ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : {BL@cK[G]u@Rd} - เจอแล้วพระเอกของฉัน[รึเปล่า]
---- อ่านะ ตอนที่สองแล้วนะครับ และแล้วนางเอกของเราก็เจอกับพระเอกสุดหล่อแล้วแต่แหม. . . เจอกันครั้งแรกทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันซะแล้ว แบบนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย V_V\"---- Osaki
    วันนี้ฉันตื่นสายเป็นพิเศษ บรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป จากที่เคยมีคุณย่ามาจ้ำจี้จ้ำไชให้ตื่นแต่เช้า แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว ฉันถึงเข้าใจว่าการอยู่คนเดียวมันดีอย่านี้นี่เอง สงสัยว่าเมื่อคืนเทรูมิจะเมาหนักหละมั้ง เลยเข้าไปนอนในห้องน้ำ ฉันจึงยกร่างไร้สติของเธอเข้าไปนอนในห้องนอน หาผ้ามาเช็ดตัวให้แล้วฉันก็ไปอาบน้ำและหาอะไรกินเสร็จก็เลยว่าจะออกไปทำงาน ด้วยความที่ไม่ชำนาญทางในโตเกียว เลยอาศัยถามทางไปเรื่อยๆ เห็นว่าร้าน Cougar อะไรนี่อยู่ใกล้โรงเรียนไดโดคุสินะ
    พอฉันไปถึงร้าน Cougar  ร้านนี้อยู่ข้างโรงเรียนไดโดคุจริงๆ ชนิดที่ว่าปีนรั้วโรงเรียนมาได้เลย เป็นร้านที่ดูแล้วน่านั่งมากทีเดียวภายในร้านเป็นสีขาวซะส่วนใหญ่ ตกแต่งด้วยรูปปั้นสิงโตนานาชนิด แต่ร้านนี้มันแปลกๆนะ ทำไมไม่มีคนเลย แถมประตูก็ปิดอีกตะหาก ด้วยความสงสัยฉันจึงถามคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น
    “เอ่อ คุณคะๆ ”
    “คะ?”
    “ไม่ทราบว่าร้านนี้เปิดกี่โมงคะ”
    “ร้านนี้เขาเปิดบ่าย 2 ค่ะ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมกับใบหน้าประมาณว่า “ยัยนี่บ้านนอกชะมัด”
    อ้าว ก็แล้วใครจะไปรู้หละ ไอ้บริษัทจัดหางานนั่นก็เล่นไม่บอกอะไรเลย แล้วจะเอาไงต่อดี ว่าร้านจะเปิดก็อีกตั้งหลายชั่วโมง เอาวะ ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว นั่งรอมันซะเลยก็แล้วกัน
    ผ่านไป 30 นาที ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อ แล้วรำคาญสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา คนพวกนี้ทำอย่างกับฉันเป็นคนบ้านนอกงั้นแหละ แต่จะว่าไป. . . มันก็จริงแฮะ
    ปิ๊บ ปิ๊บ ใครส่งข้อความมานะ
    + เมื่อคืนกว่าจะเผด็จศึกเขาได้ก็แทบแย่เลย ขอบใจนะที่ไม่ทำให้ฉันเป็นผีเฝ้าห้องน้ำ +
    ฉันอ่านข้อความแล้วนึกขำ
    “ฮิฮิ”
    “นี่คุณ อยากกินถึงขนาดมานั่งรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดเลยเหรอ” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดกับฉันนะ
    คำพูดนั่นมันยิ่งทำให้ฉันดูบ้านนอกเข้าไปใหญ่ นายเป็นใครกันนะ ฉันค่อยๆเงยหน้ามองเขา นายคนนี้สูงชะมัดเลย กว่าจะมองไล่จากขาขึ้นไปถึงหน้าได้ก็เล่นเอาคอฉันเกือบเคล็ด แล้วพอฉันมองหน้าเขา
