คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เหตุการณ์ไม่คาดคิด
ณ โรงเเรมห้าดาว เเห่งหนึ่งใจกลางเมือง
ในค่ำคืนนี้ได้มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นเนื่องในวันที่โรงเเรมครบ50ปี ได้มีเเขกคนสำคัญมากมายเข้าร่วมงาน เเละสิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับงานเลี้ยงคือ อาหาร นั่นก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมคนนี้ต้องมาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย
“สวัสดีครับ ในค่ำคืนนี้เชฟของเราได้รังสรรค์เมนูสุดพิเศษเพื่อทุกท่านโดยเฉพาะ ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับอาหารของทางเรานะครับ” หลังจากพูดจบชายในชุดสูทสีขาวที่ได้ยืนพูดอยู่บนเวที ได้ปรบมือเป็นสัญญาณขึ้น ทำให้เหล่าพนักงานเสริฟเลยนำอาหารออกมาจากห้องครัวอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เร็วเข้าๆ จะเริ่มเสริฟของหวานในอีก30นาที” เสียงของหัวหน้าเชฟสุดหล่อ ตาคมเข้ม สูง180+ ทั้งหล่อทั้งเก่งไอ้นี่มันใครน้า เเละมันจะเป็นใครไปได้หล่ะถ้าไม่ใช่ผมเอง555+ เเต่ว่าน้าทำหน้าเข้มเก็กไว้ก่อน(เเต่ในใจนั้น) ‘ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆอีก30นาทีจะต้อง เสริฟเเล้ว ก็ทำทุกอย่างเสร็จเเล้วน้า เเต่มันก็ไม่ไดตามที่ใจต้องการซักที เเม้ว่าคนอื่นจะบอกว่าอร่อยมากเเล้วก็ตาม เฮ้ออีกรอบ’ ผมก็ได้เเต่คิดละนะ
ปัก!
“โอ้ย!” ผมอุทานขึ้น เมื้ออยู่ดีๆก็มีอะไรเเข็งๆกระเเทกเข้าที่หัวผม เเละเมื่อหันไปก็ต้องทำหน้าเบื่อใส่ เพราะสิ่งนั้นคือ ถาดรองขนม ที่ มิน หรือ มินตรา หรือ ยัยมินคนหล่อ ฟังไม่ผิดหลอกครับ มันนะชอบผู้หญิง เเม่มันจะไม่ได้ตัดผมสั้น เเต่นิสัยมันนะผู้ชายเเท้ๆยังกลัวเลย เเละที่สำคัญมันเป็นเพื่อสมัยเด็กของผมด้วย รวมไปถึงเป็นรองหัวหน้าเชฟ ที่ถ้าให้เทียบฝีมือการทำอาหารกับผมเเล้วมันก็เกือบจะเท่าผมเลย เเต่ก็นะยังไงผมก็เก่งกว่ามันอยู่ดี555+ (ขำเยี่ยงผู้ชนะ)
“ปัก!”(รอบสอง)
“โอ้ยยยยย พอเเล้วๆเจ็บเเล้วจะตีอะไรนักหนาเนี่ย ผมได้เเต่ทำหน้านิ่วเล็กน้อยใส่ เเต่ก็ยังคงหน้าให้เข้มอยู่
เเต่อีกฝ่ายนั้นกับทำหน้าเหม็นเบื่อมาใส่อย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับกรอกตามองบนก่อนที่จะมองผม พร้อมกับพูดอย่างเบื่อหน่ายกลับมา
“ไอ้คิ้วท์ เเกกำลังคิดไม่เป็นเรื่องอีกละใช่ไหม ฉันบอกเเกหลายรอบเเล้วนะ ตั้งเเต่เด็กเเล้วด้วยซ้ำว่าไม่ต้องคิดให้มาก เเละก็ไอ้ที่เก็กหน้าเข้มนี่ คิดว่าถ่ายเเบบอยู่หรือไง” พูดไม่พอยังเอามือมาหยิบเเก้มทั้งสองข้างของผมด้วย
“อ้าาา ออเเอ้ว”
“ใจร้ายอีกเเล้วน้า” หลังจากที่มินปล่อยเเก้มผมเเล้ว ผมก็ได้เเต่ลูบเเก้มทั้งสองข้างปอยๆพร้อมกับทำเเก้มพอง เเล้วลูบต่อให้หายเจ็บ เเต่ก็ไม่วายพูดเสียงอู้อี้กลับไป
“ฮื้อ ว่าไงนะ” มินจ้องมาพร้อมทำหน้าชั่วร้ายใส่ผม เเละเหมือนมีออร่าชั่วร้ายเเพร่ออกมาด้วย น่ากลัวอ่ะเเงๆ
