คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1
Warning
suicide : การฆ่าตัวตาย
ตอนที่ 1
" คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด คนฉลาดเป็นเหยื่อของคนแกล้งโง่ "
Samuel Finn
ซามูเอล ฟินน์ เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ประสบความสำเร็จตั้งเเต่อายุยังน้อย ถึงขั้นมีคำกล่าวที่ว่า เขาเกิดมาเป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะขึ้นไปอีก เเละถ้าเรียกเเบบนั้นก็คงไม่เสียหายอะไร เเต่ถ้าให้พูดปากเปล่าใครเขาจะเชื่อกัน งั้นเราลองมาย้อนดูความสำเร็จที่เกิดขึ้นช่วงชีวิตนี้กัน
ตอนอายุ 10 เดือน เด็กหลายคนอาจจะเเค่ส่งเสียงได้ไม่กี่ค่ำ เเต่สำหรับซามูเอลเขาสามารถเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูดเเละตอบโต้ได้ดีอย่างที่เด็กคนอื่นไม่มีวันทำได้
ตอนอายุ 2 ขวบ เขาเริ่มเข้าใจตัวอักษรในภาษาต่างๆ ไม่ว่าจะภาษาที่3 4 5หรืออะไรก็ตามเเต่
ตอนอายุ 5 ขวบ จากความซนที่เกิดจากการหยิบกระดาษเเผ่นหนึ่งขึ้นมา ที่มีเเต่ตัวเลขเเปลกๆก็เกิดความสนใจ เเละพยายามเรียนรู้เท่าที่เด็กอายุ5ขวบจะสามารถเรียนรู้ได้ ปรากฏว่านั่นเป็นสูตรเคมีตัวหนึ่ง...
ตอนอายุ 10 ขวบ กลายเป็นที่น่าตะลึงที่โจทย์คณิตศาสตร์ความยากระดับมหาวิทยาลัย ที่บางคนเห็นก็ถึงกับกุมขมับ เเต่เด็กคนนี้กับเเก้ได้อย่างสบายๆ
ตอนอายุ 13 ปี ได้มีโอกาสไปเเข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลกที่มีผู้เข้าร่วมนับหมื่นคน เเละคว้ารางวัลที่1ไปครองสำหรับการเเข่งขันในรุ่นของเด็กอายุ15ปี
ตอนอายุ 16 ปี โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากที่สุดในโลก ที่ยังไม่มีใครเเก้ได้ เกิดจากวันว่างๆที่ไม่รู้จะทำอะไร เลยลองหยิบขึ้นมาเเก้โจทย์เล่นๆ ปรากฏว่ามันก็ไม่ได้ยากสักเท่าไร
ตอนอายุ 17 ปี เรียนจบหลักสูตรจิตวิทยาควบด้วยกับการวิจัยเรื่องพันธุ์พืชจามหาวิทยาลัยชื่อเังระดับโลก ถือเป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดที่จบในหลักสูตรปริญญาตรี
ตอนอายุ 20 ปี เรียนจบปริญญาเอกหลักสูตรไวรัสวิทยาจากการเรียนเพียงเเค่2ปี หลังจากนั้นได้ได้รับการเชิญเข้าทำงานกับสถาบันวิจัยระดับโลก ที่เป็นเเหล่งรวบรวมหัวกะทิจากทั่วทุกมุมโลก
ตอนอายุ 23 ปี สามารถคิดค้นวัคซีนที่ช่วยรักษาโรคร้ายแรงได้ถึง 2 โรคด้วยกัน จนได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญระดับโลก ถือเป็นปีที่ซามูเอลประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิต
ตอนอายุ 24 ปี เขาได้รับรางวัลโนเบล ถูกขนานนามว่าอัจฉริยะรุ่นจิ๋ว เพราะไม่ใช่ใครก็ทำได้ เเละคิดว่าคงนับจากนี้ไปหลายสิบปี หรือหลายร้อย ที่จะมีใครทำได้สักครั้งหนึ่ง และอย่างสุดท้ายในวันนั้นซามูเอลก็ได้รับข่าวว่าพ่อเเละแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
และสุดท้ายตอนอายุ 26 ปี โลกก็ได้เสียบุคคลสำคัญไปชั่วนิรันดร์...
มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่จุดจบของคนที่กำลังรุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตต้องมาจบลง แต่เชื่อเถอะว่าถ้าย้อนกลับไปได้ ซามูเอลคิดว่าเขาก็คงจะทำแบบเดิมอยู่ดี
…………………………
ย้อนกลับไปตอนอายุ24 ในวันที่ซามูเอลได้รับรางวัลแห่งชาติ
หลังจากสิ้นสุดพีธีการรับรางวัล โทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นจนสัมผัสได้ ซามูเอลล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู บนหน้าจอปรากฎชื่อของมารดาผู้ที่เขารักหมดหัวใจ
“สวัสดีครับ ฮันนีมูนสนุกหรือเปล่าครับ"
“สนุกครับลูก แล้วซานน้อยของม๊าไปรับรางวัลเป็นไงบ้างครับลูก”
“ก็พึ่งลงจากเวทีครับ เดี๋ยวซานก็ว่านะกลับห้องแล้ว ทีนี่คนเยอะมากก นักข่าวเต็มไปหมดเลย”
ซามูเอลที่ปลีกตัวมาหลังเวทีตั้งแต่รับโทรศัพท์ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่ผู้คนเยอะแยะและอย่างยิ่งคือเขาไม่ชอบการเป็นจุดสนใจ ก็เลยตัดสินใจมานั่งหลบมุมอยู่ข้างหลังดีกว่า
เสียงปลายสายหัวเราะออกมาเบาๆ “ไหนครับมา เปิดกล้องให้ม๊าเห็นหน้าคนเก่งหน่อยเร็ว”
ซามูเอลวางกล่องใส่เหรียญรางวัลลงบนโต๊ะข้างตัวแล้วใช้เป็นฐานในการวางโทรศัพท์ ก่อนจะกดเปลี่ยนเป็นโหมดวิดีโอ ซามูเอลยกมือขึ้นโบกน้อยๆ ทักทายคนอีกฝั่งทันที
“วันนี้ซานน้อยของม๊าน่ารักจังเลยครับ”
“ผมหล่อต่างหากกก ว่าแต่กำลังกลับที่พักกันหรอครับ” ซามูเอลยก ข้อมือขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากคำนวณเวลา
“ม๊าครับ ที่นู้น2ทุ่มแล้ว ทำไหมยังอยู่ข้างนอกกันอีกครับเนี่ย”
“ม๊ากับป๊ากำลังจะกลับบ้านครับ”
“นี่มันยังไม่ถึงกำหนดวันกลับนี่ครับ ทำไมรอบนี้กลับกันเร็วจัง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” ปกติป๊ากับม๊าเขาจะไปฮันนีมูนกันอย่างต่ำก็เป็นอาทิตย์ เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้กว่าจะมีวันหยุดที่ตรงกันก็ค่อนข้างยาก แต่นี่พึ่งผ่านไปได้แค่3วันเท่านั้นเอง
“พอดีป๊าเขานึกได้ว่าลืมเอกสารสำคัญ แล้วม๊ามีงานด่วนเข้ามาพอดี ก็เลยรีบเดินทางกลับครับ”
“แล้วทำไมไม่รอกลับพรุ่งนี้เช้าละครับ ขับรถตอนนี้มันอันตราย”
“ไม่ต้องห่วง ระดับป๊าเขานะ” เสียงดังกุกกัก แล้วหน้าจอก็เปลี่ยนไปอีกด้าน เป็นป๊าเขาที่กำลังขับรถ และยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง ชูนิ้วโป้งให้ ก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วเอ่ยปากถามทั้งที่ตายังคงมองถนนอยู่
“ว่าแต่เราเถอะ มามัวแต่นั่งหลบมุมทำไม ไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆเขาบ้างสิ"
ซามูเอลบึนปากใส่คนปลายสาย “ป๊าก็รู้ว่าผมไม่ชอบคนเยอะๆ จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะมารับหรอก แต่ทางสถาบันเขาบังคับมา”
