ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ปฐมกาลอินทรีย์ : ทาส
"งั้นเหรอ....ล้มเหลวสินะ...?"
"ครับ..." ณ ห้องๆ หนึ่งที่ประดับตกแต่งไปด้วยเครื่องเรือนที่สวยงามแต่ก็เน้นประโยชน์ใช้สอยไปในตัว ห้องทำงานของดยุคทาราทอรัส ไซอันกำลังก้มหัวให้กับดยุคที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานของตน
"ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้แคว้นครีเมเรียมาแล้ว อีกอย่างข้าไม่คิดหรอกว่าอย่างเคานท์นั่นจะสามารถพอจะจัดการกับแคว้นแรกตัสได้" ดยุคกล่าวอย่างสุขุม หลังจากสงครามระหว่างแคว้นครีเมเรียกับแรกตัสจบลง แคว้นครีเมเรียก็เจอกับปัญหาอย่างรุนแรงทันที ทั้งการก่อจราจลจากประชาชนที่ไม่พอใจสงครามและการกดขี่ของเคานท์ และปัญหาเศรษฐกิจที่เรื้อรังมานาน กลายเป็นเหตุผลให้ดยุคทาราทอรัสเข้าแทรกแซงและยึดครอง
"ขอโทษนะท่านพ่อ....แต่ผมไม่เข้าใจ วางแผนจะจัดการกับแคว้นแรกตัสน่ะพอเข้าใจได้ แต่แคว้นเล็กๆ อย่างครีเมเรียมันมีดีอะไรให้เราต้องเข้ายึดด้วย?" ไซอันถามอย่างสงสัย เพราะแคว้นครีเมเรียนั้นค่อนข้างแร้นแค้น พื้นที่เกษตรกรรมก็มีน้อยมาก นอกนั้นก็มีแต่ภูเขาหิน อีกทั้งถ้าจะบุกแคว้นแรกตัสผ่านครีเมเรียก็ต้องผ่านช่องเขาครีเมรัสที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เข้าตีได้ยาก ไม่ว่าไซอันจะมองมุมไหนก็ไม่เห็นประโยชน์ในแคว้นครีเมเรียเลย
"แกก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับแคว้นแรกตัสเกินไป....ยังไงเจ้ามาควิสนั่นมันก็มีพันธมิตรอยู่ด้วยไม่ใช่รึไง?" ดยุคหันไปพูดกับบุตรชาย คำพูดนั้นทำให้ไซอันถึงกับยิ้มร่า
"อ๋อ......ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ"
"ก่อนที่เราจะจัดการกับแคว้นแรกตัสขั้นเด็ดขาด ก่อนอื่นเราต้องตัดแขนขาพวกมันซะก่อน" ดยุคกล่าวต่อ
"แต่ว่าท่านพ่อ ถ้าจะเตรียมตัวทำศึกต่อเลยมันก็ออกจะเร่งรีบไปหน่อย แถมตอนนี้ยัง...." ไซอันแย้งด้วยเหตุผล เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว
"ข้ารู้ แกไปเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาซะ เอาไว้ผ่านฤดูหนาวไปแล้วค่อยว่ากัน"
"ทราบแล้วครับ ท่านพ่อ...." ไซอันโค้งให้กับดยุคอีกครั้ง ก่อนจะออกไปจากห้อง
. . . . . . . . . .
