ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Krieg und Sieg

    ลำดับตอนที่ #15 : อินทรีย์ผงาด : ก่อนสงครามจะเริ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 63


              "เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?" ณ เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรซิสทีเรีย นครเบลลีน คฤหาสต์ตระกูลทาราทอรัส ดยุคทาราทอรัสกำลังนั่งคุยอยู่กับอัศวินคนหนึ่ง

    "เป็นเรื่องจริงครับ และมีความเป็นไปได้สูงว่าพวกมันจะโจมตีแคว้นกุสตาฟเป็นที่ต่อไป" อัศวินรูปร่างกำยำในเครื่องแบบนายทหาร สติกซ์ พูดกับดยุคด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ซึ่งเป็นใบหน้ายามปกติของเขาอยู่แล่ว

    เรื่องที่ทั้งสองคุยกันอยู่นี้คือการประกาศแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระของแคว้นแรกตัส ซึ่งถือเป็นการตั้งตนเป็นกบฏกับทางอาณาจักรอย่างชัดเจน

    "ไม่นึกว่าพวกมันจะทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้นะครับ" ขุนนางร่างผอมสูง ฟริสต์ กล่าวขึ้นมา เขายืนอยู่ข้างๆ ดยุคมาตลอด

    "เจ้าเด็กนั่นคงรู้ว่าถ้าจะต่อต้านข้า ยังไงก็ไม่พ้นถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏอยู่แล้วล่ะนะ" ดยุคคาดการได้อย่างเฉียบขาด

    "แต่ก็ไม่แน่ที่พวกมันจะโจมตีแคว้นกุสตาฟต่อ ยังมีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะจัดการกับแคว้นข้างเคียงอย่างฮอลเลนเซียและครีเมเรียก่อน..." ดยุคคาดการต่อ

    "ถ้าเช่นนั้นจะส่งทหารไปเสริมแนวรบที่สองแคว้นนี้เลยมั้ยครับ?" สติกซ์ถาม

    "จัดเตรียมกำลังเอาไว้ให้พร้อม แต่อย่าเพิ่งทำอะไร เอาไว้มั่นใจก่อนว่าพวกมันจะทำยังไงต่อไปค่อยดำเนินการต่อ"

    "ทราบแล้วครับ" ฟริสต์และสติกซ์รับคำสั่งดยุค ก่อนที่สติกซ์จะเงยหน้าขึ้นมาถาม

    "แล้วที่แคว้นกุสตาฟล่ะครับ?"

    "ที่นั่นมีไซอันคุมกองทัพอยู่แล้ว ส่งคนไปบอกให้มันเฝ้าระวังให้เข้มงวดขึ้นก็พอ"

    "แล้วเรื่องอื่นล่ะครับ?" ฟริสต์ถามต่อ

    "เตรียมกระจายคำสั่งออกไปให้ทั่วทั้งแคว้นทุกแคว้นในอาณัติเราว่าให้เตรียมระดมพล ภายในก่อนฤดูร้อนจะมาถึงนี้ ข้าจะจัดการเจ้าเด็กนั่นซะ!" ดยุคออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด แล้วเดินออกจากห้องไป

    "โดร่า แรกตัส....นึกไม่ถึงว่าแกจะเลือกวิธีนี้...!" ดยุคพูดเบาๆ คนเดียวขณะเดินออกไป พลางคิดว่านี่คือโอกาสดีที่จะกวาดล้างอิทธิพลของตระกูลแรกตัสให้หมดไปสักที

    . . . . . . . . . .

              รัฐอิสระแรกตัสในตอนนี้ตื่นตัวถึงขีดสุดเพราะสงครามที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ เพราะคราวนี้ไม่ใช่การรบกับแคว้นเพื่อนบ้านเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว แต่เป็นการรบกับอาณาจักรซิสทีเรียทั้งอาณาจักร ทางรัฐอิสระจึงอยู่ในช่วงผลิตอาวุธและบุคลากรเป็นการใหญ่ ทางรถไฟและเสาสัญญาณโทรเลขถูกติดตั้งและก่อสร้างอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสร้างการสื่อสารและคมนาคมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

    โดร่าในตอนนี้มีท่าทางอิดโรยจากการนอนน้อย เพราะได้ขึ้นเป็นผู้นำรัฐอิสระแรกตัสทำให้งานมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แม้จะจ้างที่ปรึกษามาเพิ่มเพื่อแบ่งเบางานที่มีก็ยังไม่เพียงพอ แต่ยังถือว่าดีที่ช่วงหลังๆ มานี้โดร่ามีเวลาพักผ่อนมากขึ้นมาหน่อย

    "ช้าไป!!" โดร่าได้ยินเสียงโลหะกระทบกันและเสียงตะโกนคุ้นหูมาจากข้างนอกคฤหาสต์ พอมองออกไปก็เห็นเยเซลกำลังฝึกดาบอยู่กับผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง พอเทียบส่วนสูงแล้ว หัวของเธออยู่ระดับอกของเยเซล

