ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ปฐมกาลอินทรีย์ : ความสูญเสียต่อเนื่อง
คฤหาสต์ตระกูลแรกตัสในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด เพราะข่าวที่ว่าแคว้นกุสตาฟซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของแคว้นแรกตัสถูกโจมตีอย่างกระทันหันทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างมาก เพราะถ้าแคว้นกุสตาฟถูกยึดครองเมื่อไร นั่นหมายถึงแคว้นแรกตัสจะเสียพันธมิตรสำคัญในการรับมือกับดยุคทาราทอรัสไปในทันที
โดร่าส่งกองทัพไปยังชายแดนตะวันออกเพื่อเสริมแนวป้องกันและช่วยเหลือแคว้นกุสตาฟอย่างเต็มที่ ในขณะที่ตนเองจัดเตรียมกองทัพอีกส่วนหนึ่งเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีก สิ่งที่โดร่าทำได้นอกเหนือจากนี้เหลือเพียงคาดหวังว่ากองทัพของตนจะไปถึงทันเวลา
สองวันนับจากวันที่โดร่าส่งกองทัพไปยังแคว้นกุสตาฟ แกงเกิลและกองทัพแรกตัสที่ถูกส่งไปก็กลับมา
พวกเขาท่าทางอิดโรยและใจเสีย นั่นทำให้โดร่ารู้สึกใจไม่ดียิ่งขึ้น
"เป็นยังไงบ้าง แกงเกิล?" โดร่ามาถามแกงเกิลด้วยตัวเอง นายทหารอาวุโสทำสีหน้าลำบากใจและเผลอหลบตาโดร่า
"บอกมาสิแกงเกิล! ทันเวลารึเปล่า!?" โดร่าเลื่อนหน้าไปสบตากับแกงเกิลแล้วถามย้ำ แกงเกิลตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่โศรกเศร้าและรู้สึกผิด
"ขออภัย......พวกเราไปไม่ทัน" คำตอบนั้นทำให้โดร่าใจหาย ชายหนุ่มถามต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ
"แล้วคนอื่นๆ ล่ะ...? พวกคุณตาล่ะ!?"
"พอพวกเราไปถึงทุกอย่างก็จบลงแล้ว....ส่วนครอบครัวตระกูลกุสตาฟ......ไม่มีใครเหลือรอด" คำตอบนั้นทำให้โดร่าหัวใจสลาย แกงเกิลหลบออกมา ให้โดร่าได้เห็นเกวียนที่บรรทุกศพของสมาชิกตระกูลกุสตาฟกลับมา ชายหนุ่มเดินไปแล้วเปิดผ้าคลุมศพออกดู
"ไม่....." โดร่าเข่าทรุด ใบหน้าแปดเปื้อนไปด้วยน้ำตา สภาพศพของสมาชิกตระกูลกุสตาฟทุกคนไม่สมประกอบ บางศพไร้แขนขา บางศพมีร่องรอยถูกแทะเล็มโดยสัตว์ป่า
"พวกเราเก็บกู้ศพมาได้เท่านี้ครับ.....แล้วก็ช่วยทหารกุสตาฟมาได้ส่วนหนึ่ง....." แกงเกิลพูดขณะที่โดร่าฝืนตัวเองลุกขึ้นมาเปิดผ้าคลุมศพออกทีละศพ จนกระทั่งเจอศพที่ดูสมบูรณ์ที่สุด ศพของลูกพี่ลูกน้องของตน พิกซี่
ร่างของเธอถูกห่อด้วยผ้าผืนหนา ที่คอมีรอยเชือกจนเขียวคล้ำ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าของเธอภายใต้ผ้าที่คลุมอยู่นั้นบอบช้ำอย่างมาก ไม่ต้องบอกเลยว่าเธอได้เจอกับอะไรมา
"ไม่! ไม่......" โดร่าร้องไห้หนักยิ่งขึ้น เข้ากอดร่างของลูกพี่ลูกน้องของตนโดยไม่สนใจกลิ่นเหม็นของศพที่เริ่มโชยออกมา ภาพที่ตนกับพิกซี่เที่ยวชมเมืองด้วยกันเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมาย้อนกลับมาในหัวของชายหนุ่ม
"พวกมันเอาศพมาแขวนประจาน....ส่วนบ้านเรือนถูกเผาทำลาย ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว....." ทหารกุสตาฟคนหนึ่งพูดออกมาอย่างปวดร้าว บรรยากาศโศรกเศร้าอึมครึมปกคลุมไปทั่วทั้งคฤหาสต์
"ใครเป็นคนนำทัพ......?" โดร่าผละออกจากศพของพิกซี่แล้วคลุมผ้าไว้ตามเดิม ก่อนจะหันไปถามทหารคนนั้น
"ไซอัน ทาราทอรัส!! ข้าเห็นกับตาตัวเอง!!" ทหารคนนั้นตะเบ็งเสียงออกมาอย่างเจ็บแค้น ชื่อนั้นทำให้จิตใจของโดร่าที่กำลังโศรกเศร้าเริ่มร้อนรุ่ม
"ทาราทอรัส?"