ณ เมืองนอร์เดนเบิร์ก ณ ขณะนี้เมืองเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว หิมะเริ่มตกประปราย ย้อมเมืองทั้งเมืองเป็นสีขาว แต่ผู้คนในเมืองก็ยังออกมาทำกิจวัตรประจำวันกันโดยไม่ครั่นคร้ามความหนาว
"เริ่ม!!" เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยเสียงโลหะกระทบกัน
ท่ามกลางสวนหลังคฤหาสต์ตระกูลแรกตัส คนสองคนในชุดป้องกันกำลังฟาดกระบี่ใส่กันอย่างดุเดือด โดยมีแกงเกิล อัศวินประจำตระกูลแรกตัสเป็นคนคุมการต่อสู้ คนหนึ่งฟาดดาบใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่อีกฝ่ายก็โยกตัวหลบได้ทุกครั้ง ก่อนจะแทงกระบี่สวนจนฝ่ายโจมตีต้องถอยออกมาตั้งหลัก
"แรงดีเหมือนเดิมนะเยเซล แต่ยังเร็วไม่พอ...!" โดร่าในชุดป้องกันสำหรับฟันดาบพูดจายียวนอีกฝ่ายก่อนจะกลับมาเป็นฝ่ายบุกบ้าง ชายหนุ่มเน้นการแทงมากกว่าการฟัน ทำให้อีกฝ่ายต้องเหวี่ยงดาบปัดการโจมตี ไม่ว่าเยเซลจะฟันไปอีกสักกี่ครั้ง โดร่าก็หลบได้ทุกครั้ง แต่...
"แบบนี้เร็วพอรึยังครับ?" เยเซลยียวนกลับแล้วตวัดดาบอย่างรวดเร็ว ทำเอาโดร่าที่กำลังจดจ่ออยู่กับการแทงหลบไม่พ้นและยกแขนซ้ายขึ้นมากันกระบี่แทน ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อปลอกแขนกระทบกับอาวุธอีกฝ่าย
"เร็วแต่ไร้ซึ่งกำลังก็ไม่ดีหรอกนะครับ!!" เยเซลใช้จังหวะที่โดร่าชะงักพุ่งเข้าไปแล้วฟาดดาบใส่อีกฝ่ายชุดใหญ่ โดร่าเอี้ยวตัวหลบและแทงสวนไปที่มือขวาของเยเซลที่จับดาบมั่น ปลายกระบี่สอดเข้าไปในโก่งดาบอย่างแม่นยำและลื่นไหล และ
"Ende!(จบแล้ว!)" โดร่าจ่อปลายกระบี่ที่คอของเยเซลขณะที่กระบี่ของอีกฝ่ายห้อยอยู่ที่มือของตน การปะลองจบลง
"เป็นยังไงบ้าง? แกงเกิล?" โดร่าหันไปถามแกงเกิลด้วยสีหน้าภาคภูมิใจขณะถอดหมวกป้องกันออก เผยให้เห็นใบหน้าอันขาวผ่องที่ชุ่มเหงื่อ ก่อนจะปลดผมเปียของตนที่ม้วนเข้าหากันเหมือนดอกกุหลาบเพื่อจะไม่เกะกะเวลาสวมหมวกออกจนปลายเปียห้อยลงตามเดิม
"ถือว่ายอดเยี่ยมมากครับนายน้อย แต่เรื่องพละกำลังคงต้องฝึกกันอีก ส่วนเยเซล....แกจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ตรงหน้าเกินไป" แกงเกิลวิจารณ์การต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา
"ก็การต่อสู้น่ะ.....ต้องจดจ่ออยู่ที่ศัตรูไม่ใช่เหรอพ่อ?" เยเซลพูดขณะถอดหมวกออก ใบหน้าของชายหนุ่มเองก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อไม่ต่างกัน
"ในการต่อสู้จริงๆ น่ะ การมีสมาธิจดจ่อกับศัตรูมันก็ไม่ผิดนักหรอก แต่ถ้าจดจ่อมากเกินไปก็อาจจะโดนฝ่ายตรงข้ามหลอกล่อเอาได้" แกงเกิลตอบ
"เหมือนอย่างที่เยเซลโจมตีโดนผมสินะ?"
"ถูกแล้ว นายน้อย..."
"ขออภัยครับ!" คนรับใช้คนหนึ่งยืนทักทั้งสามที่ใต้ร่มหลังคาเฉลียง ดูเหมือนเขาจะเจาะจงมาที่โดร่า
"ท่านมาควิสมีคำสั่งให้มาตามท่านครับ!"
