ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : อินทรีย์ผงาด : ยุทธการกุสตาฟ 1
เมืองชไควร์ อดีตเมืองหลวงแคว้นกุสตาฟ
เมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองที่สวยงามมาก่อน ตัวเมืองมีทั้งความอดุมสมบูรณ์เพราะเป็นแหล่งกสิกรรม เกษตรกรรม และการประมงเนื่องจากอยู่ติดกับทะเลสาบขนาดใหญ่ และตัวเมืองเองยังมีการวางผังเมืองเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ความสวยงามนั้น บัดนี้กลายเป็นเพียงอดีต
เศรษฐกิจหยุดชะงัก อัตราการเกิดอาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และจำนวนประชากรนับหมื่น ตอนนี้เหลือเพียงครึ่งเดียว เพราะการรุกรานของกองทัพหลวงซิสทีเรียที่นำโดยไซอัน ทำให้ประชาชนจำนวนมากถูกเข่นฆ่าโดยกองทัพซิสทีเรีย และพอเสร็จศึก ไซอันก็สั่งเกณฑ์ประชาชนที่เหลือให้มาเป็นทหารในกองทัพตนเพื่อชดเชยจำนวนทหารที่เสียไป ทำให้ประชากรผู้ชายในเมืองเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก คนชรา คนป่วย และคนงานอื่นๆ ที่จำเป็น เช่นช่างตีเหล็ก เป็นต้น ส่วนจำนวนที่เหลือเป็นผู้หญิงทั้งหมด
ความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับต่อกองทัพรัฐอิสระแรกตัสที่เมืองเลอเบิร์กทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะคราวนี้ไซอันสั่งบังคับเกณฑ์ประชาชนเพศชายทั้งหมดเท่าที่หาได้ ไม่เว้นแม้แต่เด็กและคนป่วยให้มาเป็นทหารในกองทัพ ทำให้ความไม่พอใจของประชาชนยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเกิดการต่อต้านประปราย
ณ คฤหาสต์เจ้าเมือง หนึ่งในสิ่งก่อสร้างเพียงไม่กี่หลังของเมืองชไควร์ที่ไม่ถูกทำลาย ไซอันนั่งกุมมือขวาที่พันด้วยผ้าพันแผลอย่างเจ็บปวดท่ามกลางเหล่าขุนนางและนายทหารจำนวนมากด้วยบรรยากาศอึมครึม
ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา พวกเขาได้แต่มองไซอันที่อารมณ์ขุ่นเคืองอย่างหวาดกลัว จะมีก็บางคนที่ยังคงมีท่าทีสุขุมอยู่ได้
"กินหินกันมารึไง!? เวลาแบบนี้พวกแกยังเอาแต่เงียบอยู่อีกเหรอ!!!??" ไซอันตวาดใส่พวกขุนนางและแม่ทัพทั้งหลายที่ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูด ส่วนหนึ่งก็เพราะอารมณ์โมโหร้ายของไซอันนับตั้งแต่พ่ายแพ้กลับมา
"ไม่ได้เรื่อง! ไม่ได้เรื่องสักคนเดียว! เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้แท้ๆ พวกแกดันมาขี้ขลาดตอนนี้! ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!!" ไซอันยังคงระเบิดอารมณ์ต่อไปท่ามกลางเหล่าขุนนาง
"เรียนนายน้อย..." อัศวินคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้ไซอันหันไปทันที
"พูดมา สติกซ์" ไซอันดูอารมณ์เย็นลงทันที เขานั่งลงที่เก้าอี้ดังเดิมแล้ว
สติกซ์เป็นอัศวินระดับสูงภายใต้อำนาจของดยุคทาราทอรัสโดยตรง เขาเป็นทั้งที่ปรึกษาและอาจารย์ของไซอัน และดยุคทาราทอรัสก็ฝากฝังให้เขาดูแลไซอันที่ยังอารมณ์ไม่มั่นคง นี่คือเหตุผลหลักที่ไซอันมีท่าทีต่อสติกซ์ค่อนข้างสุภาพ
"ทางเมืองหลวงจะส่งกองทัพหนุนมาภายในสามวันนี้ รวมกับกองทัพเดิมของเรา จำนวนน่าจะได้ราวๆ 10,000 นาย..." สติกซ์รายงานไซอันอย่างชัดเจน ทำให้ชายหนุ่มใจเย็นลงมาก
"แต่ว่ากว่ากองทัพหนุนจะมา ข้าเกรงว่าพวกกบฏอาจบุกมาซะก่อนก็ได้..." นายทหารคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ก็เกณฑ์คนเพิ่มแล้วสั่งเสริมแนวป้องกันซะสิ!" ไซอันพูดเสียงดังใส่ แต่ขุนนางคนหนึ่งพูดแทรกเข้ามา
"ข..ขออภัยครับ! แต่ว่าการกะเกณฑ์กำลังพล ณ ตอนนี้เป็นไปได้ลำบากมาก! เพราะว่าพวกชาวบ้านเริ่มไม่พอใจ....."
