"กลับมาแล้ว" เสียงของเด็กสาวพูดกับชายหนุ่มใส่แว่น เธอใส่รองเท้าแตะเดินในบ้านเดินผ่านเขาตรงไปยังห้องครัวที่ติดอยู่กับทางเดิน ชิยูกิวางกระเป๋านักเรียนไว้บนเคาเตอร์ เธอเปิดตู้เย็นเพื่อที่จะหยิบเครื่องดื่ม 'ชาเขียวรสดั้งเดิม'เย็นๆรินใส่แก้วดับกระหาย
"โรงเรียนวันแรกเป็นไงบ้าง" ชายใส่แว่นถาม เด็กสาวดื่มชาเขียวปาดน้ำที่เลอะขอบปาก
"ก็ปกติดี มั้งนะ"
"หมายความว่าไงคำว่า มั้งนะ" เขาถามด้วยความแปลกใจมือเท้าคางบนเคาเตอร์ตั้งใจฟังเรื่องราว ชิยูกิยักไหล่ตอบ
"ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่วันนี้มีเด็กผู้ชายแปลกๆ มาโรงเรียนตอนคาบโฮมรูมและเดินเข้ามาบอกว่า 'วันนี้ผมจะไม่มาโรงเรียนอีกต่อไปเพราะมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ต้องไปทำ' " เธอดัดเสียงทุ้มในท่อนประโยคท้าย มันไม่ใช้เรื่องปกติแน่ๆถ้ามีคนมาทำอะไรแบบนี้ที่โรงเรียน
"สมัยตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ก็มีพวกบ้าๆแบบนี้อยู่อ่ะนะ อย่างหมอนั้นน่ะ" ชิยูกิหัวเราะในลำคอ
"เหอะอย่างหมอนั้นเรียกว่า โรคจิต คงจะเหมาะกว่าบ้านะ" เมื่อดื่มเครื่องดื่มเสร็จชิยูกิได้เอาแก้วไปวางไว้ในซิ้งน้ำและสังเกตว่ามีแก้วอยู่สองใบที่ยังไม่ได้ล้างกับจานขนมที่เอาไว้ต้อนรับแขกออกมา มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ถ้าไม่ใช่คนสนิทของบ้านนี้ จึงพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร
"มีคนมาบ้านหรอวันนี้ชิซึโอะหรือว่า" เธอถามแต่ยังไม่จะจบประโยคชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าคำต่อไปของเธอจะพูดถึงใคร
"ใช่ หมอนั้นแหละ" หมอนั้นที่ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นใคร แปลก แปลกเกินไปแล้วหรือว่าแค่เรื่องบังเอิญแต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ อะไรมันจะเหมาะเจาะกันเกินไปแล้วเด็กสาวคิด จากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันกับตอนนี้หมอนั้นไม่น่าจะแค่มาเยี่ยมเฉยๆแน่ๆ
"เจ้านั้นมาทำไม มีคนจะให้นายผ่าตัดให้รึไง"
"เปล่าหรอกก็แค่มาแวะมาคุยน่ะ" ชายหนุ่มโบกมือปฎิเสธ
"ไม่ได้เอาเรื่องมาฝากใช่ไหม" เธอถาม
"น่าจะยังงั้นนะ ถ้าที่คุยด้วยน่ะ" ถึงจะได้ยินคำตอบแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชิยูกิวางใจลงแม้แต่น้อยก็คนแบบนั้นไม่มีครั้งไหนที่จะไม่เอาปัญหามาฝากหรอก