“อ้อ….ไม่มีไรๆ” ผมได้เเต่ยิ้มเเห้งส่งไป มินที่มองก็ได้เเต่ถอนหายใจพร้อมกับพูดให้กำลังใจผมอีกเล็กน้อย(เหมือนด่ามากกว่า) เเล้วมิสก็เดินไปเตรียมของหวานต่อ ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว ผมก็ได้เเต่ทำใจกับความคิดของตัวเองเเล้วเดินกลับไปทำงานต่อ
ณ เวลาหลังเลิกงาน ที่บริเวณสวนของโรงเเรมนชั้นดาดฟ้า
ณ บริเวณสวนของโรงเเรมนี้ เมื่อถึงตอนกลางคืนก็จะเปิดไฟเล็กๆตามพื้นไว้ให้คนเดินได้เเค่พอเห็นทางเท่านั้น ไม่ได้สว่างอะไรมากนัก จึงพอเห็นดาวได้อยู่บ้าง เเต่ถึงอย่างนั้น ณ ใจกลางเมืองเเบบนี้ ทำให้การเห็นดาวบนท้องฟ้าอาจเป็นไปได้ยาก เเต่ก็ใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สายลมเย็นพัดผ่านร่างไปถึงเเม้ผมตอนนี้ผทจะอยู่ในสุดธรรมดาพร้อมจะกลับบ้านเเล้วก็ตามเเต่ก็ขอมาผ่อนคลายซักหน่อยหลังเลิกงานก็ยังดี เเต่เเล้วผมที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศอยู่นั้นเอง
“ไอ้คิ้วท์!!!”
“อุ๊ก๊ะ!!!" ผมที่กำลังยืนดูดาวยามค่ำอย่างสงบพร้อมกับไวน์รสเลิศในมือที่จิบไปได้เเค่สองค่ำก็ถึงกับจะหกหมดเเก้วเมื่ออยู่ดีๆก็มีเเรงกระเเทกเข้าที่ด่านหลังของผมอย่างจัง เเละจะเป็นใครไปไม่ได้อีกถ้าไม่ใช่ยัยเพื่อนตัวดีอย่างยัยมินที่อยู่ๆก็โผล่มาได้ไงก็ไม่รู้
“ทำไรอยู่อ่ะ” มินถามขึ้นด้วยใบหน้าเริงร่าที่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับที่ทำให้ผมตกใจเมื่อกี้เลยเเม้เเต่น้อย เเต่ก็เป็นนิสัยของมันนั้นเเหละนะ ต้องชินเเล้วหละโดนมาตั้งเเต่เด็ก
“ก็คิดไรไปเลยเเหละ” ผมได้ตอบไปเสียงเรียบๆบนเหนื่อย พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อยเเล้วก็หันหน้ากลับไปมองท้องฟ้าเหมือนเดิม
เเต่สำหรับคนฟังนั้นกลับรู้สึกว่าเพื่อนสมันเด็กของเธอนั้นก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเมื่อถึงเวลาเลิกงานทีไร เธอก็จะเห็นเขาเดินขึ้นมาบนนี้ทุกวัน นั่นก็ทำให้เธอเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ซักเหลือเกินเพื่อวันดีคืนที่คิดจะทำอะไรพิเรนๆขึ้นมา เธอเลยต้องขึ้นมาตามเเบบนี้เกือบทุกวัน
“มิน เเกคิดว่า…”
“เเก่ทำดีเเล้ว ทุกคนก็ชอบมัน” ผมที่กำลังจะพูดออกไปก็โดนอีกฝ่ายขัดซะงั้น เเต่ก็เป็นคำตอบของคำถามที่ผมจะถามไปอยู่ดี เเต่เเม้ผมได้ยินคำตอบเเบบนี้ ผมก็กลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย มันเเก่เป็นเเค่เรื่องปกติ มันทำให้ผมที่คิดเเบบนั้นได้ทำหน้าเศร้าลงจนอีกฝ่ายสังเกตุได้
“เเก่คิดว่ามันน่าเบื่อหรือไง” มินได้ หันหน้ามาทางผมหลังจากที่เราทั้งคู่กำลังมองท้องฟ้ากันอยู่
“ก็นะ” ผมได้เเต่ตอบเสียงเอ่ยๆ ไปอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ทำถ้าถอนหายใจพร้อมกับ ตบบ่าผมเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินหันหลังกลับไปพร้อมที่จะกลับบ้านเเต่เธอก็ได้หยุดเดินหางจากตัวผมไปไม่มาก เเล้วได้พูดขึ้นมาโดยไม่ได้หันกลับมามองผมเเต่อย่างไร