"พวกแกก็เลยไม่ทำอะไรงั้นเหรอ!!? กะอีแค่พวกไพร่ชั้นต่ำพวกนั้นยังจัดการกันไม่ได้รึยังไง!!?" ไซอันที่อารมณ์เย็นลงแล้ว พอได้ฟังคำแก้ตัวก็โมโหขึ้นมาอีกครั้งจนเผลอทุบมือขวาลงที่พิงแขนบนเก้าอี้จนแผลกำเริบ
"อุ....ไปเกณฑ์พวกมันมาให้ได้ตามที่กำหนดซะ!! ถ้าพวกมันเรื่องมากนักก็จัดการไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสักคนสองคน!!!" ไซอันออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดกับขุนนางคนนั้น ขุนนางคนนั้นค้อมหัวให้อย่างหวั่นเกรงแล้วรีบออกจากห้องไป
"นายน้อย การจะเกณฑ์คนให้ได้ตามที่ต้องการในตอนนี้เป็นไปได้ยาก เพราะตอนที่พวกเราตีเมืองนี้ครั้งล่าสุด จำนวนประชากรในเมืองโดยเฉพาะผู้ชายลดลงไปมาก"
"ถ้าผู้ชายน้อยก็เอาเด็กกับผู้หญิงมาทำแทนซะสิ!! ยังไงพวกมันก็แค่พวกไพร่ชั้นต่ำของแคว้นที่หนีไปซบอกพวกกบฏเท่านั้นนี่นา!!" ไซอันพูดออกมาอย่างไม่แยแส
สำหรับไซอัน เมืองชไควร์เป็นแค่เมืองทางผ่านสู่แคว้นแรกตัสเท่านั้น ไซอันมองว่าแคว้นกุสตาฟสนับสนุนแรกตัสเท่ากับว่าเป็นปรปักฏิ์กับตนและพ่อของตนอย่างชัดเจน ประชาชนในเมืองนี้เป็นได้แค่สิ่งของที่จะใช้งานหรือทิ้งขว้างยังไงก็ย่อมได้ทั้งนั้น
สติกซ์แอบผงะกับคำพูดของไซอันเล็กน้อย เพราะถึงเขาจะชอบมองชาวบ้านตาดำๆ ว่าเป็นพวกไพร่ชั้นต่ำตามประสาขุนนางและอัศวินยังไง แต่ก็ไม่ถึงขนาดมองว่าพวกเขาเป็นแค่สิ่งของ
"แล้วอัศวินไวเวิร์นของเราล่ะ? สภาพพร้อมดีมั้ย?" ไซอันเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะใกล้ๆ ตนมาดื่มเพื่อดับกระหายแล้วถามสติกซ์ต่อ
"อัศวินไวเวิร์นของเราตอนนี้มีทั้งหมด 20 นาย เป็นไวเวิร์นเกราะหนักทั้งหมดครับ" สติกซ์รายงานไปตามจริง
"งั้นก็ดี! ถ้าไอ้พวกกบฏนั่นบุกมาล่ะก็ พวกมันจะต้องชดใช้อย่างสาสม!!"
"แต่นายน้อย...เห็นว่าพวกมันพัฒนาอาวุธสำหรับต่อต้านไวเวิร์นขึ้นมา...."
