ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ปฐมกาลอินทรีย์ : เหยียดหยาม
ณ เมืองนอร์เดนเบิร์ก เมืองหลวงของแคว้นแรกตัส และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือหากไม่นับเมืองหลวง เป็นเมืองที่มีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำมาก เนื่องจากระบบกฏหมายที่เข้มงวดและทั่วถึง แม้มีพื้นที่เกษตรกรรมค่อนข้างน้อย แต่แดนเหนือแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องงานโลหะ และเป็นที่ตั้งของเหมืองแร่ต่างๆ ที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรซิสทีเรียอย่างมาก
ขณะที่กองทัพเกือบ 9,000 นายที่เพิ่งกลับมาจากศึกสงครามครั้งล่าสุดพร้อมชัยชนะเหนือภาคีพันธมิตรนอร์เดียน เหล่าชาวบ้านต่างออกมาต้อนรับการกลับมาของทหารกล้า กลีบดอกไม้โปรยปรายไปทั่วตามท้องถนน ทั้งบรรดาพ่อแม่ที่ออกมาต้อนรับลูกชาย และเหล่าหญิงสาวที่ออกมารอดูชายคนรักกลับมาปรากฏให้เห็นมากมาย โดยเฉพาะโดร่าที่เป็นผู้นำทัพซึ่งขี่ม้าอยู่ที่หัวขบวนได้รับเสียงร้องสรรเสริญมากมายจากบรรดาประชาชน ทั้งเสียงขานชื่อจากเด็กๆ รวมถึงสายตาชื่นชมและร้อนแรงจากบรรดาสาวๆ โดร่ายิ้มแย้มให้เด็กๆ และสาวๆ เหล่านั้นด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แต่ในใจของชายหนุ่มตอนนี้ไม่ได้มีความสุขสักเท่าไร
"คุณปู่!"
"โดร่า...." เบื้องหน้าโดร่าในตอนนี้คือห้องโถงใหญ่สำหรับประชุมของเหล่าขุนนาง ในห้องนั้นมีทั้งมาควิสแรกตัสและเหล่าที่ปรึกษาอยู่กันครบ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด
"ท่านหมายความว่ายังไงที่ว่า....แคว้นครีเมเรียประกาศสงครามน่ะ?" โดร่าเดินมาหยุดที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับมาควิสแรกตัส
"อย่างที่ข้าบอกไปในจดหมาย....แคว้นครีเมเรียประกาศสงครามกับเราจริงๆ ส่วนสาเหตุก็...." มาควิสเริ่มอธิบาย
แคว้นครีเมเรียกับแคว้นแรกตัสนั้นมีปัญหากันมาโดยตลอด โดยเฉพาะสิทธิ์ในสัมปทานเหมืองแร่ที่ชายแดนแคว้น ก่อนที่เมื่อไม่นานมานี้ทางแคว้นแรกตัสยอมเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ โดยยอมให้แคว้นครีเมเรียมีสิทธิ์สัมปทานในเหมืองแห่งนั้น และยอมให้เข้ามาขุดสินแร่ไปได้ตามที่ต้องการแลกกับการเสียภาษีเป็นเงินหรือส่วนแบ่งสินแร่นั้นๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เคานท์แห่งครีเมเรียกลับอ้างว่าแคว้นแรกตัสขูดรีดภาษีแคว้นครีเมเรียมากขึ้นแล้วบอกว่าจะไม่ยอมจ่ายภาษีให้แคว้นแรกตัสอีกแล้ว นั่นทำให้แคว้นแรกตัสไม่พอใจและตัดสินใจจะยึดสิทธิ์สัมปทานคืนทั้งหมด แต่แคว้นครีเมเรียกลับส่งกำลังทหารมากถึง 8,000 นายมาที่ชายแดน
"ขูดรีด? ทั้งๆ ที่อัตราภาษีก็เท่าเดิมนี่นา....?" เหล่าขุนนางที่ปรึกษาพากันส่งเสียงเซ็งแซ่
"ประกาศว่าจะไม่ยอมจ่ายภาษีแถมยังส่งทหารมาข่มขู่แบบนี้นี่มันหยามกันชัดๆ!" คราวนี้เป็นเสียงของเหล่านายทหารในที่ประชุม แม้แต่แกงเกิลที่ยืนเงียบๆ เองก็มีสีหน้าไม่พอใจชัดเจน
"แล้วคุณปู่บอกทางนั้นไปว่ายังไงล่ะครับ?"
