ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Krieg und Sieg

    ลำดับตอนที่ #19 : อินทรีย์ผงาด : ยุทธการเลอเบิร์ก

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 62


              เมืองเลอเบิร์ก ณ ตอนนี้กำลังลุกเป็นไฟ จากเมืองชายทะเลที่เคยสวยงาม ตอนนี้กลับกลายเป็นเถ้าธุลี

    บ้านเรือนรอบนอกบริเวณริมกำแพงเมืองพังทลายเพราะกระสุนปืนใหญ่ ในขณะที่ตัวเมืองด้านนอกกำแพงถูกเผาทำลายจนเหลือแต่ซาก กองทัพซิสทีเรียกำลังเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้เมืองมากขึ้นทุกที

    เสียงปืนใหญ่จากทั้งสองฝั่งคำรามกึกก้อง ฝ่ายเมืองเลอเบิร์กเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะปืนใหญ่ยิงได้ไกลและบรรจุกระสุนได้เร็วกว่า แต่เพราะปืนใหญ่มีจำนวนน้อยกว่าเพราะต้องแบ่งพื้นที่บนกำแพงเมืองสำหรับติดตั้งหน้าไม้ยักษ์สำหรับรับมือกับอัศวินไวเวิร์นของอีกฝ่ายด้วย

    กองทัพแรกตัสบนกำแพงเมืองเองก็ต้านทานกองทัพซิสทีเรียเต็มกำลัง พวกเขาทั้งยิงปืนใส่ทหารฝ่ายตรงข้ามเบื้องล่าง โยนระเบิดมือ ก้อนหิน หรือกระทั่งราดน้ำมันเดือดใส่ทหารซิสทีเรียที่หลบรัศมีปืนเล็กยาวอยู่ที่แนวกำแพงเมือง ในขณะที่กองทัพซิสทีเรียยังคงโหมบุกอย่างไม่ลดละแม้จะเสียทหารไปมากมาย

    "ดันพวกมันกลับไป!!" เหล่าทหารแรกตัสบนกำแพงเมืองพากันติดดาบปลายปืนเมื่อเห็นกองทัพซิสทีเรียพาดบันไดเข้าที่กำแพงเมือง บางคนพยายามใช้พานท้ายปืนดันบันไดออกให้ล้ม เสียงร้องของทหารซิสทีเรียที่ทรมานกับอาวุธสารพัดชนิดและที่ถูกผลักจนร่วงจากบันไดและกำแพงดังระงม

    "ระวัง!!" ขณะที่ทหารแรกตัสคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการบรรจุกระสุนปืน ทหารซิสทีเรียคนหนึ่งซึ่งปีนบันไดขึ้นมาจนถึงขอบกำแพงเมืองก็เงื้อดาบขึ้นเพื่อจะสับอีกฝ่ายที่ไม่ทันระวังตัว

    แต่ขวานสั้นเล่มหนึ่งกลับหมุนแหวกอากาศพร้อมเสียงอันน่าสะพรึงและเจาะเข้าที่กะโหลกศีรษะของทหารซิสทีเรียคนนั้นทันที ทหารซิสทีเรียไร้นามคนนั้นไม่มีโอกาศแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ร่างของเขาก็หงายและร่วงลงไปจากขอบกำแพงเมือง กระทบเข้ากับทหารคนอื่นที่ปีนตามหลังขึ้นมาจนตกลงไปตามกันเหมือนโดมิโน

    "เป็นอะไรมั้ยโรเดอริก!?" ทหารหนุ่มคนหนึ่งตะโกนถามเพื่อนหลังจากขว้างขวานสนามของตนใส่หัวศัตรูอย่างจัง

    "แมกเมนัส!? ไม่เป็นไร!!" ทหารหนุ่มที่ชื่อโรเดอริกหันไปทางเพื่อนทหารต่างยศของตนที่ช่วยตนเอาไว้แบบฉิวเฉียดก่อนจะส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ

    แมกเมนัสยิ้มตอบขณะหยิบมีดสั้นและปืนพกออกจากซองปืนข้างเอว ก่อนทั้งคู่จะหันกลับไปจดจ่ออยู่กับศัตรูตรงหน้าต่อ

    . . . . . . . . . .

