ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Krieg und Sieg

    ลำดับตอนที่ #16 : อินทรีย์ผงาด : ชัยชนะแรกที่เมืองออร์น

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 62


              แคว้นฮอลเลนเซีย ณ ตอนนี้กำลังตึงเครียดอย่างถึงที่สุด

    เพราะการแยกตัวเป็นเอกเทศของแคว้นแรกตัส ทำให้เกิดสงครามระหว่างซิสทีเรียกับแรกตัสขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และมีความเป็นไปได้สูงมากที่แคว้นฮอลเลนเซียจะกลายเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการปะทะ

    เพราะสงครามครั้งล่าสุดกับแคว้นแรกตัสทำให้เสียทหารประจำการทั้ง 4,000 นายไปเกือบหมด ตอนนี้แคว้นฮอลเลนเซียจึงมีทหารจำนวนน้อยมาก และล่าสุดที่แคว้นเบรเมนหันไปเข้าร่วมกับแรกตัสแยกตัวออกจากการปกครองของอาณาจักรซิสทีเรีย เท่ากับว่าฮอลเลนเซียตอนนี้มีโอกาศถูกโจมตีจากสองทิศ

    ท่ามกลางความวุ่นวายภายในห้อองโถงของปราสาทเจ้าแคว้นฮอลเลนเซีย เคานท์ฮอลเลนเซียนั่งก้มหน้าลงกับโต๊ะอย่างเคร่งเครียดในขณะที่เหล่าขุนนางโต้เถียงกัน

    "เรียนท่านเคานท์! สายสืบของเรารายงานมาว่าพวกแรกตัสเริ่มส่งกำลังทหารมาประจำที่เบรเมนเป็นจำนวนมากครับ!"

    "รายงาน! ที่ชายแดนทางเหนือมีการเคลื่อนไหวของกองทัพแรกตัสครับ!" เสียงรายงานของทหารจากแนวหน้าดังติดต่อกัน ทำให้เคานท์ถึงกับนั่งไม่ติด

    "จำนวนทหารของเราในตอนนี้ล่ะ!? ไอ้พวกแม่ทัพอย่างพวกแกมัวทำอะไรกันอยู่!?"

    "นี่พวกเราก็เร่งเกณฑ์ทหารเต็มที่แล้วนะ! พวกขุนนางอย่างพวกแกล่ะ!? พวกเราเพิ่งจะส่งคำร้องเรื่องยุทโธปกรณ์ไปไม่ใช่รึไง!?" เสียงของเหล่าแม่ทัพและขุนนางโต้เถียงผลักภาระกันไปมาน่าปวดหัว เคานท์มองดูเหล่าขุนนางและขุนพลภายใต้อำนาจอย่างเอือมระอา

    "พอแล้ว! หยุดเถียงกันแล้วรายงานสถานการณ์ของฝ่ายเราในตอนนี้มาซะ!!" ยูริอุส บุตรชายคนโตของเคานท์ฮอลเลนเซียตวาดใส่พวกขุนนางแล้วออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

    "เรียนนายน้อย! ตอนนี้กำลังทหารของเรามีจำนวนทั้งสิ้น 8,000 นายแล้วครับ!" แม่ทัพที่รับผิดชอบเรื่องการทหารรายงาน

    "ส่วนเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ตอนนี้ทางเรากำลังจัดหามาให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้! คาดว่าจะมากพอสำหรับการใช้งานและสำรองคลังในอีกไม่ช้าครับ!" ขุนนางที่รับผิดชอบเรื่องการจัดหาอาวุธรายงานเช่นกัน

    แม้จะเห็นว่าเอาแต่หาเรื่องเถียงกันตลอดเวลาก็ตาม แต่ความจริงเหล่าขุนนางและแม่ทัพฮอลเลนเซียนั้นประสานงานกันดีมาก เพราะพวกเขารู้ดีว่าเวลานี้พวกเขากำลังอยู่กับความเสี่ยง

    "มีทหารมากขนาดนี้แล้วยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?" แต่ในหมู่ผู้คนที่กำลังเดือดเนื้อร้อนใจก็ต้องมีทองไม่รู้ร้อนปนมาสักคนสองคน ขุนนางท่าทางขี้เกียจคนหนึ่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ

    "สงครามครั้งก่อนเรามีทหารเท่ากับพวกมันแต่ก็แพ้กลับมา! ความจริงทหารเท่านี้ไม่น่าพอด้วยซ้ำ!" ยูริอุสพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

    "ไม่ใช่ว่าคราวก่อนท่านประมาทถึงแพ้พวกบ้านนอกนั่นกลับมาหรอกเหรอ?" ขุนนางท่าทางขี้เกียจคนนั้นพูดดูถูกยูริอุสในทันที

    "สามหาว!!"