“เเกอ่ะ มันเก่งอยู่เเล้ว ถึงจะนิสัยจริงๆจะง้องเเง้งไม่เหมาะกับหน้าที่ชอบทำเป็นเข้มก็ตาม เเต่เเกก็ยังมีเพื่อนดีๆเเบบฉัน เเละถ้าเเกมีอะไรที่อยากพูดฉันก็พร้อมที่จะอยู่ข้างเเก คอยปรอบเเกในยามทุกข์ อยู่ร่วมเเสดงความยินดีในวันที่มีความสุขเสมอนะ อย่างนั้นเเล้วก็ยิ้มเข้าไว้หล่ะ” มินได้พูดยาวออกมาพร้อมกับเสียงที่เเสดงได้ถึงความเป็นห่วงจริงๆอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินอีกฝ่ายพูดบ่อยนัก มันทำให้ให้ผมที่ยืนมองดูท้องฟ้าสีดำอยู่นั้น ได้เเต่ยิ้มออกมาอยู่คนเดียว โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็ยิมออกมาเหมือนกันก่อนที่เธอนั้นจะเดินออกไป
“ฉันก็อยากให้เเกมีความสุขเหมือนกัน” ผมได้เเต่พูดเสียงเบาๆให้ตนเองได้ยินคนเดียว เเล้วกระดกไวน์ในมือจนหมดพร้อมกับหันหลังเดินออกไปจากสวน เเล้วตรงกลับบ้านของตัวเอง เเละหนึ่งมันอันเเสนวุ่นวายบวกกับความน่าเบื่อหน่าย ที่วันนี้อาจมีอะไรขึ้นมาอีกนิดกับการที่มินมันมาพูดซึ้งก็ผ่านไป (ไว้พรุ่งนี้จะไปล้อเรื่องที่พูดวันนี้ให้อายเลย 555+)
.
.
.
.
.
“ยามตะวันลาขอบฟ้า สองใจเชื่อมชะตา จิตคิดคะนึงหา ดังฟ้าคู่ปฐพี เเล้วซักวันเราจะได้มาพบกัน” ภาพที่ไม่ค่อยชัดเเละเสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่นิ่งสงบ เเต่มันกับให้ความรู้สึกของความห่วงหา ที่อยากจะได้พบเจอใครซักคนอีกครั้ง เเล้วเสียงกับภาพนั้นก็หายไปกับความมืดมิดในจิตใจ พร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างของผมที่เปิดขึ้นปะทะกับเเสงอรุณรุ่งยามเช้า ที่รอดผ่านม่านหนาเข้ามาภายในห้องของผม
หลังจากเมื่อวานที่ผมได้กลับมาที่บ้าน หลังจากได้ไปดูดาวบนสวนที่ดาดฟ้าของโรงเเรมที่ทำงานนั้น เเละได้คุยกับมินนิดหน่อยก่อนที่จะกลับบ้านมา ด้วยความที่ดึกมากเเล้วทำให้ทั้งพ่อเเละเเม่นอนกันไปก่อนหน้าเเล้ว ผมจึงขึ้นมาที่ห้องของตนเองเเล้วอาบน้ำนอนอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ผมจะฝันเห็นเขาคนนั้นอีกครั้ง เสียงของชายคนหนึ่งที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน สถานที่เเปลกตา สายธารไหลนิ่ง บ้านเรือนเเปลกยิ่ง ผู้คนสุขจริงเจริญใจนัก เเต่มีหนึ่งคน เหมือนรออยู่ที่ บ้านไม้เรือนนี้ รอกี่ชาติไป
เเต่ผมก็ไม่ได้เห็นหน้าตาของชายคนนั้นซักครั้งเเม้จะฝันถึงเขามาตั้งเเต่เด็กๆเเล้วก็ตาม ผมก็ได้เอาความฝันนี้ไปปรึกษากับทั้งเพื่อนอย่างมินหรือทั้งพ่อเเละเเม่เเล้วเเต่ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เเต่ด้วยที่ผมฝันมานานมากเเล้ว ทำให้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ มินมันได้พาผมไปหาพ่อหมอมา เเล้วก็ได้ความมาว่า คนที่ผมเห็นอาจเป็นคู่ของผมในอดีตชาติที่จิตเรายังผูกพันจนมาถึงชาตินี้ เเต่ผมก็งั้นๆไม่ได้คิดไรมากอีก
ณ โรงเเรมห้าดาวสถานที่ทำงานของคิ้วท์ ภายในห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าเชฟ ( เลวา 6.00 น.)