"ก็แค่นั้นนั่นแหละ! ไอ้ที่เราเสียไปน่ะมันก็แค่พลไวเวิร์นเกราะเบาเท่านั้น! จะตายง่ายก็ไม่แปลกหรอก!" ไซอันพูดตัดบทสติกซ์อย่างไม่แยแส ที่ตนเสียพลไวเวิร์นไปครั้งล่าสุดเพราะพวกเขาเป็นอัศวินไวเวิร์นเกราะเบา แต่อัศวินไวเวิร์นเกราะหนักไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับศัตรูง่ายๆ แน่ ไซอันคิดแบบนี้ อย่างน้อยก็เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นสักนิด แต่หารู้ไม่ว่าการเอาแต่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น กับการเรียกทหารที่เสียไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัศวินไวเวิร์นที่ต้องใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการฝึกว่า"แค่"ทำให้สติกซ์รู้สึกไม่ชอบไซอันขึ้นมา
สติกซ์เดินออกมาจากห้องนั้นด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองต่อไซอัน เขาแอบสบถออกมาเบาๆ
"เจ้าเด็กเมื่อวานซืนเอ๊ย.....ที่ข้ากับพ่อของแกสอนไปไม่เข้าหัวแกเลยสักนิด....!" เขาเก็บความไม่พอใจนั้นไว้ในใจแล้วรีบไปทำหน้าที่ตนทันที
. . . . . . . . . .
บนกำแพงเมืองชไควร์ทิศตะวันตก ทหารซิสทีเรียกำลังเดินตรวจตรากันอย่างเข้มงวด เพราะข่าวความพ่ายแพ้ของกองทัพหลักเมื่อไม่กี่วันก่อน มีโอกาศเป็นไปได้สูงมากที่ศัตรูจะบุกโจมตีที่นี่เป็นรายต่อไป
ทหารซิสทีเรียคนหนึ่งนั่งหาววอดอยู่ตรงป้อมยาม ข้างๆ เขาคือเพื่อนทหารยศเดียวกันหลายคนกำลังตรวจเช็คปืนใหญ่กันอย่างขมักเขม้น
"เฮ้ย! อย่าเอาแต่อู้ดิวะแก!" เพื่อนทหารคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้ไม้หุ้มฟองน้ำขัดลำกล้องปืนใหญ่หันไปพูดกับทหารคนนั้น
"ไม่ได้อู้สักหน่อย! ข้ามีหน้าที่ตรวจสอบและเฝ้าลังกระสุนนะ ลืมแล้วเหรอ!?"
"แต่ก็ใช่ว่าจะทำตัวแบบนั้นได้สักหน่อยนะ! ถ้าขืนนายกองมาเห็นท่าทางของแกตอนนี้ล่ะก็ มีหวังแกโดนสั่งให้ไปเก็บขี้ที่คอกม้าแทนแน่ๆ!"
"ก็มันน่าเบื่อนี่หว่า....นี่ก็สามวันมาแล้วยังไม่เห็นมีวี่แววศัตรูเลยสักคน" ทหารท่าทางขี้เกียจคนนั้นบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย
"ตรงนั้น!!!" เสียงตะโกนของทหารยามบนหอคอยดังขัดบทสนทนา ทหารบนกำแพงเมืองทุกนายบริเวณนั้นหันไปมองด้านนอกกำแพงพร้อมกับประทับปืนในมือ พวกเขาเห็นทหารม้านายหนึ่งควบม้ามาอย่างทุลักทุเล
"อะไรกันวะน่ะ.....!?" เสียงอุทานดังระงมไปทั่ว ทหารม้าคนนั้นขี่ม้าเข้าเมืองอย่างช้าๆ ด้วยสภาพไม่สู้ดี ชุดเกราะของเขาหลุดรุ่ย ตามร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือด ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เอนและตกจากหลังม้าอย่างอ่อนแรง
"เฮ้ย! เป็นอะไรมาน่ะ!? หมอ!! ไปตามหมอมาเร็ว!!" ทหารบริเวณนั้นรีบเข้าไปพยุงร่างของทหารคนนั้นขึ้นมา พวกเขาเห็นรอยแผลจากกระสุนปืนที่ท้องของทหารคนนั้น อาการสาหัสอย่างเห็นได้ชัด
"ก.....ก..."