"เข้าใจแล้ว บอกไปว่ารอเดี๋ยว" โดร่าตอบกลับไปก่อนจะเดินกลับเข้าไปในคฤหาสต์เพื่อถอดชุดป้องกัน และไปยังหน้าคฤหาสต์ตามที่คนรับใช้นำในชุดลำลองแบบง่ายๆ
"พิกซี่?" โดร่าถึงกับแปลกใจเมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องตนยืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสต์
"ไงโดร่า! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!"
"อืม แล้วลมอะไรหอบเธอมาที่นี่ล่ะ?"
"ก็แค่มาเที่ยวเล่นเฉยๆ น่ะ ช่วงนี้พวกท่านพ่อกับท่านตาน่ะเอาแต่ประชุมเรื่องเคร่งเครียดอะไรกันก็ไม่รู้ น่าเบื่อสุดๆ ไปเลยล่ะ!" พิกซี่เดินไปบ่นไปรอบๆ หน้าคฤหาสต์
"แล้วเธอล่ะ? ช่วงนี้ว่างรึเปล่า?" พิกซี่ถามโดร่าบ้าง
"ก็ไม่เชิงน่ะนะ....แค่ช่วงนี้มีเวลาว่างมากขึ้นนิดหน่อย...."
"งั้นก็ดีเลย! ช่วยพาชั้นเที่ยวเมืองนอร์เดนเบิร์กหน่อยสิ!" พิกซี่พูดพลางจ้องหน้าโดร่าด้วยแววตาเป็นประกาย ทำเอาชายหนุ่มรับมือไม่ถูก เพราะโดร่าอยากจะอยู่อ่านหนังสือมากกว่า
"เอ่อ...คือว่า"
"ไปเถอะ....." มาควิสแรกตัสปรากฏตัวขึ้นที่ทางเดินตรงบันไดชึ้นชั้นสอง พิกซี่โค้งถอนสายบัวให้เล็กน้อย
"ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรน่าห่วงเกิดขึ้น เพราะงั้นไปเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะ"
"ครับ คุณปู่" โดร่าก้มหัวตอบ ก่อนจะหันไปทางเยเซล แล้วเดินออกไปข้างนอกคฤหาสต์พร้อมกันทั้งสามคน
ณ ขณะนี้เป็นช่วงเวลากลางวัน แสงแดดอันอบอุ่นจากท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆมาบดบังช่วยสาดส่องลงมาบรรเทาความหนาวได้บ้างผู้คนเดินกันขวักไขว่ตามท้องถนน แต่จุดสังเกตุได้ก็คือถนนสายหลักของเมืองถูกแบ่งเป็นเลนๆ ให้ผู้คนเดินบนเลนซ้ายขวา เว้นช่วงกลางเอาไว้ให้ม้าและรถม้าวิ่งผ่าน เป็นการแบ่งเส้นทางสันจรตามแนวคิดของโดร่าเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการคมนาคม
"สุดยอดไปเลย! ที่นี่ดูมีระเบียบมากๆ ผิดกับที่เมืองชไควร์ที่แคว้นกุสตาฟมาก!" พิกซี่พูดเสียงดังอย่างตื่นตาตื่นใจกับระบบทางจราจรของเมืองนอร์เดินเบิร์ก เพราะในยุคนี้แนวคิดเรื่องการจราจรยังไม่ถือกำเนิด
ความจริงภายในเมืองนอร์เดนเบิร์กและเมืองข้างเคียงของแคว้นแรกตัสนั้นต่างได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดของโดร่าแทบทั้งสิ้น นอกจากทางจราจรแล้วก็มีระบบท่อปะปา แนวคิดเรื่องการแบ่งเขตเมืองอย่างเป็นระบบ และระบบสื่อสารซึ่งล่าสุดมีการพัฒนาอุปกรณ์เวทย์มนต์ขึ้นมาเพื่อใช้ในการส่งจดหมาย หรือที่เรียกว่า"เครื่องโทรเลข" แม้ว่าจะยังอยู่ในขั้นทดสอบก็ตาม แต่คาดว่าอีกไม่นานระบบโทรเลขนี้จะออกเผยแพร่สู่สาธารณะ เรียกได้ว่าโดร่ามีส่วนสำคัญมากมายในการพัฒนาแคว้นแรกตัสก็ว่าได้
