คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปฐมกาลอินทรีย์ : แผนร้ายของดยุค
หลังจากออกเดินทางมาได้ 1 วันเต็มๆ ตอนนี้ขบวนเดินทางของครอบครัวตระกูลแรกตัสเดินทางมาถึงนครหลวงเรียบร้อย นครหลวงเบลลีน มหานครที่รวมความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรซิสทีเรียเอาไว้ และยังเป็นศูนย์กลางของอำนาจแห่งอาณาจักรซิสทีเรียอีกด้วย หากเทียบกับเมืองหลักของแคว้นแรกตัสแล้ว นครหลวงแห่งนี้มีเนื้อที่มากกว่า และมีประชากรมากกว่าถึง 3 เท่า
ณ คฤหาสต์ประจำตระกูลทาราทอรัส หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของนครหลวงหากไม่นับพระราชวัง เบื้องหน้าคฤหาสต์นั้นเป็นสวนขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยต้นไม้และไม้พุ่มประดับ พอสังเกตุดูดีๆ แล้ว สวนแห่งนี้มีรถม้าของขุนนางจอดเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ แยกโซนตามตำแหน่งขุนนาง และรถม้าของครอบครัวแรกตัสก็ได้จอดในที่ๆ ดีที่สุด เนื่องจากเป็นขุนนางใหญ่
การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด ทหารคุ้มกันที่ติดตามมาทั้ง 50 นาย มีเพียง 10 นายเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ และต่อให้เข้าไปได้ก็ตาม พวกเขาพกได้แต่ดาบกับโล่ ดังนั้นทั้ง 10 นายที่ถูกเลือกจึงฝากอาวุธยาวเอาไว้กับทหารคุ้มกันนายอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าไป
"อีกราวๆ 10 นาทีงานเลี้ยงฉลองจึงจะเริ่ม ขอเชิญท่านตัวแทนมาควิสแรกตัสและคณะรอที่ห้องรับรองก่อนครับ" หัวหน้าพ่อบ้านของคฤหาสต์กล่าวอย่างสุภาพและผายมือให้ครอบครัวแรกตัสไปทางห้องรับรอง ห้องนี้ค่อนข้างกว้าง และภายในนั้นมีครอบครัวขุนนางอยู่รวมกันราวๆ 20 กว่าคนได้ เป็นตระกูลมาควิสเช่นเดียวกับตระกูลแรกตัสสองตระกูลรวมกัน 8 คน ส่วนที่เหลือเป็นขุนนางระดับเคานท์และครอบครัว
"ท่านริชมอนด์ แรกตัสสินะ?" ชายวัยกลางคนแต่งตัวดูมีภูมิฐานคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก
"มาควิสกุสตาฟ?"
"คุณพ่อ?" สองสามีภรรยาไม่แปลกใจเท่าไร มาควิสกุสตาฟเป็นพ่อตาของริชมอนด์
"ไม่ได้พบกันพักใหญ่เลยนะ เป็นยังไงบ้างล่ะ?"
"ก็สบายดีครับ ช่วงนี้น่ะนะ..." ริชมอนด์ตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะหันไปทางบุตรชาย
"โดร่า ทักทายท่านตาหน่อยเร็ว!"
"สวัสดีครับ..." โดร่ากล่าวทักทายทันควัน ทำให้มาควิสกุสตาฟถึงกับอมยิ้ม
"นี่หลานชายสินะ...? เหมือนซินเดลมากๆ เลยนะเนี่ย!!" มาควิสกุสตาฟพูดไปยิ้มไป พลางมองดูหลานชายสลับกับลูกสาวที่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับแม่และหลานสาว
"ขออภัยด้วยทุกท่าน! บัดนี้งานเลี้ยงฉลองงานหมั้นของคุณหญิงแกลเรียพร้อมแล้ว! ขอเชิญทุกท่านได้เลย!" คนรับใช้คนหนึ่งป่าวประกาศที่หน้าประตูห้อง
"ไปกันเถอะ เอาไว้คุยต่อทีหลัง" มาควิสกุสตาฟบอกกับลูกเขย ก่อนที่เหล่าแขกรับเชิญของดยุคจะพากันไปยังห้องจัดเลี้ยง
. . . . . . . . . .
งานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นมาเพื่อผู้ใหญ่เป็นหลัก มันจึงน่าเบื่อสำหรับเด็กน้อย นอกเหนือจากน้ำดื่มและของหวานแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนุกเลย โดร่าได้แต่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ โซนอาหารในขณะที่บรรดาญาติๆ ไปดื่มกินและพูดคุยกันที่โซนงานเลี้ยง
"โดร่าใช่มั้ย?" เสียงเด็กสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังเด็กหนุ่ม เธอมีผมสีบลอนด์เงินตรงสลวยและมีดวงตาสีฟ้า
"พิกซี่?" เด็กหนุ่มทัก พิกซี่ กุสตาฟ คือชื่อของเธอ เธอคือหลานสาวของมาควิสกุสตาฟ อายุมากกว่าโดร่า 2 ปี
"ใช่แล้วล่ะ! เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกสินะ?" พิกซี่จ้องมองโดร่าอย่างสนอกสนใจ
"อืม..."
"น่ารักสุดๆ ไปเลย! เหมือนกับเด็กผู้หญิงเลย!"
"มันเจ็บนะ..." เด็กหนุ่มบ่นขณะโดนหยิกแก้ม แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ยอมหยุด ก่อนที่บรรดาลูกหลานขุนนางคนอื่นๆ เริ่มเข้ามาออกันที่โดร่า ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง โดยมีบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองยืนมองอยู่ห่างๆ อย่างอบอุ่น
"(ก็ไม่ได้รังเกียจการเข้าสังคมหรอกนะ แต่....)" เด็กหนุ่มคิดในใจ แต่การถูกรุมแบบนี้มันทำให้อึดอัดไม่น้อย จนกระทั่ง...
"ใครกันแกน่ะ?" น้ำเสียงชวนหาเรื่องดังมาจากอีกด้านนึง ทำให้บรรดาเด็กสาวที่รุมล้อมโดร่าอยู่ถึงกับถอยออกมา ตรงหน้าโดร่าตอนนี้มีเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มท่าทางไม่เป็นมิตรยืนเด่น รอบๆ ตัวยังมีเด็กผู้ชายอีกสองคนที่ท่าทางไม่ว่าจะมองมุมมไหนก็เรียกได้ว่าลิ่วล้อยืนขนาบซ้ายขวา
เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่ยืนคุมเชิงอย่างระแวดระวัง การที่อีกฝ่ายพูดจาหาเรื่องแบบนี้คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นลูกขุนนางใหญ่พอสมควร
"หูหนวกรึไง? ข้าถามว่าแกเป็นใคร!?" เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเข้มยังคงทำท่าคุกคาม พลางชี้นิ้วมาทางโดร่า
"โดร่า แรกตัส..." เด็กหนุ่มตอบกลับไป
"หางเสียงไปไหน ห๊ะ? คนเหนือชายแดนเนี่ยไร้มารยาทจริงๆ!" ฝ่ายตรงข้ามยังคงตั้งท่าหาเรื่องอย่างไม่ลดละ โดร่าพยายามจะปลีกตัวออกมาเพื่อหนีปัญหา แต่ว่า...