"หืม! แกว่าอะไรนะ!?"
"กองทั..พ......แรก..ตัส......." เสียงพูดเบาๆ และขาดช่วงของทหารม้าคนนั้นทำให้ทหารคนอื่นๆ หน้าซีด
"กองทัพแรกตัส...! ศัตรูกำลังบุกมาทางนี้!! ไปแจ้งกองบัญชาการซะ!!" พวกทหารเริ่มแตกตื่น หลายนายวิ่งขึ้นไปประจำการบนกำแพง และบางส่วนรีบขึ้นขี่ม้าเพื่อส่งข่าวที่ได้รับไปยังจุดต่างๆ เมืองชไควร์ทั้งเมืองวุ่นวายขึ้นอย่างฉับพลัน
"พระเจ้า......" เหล่าทหารบนกำแพงเมืองพากันอุทานเป็นเสียงเดียวกัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือกองทัพแรกตัสที่ปรากฏบนเส้นขอบฟ้า
. . . . . . . . . .
กองทัพชุดเทาจำนวนเรือนหมื่นปรากฏที่เส้นขอบฟ้า ทั้งหมดเริ่มจัดทัพและยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างเป็นระเบียบ ปืนใหญ่สนามถูกลากจูงโดยม้าและติดตั้งเป็นแนวเพื่อเตรียมยิงใส่เป้าหมาย ซึ่งก็คือเมืองชไควร์
ทหารม้าแรกตัสเข้าประจำตำแหน่ง เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าตีเมื่อถึงเวลา เสียงกีบเท้าม้าและฝีเท้าทหารดังก้องจนทำให้กองทัพซิสทีเรียหวาดหวั่น จนกระทั่งกองทัพแรกตัสจัดแนวรบเสร็จ ใครบางคนในเครื่องแบบทหารม้าขี่ม้าไปมารอบๆ กองทัพเบื้องหน้าทหาร
"พี่น้องแห่งรัฐใหม่ทั้งหลาย!! ยังจำสิ่งที่พวกซิสทีเรียทำเอาไว้กับพวกเราได้หรือไม่!!? ที่นี่! และเวลานี้! พวกเราจะแย่งชิงทุกสิ่งที่เสียไปกลับมา!!!" เยเซลตะโกนปลุกใจเหล่าทหารตรงหน้าที่ที่ยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ
"ฮูร่าาาาา!!!!" เสียงร้องอันฮึกเหิมของเหล่าทหารดังก้องกังวาล ก่อนที่เยเซลจะหันไปตะโกนใส่เมืองชไควร์
"ทุกๆ คนจงฟังเรา!! ทั้งพี่น้องชาวกุสตาฟ!! และพวกสุนัขซิสทีเรีย!! พวกเรามาที่นี่เพื่อชิงสิ่งของเราคืน!! ในนามของผู้นำเรา! โดร่า กุสตาฟ แรกตัส!! สายเลือดแห่งสองแคว้น!! ใครก็ตามที่ไม่คิดสู้ให้ยอมแพ้ซะตั้งแต่ยังมีโอกาส! ส่วนใครก็ตามที่ขัดขืน! พวกเราจะขยี้มันด้วยกำปั้นเหล็ก!!!" เยเซลประกาศกร้าวต่อหน้าทหารและชาวเมืองชไควร์ ก่อนจะหยิบตราอินทรีย์ประดับหมวกของแกงเกิลขึ้นมาจูบทีนึงแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
"zerstören!!!(ขยี้มัน!!!)" สิ้นเสียงของเยเซล กระสุนพลุหลายนัดถูกยิงขึ้นฟ้า และเทพเจ้าแห่งสนามรบนามว่า"ปืนใหญ่"ก็แผดเสียงคำราม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
จากคนเขียน - ช่วงนี้งานมหาลัยเริ่มเยอะ อาจจะลงช้าบ้างอะไรบ้างก็ต้องทำใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น