ความมืดค่อยๆเข้าปกคลุมแทนแสงตะวัน เมืองอิเคบุคุโระในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงที่เปรียบเสมือนเปลวไฟที่คอยดึงดูดแมลงเม่า
คนโง่ที่ถูกดึงดูดด้วยแสงสีเสียงหากไม่ระวังพอก็อาจจะมีจุดจบเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟก็เป็นได้
ณ ตึกร้างที่ถูกปิดมานาน อาจจะเป็นเพราะเจ้าของอาจจะไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่า หรือเพราะติดหนี้ใครจะไปรู้ละอาจจะเป็นได้หลายอย่าง
ชายหนุ่มในชุดสีดำทมิฬทั้งตัว เสื้อโค้ทสีดำประดับด้วยขนสัตว์ที่ฟูนิ่มสีน้ำตาลตรงฮูตแทรมแต่พอมองไกลๆก็เหมือนเงาที่ไม่มีร่างเจ้าของเดินไปมาอย่างอิสระ ในมือกดเล่นมือถือท่ามกลางความมืด แสงจากท้องถนนคอยสอดส่องตามหน้าต่างใบหน้าประดับยิ้มบ่งบอกถึงความพอใจกับผลที่แสดงออกมาจากหน้าจอ
เขาอยู่ในตึกร้างแห่งนึงซึ่งคนสติดีๆคงไม่มาอยู่ในที่ๆอันตรายกลางดึกดื่น ก็อาจจะถ้าจะมีพวกไร้บ้าน คนที่พร้อมจะทำเรื่องธุรกิจสีเทาแต่ไม่ใช่ชายคนนี้ เพราะเขาร้ายกาจกว่าพวกที่กล่าวมาทั้งหมด
เสียงของม้าร้องดังระงมไปทั่วตึก เงามืดค่อยๆกลืนกลินแสงจากไฟทางถนน ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ พัสดุ ของเขาได้มาถึงที่แล้ว เขาได้ปิดหน้าจอมือถือพลางหันไปมองกับผู้มาเยือน สาวในหมวกกันน็อคสีเหลืองที่มีรูปทรงหูแมวในชุดหนังสีดำที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไซต์สีดำขัดเงา
รถคันนี้ไม่เปิดไฟหน้า ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ใดๆ แม้กระทั้งหัวคนขับก็ยังไม่มีนั้นแหละ อ่านไม่ผิดหรอก เธอไม่มีฟัวและเป็นตำนานเล่าขานชื่อดังแห่งเมืองอิเคบุคุโระแห่งนี้ ไรเดอร์ไร้หัว ตำนานที่กล่าวกันว่าจะมีนักขี่มอเตอร์ไซต์ที่ไร้หัวในคราบทมิฬที่ชอบขับไปทั่วเมือง
รถมอเตอร์ไซต์สีดำได้ขับมาจอดตรงหน้าชายหนุ่ม ด้านหลังของเธอมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำมีสติกเกอร์ติดไว้ตัวใหญ่ว่าพัสดุเปราะบางแตกง่ายไว้ทั่วกระเป๋า มีเงาสีดำถูกพันรอบกันกระแทกเต็มไปหมด
"มาเร็วเหมือนเคยเลยนะ" ชายหนุ่มหยิบซองกระดาษสีน้ำตาลหนาปึกใหญ่ยื่นให้กับไรเดอร์ไร้หัว
สาวในชุดหนังสีดำซองมาและเปิดมัน มีธันบัตรฟ่อนใหญ่อยู่ในนั้น เธอใช้นิ้วเกลี่ยนับตรวจเช็คจำนวนเงินนั้นว่าครบไหม และสิ่งที่เกินคาด เงินไม่ได้ขาดแม้แต่น้อย เธอหยิบมือถือของตัวเองมาพิมพ์ข้อความบางอย่างให้ชายหนุ่มดู
'มันไม่เยอะไปหรอสำหรับของวันนี้น่ะ' เงินมันเกินจำนวนตามที่ตกลงไว้มาหลายหมื่นเลยด้วยซ้ำไป