ทั้งสามเที่ยวรอบๆ เมืองจนมาสะดุดตาเข้ากับอะไรบางอย่าง ณ พื้นที่ตรงหน้านั้นมีเสียงเอะอะดังลั่น แต่เพราะมีผู้คนมากมายมุงดูอยู่จึงมองไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไร ทั้งสามจึงลงจากหลังม้าแล้วเข้าไปดู
"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นี่!?" โดร่าถามคนในพื้นที่เสียงดัง ชายคนหนึ่งหันมาเห็นโดร่าก็รีบบอกเรื่องราวทันที
"ท..ท่านโดร่า? คือว่า..." ชาวบ้านคนนั้นเปิดปากเล่าเรื่อง ซึ่งเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร พ่อค้าทาสคนหนึ่งเดินทางมาจากทางใต้เพื่อจะขายทาสที่นี่ แต่ทาสที่ว่านั้นเกิดขัดขืนอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดเรื่องในตอนนี้
แคว้นแรกตัสมีการใช้แรงงานทาสน้อยมาก เนื่องจากนโยบายของทางแคว้นซึ่งโดร่าเป็นคนเสนอ ซึ่งก็คือลดการใช้แรงงานทาสแล้วเน้นการจ้างงานเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในแคว้น แม้นโยบายนี้จะใช้ได้ผลดีก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระบบทาสจะหายไปจากแคว้น
"หยุดเดี๋ยวนี้!!" โดร่าเดินเข้าไปจับคอเสื้อของพ่อค้าทาสคนหนึ่งที่กำลังกระทืบหญิงสาวร่างเล็กในชุดขาดๆอย่างไม่ปราณีแล้วโยนอีกฝ่ายไปอีกทางหนึ่ง
"โอ๊ย!? ทำบ้าอะไรของแกวะ!!?" อีกฝ่ายไม่พอใจเอามากๆ
"นี่ไม่ใช่เขตสลัมนะ! ที่แกจะได้กระทืบคนกลางที่สาธารณะน่ะ!!" โดร่าตะคอกใส่อีกฝ่ายเสียงดัง
"แล้วไง!? นังนั่นมันทาสของข้า! ข้าจะกระทืบมันยังไงก็ย่อมได้ทั้งนั้น!!"
"แต่ไม่ใช่ที่นี่! และตรงนี้!"
"แล้วแกเป็นใครมาจากไหนกันวะถึงเข้ามาเสือกเรื่องคนอื่นน่ะ!? หา!!"
"คนที่สามารถลากแกเข้าคุกได้ยังไงล่ะ!" โดร่าขู่กลับ ก่อนที่พ่อค้าทาสคนนั้นจะหัวเราะลั่นอย่างไม่รู้อะไร
"ฮะๆๆๆๆ!! ไอ้หน้าอ่อนอย่างแกเนี่ยนะ!? ตามกฏหมายแล้วน่ะนายทาสสามารถทำอะไรทาสก็ได้โดยไม่มีความผิดนะโว้ย!! แล้วที่ข้าลงมือด้วยมันก็ทาสของข้า มีอะไรให้ต้องโดนจับด้วยล่ะ!!?" อีกฝ่ายยกเรื่องกฏหมายมาข่มขู่โดร่าทันที ทั้งมองดูชายหนุ่มด้วยสายตาดูถูก
"แกคงจะเป็นลูกคนรวยที่ไหนสักที่สิท่า? ข้าขอเตือนไว้ก่อนนะว่าอย่าสะเออะมาหาเรื่องข้าจะดีกว่า...ไม่งั้นรับรองได้ว่าแกจะกลายมาเป็นสินค้าของข้าอีกคนแน่!" พ่อค้าทาสพูดด้วยน้ำเสียงน่ารังเกียจ ณ ตอนนี้เหล่าชาวบ้านต่างหน้าซีดกันเป็นแถบ ไม่ใช่เพราะคำขู่นั้น แต่เป็นเพราะท่าทางของโดร่าในตอนนี้ที่พร้อมจะละเลงเลือดได้ทุกเมื่อต่างหาก
"แกรู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดอยู่กับใครน่ะ?" เยเซลเดินมาข่มขู่พ่อค้าทาสคนนั้นแทนโดร่าหลังจากทนฟังมานาน ในขณะที่โดร่าตอนนี้กำลังประคองร่างน้อยๆ ของทาสสาวคนนั้นขึ้น
