กฎการทำงานที่โรงเรียนยามวิกาล - นิยาย กฎการทำงานที่โรงเรียนยามวิกาล : Dek-D.com - Writer
×

    กฎการทำงานที่โรงเรียนยามวิกาล

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่จะต้องทำงานส่งครู แต่ดันลืม ดังนั้นเขาจึงกะว่าจะไปทำงานที่โรงเรียนยามค่ำคืน แต่เด็กหนุ่มนั้นก็ได้พบกับกระดาษเขียนข้อความประหลาดบนเสาของอาคารโรงเรียน

    ผู้เข้าชมรวม

    116

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    116

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 เม.ย. 67 / 00:20 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    สวัสดีครับ ผมชื่อพี วันนี้ผมจะมา เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงาน ที่โรงเรียนยามวิกาล ซึ่งผมได้พบเจอกับกฎแปลกๆที่ต้อง ปฏิบัต

    "เห้อ เยอะจังว่ะ!"

    ผมถอนหายใจและสบถคำออกมาอย่างดัง ช่วงหลังๆนี้ ผมติดซ้อมดนตรีบวกกับความขี้เกียจทำงาน มันเป็นเหตุผลที่ผมต้องปั่นงานอยู่จนถึงหลังเลิกเรียนแบบนี้. คงจะดีกว่านี้ถ้าเกิดว่าผมนั้นตั้งใจทำงานส่งครูตั้งแต่ตอนที่ผมกลับมาจากการซ้อมดนตรี

    "นี่พีมึงยังไม่กลับบ้านเหรอ ทุกทีกูเห็นมึง กลับบ้านไปก่อนใครเลยนะ"

    เสียงนั้นเป็นเสียงของ เอก มันเป็นเพื่อนของผม ตั้งแต่สมัยอนุบาลเลยแหละ

    "ถ้าเป็นวันอื่นกูก็คงกลับบ้านไปแล้วแหละ แต่วันพรุ่งนี้จะต้องส่งงานแล้วกูไม่มีเวลาทำเลย กูถึงต้องมาทำหลังเลิกเรียนไง"

    ผมพูดตอบมันไป ในขณะที่ มือของผมยังจับปากกาเขียนอย่างเร่งรีบ

    "แล้วมึงจะกลับบ้านตอนไหนวะ กูเห็นงานมึงนี่ยังเหลืออีกตั้งเยอะเลยนะ มึงจะกลับไปทำที่บ้านหรือยังไงว่ะ"

    "กูคงไม่ได้กลับบ้านว่ะ พอดีว่ามันมีของที่กูต้องใช้แล้ว ที่โรงเรียนมี กูขี้เกียจยืม เดี๋ยวกูก็ลืมเอามา เดี๋ยวกูก็โดนด่าอีก กูก็เลย ทำที่โรงเรียนนี่แหละ"

    "ระวังผีหลอกนะเว้ย ฮ่าๆๆๆ"

    "กูก็อยากจะรู้ว่ามันจะมีจริงไหมถ้ามันมาหลอกกูนะเว้ย กูจะฟันศอกใส่มันเลย ฮ่าๆๆๆๆ"

    ผมพูดกับเพื่อนอย่างสนุกสนานโดยที่ไม่ได้คิดอะไร เพราะผมเชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด

    "เออๆ งั้นกูกลับบ้านก่อนแล้วนะ"

    (ถ้าจะค้างคืนก็อย่าลืมขอภารโรงนะ)

    เอกพูดเเล้วพร้อมกับเดินหันหลังไป

    "เคร เจอกันวันพรุ่งนี้"

    ผมพูดตอบเพื่อนแล้วผมก็ทำงานต่อ

    18:30 น.

    "ทำไมมันเหลือเยอะจังวะ รู้สึกว่าทำไปก็ยังไม่ลดเลย"

    ตอนนี้ ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว คนทุกคนในโรงเรียนก็ออกไปหมดแล้ว เหลือแค่ภารโรง ที่กำลังเก็บของเตรียมตัวจะกลับบ้านแล้วเหมือนกัน...