"ไม่เลยที่ให้ไปยังน้อยไปด้วยซ้ำ ฉันยังให้เธอเพิ่มได้อีกนะ" เขาพูดพร้อมที่จะหยิบเงินขึ้นมาเพิ่ม ไรเดอร์ชูมือปฎิเสธแล้วกลับไปพิมพ์ข้อความ
'ไม่ละ แค่นี้ก็พอแล้ว' ถึงเธอจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกนี้แต่ก็ยังมีจิตใต้สำนึกอยู่
เธอได้รูทซิบชุดหนังของเธอลงเผยให้เห็นผิวสีขาวผ่องที่ดูตัดกับชุดหนังสีดำเงา เธอใส่เงินเข้าไปในชุดก่อนจะรูทซิบปิดกลับที่เดิม
ไรเดอร์ไร้หัวได้ใช้เชือกสีดำหรือถ้าจะให้พูดก็คือเงาของเธอมันเป็นพลังพิเศษบางอย่างที่เป็นส่วนนึงของเธอในรูปเงาสีดำที่จะคอยเปลี่ยนรูปร่างต่างๆตามสิ่งที่เธอคิด เงาปริศนานั้นได้ยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำวางลงกับพื้นลงอย่างนุ่มนวล
"หวังว่าคงไม่ได้ไปเอาของลำบากนะ" ชายหนุ่มพูด
'แต็กๆ' ไรเดอร์ไร้หัวพิมพ์ข้อความบางอย่างให้กับอีกฝ่าย แหงละก็เธอไม่มีหัวจะให้สื่อสารด้วยวิธีไหนได้อีก
'ในกระเป๋านั้นมีอะไรกันแน่ ' เธอชี้ไปยังกระเป๋าเดินทางปริศนา
"ทำไมละ" เขาก้มตัวลงไปลูบกระเป๋าใบนั้นอย่างเอ็นดู
'ก็ดูจากจำนวนเงินที่นายให้บวกกับมันมีน้ำหนักมาก ขนาดฉันเองก็แทบจะยกมันขึ้นมาไม่ไว้ด้วยซ้ำ' ถึงภายนอกกระเป๋าดูเหมือนจะยกง่ายแต่จริงๆแล้วมันหนักมากจนผิดปกติขนาดที่ว่าผู้ชายที่แข็งแรงอาจจะต้องใช้แรงเยอะพอสมควร
"เธออยากรู้จริงๆหรอ เดี๋ยวเธออาจจะนอนฝันร้ายไปหลายคืนเลยก็ได้นะ" ชายหนุ่มยกมือขึ้นไว้ระหว่างแก้มขยัยนิ้วไปมาเหมือนหนวดปลาหมึกเพื่อทำให้ตัวเองเหมือนภูติผี สำหรับคนตรงหน้าแล้วเหมือนจะไม่ตลกตาม
"ล้อเล่นน่า ก็แค่สิ่งสำคัญสำหรับโชว์วันนี้ต่างหากละ"
'โชว์งั้นหรอ นายแสดงโชว์เป็นงานเสริมตั้งแต่เมื่อไร'
"ฉันทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วแค่เธอไม่รู้เท่านั้นแหละ" ชายหนุ่มหยักไหล่
'นายนี้พิลึกคนชะมัด'
"ฉันจะถือว่านั้นเป็นคำชมก็แล้วกัน"
'เอาเถอะ ก็ขอแค่งานโชว์ของนายจะไม่ทำให้คนอื่นลำบากก็พอ'
"ฉันเคยทำให้ใครลำบากด้วยรึไง" ประโยคนั้นเองก็ได้นำพาความเงียบเข้าปกคลุม เธอไม่พิมพ์ตอบกลับ ซึ่งนั้นก็พอจะเป็นคำตอบให้รับรู้
"ใจร้ายกันจังน้า" ไหล่ชายหนุ่มตกลงแสดงความเสียใจซึ่งเขาคนนี้ไม่เคยเสียใจหรอก "ว่าแต่ว่าตอนที่เธอไปรับพัสดุ มาถึงที่นี้ใช้เวลาไปเท่าไร" ไรเดอร์สาวกอดอกหยุดนิ่งคิดสักพักก่อนจะพิมพ์ข้อความ
'ประมาณสามสิบนาที ทำไม อย่าบอกนะว่าข้างในเป็นระเบิด' มือของเธอเริ่มสั่นเมื่อโชว์ข้อความให้ดู ชายหนุ่มส่ายหน้าให้ พลางเอามือลูบไปที่กระเป๋าใบนั้นอีกครั้ง
