คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปฐมกาลอินทรีย์ : ชีวิตในชาติใหม่
นับตั้งแต่ถูกส่งมาเกิดในโลกใบใหม่ ตอนนี้เด็กน้อยนามว่าโดร่าอายุได้ 8 ขวบแล้ว เด็กหนุ่มนั้นมีใบหน้าที่งดงามและจิ้มลิ้มน่าทนุถนอมเหมือนเด็กผู้หญิงถอดแบบมาจากคนเป็นแม่ และมีผมสีบลอนด์ทองกับแววตาสีฟ้าครามตามพ่อ เป็นที่รักใคร่ของครอบครัว
โดร่านั้นเกิดในตระกูลขุนนางระดับมาควิส ซึ่งถือว่าเป็นขุนนางระดับสูง ตระกูลแรกตัสถือว่าเป็นตระกูลขุนนางสายทหารที่ปกครองแคว้นแรกตัส แคว้นใหญ่ชายแดนทางเหนือ เนื่องจากเป็นแคว้นชายแดนที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกรุกราน แคว้นแรกตัสจึงเป็นแคว้นๆ หนึ่งที่มีกองทัพเข้มแข็ง
เนื่องจากเกิดมาพร้อมความทรงจำในชาติก่อน เด็กหนุ่มจึงมีวุฒิภาวะเกินวัย ไม่ค่อยมีเพื่อนวัยเดียวกันนัก และชอบปลีกวิเวกอยู่เสมอ เวลาว่างๆ นอกจากออกมาเล่นกับบรรดาพี่เลี้ยงแล้วก็จะขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือตลอด ชีวิตของเด็กหนุ่มถือว่าค่อนข้างสุขสบายพอสมควร เนื่องจากเด็กหนุ่มเกิดในตระกูลขุนนางระดับสูง
และ ณ ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เด็กหนุ่มจะอยู่ ณ ที่ประจำของตน ห้องหนังสือ
"ขลุกอยู่แต่ในห้องอีกแล้วเหรอ? โดร่า..." ชายชราท่าทางมีภูมิฐานคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ทำให้เด็กหนุ่มหันไปมอง
"คุณปู่....?" เด็กหนุ่มทัก เดียโบล แรกตัส คือชื่อของเขา และยังเป็นปู่ของโดร่าด้วย
"เป็นเด็กใฝ่เรียนมันก็ดีอยู่หรอก แต่ปู่ว่าหลานควรออกไปเล่นข้างนอกบ้างอะไรบ้างนะ..."
"ข้างนอกน่าเบื่อ..." เด็กหนุ่มตอบกลับไปทันควัน สำหรับเด็กหนุ่มที่โตเกินวัยแล้ว ความสนุกสนานแบบเด็กๆ นั้นไม่ค่อยส่งผลอะไรต่อจิตใจมากนัก อีกทั้งลูกขุนนางอย่างโดร่ามักจะถูกกีดกันไม่ให้เล่นกับเด็กสามัญชนด้วย
"ประวัติศาสตร์เวทย์มนต์...?" มาควิสแรกตัสก้มมองหน้าปกหนังสือที่เด็กหนุ่มกำลังเปิดอ่าน
"อื้ม.....ถ้าผมใช้เวทย์มนต์ได้ล่ะก็....คงน่าสนุกกว่านี้" เด็กหนุ่มตอบอย่างเสียดาย
ที่โลกใบนี้ เวทย์มนต์ถือเป็นสามัญสำนึกปกติ สำหรับโดร่าที่กลับชาติมาเกิดจากโลกที่ไม่มีเวทย์มนต์แล้ว การใช้เวทย์สักบทได้ถือเป็นความฝัน แต่ว่า...ในโลกใบนี้ อัตตราส่วนระหว่างผู้ใช้เวทย์กับคนธรรมดาอยู่ที่ราวๆ 1:4 หรือราวๆ 25% อีกทั้งพลังเวทย์นั้นเป็นคุณสมบัติที่จะมีติดตัวมาแต่กำเนิดโดยไม่เกี่ยวกับชาติพันธุ์หรือสายเลือด ดังนั้นผู้ที่ใช้เวทย์มนต์ได้จึงหายาก และโดร่าก็ไม่ได้มีพลังเวทย์ติดตัวมาแต่กำเนิดด้วย
"ไม่เป็นไร...เวทย์มนต์ไม่ได้เป็นตัวกำหนดทุกๆ อย่างสักหน่อย" มาควิสแรกตัสพูดปลอบ สำหรับขุนนางแล้ว ต่อให้ไม่มีความสามารถใดๆ เลยก็ช่าง ขอแค่รู้จักการเข้าสังคมและทำงานเป็นก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้
"ท่านพ่อ!" เสียงของใครบางคนดังแทรก
"ริชมอนด์?" มาควิสแรกตัสหันไปมองตามเสียง
"พ่อ?" โดร่าหันไปทักตาม
"มีอะไรงั้นเหรอ?" มาควิสแรกตัสถามบุตรชาย
"มีจดหมายจากเมืองหลวงน่ะครับ" ริชมอนด์ตอบ ก่อนที่มาควิสจะละความสนใจจากหลานชาย
"จดหมาย? จากเมืองหลวง?"