"ข้าบอกไปว่าขอเวลาในการตัดสินใจสามวัน" มาควิสแรกตัสก้มหน้าพูดอย่างเคร่งเครียด
"ข้าจะให้เจ้าไปเป็นคนเจรจา โดร่า" มาควิสบอกกับหลานชายชัดเจน การที่แคว้นครีเมเรียทำแบบนี้เป็นการแสดงเจตนาจะหาเรื่องอย่างชัดเจน ดังนั้นมาควิสจึงคิดจะส่งโดร่าที่เป็นแม่ทัพไปเจรจาแทนที่จะเป็นขุนนาง
"ครับ" โดร่ารับคำแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเยเซล
"นายน้อย...ผมว่ามันแปลกๆ นะครับ" เยเซลพูดกับโดร่าทันทีที่ออกมาจากห้องประชุม
"นายเองก็คิดเหมือนกันสินะ? ว่าท่าทีของแคว้นครีเมเรียมันแปลกๆ" โดร่าหันไปพูดด้วย
แคว้นครีเมเรีย เมื่อเทียบกันกับแคว้นแรกตัสแล้วมีขนาดเล็กกว่ามาก กำลังทหารเองก็น้อยกว่า อีกทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจเองก็ย่ำแย่เนื่องจากมีพื้นที่เกษตรน้อย แต่ต่อให้ย่ำแย่ยังไง การที่แคว้นที่ด้อยกว่ามาหาเรื่องแคว้นที่เข้มแข็งกว่าในทุกๆ ด้านแบบนี้มันก็เกินไป
"หรือว่าพวกส่วนกลางจะมีเอี่ยวอีก....?" เยเซลเริ่มคาดเดา คำพูดนั้นทำให้โดร่าถึงกับชะงัก
".....ก็เป็นไปได้...แต่ตอนนี้เรื่องการเจรจากับแคว้นครีเมเรียสำคัญกว่า"
"ครับ!" เยเซลขานกลับแล้วเดินตามโดร่าไป
. . . . . . . . . .
ณ บริเวณใกล้ๆ กับเหมืองชายแดนแรกตัส-ครีเมเรีย โดร่าและขบวนทหารคุ้มกันรวม 100 กว่านายมาถึงสถานที่ที่จัดเตรียมเอาไว้ หลังจากมาถึงและลงจากหลังม้าแล้ว โดร่าก็แยกตัวเข้าไปยังกระโจมสำหรับการเจรจาพร้อมกับเยเซลและทหารคุ้มกัน 20 นาย
ภายในกระโจมนั้นกว้างขวาง และดูหรูหราเกินความจำเป็น กลางกระโจมนั้นมีชายร่างอ้วนท้วมในชุดและเครื่องประดับหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยท่าทางหยิ่งยโส ด้านหลังมีทหารสวมเกราะถืออาวุธท่าทางคุกคามยืนอยู่ราวๆ 10 นาย โดร่าจำหน้าของขุนนางหนุ่มร่างอ้วนคนนั้นได้ดี เพราะในวัยเด็กเขาคือลิ่วล้อคนหนึ่งของไซอัน ทาราทอรัส บุตรชายดยุค
"จะยืนนิ่งอีกนานมั้ย?" ชายร่างอ้วนท่าทางอวดดีคนนั้นพูดใส่โดร่าอย่างเย่อหยิ่ง ชายหนุ่มมองดูรอบๆ แล้วไม่มีเก้าอี่ของตน อีกฝ่ายจงใจดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
"งั้นเข้าเรื่องเลยมั้ย? บุตรของเคานท์ครีเมเรีย" โดร่าถามกลับ
"เอางั้นก็ได้ ทางแคว้นครีเมเรียของเราต้องการให้ทางนั้นมอบสัมปทานทั้งหมดในเหมืองชายแดนแห่งนี้ให้เราซะ แล้วก็ยกเว้นภาษีจากที่นี่ทั้งหมดด้วย ที่พูดมาคงเข้าใจใช่มั้ย?" ชายหนุ่มร่างอ้วนคนนั้นเริ่มพูดสิ่งที่ต้องการออกมาทันที
"นั่นมันไม่เท่ากับยกเหมืองให้ทางนั้นไปเลยรึไง?" โดร่าตอบ เจ้าตัวยังคงข่มความไม่พอใจเอาไว้
"ก็แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ?"
"เหมืองแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของแคว้นแรกตัส และเป็นหนึ่งในเหมืองหลักที่หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่างๆ ของแคว้นด้วย เพราะงั้น..."
"ไม่ใช่เรื่องของเรานี่หว่า! จะไม่ยอมถอนทหารของแกออกจากที่นั่นก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่ามั้ง!" บุตรชายเคานท์ตอบตัดบทอย่างไร้มารยาท จนเยเซลถึงกับทนไม่ได้
"จะมากไปแล้วนะ!! ไอ้หมูตอน!"