"ไม่ใช่หรอก" เขาเว้นระยะก่อนจะพูด "ก็แค่ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช่น่ะ"
"ฮัดชิ้ว" เสียงจามดังมาจากห้องนั่งเล่น ร่างของเด็กสาวในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นใส่สบายๆนอนอยู่บ้าน กำลังนั่งดูรายการทีวีอยู่ดีๆก็จามขึ้นมา ไม่ได้มีไข้หรือคัดจมูกรู้สึกขนลุกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก เธอเอามือลูบแขนของตัวเอง
กลิ่นหอมกรุ่นลอยมาจากห้องครัวที่ติดกัน เธอชะเง้อหน้าขึ้นมาก็เห็นชายหนุ่มในผ้ากันเปื้อนกำลังทำอาหารเย็น ชักจะเริ่มหิวแล้วแหะ
"นี้ กับข้าวจะเสร็จยังอ่ะ" เธอตะโกนถามอีกฝ่าย
"อีกสักพักน่ะ" เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นจึงเดินตรงไปที่ตู้เย็น บ๊วยดอง ผักสดและของดิบๆที่กินเปล่าๆไม่ได้ภายในนั้นไม่มีอะไรพอที่จะลองท้องของเด็กสาวได้เลย หน้าของเธอมุ้ยลงมาเล็กน้อย
เธอหันไปมองนาฬิกา เวลา17:30น. เธอมองออกไปนอกหน้าต่างยังมีแสงอาทิตย์อยู่ร่ำไรไม่มืดมากนัก
ยังไม่ค่อยมืดเวลานี่ผียังไม่ออก ไปหาอะไรลองท้องมากินดีกว่า ถ้าไปตอนนี้คงไม่น่าจะเป็นอะไรคนก็เยอะเกิดไรขึ้นก็โทรหาชิซึโอะไม่ก็วิ่งเข้าฟูงชนเอาก็แล้วกัน แล้วก็ร้านสะดวกซื้อเองก็ไม่ไกลจากที่นี้มากด้วย
เธอเดินเข้าห้องไปก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลอง เสื้อยืดสีเทาตัวเดิมแต่กางเกงเป็นขาสั้นสีขาวกับหมวกแก็ปเพื่อเอาไว้ใส่ปิดบังใบหน้าเล็กน้อยกับกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก
"จะออกไปข้างนอกหรอ" ชายหนุ่มหันมาหาเด็กสาวก็พบว่าเธออยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก
"หาไรลองท้อง เดี๋ยวกลับมา"
"เดี๋ยวก็กินมื้อเย็นไม่ลงหรอก"เด็กสาวโบกมือปัดเป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหา
"ฉันไม่กินไม่เยอะหรอก งั้นไปก่อนนะ" ชิยูกิเดินสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะบอกตะโกนกลับไป
"อย่ากลับดึกก็แล้วกัน ไปดีมาดีนะ" เขาพูดจบก่อนจะกลับไปทำกับข้าวตามเดิม
"ค่า"เธอตะโกนลากเสียงตอบก่อนจะเดินออกจากห้องไป
จากร้านสะดวกซื้อกับบ้านของเธออยู่ห่างไปประมาณ20นาที ไปกลับก็40นาที กลับไปพอดีมื้อเย็นก็คงจะเสร็จพอดี มันเป็นเวลาที่คนหลายคนอาจจะเลิกจากงานไม่เลิกกิจกกรมโรงเรียน ผู้คนเลยต่างพากันออกมาเต็มไม่ต่างจากรถที่ติดเต็มถนนซักเท่าไร
เดินมาได้สักพักก็เจอกับร้านสะดวกซื้อ ชิยูกิเดินเข้าร้านไป ร่างของเธอเดินตรงไปยังโซนขนมเลือกพวกมันฝรั่งทอดไม่ก็เยลลี่มาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตู้ขายน้ำหยิบน้ำอัดลมออกมา