    “ถ้าคุณจะซื้อเค้กต้องรอตอนบ่ายสองนะครับ”
    นอกจากสูงแล้วยังน่ารักอีกด้วย อยากได้มาเป็นน้องชายจัง
    “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้มาซื้อเค้ก  คือ ฉันจะมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ บริษัทจัดหางานส่งฉันมา”
    “อ๋อ  เหรอครับ งั้นคุณทำไมไม่เข้าไปคุยกับเฒ่าแก่เนี้ยข้างในหละ”
    ฉันยืนขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเริ่มเมื่อยคอ แต่เมื่อยืนขึ้น ทำให้ฉันอยากจะกลับลงไปนั่งเหมือนเดิมเพราะการยืนคุยกับคนที่สูงกว่าเราเกือบ 20 กว่าเซนต์ มันเป็นเรื่องที่ดูแล้วน่าหดหู่ใจมากๆ
    “ก็ฉันนึกว่าไม่มีคนอยู่นี่คะ แล้วเด็กแถวนี้ก็บอกว่าร้านนี้เปิดตอนบ่ายสอง ฉันก็เลยนั่งรอ”
    นายนั่นกลอกตาขึ้น นี่ฉันบานนอกขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
    “OK. งั้นผมจะพาคุณเข้าไปก็แล้วกัน”
    อยากจะรู้จังเลยว่าเขาอายุเท่าไหร่ อิ อิ จะได้จีบซะเลย แหม. . . เพื่อนฉันที่นีงาตะบอกว่าคนน่ารักแต่นิสัยดีในโตเกียวน่ะหายากชิ ไม่เห็นจะจริงเลย ฉันมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงอาทิตย์ก็เจอหล่อๆ ไปตั้ง 2 คนแล้ว แหม. . . ฉันนี่โชคดีชะมัดเลย
    นายนั่น (ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรนี่นา) เดินนำฉันเข้าไปที่หลังร้าน ทันทีที่เปิดประตูกลิ่นเนยจำนวนมากก็ลอยมาเตะจมูกฉันอย่างแรง ฉันชักเริ่มหิวๆ ขึ้นมาแล้วสิ หลังร้านนี้ใช้เป็นที่ทำเค้กสินะ เพราะมีเตาอบตั้งหลายเตา แถมกลางห้องก็มีถาดมีกะละมังใส่แป้งเต็มไปหมด แล้วบนชั้นก็ยังมีอุปกรณ์ทำเค้กอีกตั้งหลายชิ้น อ๊ะผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอที่เป็นเฒ่าแก่เนี้ย ไม่สิหน้าตาน่ารักแถมดูๆแล้วจะอายุน้อยกว่าฉันซะอีก คงจะเป็นลูกเฒ่าแก่เนี้ยหละมั้ง เค้กที่ทำขายในร้านนี้คงจะเป็นฝีมือเธอคนนี้สินะ ยังเด็กอยู่เลยแต่เก่งชะมัด
    “สวัสดีครับนัทสึเมะจัง”
    “อ้าวพี่ทักกี้ วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ เอ๊ะ พาแฟนมาด้วยเหรอคะ”
    “ไม่ใช่ครับ” นายนั่นรีบปฏิเสธทันควัน “เขาเป็นคนที่บริษัทจัดหางานส่งมาน่ะครับ”
    “อ๋อเหรอคะ โทษทีนะคะที่เข้าใจผิด ถ้าจะมาหาคุณแม่หละก็ ท่านอยู่ข้างบนน่ะค่ะ เดี๋ยวจะไปเรียกมาให้นะคะ พี่ทักกี้เอาน้ำมาให้คุณ. . .”
    “คุเซฮาร่า เมมิค่ะ”
    “เอาน้ำมาให้คุเซฮาร่าซังก่อนสิคะ”
    “ครับๆ”
    นายนั่นผู้น่ารักรีบกุลีกุจอเอาน้ำมาให้ฉันกิน สักพักเฒ่าแก่เนี้ยก็ลงมาหาฉัน ท่านเป็นคนใจดีมากเลย แถมยังสวยมากๆ อีกด้วย มิน่าหละถึงได้มีลูกสาวน่ารักขนาดนี้ หลังจากที่ฝากเนื้อฝากตัวกับเฒ่าแก่เนี้ยเสร็จ ท่านก็เลยให้นายนั่นช่วยสอนกฎระเบียบของร้านนี้ให้ฉัน