"แล้วแกรู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร? ข้าน่ะมีเส้นสายไปทั่วทั้งอาณาจักรเชียวนะจะบอกให้! ต่อให้เป็นลูกคนรวยที่ไหนถ้าเป็นศัตรูกับข้าล่ะก็ ไม่ว่าใคร....ฮึก!?" ขณะที่อีกฝ่ายกำลังอวดเบ่งอำนาจอย่างลำพองใจ เยเซลชักปืนพกของตนขึ้นมาจ่อคางอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
"งั้นชั้นจะบอกแกสักอย่างนะไอ้สวะ...! ที่แกกำลังพูดด้วยน่ะคือโดร่า แรกตัส หลานชายของมาควิสผู้ปกครองแคว้นนี้...!" เยเซลจ้องหน้าขู่อีกฝ่ายขณะบอกความจริงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และความจริงนั้นทำให้พ่อค้าทาสคนนั้นถึงกับหน้าซีด
ความจริงไม่แปลกเท่าไรที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าโดร่าเป็นขุนนาง เพราะโดยปกติแล้วขุนนางมักจะชอบทำตัวโอ่อ่า ไปไหนมาไหนก็ต้องมีบริวารติดตาม สวมเสื้อผ้าหรูหรา แต่โดร่านั้นแต่งชุดธรรมดาแบบนักเดินทางและสวมผ้าคลุมทับอีกชั้น ผู้ติดตามก็มีแค่เยเซลเพียงคนเดียว ซึ่งภายในเมืองนอร์เดนเบิร์กแห่งนี้ทุกคนต่างรู้จักโดร่ากันดีจึงไม่มีใครทำอะไรล่วงเกิน แต่ไม่ใช่กับพ่อค้าทาสที่เป็นคนต่างถิ่น
"ก...แกล้อเล่นอะไรอยู่? อย่างเจ้านั่นน่ะนะ....ขุนนาง?" พ่อค้าทาสถามแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ใบหน้าหวาดกลัวอย่างชัดเจน
"ที่แคว้นนี้น่ะ มีแต่นายทหารและขุนนางเท่านั้นที่พกปืนได้ คงไม่ต้องให้บอกนะว่าปืนที่ชั้นพูดถึงน่ะรูปร่างมันเป็นยังไง..." คำพูดของเยเซลมีน้ำหนักขึ้นมาในทันที เพราะปืนเป็นของราคาแพง อีกทั้งถือเป็นอาวุธอันตราย ถ้าไม่ใช่นายทหารหรือขุนนางก็ไม่มีทางจะมีมันได้ง่ายๆ พอรับรู้ถึงความจริงข้อนี้แล้ว พ่อค้าทาสคนนั้นก็ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างไม่อาจห้ามได้ทันที
"ไหน....แกว่าจะเอาใครไปเป็นสินค้านะ?" โดร่าถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยิ่งทำให้พ่อค้าทาสกลัวจับจิต
"อ..อภัยให้ข้าด้วย!! ข้าไม่รู้อะไรเลยพูดจาล่วงเกินใส่ท่าน!! ด..ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย!!!" พ่อค้าทาสคนนั้นก้มกราบลงกับพื้น พูดด้วยน้ำเสียงอันดังและสั่นเคลือไปด้วยความกลัว
"งั้นก็ไสหัวไป! ก่อนที่ชั้นจะเปลี่ยนใจ!" โดร่าพูดกับอีกฝ่ายทั้งเตะฝุ่นใส่หน้าอีกฝ่ายไม่ต่างจากไล่สุนัขจรจัด
"เอ่อ...แล้วทาสคนนั้น....?" พ่อค้าทาสคนนั้นยังไม่วายเงยหน้าขึ้นมาถาม
"แกพูดจาดูถูกชั้น ชั้นก็เลยจะยึดเธอคนนี้ไว้เป็นค่าเสียหายไง....เข้าใจชัดเจนมั้ย?" โดร่าพูดต่อ
"ไสหัวไป!!" เยเซลตะโกนไล่อีกฝ่ายทันทีที่โดร่าโบกหน้าไล่ พ่อค้าทาสคนนั้นรีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ชาวบ้านเริ่มแยกย้ายกลับไปทำกิจวัตรของตนต่อไปตามปกติ เยเซลหันไปพูดกับโดร่าทันที
"เล็งเอาไว้แบบนี้แต่แรกแล้วสินะครับ?"