"ทั้งหมด650เยนครับ" เสียงพนักงานพูด เธอยื่นเศษเหรียญให้กับพนักงานพอดีจำนวน ก่อนจะรับของมา ชิยูกิแกะฝากระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาซดหลายอึก
"ตืดๆ"เสียงเตือนเข้าข้อความดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู
xx/xx/xx time 17:50
To: Shiyuki
From: Shinra
ฝากซื้อซอสหอยนางรม โชยุ มิโสะกับหัวหอมมาหน่อยของสำหรับมื้อเย็นวันนี้น่ะ
ชิยูกิคิ้วขมวด ไม่ใช่ว่าเค้ากำลังจะทำเสร็จหรอกหรอเธอสงสัย ซุปเปอร์มาร์กเก็ตก็ต้องเดินออกไปอีก20นาที ให้ตายเหอะ ลืมนะมันลืมได้แต่ทำไมต้องมาลืมวันนี้ด้วย
xx/xx/xx time 17:53
To: Shinra
From: Shiyuki
ไม่ฝากเซลตี้ละ เธอน่าจะอยู่ในระหว่างทางกลับบ้าน
เด็กสาวกดส่งข้อความกลับไปยังไม่ถึงนาทีข้อความก็ถูกตีกลับมา
xx/xx/xx time 17:54
To: Shiyuki
From: Shinra
เธอกลับดึกน่ะวันนี้ ฝากด้วยนะ เงินโอนไปให้แล้ว
ชิยูกิถึงกับคอตกทันทีเมื่อได้เห็นข้อความกับข้อความที่เงินโอนมาให้เรียบร้อยแล้ว
"ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี้ย"
"ทั้งหมด 1500เยนค่ะ" เสียงพนักงานแคชเชียร์พูดคำนวนเงินที่ต้องจ่าย สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องมาซื้อของให้ เธอหันออกไปมองข้างนอกประตูใสก็พบว่าฟ้ามืดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เด็กสาวเปิดมือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลา 18:45 pm สายป่านนี้แล้วหรอเนี้ย เพราะต้องใช้เวลาเลือกของเลยกินเวลาพอสมควร
ท้องฟ้าเข้าสู่ความมืดเป็นที่เรียบร้อย เธอคว้าของทั้งหมดแล้วรีบมุ่งเดินตรงกลับบ้านทันที "ตืดๆ" เสียงข้อความดังขึ้นมาชิยูกิเดินไปพลางกดมือถือไปด้วย เมื่อเปิดข้อความเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้รับ
xx/xx/xx time 18:50
To: Shiyuki
From: Shinra
นี้เธอไปเตรดเตร่ที่ไหนตั้ง1ชั่วโมงกว่า ไหนบอกว่าจะไปซื้อแค่ของว่างกับข้าวเย็นหมดแล้ว
ชิยูกิถึงกับต้องหยุดชะงักกับข้อความที่เห็นทันที หมายความว่าไงแล้วที่บอกว่ากับข้าวจะเย็นหมดหมายความทำเสร็จ แล้วทำไมเค้าต้องการให้เธอมาซื้อของอีกละ อย่าบอกนะว่า
"เจอตัวแล้ว" เสียงทุ้มปริศนาดังขึ้นมาจากด้านหลังมันเป็นประโยคเดียวกับเจ้าคนหัวเหลืองที่พูดกับเธอเมื่อหลังเลิกเรียนแต่ว่าเสียงแบบนี้ไม่มีทางที่จะบังเอิญเป็นคนเดียวกันแน่นอน