    "เชี้ย! กูลืมไปเลย ว่ากูต้องขอภารโรงก่อนที่จะนอนที่โรงเรียน

    ผมรีบวิ่งไปหาภารโรงที่กำลัง กำลังจะออกจากโรงเรียน ดีที่เขาเห็นผม เขาจึงทำหน้าตกใจและเดินเข้ามาหาผมเหมือนกัน

    "อ้าวพี ทำไมทำไมเอ็งยังไม่กลับบ้านล่ะ มันจะ 19:00 น แล้วนะ แกก็รู้ดีนี่ ว่าโรงเรียนนี้ มันจะปิดตอน 19:30 น น่ะ"

    " คุณลุงภารโรงครับ ผมอยากจะค้างคืนที่โรงเรียนนะครับ เพราะว่าผมต้องทำงานส่งครูในวันพรุ่งนี้ครับ"

    พอผมพูดจบ ภารโรงก็ทำสีหน้าเป็นห่วง อย่างเห็นได้ชัด ภารโรงก็ได้มองไปรอบๆ ผมก็มองตาม ผมบอกได้เลยว่าบรรยากาศตอนนี้ มันวังเวง และก็เงียบสงัด มีลมพัดอ่อนๆผสมแรง ไฟสลัวสลัว บางครั้งไฟก็กระพริบ

    "เองแน่ใจนะว่าจะนอนที่นี่"

    "ท.ททท.ทำไมหรอค.ครับ"

    ผมถามภารโรงไปอย่างตะกุกตะกัก

    "ไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้าเองจะนอนเองอย่าลืมอ่านกระดาษที่แปะได้อยู่ตรงเสาอาคารละ"

    โอเคครับ ขอบคุณครับ 

    พอผมพูดกับภารโรงเสร็จแล้วภารโรงก็ได้ เดินออกไปจากโรงเรียน

    "มันจะมีอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมภารโรงดูกังวลจังเลยก็แค่นอนที่โรงเรียนเอง ไม่ใช่หรอวะ. ช่างเถอะคิดไปก็ไม่ได้อะไรหรอก "

    ตอนนี้ก็จะถึงเวลาที่โรงเรียนจะปิดประตูแล้ว ผมก็ได้เดินไป หาอาคารที่ผมเรียนอยู่ ตอนนี้ผมก็ได้อยู่หน้าอาคารแล้ว ผมกำลังจะขึ้นบันไดไปเพื่อเข้าห้อง ชั้นม. 3 ที่ผมเรียนอยู่

    ขณะที่ผมกำลังจะขึ้นบันได ตาซ้ายของผมก็ได้เหลือบไปเห็นกระดาษใบนึงที่มันแปะอยู่บนเสาอาคาร จริงๆ บอกได้เลยว่ากระดาษใบนั้นมันค่อนข้างเก่าและก็ ทรุดโทรม มากๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ผมก็ไปแกะกระดาษที่แปะอยู่บนเสาอาคาร ตามที่ภารโรงบอก ผมได้ใช้ไฟโทรศัพท์ ในการส่องไปที่กระดาษเพื่อให้มองง่ายขึ้น

           "กฎการทำงานที่โรงเรียนยาลวิกาล"

    สวัสดีนักเรียนที่น่ารักทุกคนด้วยนะ คงโชคไม่ดีที่นักเรียนจะต้องมาทำงานค้างที่โรงเรียน แต่ว่า ทางโรงเรียน จะมีกฎที่นักเรียนทุกคน จะต้องปฏิบัติถ้าหากจะมาทำงานค้างที่โรงเรียนยามวิกาล โปรดให้นักเรียนทุกคนอ่านกฎและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะกฎนี้มันจะไม่ได้ช่วยใครเลย แต่มันจะช่วยตัวนักเรียนเองทั้งนั้น ถ้าหากทำพลาดเราจะไม่รับประกันชีวิตของคุณ เพราะฉะนั้น "ควรปฏิบัติตามกฎ อย่างเคร่งครัด"

    "ห้ะ! อะไรวะเนี่ย"

    ผมพูดออกมา อย่างดังมากๆ เพราะว่ามันเหมือนนิยาย ที่ผมอ่านเลย ในใจผมก็คงคิดว่ามันไร้สาระแหละ แต่ว่าดูบรรยากาศโรงเรียนแล้วก็สีหน้าจริงจังที่ภารโรงบอกแล้ว ก็ถือว่า ทำตามกฎหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร ดังนั้นผมจึงอ่านต่อ

    กฎข้อที่1.

    อย่าได้เดินออกไปจากบริเวณอาคารเเห่งนี้เด็ดขาดมันไม่ใช่ในสิ่งที่คุณเห็น เเล้วอย่าส่งเสียงดังไม่งั้นมันจะตามตัวคุณเจอคุณ และทางเรามั่นใจว่าถ้าคุณเจอตัวมันเข้า คุณอยากจะตายตรงนั้นเลยก็ได้

    กฎข้อที่2.