"นี่แก...! แกเรียกข้าว่าอะไรนะไอ้ทหารเลว!?"
"หูหนวกรึไงวะ? ไอ้หมูตอน! งั้นชั้นจะพูดอีกครั้งก็ได้! ไอ้! หมู! ตอน!" เยเซลด่าตอบอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้หน้า จนบุตรชายเคานท์ถึงกับลุกขึ้นชี้หน้าเยเซลเลยทีเดียว
"ป..เป็นแค่ทหารเลวแท้ๆ กล้าด่าขุนนางงั้นเหรอ!? ไอ้คนเถื่อนไร้มารยาท!!"
"ที่ไร้มารยาทน่ะเป็นแกมากกว่ามั้ง? ทั้งที่เป็นแค่ขุนนางระดับเคานท์แท้ๆ แต่กลับพูดจาแบบนี้ขุนนางยศมาควิสน่ะ! พวกโจรมุมตึกที่นอร์เดนเบิร์กยังมีมารยาทมากกว่าแกเลย!"
"แก! โดร่า แรกตัส! สั่งให้ไอ้นั่นก้มหัวต่อข้าซะไม่งั้นเรื่องไม่จบง่ายๆ แน่!!" บุตรชายเคานท์ครีเมเรียหันไปพูดกับโดร่าราวกับออกคำสั่ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากอีกฝ่ายคือสายตาเหยียดหยามถึงขีดสุดจากโดร่า
"แก..! นี่แกกล้า...!?"
"เยเซล กลับ!" โดร่าหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้ขุนนางหนุ่มร่างอ้วนสั่นเทาด้วยความโกรธอยู่ตรงนั้น
"ดูท่าทางแล้ว พวกมันมาเพื่อหาเรื่องจริงๆ งั้นสินะ..." โดร่าพูดขณะควบม้ากลับ
"แล้วเอายังไงต่อดีครับ?" เยเซลถาม
"กลับไปแจ้งคุณปู่.....มาควิสแรกตัสให้ทราบเรื่อง แล้วส่งทหารไปประจำการที่เหมืองนั้นทันที" โดร่าออกคำสั่งกับเยเซล
"ทราบแล้วครับ!"
. . . . . . . . . .
ณ เมืองชายแดนในเขตแคว้นครีเมเรีย ชายร่างอ้วนท้วมในชุดขุนนาง บุตรชายของเคานท์ครีเมเรียยืนก้มหัวให้ใครบางคนอยู่ในภัตตาคารแห่งหนึ่ง
"ก็อย่างที่ว่ามานั่นแหละครับ! ได้โปรดช่วยเราสั่งสอนเจ้าบ้านนอกนั่น อย่าให้มันมากดขี่เราได้อีกด้วยเถอะ!!" บุตรชายเคานท์กล่าวอย่างสุภาพต่อหน้าคนๆ นั้น
"ถ้าที่แกพูดมาเป็นความจริงล่ะก็ ไอ้แคว้นแรกตัสนั่นมันก็น่ารังเกียจทีเดียว" เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังมาจากโต๊ะตัวในสุด คนๆ นั้นสวมชุดขุนนางที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงความน่าเกรงขาม ซึ่งกำลังจิบไวน์ที่ดีที่สุดของร้านแห่งนั้น
หลังจากบุตรชายเคานท์กลับมาจากการเจรจานั้น เขาตรงมาแจ้งใครบางคนที่ภัตตาคารแห่งนี้ทันทีแทนที่จะกลับเมืองหลวงของแคว้นเลย โดยการใส่สีตีใข่ พูดจาใส่ร้ายโดร่าและแคว้นแรกตัสต่างๆ นาๆ สารพัด เพื่อให้ฝ่ายตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ แน่นอนว่าการพูดจาเอาดีเข้าตัวอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ฟังดูไม่มีความน่าเชื่อถือเอาซะเลย แต่อีกฝ่ายกลับรับฟังเรื่องราวต่างๆ อย่างใจเย็น
"เดี๋ยวเราจะบอกท่านพ่อของเราให้ในเรื่องนี้ หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงไปหรอก!" ชายคนนั้นพูดพลางวางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วลุกออกจากเก้าอี้ออกมา บุตรชายเคานท์ครีเมเรียก้มหัวให้อีกครั้งหนึ่ง
"ขอบคุณมากครับ! ท่านไซอัน!" ไซอัน บุตรชายของดยุคทาราทอรัสมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลสนัย อีกฝ่ายยิ้มตอบ ก่อนทั้งสองจะเดินออกจากร้านนั้นไป
"เห็นทีคงได้เวลาสั่งสอนไอ้แคว้นบ้านนอกนั่นซะแล้วล่ะนะ..." ไซอันพูดเบาๆ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น