ตามสัญชาตญาณเธอกลับตัวหันหลังเอาถุงที่ซื้อของมาจากร้านซุปเปอร์มารก์เก็ตฝาดกับไปร่างด้านหลังอย่างจังแบบไม่มีการลังเลทั้งสิ้น ไม่สนแล้วว่าคนดีคนชั่วที่ไหน
"อ้ากกกกก" เสียงชายหนุ่มใส่แว่นในชุดสุทสีน้ำตาลตะโกนดังลั่น หน้าของเขาหันไปอีกทางพร้อมกับแว่นที่หลุดจากแรงของขวดซอสและหัวหอม กลุ่มคนแถวนั้นหันหน้ามามุ่งดูสถานการณ์
"นี่เธอ...." ชายหนุ่มผู้โดนกระทำชี้หน้ามาที่เธอพูดเสียงเข้ม
ไม่ผิดแน่ ไม่ผิดแน่ๆ ฝีมือหมอนั้นชัวร์100% ชิยูกิรู้ต้นตอแบบไม่ต้องหาคำตอบ เธอไม่รอให้อีกฝ่ายพูด ชิยูกิรีบเปลี่ยนเกียร์ซอยเท้าวิ่งทันทีแน่ละใครจะไปอยู่สู้กันละ
"อาซานุมะ เธอหนีไปแล้ว" ชายหนุ่มใส่แว่นที่โดนฝาดรีบโทรหาพรรคพวกทันที เมื่อเธอเริ่มวิ่ง รถตู้สีดำคันใหญ่ก็ขับตามเธอทันที เมื่อชิยูกิเห็นซอยเล็กๆที่รถใหญ่ไม่น่าจะขับผ่านได้เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
"เธอวิ่งเข้าไปในซอยแล้วน่าจะไปโผล่อีกฝากของตึก" ชายร่างอ้วนที่ขับรถตามหรืออาซานุมะโทรหาบอกพรรคพวกของเขา
เสียงหายใจหอบของเด็กสาววิ่ง ไปตามซอกซอยเล็กๆ เธอวิ่งไม่หยุด ขาเริ่มเมื่อยล้าแต่ทว่าก็ไม่สามารถหยุดได้ ถ้าหยุดละก็มีหวังเกมจบอย่างเดียว เธอวิ่งจนถึงสุดซอยที่โผล่มาจากอีกตึกนึง ซึ่งแถวนั้นก็แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาเลย
ซึ่งมันอันตรายสุดๆ เธอหันหลังกลับไปเพื่อดูว่ามีใครตามเธอมาไหมแต่ก็ไม่มีใครตามมา เธอหยุดวิ่งพักหายใจชั่วครู่
'หมับ' อยู่ดีๆก็มีคนเข้ามาคว้าเข้าที่แขนข้างที่เธอถือของไว้จนหล่น เธอหันไปก็พบกับชายหนุ่มในชุดสูทที่เธอเจอตอนแรก แว่นของเข้าบิ่นกรอบแว่นแตกและใบหน้าของเขามีรอยแดงห้อเลือด เห็นได้ชัดว่าเธอฝาดเข้าหนักแค่ไหน
"เจอตัวแล้วยัยตัวดี" เขาพูดใบหน้าเปื้อนยิ้มชั่วร้าย
มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็รูดซิบกระเป๋าใบจิ๋ว พลางคว้าสเปรย์พริกไทยที่เตรียมไว้ฉีดเข้าไปที่หน้าของชายตรงหน้าเต็มๆ ถึงจะใส่แว่นแต่ผงละอองก็ผ่านไปได้อยู่ดี
เธอต้องเตรียมอาวุธป้องกันตัวไว้แน่นอน เมื่อพบข้อความเมื่อตอนกลางวัน ไม่สิเมื่อดันไปรู้จักกับคนแบบนั้น ยังไงก็ต้องมีอาวุธอย่างสองอย่างกับตัวเองทั้งนั้นแหละ
"อ้ากกกกกกกก" ชายหนุ่มตรงหน้าเอามือขยี้ป้องปิดตาจากความแสบร้อน
"อาซานุมะ คาซานาวะพวกแกหายหัวไปไหนกัน" ชายหนุ่มตะโกนเรียกชื่อของใครบางคนออกมาผ่านมือถือ ยังมีอีกสองคนที่ต้องรับมือ