"พูดอะไรของนายน่ะ?" โดร่าหันไปยิ้มให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ก็ที่เข้าไปหาเรื่องไอ้พ่อค้าทาสนั่นไงครับ เจ้าเล่ห์ใช้ได้เลยนี่นา..." เยเซลยิ้มแหยๆ
"ก็แหม~ ได้ช่วยคนทั้งที แถมได้ทาสมาตั้งคนนึงฟรีๆ โดยไม่ต้องจ่ายเงินสักแดงเนี่ย คิดยังไงก็ได้กำไรเห็นๆ เลยนี่นา..." โดร่ายิ้มร่าพลางหันไปมองดูหญิงสาวที่ตนช่วยมา เธอในตอนนี้ขี่ม้าร่วมอานกับเยเซล เธอตัวค่อนข้างเล็ก หน้าอกถือว่าอวบอิ่มพองามไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ใบหน้าที่ดูกลมกลึงอ่อนเยาว์และผมกับแววตาสีส้ม เพราะชุดของเธอปกปิดอะไรได้ไม่มิดเธอเลยได้ผ้าคลุมจากเยเซลมาห่ม
"รู้มั้ย...โดร่าตอนทำสายตาแบบนั้นน่ะน่ากลัวใช้ได้เลยล่ะ...!" พิกซี่ที่ไม่ค่อยมีบทบาทมาจนถึงตอนนี้เป็นฝ่ายพูดบ้าง
"แล้ว....จะทำยังไงดีกับเธอคนนี้ดีล่ะ?" พิกซี่ถามพลางหันไปมองดูทาสสาวที่ยังท่าทางกลัวๆ อยู่
"ชั้นไม่เคยมีทาสมาก่อนเลยไม่รู้....เอาไว้ปรึกษาคุณปู่อีกทีละกัน" โดร่าพูดพลางควบม้าให้เร็วขึ้น
"แต่ว่าทาสงั้นเหรอ.....เพิ่งได้มาเห็นกับตาตัวเองก็คราวนี้นี่แหละ...." โดร่าบ่นพึมพำเบาๆ แม้จะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องทาสมาบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้มาเห็นความเป็นอยู่ของทาสแบบจริงๆ จังๆ
เพราะมีความทรงจำจากชาติก่อนที่เป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชน อีกทั้งเจ้าตัวยังมองว่าระบบทาสเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะทาสถือเป็น'ทรัพย์สิน' ไม่ใช่'มนุษย์' ดังนั้นจะทิ้งขว้างยังไงก็ย่อมได้ พวกขุนนางและคนรวยทั้งหลายแหล่จึงนิยมมีทาสไว้ใช้งานหรืออวดความร่ำรวย มีบ่อยครั้งที่ใช้ช่องโหว่ของกฏหมายบางบทมาบีบบังคับ จึงมีหลายๆ กรณีที่มีคนกลายเป็นทาสเพราะข้อกฏหมายอยู่มากมาย เช่นเพราะหนี้สิน สงคราม หรือกระทั่งการล่าทาส ที่โดร่าสนับสนุนการจ้างแรงงานมากกว่าใช้แรงงานทาสก็เพราะเหตุนี้
"(เห็นทีคงต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังซะแล้วแฮะ...)" ชายหนุ่มคิด พลางควบม้ากลับสู่คฤหาสต์
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น