"ใช่! ข้าเห็นมันนำทัพด้วยตัวเอง! แถมยังมีธงศึกของพวกมันด้วยไม่ผิดแน่!!"
"ทาราทอรัส......" โดร่าพูดซ้ำด้วยนำเสียงที่เย็นเฉียบ เหล่าทหารแรกตัสรอบตัวต่างสัมผัสได้ถึงรังสีอาฆาตออกมาจากตัวโดร่า
"นายน้อย...."
"จัดการศพให้ตระกูลกุสตาฟตามที่เราจัดการให้ได้ในตอนนี้ไปก่อน......แล้วแจ้งข่าวร้ายนี้ให้คุณปู่ได้รับทราบ"
"ไม่จำเป็น....." มาควิสแรกตัสปรากฏตัว ณ ด้านหลังของโดร่า
"คุณปู่....."
"ตอนแรกลูกชายและลูกสะใภ้......มาตอนนี้ก็ครอบครัวกุสตาฟทั้งตระกูล......" มาควิสแรกตัสเค้นเสียงออกมาอย่างเคียดแค้น ก่อนจะไอออกมาชุดใหญ่
"คุณปู่!?"
"แค่ก! ไม่นึกว่า....ข้าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต.......ไอ้ดยุคสารเลวนั่น!! แค่ก...ๆ....ๆ.....!!" มาควิสแรกตัสไอมากยิ่งขึ้นจนทรุดลงกับพื้น จนคนรับใช้ที่ตามมาต้องรีบพยุงร่างของเขาเอาไว้
"ข้าเองก็น่าจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว....เห็นทีอำนาจในฐานะผู้ครองแคว้นคงต้อง...."
"ไม่นะปู่....ปู่จะมาทิ้งผมไปตอนนี้ไม่ได้!! ผมน่ะ.....!!" โดร่าเริ่มร้องไห้อีกครั้งเมื่อได้ยินมาควิสแรกตัสพูดเรื่องความตายของตัวเองออกมา ชายหนุ่มในตอนนี้เพิ่งจะสูญเสียญาติฝ่ายแม่ไปจนหมด พอมารู้ว่าปู่ของตนที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่กำลังจะอยู่ได้อีกไม่นานก็เริ่มใจเสีย
"อย่างอแงเป็นเด็กเล็กน่า!!!" มาควิสแรกตัสตะคอกสุดเสียงจนไอหนักยิ่งขึ้น แต่เสียงตะคอกนั้นทำให้โดร่าชะงัก
"ข้าอายุปูนนี้แล้ว อยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว! คนที่จะต้องรับภาระและความแค้นครั้งนี้มีแต่แกเท่านั้น!" มาควิสแรกตัสพูดกับหลานชาย
"ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงสักวัน.....ถ้าแค่นี้เจ้ายังยอมรับไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดถึงอนาคตของแคว้นหลังจากนี้ไป! โดร่า.....เจ้าคือความหวังสุดท้ายของตระกูล!!" มาควิสพูดอย่างหนักแน่น ทำให้โดร่าเริ่มฉุกคิดขึ้น
"จัดการเรื่องงานศพตระกูลกุสตาฟก่อน......เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง" มาควิสแรกตัสพูดตัดบทแล้วกลับไปยังคฤหาสต์ ทิ้งให้โดร่าเรียบเรียงความคิดอยู่ตรงนั้น
. . . . . . . . . .
กลางดึกคืนนั้นโดร่าฝัน ฝันถึงโศรกนาฏกรรมเมื่อ 10 ปีก่อน แต่คราวนี้ต่างกันออกไป
เสียงร้องและความบ้าคลั่งในวันนั้น ภาพที่พ่อและแม่ของชายหนุ่มถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม โดร่าได้แต่มองดูโดยไม่อาจทำอะไรได้
"โดร่า!!" เสียงร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง พิกซี่พยายามยื่นมือมาหาโดร่า ชายหนุ่มยื่นมือออกไปหาอย่างไม่ลังเล แต่ว่า....ร่างของเธอสลายเป็นผงทันทีที่โดร่าจับมือเธอเอาไว้ ตอกย้ำความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวกุสตาฟ
"...!!" โดร่าตื่นขึ้นมากลางดึก ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง แล้วเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อสงบอารมณ์
"นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ?" เสียงของชายชราดังมาจากข้างๆ โดร่าเห็นมาควิสแรกตัสนั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียงห้องข้างๆ
"คุณปู่?"
"ฝันถึงพ่อแม่เจ้าอีกแล้วเหรอ? ข้าเองก็เหมือนกัน....." มาควิสพูดอย่างเศร้าสร้อย
"ผมน่ะมันไร้พลัง......ต่อให้ผมโตมายังไงก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี...." โดร่าก้มหน้าพูดตอกย้ำตัวเอง
"พูดอะไรของเจ้า?"
"ขนาดคำสอนของแกงเกิลที่ว่าอย่าจดจ่อกับศัตรูตรงหน้ามากเกินไปผมก็ยังจำไม่ได้ ถ้าผมรอบคอบกว่านี้อีกสักหน่อย พวกคุณตาก็คง....."
"คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้นแหละ...." มาควิสพูดปลอบใจหลานชาย
"อย่างข้าพูดเมื่อตอนกลางวัน ข้าจะส่งมอบอำนาจผู้ครองแคว้นให้เจ้ารับช่วงต่อ เจ้าจะได้ไม่ต้องมาห่วงอะไรข้าอีก" มาควิสหันมาพูดกับโดร่าอย่างจริงจัง
"อย่างผมน่ะเหรอผู้ครองแคว้น? ผมมันเคยแต่นำกองทัพออกรบเท่านั้น จะมานำประชาชนแบบนั้นน่ะ..."
"การที่เจ้าสามารถนำกองทัพที่ประกอบไปด้วยคนหมู่มากให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ และการที่เจ้ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาแคว้นมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเจ้าเหมาะจะปกครองแคว้น" มาควิสตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
"เจ้าคือสายเลือดตระกูลแรกตัสคนสุดท้าย และก็เป็นสายเลือดกุสตาฟคนสุดท้ายด้วยเช่นกัน อนาคตของแคว้นนับจากนี้อยู่ในมือเจ้าแล้วนะ หลานปู่..." มาควิสแรกตัสมองโดร่าด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องอย่างทุลักทุเล
"...อนาคต....ในมือเรางั้นเหรอ.....?" โดร่าแหงนหน้ามองท้องฟ้า มองดูดวงจันทร์และหมู่ดาวด้วยความคิดอันสับสน
. . . . . . . . . .
เบื้องหน้าโดร่าซึ่งตอนนี้สวมเครื่องแบบนายทหารเต็มยศคือเหล่านายทหารและขุนนางในสังกัดผู้ภักดีต่อตระกูลแรกตัส วันนี้ถือเป็นวันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่างรวมกัน
ตรงหน้าโดร่าและคณะคือโลงศพของครอบครัวตระกูลกุสตาฟ และมาควิสแรกตัส หลังจากได้พูดคุยกันในคืนนั้น มาควิสแรกตัสก็เสียชีวิตลงในเช้าวันถัดมาราวกับได้ปลดเปลื้องภาระของตนหมดแล้ว
นักบวชร่ายบทสวดแด่คนตาย เหล่าทหารกองเกียรติยศพากันยกโลงศพขึ้นเพื่อนำไปยังที่ฝังศพที่จัดเตรียมเอาไว้ โดร่ามองดูภาพเหล่านี้ทั้งน้ำตา
"นายน้อย....ไม่สิ นายท่าน" แกงเกิลเดินมาใกล้โดร่าพร้อมหีบใบเล็กๆ ในมือ ในหีบนั้นคือแหวนสลักตราอินทรีย์อันเป็นตราประจำตระกูลแรกตัส เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าโดร่า ในตอนนี้ คือผู้นำตระกูลแรกตัสคนปัจจุบันแล้ว
โดร่าหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาสวมนิ้วนางขวา เหล่าทหารกองเกียรติยศต่างทำท่าวันทยวุธเพื่อทำความเคารพผู้ครองแคว้นคนใหม่
"ทุกคนฟัง!!" หลังจากพิธีศพและสวมแหวนผู้ครองแคว้นเสร็จสิ้น โดร่าปรากฏตัวขึ้นที่จัตุรัสกลางเมือง และประกาศต่อหน้าเหล่านายทหาร ขุนนาง และประชาชนจำนวนมาก
"ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ พวกเราแคว้นแรกตัส ได้ทำตัวเป็นรั้วเพื่อปกป้องอาณาจักรซิสทีเรียแห่งนี้จากผู้รุกรานมาโดยตลอด! แต่ในขณะที่พวกเรายอมหลั่งเลือด! พวกขุนนางฟอนเฟะจากส่วนกลางกลับหันคมเขี้ยวเข้าใส่เรา!! ตอบแทนความลำบากของพวกเราด้วยการทรยศ!!" โดร่าประกาศอย่างแข็งกร้าว ปลุกความไม่พอใจของประชาชนแคว้นแรกตัส
"เราจะไม่ทนอีกต่อไป!! ในนามของเรา! โดร่า กุสตาฟ แรกตัส!! นับจากนี้เราจะแยกตัวเป็นเอกเทศจากซิสทีเรีย!! และประกาศสงครามกับดยุคทาราทอรัส!!" โดร่าตัดสินใจนำนามสกุลกุสตาฟและแรกตัสมารวมเข้ากับชื่อของตน เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าตนคือสายเลือดที่เหลืออยู่คนสุดท้ายของสองตระกูล
เพราะหากจะต่อกรกับดยุคทาราทอรัสที่เป็นถึงสมุหกลาโหมของอาณาจักรแล้ว ยังไงก็คงไม่พ้นถูกมองว่าเป็นกบฏ โดร่าจึงตัดสินใจประกาศจุดยืนให้ชัดเจนไปเลย
เสียงโห่ร้องของผู้คนดังกระหึ่มไปทั่ว ยุคใหม่ที่โดร่าจะเป็นคนกำหนดประวัติศาสตร์เปิดม่านอย่างเป็นทางการ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น