เเล้วก็เริ่มวันใหม่ของการทำงาน ผมอ่ะเข้างานเช้า ออกงานดึก เเม้เงินเดือนจะดี มีวันหยุดบ้าง เเละงานก็เป็นงานที่ผมชอบ ใช่เเล้วครับ ผมนะเป็นคนที่ชอบทำอาหารมาตั้งเเต่เด็กเเล้วก็ตาม เเละเมื่อโตขึ้นผมก็ไปเรียนต่อด้านนี้โดยเฉพาะจนจบมาก็ได้ไปทำงานในหลายๆที่มาเเล้ว ทั้งในประเทศเเละต่างประเทศก็ตาม
เเต่ด้วยความที่ผมเป็นห่วงทั้งพ่อเเละเเม่ รวมไปถึงมินที่เป็นเพื่อนตั้งเเต่เด็กๆมาชวนให้ไปทำงานด้วยกัน เเละสถานที่ทำงานยังอยู่ใกล้บ้านอีกทำให้ผมเลือกมาอยู่ที่โรงเเรมเเห่งนี้ โดยในวันเเรกที่เข้ามาผมก็เป็นเเค่เชฟทั่วไปไม่เหมือนมินที่เป็นรองหัวหน้าเชฟอยู่เเล้ว จนเวลาผ่านไปหัวหน้าเชฟคนก็ก็ได้กระเสียนตัวเอง ตำเเหน่งจึงว่างขึ้น ประกอบกับผมที่มีผลงานโดดเด่นกว่าใครๆ ทำให้ผมได้เลื่อนเป็นหัวหน้าเชฟเเทน
โดยในตอนเเรกผมก็อยากให้มินที่อยู่มาก่อนเป็นก็ตาม ทั้งที่เธอฝีมือก็ใช่ว่าเเย่ เเต่ค้อนไปทางดีมากเลยด้วยซ้ำเเต่ผู้จัดการโรงเเรม เชฟคนอื่นๆ รวมทั้งมินเองก็อยากให้ผมเป็นมากกว่าผมเลยจำใจต้องมาเป็นหัวหน้าเชฟต่อจากคนก่อน
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่เดินเข้ามา เเละนั่นก็คือมินนั่นเอง
“ไอ้คิ้วท์ นั่งทำไรอยู่เนี่ยไปเตรยมตัวได้เเล้ว” มินที่เขามาก็พูดเสียงดังไปทั่วห้องโดยทันที พร้อมกับพาตัวเองมาเขย่าผมที่หันตัวไปมองตอนที่เธอเดินมาไปมาๆไม่หยุดเลย
“อ้าาาา พอเเล้วๆ” ผมร้องขึ้นพร้อมกับเเรงเขย่าที่หยุดลง
“ไปเตรียมประชุมก่อนเริ่มงานได้เเล้ว” มินพูดขึ้นด้วยเสียงติดหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะทุกคนมารอเเล้วเหลือเเค่ผมคนเดียวที่ยังไม่ไป เพราะผมมัวเเต่คิดอะไรไปเรื่อยในหลายๆเรื่องทำให้ลืมเวลาไปเลย
“ถ้ามีไรก็พูดได้นะ” มินที่ทำท่าจะเดินออกไป ก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนที่เธอจะปิดประตูเเล้วเดินออกไป
เฮ้อ! ผมได้เเต่ถอนหายใจ เเล้วจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เรียบร้อย เเล้วก็เดินตามออกไปยังห้องครัวใหญ่ของโรงเเรม ที่ตอนนี้ทุกคนมารอกันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว โดยพวกเราจะทำการประชุมงานเเบบนี้กันทุกวันก่อนเริ่มงาน เพื่อหาขอผิดพลาดหรือมีอะไรที่อยากเสนอหรือมีประกาศอะไรจะได้คุยกันได้สะดวกเเละเข้าใจกันทุกคน