    "ไง....อยู่ด้วยกันอีกแล้วนะ..." โดร่าทักทั้งคู่จากทางเดินในตัวอาคาร ทั้งสองหยุดการฟันดาบลงแล้วหันมาทางโดร่าทันที

    "ท่านผู้นำ!?" หญิงสาวตัวเล็กพูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เธอมีผมสีส้มมัดแกละข้างนึง ใบหน้ากลมกลึงออกไปทางน่ารัก แม้จะตัวเล็กแต่หน้าอกหน้าใจของเธอถือว่าใหญ่กว่ามาตรฐานหญิงสาวอยู่นิดๆ เธอสวมเครื่องแบบทหารของรัฐอิสระแรกตัส แต่ยังไม่ติดอินทรนูบอกยศ

    "มีอะไรถึงมาที่นี่คะ?" หญิงสาวผมส้มคนนั้นถามอย่างประหลาดใจ ก่อนที่โดร่าจะยิ้มเจื่อนแล้วตอบกลับไป

    "ก็นี่มันบ้านชั้นนี่นา ชั้นจะอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลกหรอก"

    "เอนริโก!" เยเซลรีบเดินมาขัดบทสนทนาทันที ก่อนจะเดินมาคุยกับโดร่า

    "มีอะไรงั้นเหรอครับ?"

    "ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เห็นพวกนายสองคนฝึกดาบกันก็เลยแปลกใจน่ะนะ" โดร่าตอบกลับไป เพราะปกติแล้วเยเซลจะฝึกดาบแค่กับโดร่า แกงเกิล หรือไม่ก็นายทหารเท่านั้น

    "เครื่องแบบนี่มัน....?"

    "เอนริโก แองโกลา! ว่าที่ทหารหญิงแห่งกองทัพรัฐอิสระค่ะ!"

    "ต่อหน้าท่านผู้นำนะ!" หญิงสาวที่ชื่อเอนริโกตอบกลับด้วยรอยยิ้มทะเล้น จนเยเซลต้องดุ เสียงดุนั้นทำให้เอนริโกดูเหมือนตัวหดลง

    "ทหาร?" โดร่าแปลกใจนิดๆ เพราะแม้ว่าตนจะเริ่มเปิดรับผู้หญิงเข้าร่วมกองทัพแล้วก็ตามเพื่อส่งเสริมสิทธิสตรีและแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน(เพราะผู้ชายมาเป็นทหารกันส่วนใหญ่) แต่เจ้าตัวนึกไม่ถึงว่าจะมีผู้หญิงมาสมัครจริงๆ แถมยังเป็นเธอคนนี้

    เอนริโกคืออดีตทาสที่โดร่าช่วยเอาไว้เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมา เพราะโดร่าไม่ชอบแรงงานทาสสักเท่าไรจึงปลดสถานะทาสให้และจ้างเธอเป็นสาวใช้ในคฤหาสต์ และส่วนใหญ่ถ้าเธอไม่ทำงานก็มักจะอยู่กับเยเซลเสมอจนโดร่าอดที่จะคิดไม่ได้

    "ดีจังนะ.....เยเซล..."

    "ผมบอกเอาไว้ก่อนนะครับว่าเธอมาเซ้าซี้ขอฝึกอาวุธกับผมเอง ไม่ใช่ว่าผมอยากฝึกให้หรอก" เยเซลตอบเหมือนแก้ตัว

    "แล้วก็.....ตอนเธอรู้ว่าเราจะเริ่มรับทหารหญิงเธอก็ตรงมาหาผมที่สำนักงานเองเลย....." เยเซลพูดเสียงค่อยลง ส่วนเอนริโกยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

    "เห็นว่ามีแววหน่อยๆ ด้วยก็เลย...." พอได้ยินคำพูดนั้นโดร่าก็ยิ่งเผยอยิ้มจนเยเซลรีบแก้ตัวมากยิ่งขึ้น

    "พ..เพราะผมเห็นว่ามีแววหรอกผมถึงให้เธอผ่านการสมัครน่ะ!!" เยเซลพูดเสียงดัง แก้มของนายทหารหนุ่มแดงนิดๆ

    "เหรอ.....พยายามเข้านะ" โดร่ายิ้มร่าแล้วตบบ่าเยเซลเบาๆ ก่อนจะเดินจากออกมา

    "(แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องมาฝึกกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อยนี่นา~....)" ชายหนุ่มคิดเล่นๆพลางแอบมองทั้งสองด้วยหางตา

    "(อ๊ะ! วีนแตกซะแล้ว)" แล้วก็เห็นเยเซลทำท่าทางง้องแง้งใส่เอนริโก นั่นทำให้โดร่ายิ่งนึกสนุกมากยิ่งขึ้น

    ความจริงแล้วโดร่ายังไม่รู้ว่าการเปิดรับสมัครทหารหญิงนั้นได้รับเสียงตอบรับมากกว่าที่คิดเอาไว้มาก นอกจากเอนริโกแล้วยังมีผู้หญิงจำนวนมากทั้งที่อยากก้าวหน้าทางการงาน หรือกระทั่งอยากพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายมาสมัครกันจนเกินอัตรา เลยต้องใช้การทดสอบร่างกายเพื่อคัดคน ซึ่งเอนริโกเองก็ผ่านการทดสอบนั้นมาได้ย่อมหมายความว่าเธอเองก็มีดีไม่น้อย