ชิยูกิวิ่งไปทางถนนใหญ่แต่ก็ดันมีรถตู้สีดำคันที่เธอวิ่งตามขับมาขว้างเธอไว้ เมื่อเธอจะวิ่งไปอีกทางที่เธอผ่านมาก็ถูกชายหนุ่มใส่แว่นกันไว้ ตาของเขาแดงจากความแสบใบหน้าขึ้นสีแดงด้วยความโกรธ
เมื่อหันซ้ายหันขวาก็ไม่มีซอยหรือเส้นทางให้เธอหลบหนีไปได้เลย ชายหนุ่มร่างอ้วนก้าวออกมาจากรถพร้อมกับผ้าสีขาวพื้นใหญ่
"มากับเราดีๆจะได้ไม่เจ็บตัวนะสาวน้อย" ชายร่างอ้วนพูดพลางเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ชิยูกิไม่พูดอะไร ใช้หางตา มองไปที่พื้นก็เห็นขวดซอสหอยนางรมกลิ้นอยู่แถวนั้นเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปขว้าขวดนั้นก่อนจะปาไปหาชายร่างอ้วนตรงหัวเต็มๆ จนขวดแตกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างของอีกฝ่ายในตอนนี้เต็มไปด้วยสีและกลิ่นโชยุทั้งตัวและในที่สุดร่างของเขาล้มลงไปนอนกับพื้น ส่วนชายหนุ่มใส่แว่นก็คว้าเข้าตัวเธอจากด้านหลัง แต่เด็กสาวเองก็ไม่ยอม เธอดิ้นไปมาอย่างแรงเพื่อที่จะให้หลุด
"อย่าดิ้นให้มากจะได้ไหม" ชายร่างผอมพูดเสียงเข้มผ่านหลังหูแต่มีรึจะฟัง ชิยูกิตัดสินใจทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านหน้ากะทันหันจนชายที่กอดเธอจากด้านหลังที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงกับเซหัวเกือบทิ่มไปด้านหน้า และจังหวะนั้นเองเธอได้กระเด้งตัวขึ้น หัวกระแทกเข้ากับคางอย่างแรงและทิ้งตัวไปด้านหลังจนทับเขา
ชายใส่แว่นถึงกับจุกลงไปนอนกับพื้น เธอมองคนที่นอนขดตัวเป็นกุ้ง กับอีกคนที่ตัวเต็มไปด้วยโชยุ มีแค่สองคนแต่เดี๋ยวก่อนนะเมื่อกี้เจ้าแว่นเรียกชื่อมาสองคน ถ้านับหมอนั้นก็เป็นสามแล้วอีกคนหายไปไหน
"หาฉันอยู่หรอคนสวย"เสียงทุ้มแอบแหลมเล็กน้อยปริศนามาจากด้านหลังยังไม่ทันที่เธอจะตั้งตัว เธอก็โดนผ้าสีขาวโปะเข้าใบหน้าเธอเต็มๆ ณ ตอนนั้นเธอพยายามที่จะกลั้นหายใจไม่สูดดมกลิ่นเคมีที่อยู่ในผ้าแต่ด้วยความที่เธอไม่ได้ตั้งตัวตอนแรก ชิยูกิจึงสูดดมไปบางส่วน
"อืมมมม อื้อออ" เสียงอู้อี้ในคอที่พยายามต่อต้าน เล็บจิกที่มือถือผ้าเช็ดหน้า
แต่ด้วยความที่สารเคมีแรงพอสมควร ความง่วงเริ่มเข้ามาหนังตาทั้งสองหนักขึ้นอย่างน่าประหลาด เธอดิ้นไปมาเท่าที่เธอจะออกแรงได้แต่ก็แรงของเธอก็ค่อยๆอ่อนลงเรื่อยๆ สมองเริ่มเบลอ มือที่จับผ้าปริศนาก็ปล่อยล่วงลงตามแรงโน้มถ่วง สติไม่อยู่กับตัวจนทุกอย่างดำมืดสนิทไป สิ่งสุดท้ายที่เด็กสาวนึกได้ก็คือ
ถ้าเจอหน้านะจะฝาดให้หน้าแหกเลยคอยดู
Kanra: 'ถึงเธอไม่มา ฉันก็จะไปรับเธออยู่ดี'
THE GROUP OF KIDNAPPERS
Morita
Asanuma
Kanazawa
ความคิดเห็น