“แล้วเนี่ย ผมตื่นตั้งแต่เช้า เพราะต้องมาแต่งหน้าแต่งตัว วุ่นวายมาก ผมง่วงมากก อยากกลับไปนอนสุดๆ เลย คิดถึงเตียงนุ่มมมๆ” ซามูเอลบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟังไปเรื่อยเปื่อย แต่คนปลายสายนิ่งเงียบไปตั้งแต่ประโยคแรกจบไป
แอนนากับริชาร์ดสบตากันอย่างรู้ความ ก่อนจะเอ่ยปากบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ลูกครับ ถ้าจบงานนี้ ลูกอยากออกมาบริหารธุรกิจเราไหมครับ”
ซามูเอลเอียงคอมองอย่างสงสัย “ทำไหมละครับ ป๊ากับม๊าอยากให้ผมเข้าไปดูแลธุรกิจแล้วหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิงครับ ม๊าเห็นงานที่สถาบันของหนูเยอะมาก ม๊ากลัวเราเหนื่อย อย่างน้อยมาดูแลธุรกิจเรา หนูได้ไม่ต้องปวดหัวเรื่องงานวิจัยไงครับ”
“ผมก็บ่นไปงั้นแหละ ม๊าก็รู้ ว่างานวิจัยคือสิ่งที่ผมรัก ถึงจะเยอะและต้องปวดหัวกับคนใหญ่คนโตไปบ้าง แต่ก็สนุกดีครับ”
ใช่แล้ว สนุกดี เพราะเขาคุ้นเคยกับมันมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นงานต่างๆ จากป๊าม๊าตั้งแต่จำความได้ มันเลยซึมซับทุกอย่างมาหมด ส่วนเรื่องธุรกิจ ป๊ากับม๊าเขาทำหลายอย่าง แต่ที่หลักๆ เลยก็คือนำเข้าและส่งออกเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำกันมานานแล้ว เขาที่เป็นลูกชายคนเดียว ป๊ากับม๊าก็เลยหวังที่จะให้เขาเข้าไปดูแล แต่ทั้งสองก็ไม่เคยกดดัน ปล่อยให้เขาอยากทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ จนตอนนี้ก็เลยกลายมาเป็นนักวิจัยอายุน้อยไงละ แต่เห็นอย่างนี้ก็เรียกว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแหละ เพราะป๊าเขาก็เป็นนักวิจัยด้านการเกษตร ตัดและปรับแต่งสายพันธุ์พืช ส่วนม๊าก็เป็นนักวิจัยด้านไวรัสวิทยาเหมือนกัน ทั้งคู่ยังเคยได้รับรางวัลโนเบลอีกด้วย แม้ตอนนี้จะอายุเกือบจะเข้าเลข5แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังคงเป็นนักวิจัยกันอยู่
“ม๊ามีเพื่อนที่รู้จักเขาทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยนานาชาติ ที่ประเทศA ถ้ายังไง หนูย้ายไปทำงานที่นั่นดีไหมครับ”
“ทำไมละครับ อยู่ที่นู้นก็ดีอยู่แล้ว ถ้าต้องย้ายไปทำที่อื่น งั้นผมก็ไม่เจอป๊ากับม๊าเลยนะสิ ไม่เอาอะ อยู่บ้านเรา……”
แอนนาเอ่ยเสียงขัดขึ้นมาทันที “ไปเถอะนะครับลูก ม๊าทำเรื่องส่งชื่อหนูไปให้กับทางนั้นแล้ว”
“เชื่อม๊าเขาเถอะลูก ไปอยู่นู้นลูกจะปลอดภัย” ริชาร์ดพูดสนับสนุนขึ้นมาอีก ซามูเอลได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ปลอดภัยยังไงครับ นั่นก็บ้านเรา ถ้าไปอยู่ที่อื่น จะยิ่งไม่ปลอดภัยกว่าหรอครับ”