    "ท่านผู้นำครับ ผลการรายงานสังเกตุการณ์จากแนวรบตะวันออกครับ" ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น นายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหาโดร่าและยื่นซองเอกสารให้ ภายในนั้นมีเอกสารที่ตัวอักษรชัดเจนและมีระเบียบมากจนดูไม่เหมือนเขียนด้วยมือ เพราะมันพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีด เป็นเอกสารทางทหารฉบับแรกที่ส่งผ่านโทรเลข

    "นี่มัน.....?" โดร่าเปิดอ่านรายงานนั้นตรงนั้นเลย เนื้อหาของมันทำให้โดร่าถึงกับคิ้วกระตุก

    . . . . . . . . . .

              ณ เมืองชไควร์ เมืองหลวงของแคว้นกุสตาฟ

    เมืองแห่งนี้เคยสวยงามที่สุดในภาคเหนือ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน กองทัพจากเมืองหลวงเบลลีนเข้ารุกรานและเผาทำลายเมืองชไควร์แห่งนี้จนราบเป็นหน้ากลอง ความสวยงามที่เมืองนี้สั่งสมมาก็กลายเป็นเถ้าธุลี

    เมืองชไควร์ตอนนี้กลายเป็นเมืองที่เสื่อมโทรม อาชญากรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าแต่ก่อน แต่ทางผู้ครองเมืองคนปัจจุบันก็ไม่ใส่ใจที่จะแก้ใขใดๆ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของขุนนางจากส่วนกลาง

    ณ พื้นที่โล่งแจ้งซึ่งปัจจุบันกลายเป็นค่ายทหารของแคว้นกุสตาฟ ณ ปัจจุบัน ไซอัน ทาราทอรัส บุตรชายดยุค กำลังเดินเคียงข้างนายทหารของตนอย่างเย่อหยิ่ง

    "ตอนนี้กำลังทหารของพวกกบฏกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ" นายทหารคนนั้นรายงานไซอัน

    "ถึงมีมาเพิ่มมันก็เท่านั้นแหละ จะฝึกทหารให้รบเป็นน่ะไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ" ไซอันตอบกลับไปอย่างไม่แยแส

    "แต่ว่า....ดูเหมือนพวกมันจะเตรียมการบางอย่างเพื่อโจมตีที่นี่เป็นที่ต่อไปนะครับ ทางท่านดยุคเองก็เพิ่งจะส่งคนมาบอกว่าอย่าหละหลวม...."

    "ข้ารู้แล้วน่า!!" ไซอันตวาดกลับไป เขาไม่ชอบเวลามีใครมาพูดอะไรน่ารำคาญข้างๆ ตน

    "แล้วเจ้าพวกนั้นเตรียมการเสร็จรึยัง?" ไซอันถามนายทหารคนนั้นต่อ

    "ครับ ตอนนี้พวกมันส่วนใหญ่กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมรบแล้ว เหลืออีกแค่บางส่วนที่ยังต้องใช้เวลาพักผ่อนและตรวจสุขภาพบ้าง...." ทหารคนนั้นรายงาน ก่อนที่ทั้งสองจะมาหยุดอยู่ที่อาคารไม้ขนาดใหญ่

    มันดูเหมือนกับคอกม้าขนาดยักษ์ แต่เสียงร้องที่ดังออกมาทำให้รู้ว่าที่อยู่ข้างในไม่ใช่ม้า ไซอันเดินเข้าไปและมองดูสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นอย่างไม่หวั่นเกรงในขณะที่นายทหารคนนั้นมีทีท่าหวาดกลัว

    พวกมันเหล่านั้นมีรูปร่างเหมือนกิ้งก่าคอยาวมีเขาขนาดใหญ่ ขาหน้าของพวกมันถูกแทนที่ด้วยปีกจนดูเหมือนเทอร์โรแดกทิล(pterodactyl) คอของพวกมันถูกล่ามด้วยโซ่เส้นหนาและมีทหารถืออาวุธคอยควบคุมพวกมันอยู่ พวกมันมีอยู่ประมาณ 10 กว่าตัว

    "ด้วยเจ้าสิ่งนี้ ข้าจะเผาแคว้นแรกตัสของไอ้ตุ๊ดนั่นเหมือนกับแคว้นกุสตาฟนี่!" ไซอันยิ้มเหี้ยมอย่างมั่นใจขณะมองดู'ไวเวิร์น'ท่าทางดุร้ายในคอกเลี้ยงส่งเสียงน่ากลัว

    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

              จากคนเขียน - เปลี่ยนชื่อแคว้นบาวาเรียเป็นเบรเทน(Bremen)เพื่ออิงตามแผนที่ประเทศเยอรมัน รวมทั้งแก้ไขเนื้อหาของตอนก่อนๆ ด้วยแล้ว เลยแจ้งมาให้ทราบกัน ณ ที่นี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×