    ในขณะที่คุณกำลังเดินขึ้นบันได จะมีคนยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะขึ้นชั้น 2 แต่ไม่ต้องตกใจไป คนนั้นคือภารโรงเก่าที่โรงเรียนนี้ เขารักเด็กๆทุกคนมาก

    (แต่อย่าทำให้เขาโกรธละ) ให้คุณ เอาโทรศัพท์ฝากไว้ที่เขา แล้ว มองหน้าเขา ย้ำ ต้องมองหน้าเขา เพราะ ภารโรงเก่าจะได้จำหน้าคุณได้ เขาจะได้ช่วยคุณในเวลาคับขัน พอมองหน้าภารโรงก็พูดว่า

    "คุณลุงครับ ผม ขออนุญาตเข้าไปใช้. ห้องม.3นะครับ"

    ถ้าเกิดว่าเขายิ้ม ยินดีด้วยคุณสามารถเข้าห้องไปใช้ได้ตามปกติ

    แต่ถ้าหากในกรณีที่เขายิ้มแต่ว่ายิ้มจนฉีกถึงหูและมีใบหน้าที่เน่าเเล้วก็เละหรืออย่างที่เลวร้ายที่สุดคือเขาไม่มีหัว. นั่นไม่ใช่เขา ให้คุณรีบวิ่งออกไปจากโรงเรียนเลยซะ โดยภาวนาว่าจะไม่โดนไอ้ตัวนั้นหรือตัวอื่นๆที่อยู่ อาคารอื่นๆ ตามตัวคุณทันตัวคุณไป หรืออาจจะดีกว่า ถ้าเกิดว่าคุณหยิบปืน ที่อยู่บนพื้นบันได ข้างขวา และทำการยิงตัวเองซะ มันคงจะดีกว่าถ้าเกิดว่าคุณโดนมันฉีกเป็นชิ้นๆทั้งเป็น และมันใจดีพอที่จะเหลือซี่โครงให้คุณนะ

    กฎข้อที่3.

    ถ้าคุณทำตามกฎโดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด คุณจะสามารถ ทำงานได้จนถึง 6 โมงเช้า และให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด เรามีเวลาให้ 5 นาที ณเวลานั้นจะไม่มีตัวอะไรสามารถ ทำอะไรตัวคุณได้ แต่ถ้าคุณ ออกไปไม่ทัน จนถึง 6 โมง 5 นาทีแล้ว มันจะวิ่งกรูกันมาเป็นสิบๆตัว แล้วเช้าวันต่อมา ทางเราสัญญาว่าจะเก็บกวาดซากของคุณให้สะอาดก่อนนักเรียนคนอื่นจะเข้ามา

    ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขอให้นักเรียน ทำตามกฎอย่างเคร่งครัด และขอให้รอดปลอดภัย 

    พอผมอ่านกฎเสร็จ ผมก็รู้สึก ความ ไม่ชอบมาพา กลรู้สึกว่าโรงเรียนนี้มัน

    แปลกมากๆ ทุกทีผมจะเป็นคนแรกๆของโรงเรียนที่เวลาเลิกเรียน ผมมักจะออกไปก่อนแล้วผมไม่เคยอยู่จนค่ำเลย ถึงผมจะเป็นคนเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่พอผมอ่าน ก็คิดได้ว่าผมต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัดจริงๆแล้วแหละ

    ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และ เดินขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวัง มองซ้ายมองขวามองหน้ามองหลัง แล้วผมก็ได้ รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่เข้ามาปะทะหลังผมอย่างจัง ผมก็ ไม่คิดอะไร ผมก็เลย ค่อยๆเดินขึ้นไปจนถึงบันได เกือบจะขั้นสุดท้าย ผมก็ได้ เจอ กับ

    ภารโรงเก่าจริงๆ เขา ใส่หมวกสีดำใส่เสื้อสีเทาใส่กางเกงสีน้ำตาลและไม่ได้ใส่รองเท้า เขาถือไฟฉายในมือข้างซ้าย แต่เขาไม่ได้เปิดไฟฉาย ผมนั้น กลั้นใจและ ค่อยๆเดินเอามือถือไปให้เขา แล้วก็ มองหน้าเขาอย่างเกร็งๆ แล้วพูดว่า

    "คุณลุงครับ ขออนุญาตเข้าไปใช้ห้อง.  ม. 3 นะครับ"

    ลุงเขาก็ไม่ได้มีท่าที อะไรเขายืนนิ่งๆ แล้วเขาก็ยิ้ม แต่ว่าเขาไม่ได้ยิ้มธรรมดา เขายิ้มฉีกถึงหู และกราม เขาก็หลุดลงมาพอมองดูหน้าเขาดีๆเขาไม่มีตาเเละหน้าก็ยังเละและยับยู่ยี่เหมือนกระดาษเลย ผมที่เห็นแบบนั้นผมก็อึ้ง และขาแข็งผมก็เดินไม่ไป แล้วเขาก็พูดในสิ่งที่ ไม่อยากได้ยินมากที่สุด คือ มึง!ตาย. ใช่ มันคือตัวปลอม. ผมคงไม่มีโอกาสได้ส่งงานอีกแล้วละ.

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น