    “จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อซาคุ ทากิซาว่า อยู่ปี 2 โรงเรียนไดโดคุครับ”
    “ฉันคุเซฮาร่า เมมินะ เรียนที่ฮาจิโบคุเอ็น ดูท่าทางฉันจะอายุมากกว่าเธอแล้วสินะทากิซาว่าคุง”
    “เรียกผมว่าทักกี้ก็ได้ครับ” นายนั่น เอ๊ย!  ทากิซาว่าคุงพูดอย่างมั่นใจ
    “โห. . . ไม่เล่นของสูงไปหน่อยเหรอ ทักกี้น่ะแฟนฉันนะ อีกอย่างบุคลิกนายก็ไม่เห็นจะเหมือนทักกี้เลยสักนิด”
    “แล้วผมเหมือนใครหละครับ”
    “นายน่ะเหรอ อืม. . .” ฉันจับคางพลางมองทากิซาว่าคุงอย่างพิจารณา “นายน่ะเหมือนฮาเซคาว่า จุนมากกว่า งั้นฉันเรียกนายว่าฮาเสะจุนก็แล้วกัน”
    “ฮาเสะจุนเหรอ ถึงจะหล่อสู้ทักกี้ไม่ได้แต่ก็ OK. นะ” ฮาเสะจุนพูดไปมองนัทสึเมะจังไป
    “ชอบเธอเหรอ”
    “ใช่ ผมชอบคนทำอาหารเก่งน่ะ เวลาเธอทำอาหารเธอดูมีเสน่ห์มากเลย”
    ชักหมดหวังแล้วเรา
    “ทำไมไม่บอกรักไปเลยหละ ฉันจะได้ช่วยเชียร์”
    ฮาเสะจุนเกาหัว จะทำท่าไหนนายก็ยังน่ารักอยู๋ดี “คงจะเร็วๆ นี้แหละ จริงสิ ผมยังไม่ได้เอายูนิฟอร์มของร้านมาให้คุณเลย เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ”
    ว้าว มีชุดด้วยเหรอ จะเป็นยังไงกันนะ ฮาเสะจุนวิ่งไปหลังร้านสักพักก็กลับออกมาพร้อมชุดพนักงานเสิร์ฟที่มีเสื้อสีขาวกระโปรงสีฟ้าเข้มและผ้ากันเปื้อนสีชาว พอฉันใส่มัน แหม. . . เรานี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย หลังจากนั้นฮาเสะจุนก็สอนให้เป็นแคชเชียร์ เป็นคนเสิร์ฟ สรุปแล้ว ฉันต้องทำงานทุกอย่างในร้านกระทั่งล้างจาน ฉันเลยเริ่มคิดว่าฉันต้องทำงานเกินค่าแรงไปแน่ๆ
    พอบ่าย 2 ได้เวลาเปิดร้าน โห. . . คนแห่กันมาเพียบเลย ยิ่งกว่าก่อม็อบอีกมั้งนั่น ต้องรับศึกหนักตั้งแต่วันแรกซะแล้วเรา ดูท่าแล้วร้านนี้จะเป็นที่ฮิตฮอตของคนแถบนี้มากเลยสินะ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น นักศึกษา ขนาดคุณยายยังพาหลานมากินเลย ฉันต้องรับออร์เดอร์ครั้งละ 4 -  5 โต๊ะ ฉันไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลยขอสลับหน้าที่กับฮาเสะจุนมาเป็นแคชเชียร์แทน พอเห็นฮาเสะจุนทำแล้วเขาดูคล่องมากเลย สงสัยฉันคงจะต้องฝึกอีกยาว ส่วนนัทสึเมะจังผู้น่ารักหลังจากที่เสร็จงานหลังร้านเธอก็มาช่วยที่หน้าร้านอีกแรง
