายไว้ซึ่งนั้นทำให้เดเมี่ยนต้องถึงกับเหงื่อตกพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เดเมี่ยน เวนย์ที่เคยเป็นหนุ่มเงียบครึมไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดถึงกับต้องเงียบปากให้กับเด็กสาวผมบลอนด์ตรงหน้าซะงั้น
"แล้วไอ้ที่บอกว่ารำคาญฉันน่ะ ขอพูดหน่อยเหอะ ฉันก็ไม่ได้พิศวาศนายนักหรอก ที่พูดกับฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน บอกว่าตัวเองดีนักดีน่าขอทีเหอะ ไม่คิดว่ามันหลงตัวเองจนน่าเกลียดไปหน่อยหรอ ฉันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าพูดเข้าข้างตัวเองแบบนี้อยู่บนโลก"
"ก่อนอื่นนายต้องเลิกนิสัยปากปีจอของนายสักทีเหอะ ถ้าลดตรงจุดนี้ได้นายจะน่าคบมากขึ้น อีกอย่างถ้าจะแอบสูบบุหรี่ล่ะก็คนเค้ารู้กันทั้งโลกหมดแล้ว เพราะอะไรนะเหรอ กลิ่นมันโฉยมาแต่ไกลเลยไงละ ฉันได้กลิ่นนายตอนที่นายนั่งข้างๆฉันทุกวันเลยด้วยซ้ำ สูบให้มันน้อยลงหน่อยไม่ก็ใช้ยาดับกลิ่นหรือไม่ก็หยุดสูบไปเลยยิ่งดี ดีทั้งคนอื่นและสุขภาพนายด้วย"
จากการที่ด่าเรื่องเจ้าตัวตอนนี้เธอได้บ่นเรื่องปัญหาสุขภาพแทนซะได้ มิลลี่ได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเค้ามาเป็นสัปดาห์ได้ ตอนแรกก็ไม่ได้เหม็นขนาดนี้หรอกแต่ยิ่งนานๆไปชักจะหนักขึ้นทุกวัน
"ฉันไม่สนหรอกนะว่านายจะเป็นลูกของบรูซ เวนย์ หรือใครก็เหอะ นายไม่ใช่จุดศูนย์กลางของโลกใบนี้ที่ทุกคนจะมาสนใจในตัวของนายรวมถึงฉันด้วย ฉันจะเตือนนายอย่างสุดท้าย นายจะว่าจะด่าฉันยังไงก็เชิญแต่นายไม่มีสิทธที่จะมาดูถูกครอบครัวฉันหรือแม้กระทั้งรสชาติขนมที่พวกเค้าทำด้วย รู้-ไว้-ซะ"
เธอจิ้มไปที่หน้าอกของเด็กหนุ่มสามครั้งเน้นๆพร้อมสามคำสุดท้าย มิลลี่หายใจเข้าเฮือกใหญ่สงบสติอารมณ์ตัวเอง เธอพยายามปรับน้ำเสียงที่ดูโกรธเคืองให้เบาลงมาเป็นปกติ พลางฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดประโยคสุดท้าย
"ถ้านายเข้าใจที่ฉันพูดงั้นฉันขอตัวก่อนนะ เวนย์"
เธอสะบัดตัวเดินหนีไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรถึงยืนอยู่ตรงนั้นดูเหมือนคุณชายตอนนี้จะกำลังอึ้งกับคำด่าเป็นร้อยเป็นพันของผู้หญิงตรงหน้าเป็นแน่
มิลลี่เอามือกุมขมับตัวเอง โชคดีจริงๆที่พ่อแม่ไม่มาเห็นเธอสภาพนั้น กลับบ้านไปคงต้องกินยาพาราสักหนึ่งแผงเลยทีเดียว
" You can mess with me, but not my Family !!!!! "
ความคิดเห็น