"หนีหางจุกตูดซะแล้ว! พวกขุนนางชั้นต่ำจากชายแดนมันก็มีดีแค่นี้แหละ!!" เด็กหนุ่มผมน้ำตาลนั้น พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สู้ก็พูดจาดูถูกทันที พร้อมกับที่เหล่าลิ่วล้อพากันหัวเราะชอบใจและล้อเลียนโดร่ากันยกใหญ่
"ไอ้ลูกตุ๊ดเอ๊ย!!" คำพูดสบประมาทยังคงพรั่งพรูออกมาจากปากอีกฝ่ายไม่หยุด นั่นทำให้โดร่าที่พยายามอดกลั้นมาโดยตลอดหมดความอดทน เด็กหนุ่มคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะ แล้วเขวี้ยงมันใส่หน้าเด็กหนุ่มจอมยโสเต็มแรง
*โป๊ก!! "โอ๊ย!!?"
"ท่านไซอัน!?" สองลิ่วล้อตกใจและมองดูลูกพี่ล้มลง พอเด็กหนุ่มที่ชื่อไซอันเอามือแตะที่มุมปากจุดที่โดนขว้างใส่ก็พบว่าตนปากแตก
"แก....แกกล้าทำร้ายข้างั้นเหรอ!? ไอ้บัดซบ!!" อีกฝ่ายชี้หน้าโดร่าและระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง
"แกหาเรื่องก่อนเองนะ…!" โดร่าพูดโต้ตอบแล้วทำท่าคุกคามกลับ นั่นยิ่งทำให้ไซอันรู้สึกโกรธยิ่งขึ้นไปอีก
"ท่าทางไร้มารยาทแบบนั้นมันอะไร!!? แกไม่รู้รึไงว่าพ่อข้าเป็นใครน่ะ!!!"
"หาเรื่องไม่ได้ก็เลยเอาพ่อมาขู่รึไง!? ไอ้สุนัข!!" โดร่าด่ากลับ ระบายโทสะที่อดกลั้นมาตั้งแต่ต้นออกมาจนอีกฝ่ายถึงกับผงะ เด็กหนุ่มสังเกตุว่าพวกผู้ใหญ่เริ่มหันมามองดูแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
"มีเรื่องอะไรกัน!!?" น้ำเสียงดุดันของใครบางคนดังขึ้น ทำให้ท่าทางอวดดีของไซอันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"ท..ท่านพ่อ..." ไซอันหันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาด้วยความกลัว
"ท่านดยุค!?" เสียงของเหล่าขุนนางผู้ใหญ่ในงานพากันเรียกชายร่างใหญ่กำยำในชุดขุนนางคนนั้น ในที่สุดโดร่าก็รู้สักทีว่าทำไมไซอันถึงกร่างได้ขนาดนี้
ดยุคไกอัส ทาราทอรัส หนึ่งในสามดยุคผู้กุมอำนาจสูงสุดของอาณาจักรซิสทีเรีย มีอำนาจทางทหารมากล้นและปกครองเมืองหลวง เขามีร่างกายสูงใหญ่กำยำ ไว้ผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นและเคราสั้นๆ เต็มคาง เมื่อรวมกับใบหน้าทรงเหลี่ยมของเขาแล้วทำให้เขาดูบึกบึนน่าเกรงขาม
"จ..เจ้านั่น! มันหาเรื่องข้า!!" ไซอันได้โอกาสแล้วชี้ไปทางโดร่าทันที เด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่งต่อหน้าดยุคแม้ในใจจะหวั่นไหวอยู่บ้าง
"เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?" ดยุคหันไปถามเด็กคนอื่นๆ แต่พวกเขาก็ได้แต่เงียบด้วยความกลัว
"ไม่ใช่ค่ะ! เขามาหาเรื่องโดร่าก่อน!" มีเพียงพิกซี่ที่กล้าพูดความจริงแม้ว่าจะยังกลัว
"โฮ่.....กล้าพูดทั้งที่ตัวสั่นแบบนั้นเนี่ยนะ...." ดยุคก้มหน้าพูดกับสองเด็กน้อยอย่างสนอกสนใจ และตอนนั้น ริชมอนด์และพ่อของพิกซี่เข้ามาในเหตุการณ์พอดี
"โดร่า!" "พิกซี่!"