    หลังจากที่เหนื่อยมากๆ กับการทำงานวันแรกของฉัน ก็ได้พักสักทีเพราะช่วง 6 โมงเย็นจะเป็นช่วงที่คนเริ่มซากันแล้ว เราทั้ง 3 คนก็มานั่งเมาท์แตกกัน ระหว่างที่กำลังเมามันส์อยู่นั้น ก็มีลูกค้าชาย หญิงคู่หนึ่งเข้ามาในร้าน ฉันไม่สนใจผู้หญิงหรอก แต่ผู้ชายนี่สิ  เขาดูเซ็กซี่มากเลย ความเท่ห์ของเขาปิดกั้นความรู้สึกรับรู้ทุกอย่าง รูปร่างเขาผอมสูง (ท่าทางคงจะสูงกว่าฮาเสะจุนอีกมั้ง) จุดดึงดูดความสนใจอีกอย่างนอกจากรูปร่างของเขาแล้วก็คือนี่ คิ้วดกดำ ตาคม จมูกโด่ง มาดนิ่งจริงๆ ให้ตายเถอะ ทำไมเขาดูเหมือนดีแลน กัวจังนะ (พระเอกเรื่อง The Outsiders) เสียดายจังเลยที่มีแฟนแล้ว
    “ยัยเซเลอร์มูนมาแล้ว” ฮาเสะจุนพูด
    หมายถึงผู้หญิงที่มากับดีแลน กัวคนนั้นน่ะเหรอ จะว่าไปยัยนั่นก็เหมือนเซเลอร์มูนจริงๆ นะ เธอรัดผม 2 ข้างซะสูงเชียว ดีนะที่ไม่ย้อมสีเหลือด้วย ฮิๆ
    “ได้เวลาปฏิบัติงานอีกครั้งแล้ว เดี๋ยวค่อยมาเมาท์แตกกันต่อ” ฮาเสะจุนลุกขึ้นเพื่อไปรับออร์เดอร์แต่ฉันก็ดึงแขนเขาไว้
    “นี่ฮาเสะจุน ขอฉันเป็นคนรับออร์เดอร์แทนเถอะ”
    (ท่านผู้อ่านคงทราบนะคะว่านางเอกของเราคิดอะไรอยู่ : Osaki)
    “เอาไปเลย ผมไม่อยากอยู่ใกล้ยัยเซเลอร์มูน” ฮาเสะจุนพูดจบก็ยื่นใบรับออร์เดอร์ให้ฉันแล้วนั่งคุยกับนัทสึเมะต่อ
    ฉันก้มลงดูหน้าตัวเองจากกระจกเงาที่แปะไว้ข้างฝาแล้วจัดผมตัวเดองให้เข้าที่เข้าทางนิดหน่อย อยู่ต่อหน้าคนหล่อจะเป็นยัยเพิ้งไม่ได้ OK. เรียบร้อยแล้ว ไปกันเลย
    “ร้าน Cougar สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”
    อึดอัดใจชอบกลแฮะ อุตส่าห์ได้ยืนใกล้คนหล่อแต่ก็ได้แค่แอบดู
    “นี่ที่รัก จะกินอะไรดีคะ” ยัยเซเลอร์มูนถามแฟนสุดหล่อของเธอ มันน่ารักดีอยู่หรอก แต่คำพูดชวนอ้วก แบบนี้น่าหมั่นไส้ที่สุดเลย
    “งั้นเอาเค้กสตรอเบอรี่ 2 ที่ค่ะ”
    “ฉันไม่ชอบสตรอเบอรี่” สุดหล่อพูดขึ้น เสียงเขาเข้มมากๆ เลย
    “แล้วคุณจะรับอะไรดีคะ (บีบเสียงหวาน) ” ฉันพูด ดีใจจังได้พูดกับเขาแล้ว
    “กาแฟ” เขาพูด
    “จะเอาเป็นเอสเปรสโซ่หรือคาปูชิโน่ดีคะ”
    “เอามาอย่างละแก้วเลย”
    “ค่ะๆ”
    แปลกคนจริงๆ กินกาแฟทีเดียวสองสูตรเลย ถึงจะแปลกยังไงแต่ก็โดนใจเราอยู่ดี ฉันเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แล้วเห็นว่าทั้งสองคนยังคุยกันอย่างน้ำไหลไฟดับ ฉันเลยไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ เลยจัดการทำกาแฟและจัดเค้กใส่จานแล้วยกไปเสิร์ฟ
    “เค้กสตรอเบอรี่ 2 ที่กับกาแฟเอสเปรสโซ่กับคาปูชิโน่ได้แล้วค่ะ”
    ยัยเซเลอร์มูนตักเค้กแล้วทำท่าจะป้อนสุดหล่อ
    “ที่รัก อ้าปากสิคะเดี่ยวมินาโกะป้อนนะ อ้ำๆ”
    โอ๊ย ใครก็ได้ขอกระโถนด่วนเลยฉันจะอ้วกแล้ว อี๋... . . เลี่ยนชะมัด แต่ละคำแต่ละท่าทางทำออกมาได้ยังไงกัน ไม่รู้สุดหล่อของฉันทนเข้าไปได้ยังไง ฉันเลยเดินออกมาก่อนที่จะอ้วกใส่หัวยัยเซเลอร์มูนนั่น แล้วฉันก็มานั่งดูสุดหล่อของฉันที่หลังเคาน์เตอร์ ยิ่งดูก็ยิ่งอิจฉายัยเซเลอร์มูน
    ผ่านไปสักพัก. . .