              หลังจากการโจมตีอันป่าเถื่อนระรอกล่าสุดจบลงที่ความล้มเหลวของฝ่ายซิสทีเรีย กองทัพซิสทีเรียก็ถอนกำลังออกจากแนวกำแพงในช่วงบ่ายของวันนั้น ให้โอกาศกองทัพแรกตัสได้พักหายใจหายคอบ้าง

    "นี่คือสภาพความเสียหายในครั้งนี้งั้นเหรอ?" พันเอกวิลเฮล์มมองดูทหารแรกตัสที่อิดโรยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะนี่เป็นการโจมตีระรอกที่ 5 แล้ว นับตั้งแต่เมื่อวาน และมันจะไม่ใช่การโจมตีระรอกสุดท้ายแน่ๆ

    ทหารแรกตัสในตอนนี้อ่อนแรงและเหนื่อยล้าอย่างชัดเจนเพราะต้องทำศึกติดต่อกันมาตั้งแต่เมื่อวานโดยแทบไม่ได้หยุดพัก แถมกองทัพซิสทีเรียยังส่งกองอัศวินไวเวิร์นออกบินลาดตระเวนและทำลายขบวนสินค้าและเสบียงที่จะมายังเมืองเลอเบิร์กทั้งทางบกและทางน้ำอีกด้วย แม้จะไม่ทั้งหมดแต่เมืองเลอเบิร์กในตอนนี้สูญเสียเสบียงและยุทธปัจจัยที่ควรจะได้รับไปกว่า 60 % แถมกำแพงเมืองเลอเบิร์ก ณ ตอนนี้ก็เสียหายอย่างรุนแรงจากกระสุนปืนใหญ่ข้าศึก

    "ครับ แต่อย่างน้อยเราก็จำกัดความเสียหายเอาไว้ให้ไม่มากไปกว่านี้..." นายทหารข้างกายวิลเฮล์มรายงานต่อ โชคดีหน่อยที่ตอนที่เมืองเลอเบิร์กถูกโจมตี ภายในเมืองมีนักผจญภัยปะปนมากับชาวบ้านที่อพยพลี้ภัยสงครามอยู่ในเมืองค่อนข้างเยอะ และยังมีอาสาสมัครจำนวนมากมาช่วยป้องกันเมืองและดูแลทหารที่บาดเจ็บด้วย เพราะข่าวการกวาดล้างแคว้นกุสตาฟอย่างโหดเหี้ยมของกองทัพซิสทีเรีย ทำให้พวกเขาพยายามช่วยเหลือกองทัพแรกตัสอย่างสุดความสามารถเพื่อจะได้ไม่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกันกับแคว้นกุสตาฟ

    "แล้วกองทัพหลักของท่านผู้นำล่ะ? ต้องรออีกกี่วันกัน!?" วิลเฮล์มถามอย่างร้อนรน

    "ทางนั้นบอกทางโทรเลขมาว่าไม่นานเกินมะรืนนี้ครับ" ทหารคนนั้นรายงานกลับไป ต้องขอบคุณวิทยาการณ์โทรเลขที่ทำให้กองทัพแรกตัสสามารถสื่อสารกันได้สะดวกขึ้นแม้ถูกปิดล้อม(ฝ่ายซิสทีเรียยังไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของโทรเลข เลยไม่ได้จัดการกับเสาสัญญาณที่เขตนอกเมือง) แต่แม้จะได้ยินแบบนั้น วิลเฮล์มก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น เพราะเมืองเลอเบิร์กมีทหารประจำการอยู่เพียง 5,000 นาย แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะน้อยมากจนไม่น่าเป็นปัญหากับกองทัพ แต่ถ้ากองทัพซิสทีเรียโหมบุกเต็มกำลังจริงๆ ล่ะก็ ดีไม่ดีอาจจะต้านได้ไม่ถึงมะรืนนี้ด้วยซ้ำ

    "เพิ่มเวรยามเป็นสองเท่า! คอยเฝ้าระวังข้าศึกเอาไว้ให้ดี!!" วิลเฮล์มออกคำสั่ง และได้แต่หวังว่ากองทัพหลักจะมาถึงเร็วๆ

    . . . . . . . . . .