    "แกได้ร่วมทัพไปกับเรารึยังไง!?" เสียงของบรรดาแม่ทัพดังขึ้นรอบห้องทันทีที่ได้ยินคำดูถูกนั้น ดูถูกว่าที่ผู้ครองแคว้นคนต่อไปว่าแย่แล้ว คำดูถูกนี้ยังเหมือนกับการตอกย้ำความพ่ายแพ้ของยูริอุสและแม่ทัพฮอลเลนเซียที่รอดมาจากศึกครั้งล่าสุดอีกด้วย

    "แกไม่ได้ไปเสี่ยงตายก็พูดได้สิวะ! ไอ้คางคกขึ้นวอ!! ถ้าพวกมันเป็นแค่พวกบ้านนอกจริงล่ะก็ ทหารประจำการทั้ง 4,000 ของเราคงไม่แพ้กลับมาหรอก!"

    "แพ้ก็ยอมรับว่าแพ้ซะสิ! จะพูดทำไมให้มากความ!?"

    "ไอ้บัดซบนี่!!!" แม่ทัพคนที่โต้เถียงถึงกับดึงดาบออกมาจากฝักแล้วชี้หน้าใส่ขุนนางคนนั้นอย่างโกรธเกรี้ยวกับท่าทางอวดดีนั้นจนยูริอุสต้องรีบตะโกนห้ามก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้

    "หยุดได้แล้ว! บารอนอูสทิซ! ถ้าจะเอาแต่พูดจาหาเรื่องคนอื่นล่ะก็ออกไปเลย!" ยูริอุส ตวาดใส่ขุนนางคนนั้น อีกฝ่ายลุกเดินออกไปอย่างไม่แยแส

    "ไอ้นั่น...! ถือว่ามีเชื้อสายของดยุคแล้วทำกร่างนักนะ!" แม่ทัพคนนั้นยังคงหงุดหงิดไม่หาย เขาบ่นออกมาขณะเก็บดาบเข้าฝักกลับมานั่นที่เก้าอี้ของตน การประชุมยังคงดำเนินต่อไป ขุนนางยศบารอนที่ชื่ออูสทิซคนนั้นเป็นญาติห่างๆ กับดยุคทาราทอรัส

    "ตอนนี้กำลังทหารของเราถือว่าเยอะแล้ว แต่ข้าว่ามันยังไม่พอ" ยูริอุสกล่าวกับขุนนางและแม่ทัพคนอื่นๆ

    "อย่างน้อยพวกเราตอนนี้ก็พร้อมเข้าสู่สงครามเต็มที่แล้วล่ะครับ" แม่ทัพฮอลเลนเซียคนหนึ่งพูดขึ้น

    "ถ้าพวกมันจะทำสงครามกับพวกเรา อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกราวๆ เกือบเดือนกว่าจะพร้อมรบจริงๆ มีเวลาให้พวกเราส่งสารน์ขอความช่วยเหลือจากเมืองหลวงอยู่นะครับ" แม่ทัพอีกคนเสนอความคิด เพราะเขาคิดว่ากองทัพแรกตัสน่าจะใช้เวลาเตรียมการนาน ยิ่งเป็นกองทัพใหญ่ด้วยแล้ว การจะระดมกำลังพล เกณฑ์ทหาร จัดสรรค์กำลังรบ และเดินทัพมาที่ชายแดน ทุกๆ อย่างที่กล่าวมาล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้น ในที่นี้ยังไม่นับเวลาในการสื่อสารของยุคนี้ด้วย

    "ที่พูดมามันก็ถูก ถ้าอย่างงั้น...."

    "รายงาน! กองทัพแรกตัสที่เบรเมนและชายแดนเหนือเคลื่อนทัพลุกร้ำชายแดนเข้ามาแล้วครับ!!"

    "ว่ายังไงนะ!!?" ยูริอุสและเหล่าขุนนางถึงกับหลุดถามออกมาพร้อมกัน

    "เร็วเกินไปแล้ว!!"