    “เก็บเงินด้วยค่ะ” ยัยเซเลอร์มูนตะโกน
    “ครับ” ฮาเสะจุนรับคำแล้วเดินไปที่โต๊ะ
    แย่จัง เขาจะไปแล้วเหรอเนี่ย เรายังไม่รู้จักกันเลย ไม่ได้การซะแล้ว ฉันเลยรีบวิ่งไปตัดหน้าฮาเสะจุนที่โต๊ะ
    “เท่าไหร่คะ” เซเลอร์มูนถาม
    “1280 เยนค่ะ”
    สุดหล่อยื่นแบงค์ 5000 เยนมาให้ฉัน มือเราสัมผัสกันนิดหน่อย “ไม่ต้องทอน”
    แล้วยัยเซเลอร์มูนก็เดินกอดแขนสุดหล่อออกไป ทำไงดีๆ เราจะไม่ได้เจอเขาแล้วเหรอ ไม่จริงน่า
    “เอ่อคุณคะ .. . ”
    ตุ้บตับ ตุ้บตับ
    “ลืมโทรศัพท์ค่ะ”  ฉันหยิบมือถือบนโต๊ะ แล้วเดินเอามันไปส่งให้เขา มือฉันสั่นเล็กน้อยก็แหม. . . ไอ้มือถือรุ่นนี้ราคาเหยียบแสนได้หละมั้ง
    “ขอบใจ” เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน
    ความจริงฉันน่าจะเก็บมันเอาไว้ซะเลยดีกว่านะ แต่ไม่หรอกฉันคิดว่าฉันเป็นคนดีพอ ชอบเขาเราก็ต้องทำให้เขามีความสุขสิจริงมั้ย
ตอนนี้เกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว ลูกค้าเหลืออีกไม่กี่คนได้เวลาเริ่มเก็บร้านแล้วสินะ ภาพสุดหล่อคนนั้นยังติดตาฉันอยู่เลย อยากจะเจอเขาอีกจัง
    อ๊ะ ลูกค้ามา
    คุณพระช่วย!!! ไม่น่าเชื่อว่าคำอธิษฐานของฉันมันจะส่งผลเร็วขนาดนี้ นั่นเขาจริงๆ ด้วย สุดหล่อของฉัน แล้วนี่เขากลับมาที่นี่ทำไมกันนะ อุ๊ย! รึว่าจะชอบเราเข้าแล้ว แหม บ้าน่า คิดไปไกลเชียว ไปทำงานได้แล้ว
    “อ้าวคุณ ที่มาเมื่อตอนบ่ายนี่คะ คราวนี้จะรับอะไรดีคะ (บีบเสียงหวาน อีกแล้ว)” อิ อิ ฉันทำทีเป็นจำเขาได้ เพื่อเขาจะจำฉันได้บ้าง
    “เอาเค้กกาแฟ”
    “ได้ค่ะ” คงจะหนีไม่พ้นเรื่องกาแฟสินะ ฉันเอาใบรับออร์เดอร์ไปให้ฮาเสะจุนแล้วรินน้ำชาไปให้สุดหล่อของฉันความจริงร้านเราไม่ได้มีแบบนี้หรอก แต่เป็นบริการพิเศษจากฉันให้สุดหล่อคนนี้คนเดียว
    “น้ำชาค่ะ อ๊ะว้ายยยยยยยยยยยยย!!!” ตายแล้ว อุตส่าห์เอาน้ำชามาเสิร์ฟให้ดันทำหกใส่เขาซะนี่ ฮือๆ เขาต้องโกรธแน่ๆ เลย
    “O_O นี่เธอ! ” จึ๋ย เขาโมโหเข้าซะแล้ว
    “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันรีบโค้งขอโทษเขายกใหญ่ หน้าแตกอย่างแรงเลยเรา ครั้งแรกก็ไม่ประทับใจซะแล้ว
    “นี่เธอกล้าดียังไงมาทำชาหกใส่ฉันแบบนี้ นี่มันเสื้อ ADIDAS ที่ฉันเพิ่งซื้อมาเชียวนะ เธอมาทำเปื้อนแบบนี้มีปัญญาชดใช้รึเปล่าฮะ! ”
    อ๋อ. . . ที่แท้ก็พวกคนรวย ถึงฉันจะชอบนาย แต่มาด่ากันปาวๆๆ แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ ต้องสั่งสอนกันซะมั่ง แต่ไม่ได้หรอก เราเป็นคนทำหกเองนี่นา อีกอย่าง นี่มันในร้าน เรายังเป็นพนักงานอยู่เลย ควบคุมอารมณ์เอาไว้ก่อนสิเรา
    “คุณคะ แค่คราบน้ำชาน่ะ เอาน้ำธรรมดาซักก็ออกแล้ว” ฉันพยายามพูดกับเขาดีๆ
    “พูดแบบนี้นึกว่าฉันจะยกโทษให้งั้นเหรอ อ๋อ. . . ไม่มีปัญญาใช้หละสิ งั้นก็ได้ เรียกเฒ่าแก่เนี้ยมาคุยซะดีกว่ามั้ง
    “. . .”