"คุณพ่อ/ท่านพ่อ....."
"ต้องขออภัยในความไม่รู้อะไรของเด็กๆ ด้วยครับ!" ทั้งสองมายืนอยู่ตรงหน้าดยุคแล้วก้มหัวขอโทษทันที โดร่าสังเกตุเห็นท่าทีน่ารังเกียจของไซอันได้อย่างชัดเจน
"ข้าจะถือว่านี่เป็นแค่การทะเลาะกันของเด็กๆ ก็แล้วกัน" ดยุคกล่าวต่อ สีหน้าของไซอันเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
"แต่ ท่านพ่อ...! เจ้านั่นมัน..."
"ให้มันน้อยๆ หน่อย ไซอัน...!" ดยุคขัดลูกชายตนด้วยน้ำเสียงดุดันจนเด็กน้อยถึงกับหงอ ก่อนที่ทุกๆ คนจะแยกย้ายจากกัน โดร่าเหลือบไปเห็นไซอันที่ยังไม่วาย แอบหันมามองด้วยสีหน้ามุ่งร้ายชั่วขณะหนึ่ง
"โดร่า จากนี้ไปอย่าอยู่ห่างพ่อนะ เข้าใจมั้ย!?"
"ครับ...." เด็กหนุ่มก้มหน้ารับปากทันที
. . . . . . . . . .
หลังจากงานเลี้ยงเลิกลา เหล่าขุนนางพากันแยกย้ายออกจากคฤหาสต์ไป บ้างก็ไปพักที่คฤหาสต์ของตนในเมืองหลวง บ้างก็เข้าพักที่โรงแรมหรู เนื่องจากเวลานี้ดึกดื่นเกินกว่าจะเดินทางกลับได้
ภายในห้องส่วนตัวของดยุคทาราทอรัส ตัวดยุคนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย หลังจากปราบพยศลูกชายหัวดื้อของตนแล้วส่งเข้านอนได้ เสียงฝีเท้าดังมาจากหน้าประตูห้อง
"ผมมาแล้วครับ ท่านดยุค"
"ฟริสต์สินะ...เข้ามา" ชายหนุ่มร่างผอมสูงที่ชื่อฟริสต์เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างช้าๆ ก่อนจะยืนอยู่ตรงนั้น
"เรื่องที่ข้าสั่งให้เตรียมการน่ะ ไปถึงไหนแล้ว?"
"อีกฝ่ายระวังตัวผิดคาดก็เลยต้องใช้เวลาอีกหน่อยน่ะครับ แต่เสร็จทันภายในพรุ่งนี้แน่ๆ..."
"ดี....ขอแค่ไม่มีตระกูลแรกตัสซะ ทั้งเหมืองนั่นและแคว้นนั่นก็อยู่ในกำมือ"
"แต่ว่า...ท่านดยุค" ฟริสต์ออกความเห็น
"ตระกูลแรกตัสเป็นหัวหอกสำคัญในการต้านการรุกรานจากพวกนอร์เดียนนะครับ ทำแบบนี้จะไม่.....?"
"ถึงไม่มีตระกูลนั่น ก็ใช่ว่าจะสู้พวกนอร์เดียนไม่ได้ อีกอย่างตระกูลนั่นนับวันยิ่งแข็งแกร่ง และจะเป็นเสี้ยนหนามในอนาคต" ดยุคพูดพลางดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย
"ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ......เด็กคนนั้นน่ะ" ดยุคพูดขึ้นมาเบาๆ
"ครับ?"
"ไม่มีอะไร ไปจัดการซะ!"
"ทราบแล้วครับ..." ฟริสต์กล่าวและออกจากห้องไป ในขณะที่ดยุคมองออกไปนอกหน้าต่าง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
จากคนเขียน - ช่วงนี้ยังพอมีเวลาเขียนต่อได้อยู่ แต่นิยายอันอื่นคงดอง
ความคิดเห็น