              ทันทีที่เข้าสู่รุ่งสางวันถัดมา กองทัพซิสทีเรียก็โหมบุกอย่างที่วิลเฮล์มคาด และคราวนี้ดูท่าว่าอีกฝ่ายบุกมาเต็มกำลัง

    "ปืนใหญ่! ยิง!!" ปืนใหญ่จากแนวกำแพงเมืองเลอเบิร์กเปิดฉากระดมยิงต่อเนื่องที่สุดเท่าที่พวกเขาจะยิงได้ กวาดเอาชีวิตของทหารซิสทีเรียนับพันไปกับการระดมยิงเพียงชุดเดียว

    "ไวเวิร์น!!!" และตามคาด อีกฝ่ายส่งอัศวินไวเวิร์นมาด้วย แต่ว่า...

    "บ้าน่า...! ตอนแรกพวกมันไม่เยอะขนาดนี้นี่นา!!" ทหารแรกตัสเริ่มแตกตื่น พวกเขามั่นใจว่ากองทัพซิสทีเรียน่าจะเหลือไวเวิร์นเพียง 7 ตัวเท่านั้น เพราะการโจมตีครั้งล่าสุด หน้าไม้ยักษ์ของพวกเขายิงไวเวิร์นของฝ่ายซิสทีเรียตกไปสามตัว แต่จำนวนไวเวิร์นที่ปรากฏบนท้องฟ้ากลับมากขึ้นเป็นสามเท่าของจำนวนเดิม และพอสังเกตุดูดีๆ แล้ว กองทัพซิสทีเรียมีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

    "ทัพเสริมงั้นเหรอ!?" วิลเฮล์มที่สังเกตุการณ์อยู่ที่ยอดปราสาทเจ้าเมืองหรือหอบัญชาการชั่วคราวถึงกับหน้าถอดสี ด้วยจำนวนมากเกือบ 20,000 นี้ กองทัพเพียง 5,000 ของเมืองเลอเบิร์กไม่มีทางสู้ได้แม้ว่าจะมีวิทยาการณ์ดีกว่าขนาดไหนก็ตาม วิลเฮล์มก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง พลางถอดหมวกของแกงเกิลที่สวมอยู่ออกมาจ้องมองด้วยแววตาเศร้าสร้อย

    "อาจารย์แกงเกิล.....ผมขอโทษ" เขากล่าวออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความสิ้นหวัง แต่ขณะที่ความสิ้นหวังกำลังปกคลุมจิตใจของเขา วิลเฮล์มกลับได้ยินเสียงบางอย่างที่ผิดปกติ พอเขากลับมามองไปที่กองทัพซิสทีเรียที่กำลังโหมบุกมาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้กองทัพเหล่านั้นกลับตกอยู่ใต้ฝุ่นและระเบิดกัมปนาท

    . . . . . . . . . .

              กองทัพแรกตัส ณ ตอนนี้กำลังสิ้นหวัง พวกเขากำลังเผชิญกับกองทัพที่มากกว่าถึง 5 เท่า

    "บ้าไปแล้ว...." แมกเมนัสถึงกับอึ้ง แต่ไม่ช้าเขาก็กลับมาตั้งสติแล้วออกคำสั่งทันที

    "ทั้งหมดประจำที่! โรเดอริก! แกไปคุมอาวุธต่อต้านไวเวิร์นซะ!!"