"ครับ เห็นว่าเป็นงานหมั้นของบุตรีดยุคทาราทอรัส ก็เลยมีการเชิญขุนนางระดับยศเคานท์ขึ้นไปทุกตระกูลในภาคเหนือนี้น่ะครับ" ริชมอนด์ตอบ
"...บอกไปว่าข้าไปไม่ได้...!"
"แต่ท่านพ่อ...การที่ขุนนางใต้บัญชาไม่ไปร่วมแสดงความยินดีกับขุนนางเจ้าสังกัดแบบนั้น มันจะไม่แย่เอาเหรอครับ?" ริชมอนด์ถามกลับ เพราะแคว้นแรกตัสเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองภาคเหนือของดยุคทาราทอรัส การที่ขุนนางภายใต้อำนาจไม่ไปร่วมยินดีต่อขุนนางที่ยศสูงกว่าถือเป็นการหักหน้าขุนนางคนนั้นอย่างมาก โดยเฉพาะขุนนางระดับดยุคที่มีอำนาจสูงที่สุดและเป็นรองเพียงกษัตริย์
"ข้าจะให้เจ้าไปแทนข้า ริชมอนด์ ถ้าทางนั้นถามว่าทำไมข้าไม่ไปเองก็ตอบไปว่าชายแดนทางเหนือยังนิ่งนอนใจไม่ได้" มาควิสแรกตัสตอบกลับไป
"หรือท่าน....ไม่ไว้ใจดยุคทาราทอรัสงั้นเหรอครับ?" ริชมอนด์ถามต่อ ก่อนที่มาควิสแรกตัสจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเขา และโดร่าได้ยินบทสนทนาทั้งหมด
"(สมกับเป็นขุนนางแฮะ...)" โดร่าคิด ขุนนางนั้นก็เหมือนนักการเมืองในยุคที่โดร่าจากมา คือต้องยุ่งเกี่ยวกับอำนาจและผลประโยชน์ และที่สำคัญเด็กหนุ่มยังได้ยินมาว่าดยุคทาราทอรัสกับมาควิสแรกตัส ปู่ของตนมีเรื่องผิดใจกันด้วยสาเหตุบางอย่าง ในขณะที่เด็กหนุ่มคาดเดาต่างๆ นาๆ
"โดร่า...เดี๋ยวพ่อกับแม่จะต้องเดินทางไปเมืองหลวงนะ ลูกเองก็ต้องไปด้วย...!" ริชมอนด์เปิดประตูห้อองเข้ามาบอกกับโดร่าบุตรชาย
"ครับ?"
"มันเป็นงานสำคัญน่ะ ลูกต้องไป..."
"ครับ....พ่อ...." เด็กหนุ่มตอบอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะปิดหนังสือในมือแล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อไปเตรียมตัว
. . . . . . . . . .
ภายในห้องที่มืดสลัว มาควิสแรกตัสคุยกับริชมอนด์อย่างเคร่งเครียด
"ดยุคนั่นอาจวางแผนอะไรอยู่ก็ได้ใครจะรู้..."