    "แน่ใจนะว่าไม่ใช่กองลาดตระเวนข้าศึกน่ะ!?" แม่ทัพคนหนึ่งถามเพื่อความแน่ใจ

    "ไม่ผิดแน่ครับ! พวกมันเคลื่อนทัพมาจริงๆ! รวมๆ แล้วมีจำนวนมากกว่าหมื่นนายครับ!!" คำตอบนั้นทำให้พวกยูริอุสหน้าซีด พวกเขาไม่นึกว่ากองทัพแรกตัสจะเตรียมตัวเร็วถึงขนาดนี้

    "ร..รีบส่งกองทัพของเราไปเสริมแนวรบทั้งสองด้านซะ! อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาจนกว่าความช่วยเหลือจากเมืองหลวงจะมา.....!"

    "รายงานครับ! เมืองออร์นถูกโจมตี! ทางนั้นร้องขอกำลังเสริมครับ!!"

    "อะไรนะ!? ลุกร้ำชายแดนไม่ทันไรก็บุกถึงเมืองออร์นแล้วเหรอ!!?"

    "นี่พวกมันเดินทัพกันเร็วขนาดไหนกันเนี่ย!?"

    "ส่งทหารสามในสี่ของที่เรามีทั้งหมดไปที่เมืองออร์นซะ! ถ้าที่นั่นแตกล่ะก็ เราจะไม่เหลือเมืองหน้าด่านอีก!!" ยูริอุสออกคำสั่งอย่างตื่นกลัว ฝันร้ายที่ชายแดนเมื่อไม่นานมานี้กลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

    . . . . . . . . . .

              กองทัพจำนวน 12,000 นายของรัฐอิสระแรกตัสเดินทัพอย่างมืดฟ้ามัวดินเพื่อเข้ารุกรานแคว้นฮอลเลนเซียที่ถือเป็นหอกข้างแคร่ของแรกสัสในตอนนี้ และเตรียมเข้ายึดแคว้นครีเมเรียเป็นรายต่อไป กองทัพนี้นำโดยพลจัตวารุสเต็ทช์หนึ่งในนายทหารมากประสบการณ์ของแรกตัส

    เพราะโทรเลขทำให้การสื่อสารรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้พลส่งสารน์ซึ่งใช้เวลาราวๆ 1 - 2 วัน การสื่อสารด้วยโทรเลขนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ขอแค่มีสถานีโทรเลขก็พอ ทำให้การกระจายคำสั่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว

    การเคลื่อนพลเองก็เช่นกัน เพราะการมาถึงของรถจักรไอน้ำ ทำให้การเดินทางรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่กองทัพจากนอร์เดนเบิร์กเดินทางมายังแคว้นเบรเมนต้องใช้เวลาราวๆ 5 วัน เวลาลดลงจนเหลือเพียงวันเดียวเท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลือเดินเท้าทั้งหมดเนื่องจากแคว้นฮอลเลนเซียยังไม่มีทางรถไฟ ด้วยขนาดกองทัพในตอนนี้แล้ว ทำให้การเดินทัพต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ก็ถือว่าเร็วอยู่ดีสำหรับฮอลเลนเซีย

    เพราะการระดมพลและเดินทัพที่รวดเร็วนี้ ทำให้กองทัพแรกตัสเข้าโจมตีแคว้นฮอลเลนเซียได้อย่างรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว และตอนนี้หนึ่งในเมืองหน้าด่านสำคัญของฮอลเลนเซียอย่างเมืองออร์นกำลังถูกโจมตีอย่างหนักโดยการระดมยิงของปืนใหญ่วิถีโค้งฝ่ายแรกตัส

    "กำแพงเมืองข้าศึกพังแล้วครับ!"

    "พวกมันนำกองทัพออกมาแล้วครับ!" ทหารที่อยู่ข้างๆ รุสเต็ทช์ตะโกนบอกเมื่อเห็นทหารจากเมืองออร์นพากันบุกออกมาจากเมืองเพราะทนการยิงกดดันไม่ไหว

    "พวกมันก็ทำได้แค่นั้นล่ะ! ให้ทหารบุกได้! ชัยชนะแด่แรกตัส!!"

    "Sieg(ชัยชนะ)!!" เสียงของทหารแรกตัสโห่ร้องพร้อมกันจนดังก้องไปทั่วสนามรบ ก่อนที่กองทัพนับหมื่นจะบุกสู่เมืองออร์น และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ธงอินทรีย์ผยองของแรกตัสก็โบกสะบัดเหนือเมืองออร์น

    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×