    "รับทราบ!!" โรเดอริกรับคำและเข้าประจำตำแหน่งทันที ส่วนแมกเมนัสคอยสั่งการปืนใหญ่

    "แม่งเอ๊ย!!" ขายหนุ่มสบถ พริบตาเดียวที่กองอัศวินไวเวิร์นเข้าสู่ระยะทำการของหน้าไม้ กระสุนหอกหลายสิบเล่มก็ถูกระดมยิงออกมาทันที

    การระดมยิงในครั้งนี้ทำให้ไวเวิร์นของฝ่ายซิสทีเรียถูกยิงร่วงทีเดียวห้าตัว แต่ก็ยังมีอีก 25 ตัวเหลืออยู่ และนั่นคือหายนะของกองทัพแรกตัส

    "เชี่ยแล้ว!!!" โรเดอริกถึงกับสบถคำหยาบออกมาแล้วกระโดดโผออกมาจากหน้าไม้ยักษ์ที่ตนประจำอยู่เมื่อเห็นอัศวินไวเวิร์นนายหนึ่งควบไวเวิร์นเข้ามาใกล้ พอทหารหนุ่มหันกลับไป เขาเห็นแต่ซากหน้าไม้ที่ถูกเผาเป็นจุล และทหารแรกตัสที่ดิ้นทุรนทุรายในกองเพลิงนั้นพร้อมเสียงกรีดร้อง

    "แม่ง.....บรรลัยแล้วมั้ยล่ะ" โรเดอริกคิดว่าตนโชคดีแค่ไหนที่กระโดดออกมาทันเวลา แต่ก็มีเสียงๆ หนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวต้องหันไปมอง

    "อั่ก!!"

    "แมกเมนัส!!" โรเดอริกเห็นแมกเมนัสจ้ำเบ้าลงกับพื้นพลางเอามือกุมตาซ้ายเอาไว้ เขาถูกยิงโดยกระสุนปืนของทหารซิสทีเรียที่ยิงสุ่มเข้ามา

    "เวรแล้ว! แพทย์สนาม!!" โรเดอริกรีบเข้าไปประคองร่างของแมกเมนัสเอาไว้ทันทีขณะตะโกนเรียแพทย์สนาม และตอนนั้นเองที่กองทัพซิสทีเรียเริ่มพาดบันไดแล้วปีนขึ้นมา โรเดอริกจึงหยิบปืนพกของแมกเมนัสขึ้นมาใช้แทนปืนเล็กยาวของตนที่โยนทิ้งโดยไม่รู้ตัว

    "แม่งเอ๊ย....! แม่งเอ๊ย! แม่งเอ๊ย!!" โรเดอริกตะโกนสาปแช่งโชคชะตาของตน และตอนนั้นเองที่จู่ๆ กองทัพแรกตัสและซิสทีเรียต่างหยุดชะงัก แม้แต่อัศวินไวเวิร์นยังหยุดการโจมตีไปชั่วครู่

    กระสุนแสงจำนวนมากลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและตกกลับลงมา เป้าหมายคือกองทัพซิสทีเรีย และทันทีที่กระสุนเหล่านั้นตกถึงพื้น ความวินาศสันตะโรก็บังเกิด

    เสียงร้องของทหารซิสทีเรียดังระงมปะปนไปกับเสียงระเบิด ทำให้ทหารซิสทีเรียที่บุกมาถึงกำแพงเมืองได้แต่มองออกไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด กลับกันกองทัพแรกตัสแม้จะยังไม่รู้ความอะไร แต่พวกเขาโห่ร้องออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นกองทัพกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าทางทิศใต้ ทัพเสริมมาถึงแล้ว

    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

              จากคนเขียน - ช่วงนี้เว้นช่วงนานเพราะย้ายจากบ้านมาอยู่หอใกล้กับมหาลัย แถมยังต้องรอติดเน็ทด้วย ในที่นี้ยังไม่นับงานมหาลัยอีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว จากนี้ไปถ้าไม่ติดขัดอะไรก็น่าจะลงบ่อยขึ้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×