"หมายความว่าดยุคทาราทอรัสคิดจะเอาจริงสินะครับ" สองพ่อลูกคุยกัน
"อา....อย่างเจ้านั่นน่ะไม่ยอมอะไรง่ายๆ หรอก ที่สำคัญเจ้านั่นจับจ้องเหมืองที่เดรนเซียตาเป็นมันมาตั้งนานแล้วล่ะ" มาควิสพูดถึงดยุคด้วยคำว่า"เจ้านั่น"อย่างไม่ปิดบัง
เหมืองที่เดรนเซียเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ของแคว้นแรกตัส อุดมไปด้วยแร่เหล็ก ทังสเตน และแร่เงิน เหล็กกับทังสเตนนั้นถูกใช้สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ และผลิตอาวุธ ส่วนเงินใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์เพื่อเป็นค่าใช่จ่ายของแคว้น แคว้นแรกตัสนั้นต้องการกองทัพที่มีประสิทธิภาพเพื่อใช้รับมือการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้านทางเหนืออย่างภาคีพันธมิตรนอร์เดียนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับราชอาณาจักรมาช้านานจึงมีค่าใช้จ่ายสูง และเหมืองเดรนเซียก็เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงแคว้นแรกตัสเอาไว้
"รักษาตัวด้วยนะริชมอนด์ ทั้งเจ้า ภรรยาเจ้า แล้วก็ลูกของเจ้า....เราไม่รู้ว่าเจ้าดยุคนั่นมันวางแผนจะทำอะไรต่อไป เพราะงั้นอย่าประมาทเด็ดขาด" มาควิสจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของลูกชายแล้วบ้ำเตือนด้วยความเป็นห่วง
"ข้าจะให้คนคุ้มกันไปด้วย 50 คน ถ้าเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ รีบกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด เข้าใจมั้ย?"
"ครับ ท่านพ่อ" ขุนนางหนุ่มตอบบิดาอย่างเข้มแข็ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"ริชมอนด์....คิดว่าชุดนี้เป็นยังไงบ้าง?" หญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อน นามว่าซินเดล เอ่ยถามริชมอนด์ที่โถงทางเดินขณะจับโดร่าที่แต่งตัวเสร็จแล้วให้ดู
"ดูดีทีเดียวนะเนี่ย! แต่ดูเหมือนเด็กผู้หญิงไปหน่อยนะ..."
"ลูกเราก็แบบนี้แหละ" เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจในลูกชาย โดร่าตอนนี้สวมชุดผ้าไหมและผ้าพันคอสีขาวอย่างดีกับเสื้อตัวนอกสีแดงติดเข็มกลัดตราอินรีย์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลแรกตัส สวมกางเกงขาสั้นเหนือเข่าจนเห็นขาอ่อนนิดๆ และเพราะไว้ผมยาว เด็กหนุ่มจึงรวบผมไว้เป็นหางม้าแล้วผูกด้วยริบบิ้นสีฟ้า
"แม่....ผมว่ากางเกงมันสั้นไปหน่อย..."
"นั่นสิ เด็กผู้ชายสวมกางเกงขายาวน่าจะเหมาะกว่านะ" สองพ่อลูกออกความเห็นตรงกัน
"ไม่เอาน่า~! โดร่าน่ารักออก ชุดแบบนี้แหละเหมาะแล้ว~!" ซินเดลพูดกับลูกชายขณะเอาคางถูไปมาบนหัวของเด็กน้อย
"เอาเถอะ เดี๋ยวจะได้เวลาแล้ว ทั้งสองรีบไปรอที่รถม้าเถอะ" ริชมอนด์กล่าวกับลูกชายและภรรยาก่อนจะไปเตรียมตัวบ้าง
หลังจากเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว รถม้าอย่างดีเทียมด้วยม้า 4 ตัว พร้อมด้วยทหารคุ้มกัน 50 นาย ก็ออกเดินทาง มาควิสแรกตัสมองดูรถม้าเดินทางออกไปพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
จากคนเขียน - ลงทุนอู้นิยายเรื่องเก่ามาเขียนเรื่องนี้เพราะไอเดียแล่น(วางแผนมานานด้วยนั่นล่ะ) แต่จากนี้จะเตรียมมหาลัย เพราะงั้นอาจจะยุ่งหน่อย
ความคิดเห็น