แอนนากับริชาร์ดได้ยินที่ลูกพูด ก็นิ่งเงียบไป จะให้บอกไปตามตรงได้ยังไง ว่าบ้านที่เราคิดว่าปลอดภัย มันอาจไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด แอนนาไม่เคยบังคับลูกเลยสักครั้ง เธอกับริชาร์ดตั้งใจเลี้ยงลูกมาให้เป็นตัวของตัวเอง กล้าคิด กล้าทำ แต่ครั้งนี้ถ้าเธอตามใจ ปล่อยให้ซามูเอลได้ทำสิ่งที่อยากทำ เขาคงไม่ปลอยภัยจากคนพวกนั้นแน่นอน
“หรือป๊ากับม๊ามีอะไรปิดบังผมหรือเปล่าครับ” ซามูเอลที่เห็นทั้งสองเงียบไป ความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ป๊ากับม๊าทำตัวผิดปกติ เพราะอย่างงั้นเขาเชื่อว่า มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ไม่มีไรครับลูก ม๊าแค่เห็นว่าที่ประเทศA ลูกจะได้ทำอะไรที่ลูกชอบได้ดีกว่าทีนี้ ไม่ต้องมาโดนสั่งห้ามทำนู้นนี่ด้วยไงครับ”
“อยู่ที่ไหนมันก็ไม่เหมือนบ้านเราหรอกครับ ว่าแต่ไม่ได้มีไรปิดบังผมจริงๆ ใช่ไหมครับ” ซามูเอลถามย้ำอีกครั้ง
ริชาร์ดที่ได้ยินแบบนั้น ก็ลอบสบตากับคนเป็นภรรยา ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วคว้าโทรศัพท์จากภรรยามาถือไว้ในมือ ขณะที่ยังจับพวงมาลัยอยู่ ซามูเอลที่เห็นแบบนั้นก็ร้องบอกทันที
“ป๊า! ขับรถอยู่ คุยโทรศัพท์ไม่ได้นะครับ!”
“ก็ถ้าป๊าพูด หนูจะได้เชื่อไงครับลูก” ริชาร์ดหัวเราะออกมา ที่เห็นคนลูกทำหน้าตาขึงขังใส่ “ป๊ากับม๊าก็แค่เป็นห่วงเรา อยากให้เราก้าวหน้าไปไกลๆ ถึงสถาบันที่เราทำงานอยู่มันจะดี แต่มันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ป๊ากับม๊าเห็นมา ที่สำคัญม๊าเขาไปเจอ……”
แอนนาที่ฟังอยู่รีบยกมือจับแขน เป็นการบอกให้หยุดพูดเรื่องที่จะบอกออกไปทันที แล้วส่ายหัวเบาๆ เป็นการบอกว่าอย่าเอ่ยออกไปเด็ดขาด ริชาร์ดที่เห็นแบบนั้นก็บอกกับภรรยาไป “ลูกควรได้รู้นะแอน”
ซามูเอลที่เห็นป๊าหันไปพูดกับม๊าก็ยิ่งสงสัย เขาควรรู้อะไร? แสดงว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?
“ผมควรจะต้องรู้อะไรไหมครับ?”
แอนนาพูดออกมาแบบไม่มีเสียง ‘ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นอันตราย’
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้เดี๋ยวเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน ลูกก็รีบกลับไปพักผ่อนได้แล้วนะครับ” ริชาร์ดตัดสินใจทำตามคำขอของภรรยา
“ก็ได้ครับ งั้นไว้เจอกันที่บ้านนะครับ” ซามูเอลเห็นป๊าถอนหายใจออกมา แม้จะอยากรู้แต่เรื่องบางเรื่องไว้คุยกันตอนเจอกันก็คงดีที่สุด
“ป๊ากับม๊า รักหนูนะครับ” ริชาร์ดมองแก้วตาดวงใจของเขากับภรรยาด้วยความรัก
“รักป๊ากับม๊าเหมือนกันครับ” ซามูเอลยิ้มรับ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วหน้าจอก็ดับไป เขานั่งอยู่ที่เดิมสักพัก พอเห็นคนเริ่มน้อยลงก็เก็บข้าวของและเดินออกจากทางประตูด้านหลัง ที่ทะลุออกไปยังลานจอดรถ มางานครั้งนี้เขาเลือกเช่ารถส่วนตัวมาแทนที่จะให้ทางสถาบันส่งคนมาดูแล เขาไม่ชอบความยุ่งยาก อีกอย่างทำแบบนี้มันไปไหนมาไหนสะดวกกว่าอีก
ปี๊น ปี๊นน!