ผมที่เข้ามาด้วยสีหน้าเข้มเหมือนทุกที ทำให้เสียงที่พูดกันอยู่ตอนเเรกนั้นหายไปทันที เพราะปกติเเล้วผมนั้น จะไม่ค่อยเเสดงด่านที่ปกติออกมาซักเท่าไหร่ถ้าไม่ได้สนิทกันจริงๆ เเต่ก็ไม่ได้เเปลว่าผมเกลียดใครนะ เเค่สนิทเเบบมากๆยากเฉยๆเท่านั้นเอง เเต่ผมก็รักทุกคนมากนะ เเละนิสัยนี้ก็มีเเค่มินเท่านั้นที่รู้ ทำให้คนอื่นๆมองว่าผมเป็นคนที่เจ้าระเบียบไปบ้างเเต่ก็ไม่ได้เคร่งมากนัก
เเละผมที่ก้าวขึ้นไปบนเก้าอี้ตัวเล็กทำให้สูงขึ้นมากว่าทุกคนนิดหน่อย ดังนั้นทำให้คนอื่นๆหันมามองที่ผมเป้นตาเดียวกัน เเละมินก็ได้มายืนอยู่ข้างๆด้วย เเล้วเมื่อผมจะพูดขึ้นทุกคนก็ถึงกับกั้นหายใจไปชั่วครู่หนึ่ง เพราะว่า
โดยปกติเเล้วผมจะพูดความผิดพลาดของเเต่ละคนออกมาในเเต่ละงานเพื่อให้พวกเขาไปเเก่ตัว เพราะผมคอยสังเกตุทุกคนอยู่ตลอด เเละจะเข้าไปช่วยสอนในส่วนต่างๆที่เเต่ละคนทำพลาดหรือยังทำไม่ได้ดีพอ เเล้วนั่นเองทำให้ทุกคนออกจะเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าผมไปซักหน่อย(ไม่หน่อยเเล้วหลังมั้ง ดูจากสีหน้าทุกคนเเล้ว)
“เมื่อวานทุกคนทำได้ดีมากครับ ผมขอชื่นชมทุกคน” เสียงเข้มได้พูดขึ้น เเต่สิ่งที่พูดออกไปนั้นทำให้ทุกคนดีใจกันมากเเต่ก็รู้สึกเเปลกไปในตัว เพราะปกติเเล้วหัวหน้าเชฟของพวกเขาจะไม่ค่อยพูดชมใครเลย ทำไมวันนี้มาเเปลก
“เเละอีกอย่างนึงนะครับ…” ทุกคนหยุดดีใจทันทีพร้อมกับหันมามองชายหนุ่ม เเละในสายตาของพวกเขาเหล่านั้นก็มีความหมายโดยพร้อมเพรียงกันว่า “ว่าเเล้วต้องโดนด่าเเน่” ขึ้นมากันโดยถ้วนหน้า
เเต่เเล้วสิ่งที่ชายหนุ่มได้พูดด้วยเสียงนิ่งกับสีหน้าปกติออกมา เเละมันทำให้ทุกคนที่ได้ยินนั้นตกใจยิ่งกว่า รวมไปถึงมินที่ยืนอยู่ข้างๆในฐานะของรองหัวหน้าเชฟด้วย เธอถึงกับยังต้องหันมามองพร้อมตาที่เบิกโพลงใส่เขา เพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนในที่นี้ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
“ผมจะขอลาพักร้อนยาวเเบบไม่มีกำหนด”
ปล.1 ส.ว.ด. (สวัสดีเจ้า) นักอ่านที่หน้ารักทุกคนวันนี้เราก็ได้มาเปิดนิยายใหม่เเล้ว ยังไงก็ติดตามเเละเป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า อาจมีคำผิดเยอะขออภัยด้วยน้า
ปล.2 ถ้าใครชอบเเล้วอยากสนับสนุนนักเขียน ก็สามารถโดเนทได้ที 0853653770 พร้อมเพย์ ทางนี้ได้เลยน้า
ปล.3 อย่าลืมก็หัวใจเเละคอมเม้นเป็นคำเเนะนำมากันเยอะๆน้า เป็นกำลังใจให้กันด้วย ไปเเล้วจ้า
ความคิดเห็น