ซามูเอลมัวแต่เดินมองหารถ จนไม่ได้สังเกตว่ามีรถกำลังจะเลี้ยวออก ด้วยความที่ตรงนั้นเป็นมุมพอดี ทำให้ไม่เห็นรถที่กำลังมา จึงสะดุ้งด้วยความตก เสื้อสูท รางวัลรวมถึงโทรศัพท์หล่นกระจัดกระจาย เขารีบก้มลงเก็บแล้วก้มหัวขอโทษคนในรถด้วยความเร่งรีบ หลังจากเก็บของรวบไว้ในมือเรียบร้อย ก็ก้มหัวลงขอโทษอีกครั้ง ก่อนนจะหมุนตัวรีบเดินออกไปขึ้นรถที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
“ขอโทษด้วยครับนาย”
ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังแค่พยักหน้ารับแล้วมองออกไปทิศทางเดียวกับที่คนนั้นเดินผ่านไป
‘ตัวเล็กเกินไป’
…………………………
“คุณจะปิดมันไปถึงเมื่อไหร่ ลูกควรที่จะได้รับรู้ความเลวทรามของที่นั้น” ริชาร์ดพูดกับภรรยาตัวเองหลังจากวางสายจากลูกชายไป แอนนาที่ได้ยินสามีพูดแบบนั้นก็เงียบไป
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูกและไม่อยากให้ลูกเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้ แต่ยิ่งถ้าคุณไม่บอก แล้วมันหลอกให้ลูกทำอะไรให้พวกมันละ แบบนั้นลูกก็จะยิ่งไม่ปลอดภัย”
“ฉันรู้ พวกมันเริ่มระแคะระคายเรื่องนี้แล้ว ถ้าเราบอกลูกไป ฉันกลัวพวกมันจะไม่ปล่อยลูกเราไป”
“แต่ยังไงก็ต้องบอก ให้ลูกรู้เอาไว้ ลูกจะได้ปกป้องตัวเองได้” ริชาร์ดตัดสินใจแล้วว่ายังไงลูกน้อยก็ต้องได้รับรู้เรื่องนี้ แอนนาที่เห็นสามีตัดสินใจแล้ว ก็ได้แต่พยักหน้าตาม แม้ในใจจะยังคงกังวลอยู่ก็ตามที
“เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” ริชาร์ดเอือมไปกุมมือภรรยา ก่อนจะหันไปสบตากัน
“ค่ะ เราจะผ่านมันไปด้วย……!”
ปี๊นนน!!!! ปี๊นนน!!!!!
“กรี๊ดดดดดดดดด!!” ทั้งคู่หันไปมองเสียงแตรรถ ก่อนจะเห็นรถคันหนึ่งพุ่งมาด้วยความเร็ว ริชาร์ดรีบหักพวกมาลัยหลบ จนรถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง รถกลิ้งถไลลงไปข้างล่างก่อนจะนอนคว่ำแน่นิ่ง กระจกหน้ารถแตกระเอียด ควันไฟพวยพุ่งออกมามากมาย แอนนาที่โดนเเรงกระชากอย่างแรงสลบไม่ได้สติ เศษกระจกบาดเต็มตัว เลือดค่อยๆไหลออกมาจนเจิ่งนองไปทั่วพื้นดิน ส่วนริชาร์ดที่ยังพอมีสติอยู่หันไปมองภรรยา ก่อนจะร้องเรียกเสียงแผ่วเบา เขารู้สึกชาไปหมดทั้งร่างกาย จนแทบไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆ กิ่งไม้จากต้นไม้อันหนึ่งแทงทะลุเข้าที่ท้อง เลือดไหลออกมาราวกับน้ำ ริชาร์ดมองหน้าภรรยาด้วยสายตาที่พร่าเบลอ ก่อนสติจะค่อยๆหลุดลอยออกไป...
หลังจากนั้นไม่นานเสียงไซเรนฉุกเฉินก็มา แต่ก็ไม่อาจยื้อลมหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้ได้.....
#เกิดใหม่อีกครั้งโลกก็ยังพังเหมือนเดิม
Talk
กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปเป็นปี (รึเปล่านะ?)
มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเลย คิดอยู่ว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะมาสานต่อให้จบ
จริงๆ ตอนนี้ก็ไม่พร้อมเท่าไร55555
เเต่คิดว่ารับมือกับอะไรหลายๆ อย่างได้ดีขึ้น ก็เลยหาเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมี มาเปิดกรุรีไรท์ใหม่สะหน่อย
หยากไย่ขึ้นมือมาก ขอเวลาปัดฝุ่นหน่อยนะ
ความคิดเห็น