    นายคนนี้อารมณ์ร้อนชะมัดเลย
    “เฒ่าแก่เนี้ย! เฒ่าแก่เนี้ย! ” นายนั่นตะโกนดังลั่น
    !!! อ๊าก ถ้าเรียกเฒ่าแก่เนี้ยมาก็ตายสิ เผลอๆ เราจะโดนหักเงินเดือนหรือไม่ก็ถูกไล่ออกไปเลยก็ได้ ไม่นะงานแรกของฉันจะต้องมาพังเพราะความสะเพร่าของเราไม่ได้ กล้าทำก็ต้องรับผิดชอบสิ ไม่งั้นก็เสียศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงหมด
    “คุณๆ ฉันรับผิดชอบเองก็ได้”
    “งั้นก็ดี จะได้เคลียร์กันง่ายๆ ฉันจะให้เธอทำอะไรดีนะ อืม ให้เธอเลี้ยงข้าวฉันสัก 10 วันเป็นการชดใช้ก็แล้วกัน”
    “5 วันได้มั้ย” ฉันลองต่อเขาดู
    “9 วัน”
    “อะงั้น 6 วันก็ได้”
    “8 วันขาดตัว ห้ามต่อแล้ว” (ทำเหมือนเป็นการต่อราคาเสื้อในห้างฯ ซะอย่งนั้น)
    “ขอร้องหละ 7 วันก็ยังดีนะ ลำพังเงินที่ฉันมีก็แทบไม่พอใช้แล้วอ่ะ”
    “ก็ได้ แต่ทุกครั้งฉันจะเป็นคนเลือกร้านเอง เข้าใจมั้ย”
    “อื้อ” ฉันตอบกลับอย่างหดหู่
    “งั้นวันนี้ให้เธอไปทำใจก่อนก็แล้วกัน ส่วนเค้กกาแฟที่ฉันสั่งเมื่อกี้ฉันยกให้เธอนะ” เขาพูดเสร็จแล้วเดินออกจากร้านไป
    “ฮือๆๆ นี่มันวันซวยชัดๆ เลย” ฉันร้องไห้โวยวาย
    “คุเซฮาร่าซัง ลูกค้ายังอยู่ในร้านนะคะ” นัทสึเมะจังเตือนฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์
    “ผู้ชายบ้าอะไร ตัวเองก็ออกจะรวย ยังจะให้คนอื่นมาเลี้ยงข่าวอีก ไม่มีปัญญาซื้อกินเองรึไงยะ” ฉันบ่นลับหลัง
    “ใช่ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ใจร้ายชะมัดเลย พี่ทักกี้อย่าเป็นแบบนี้เชียวนะคะ” นัทสึเมะพูดกับฮาเสะจุนอย่างเอาจริงเอาจัง
    “ครับ”
    พอได้เวลาเลิกงานนัทสึเมะก็ห่อเค้กกาแฟที่นายคนนั้นสั่งเอาไว้ให้ฉันก่อนจะออกจากร้านไป ทีแรก ฮาเสะจุนอาสาจะพาฉันไปส่งแต่ฉันไม่อยากรบกวนเขา นั่นแหละสิ่งที่ฉันคิดผิดสุดๆ ตอนนี้มัน 3 ทุ่ม รถเมล์ก็ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีก็แต่แท็กซี่ เรื่องอะไรจะขึ้นหละ เอาเงินที่จ่ายค่าแท็กซี่ไปกินเกี๊ยวซ่ายังจะดีกว่าอีก ฉันต้องเก็บเงินไว้จ่ายค่าห้อง ค่าเทอม แล้วอะไรอีกจิปาถะ ฉันไม่ยอมเอาเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากของฉันมาเสียให้กับเรื่องไร้สาระนี่หรอก ลองเดินกลับบ้างจะเป็นอะไรไป
    เมื่อมาถึงอพาร์เมนท์
    “กลับมาแล้วค่ะ”
    “นี่เมมิ มาดูละครด้วยกันสิ กำลังสนุกเลยนะ”
    เทรูมิที่นั่งดูละครทีวีและกินมันฝรั่งอยู่อย่างเมามันส์ชวนฉัน
    “เอาเบียร์มั้ย” เธอยื่นกระป๋องเบียร์มาให้ฉัน ฉันเองก็ 18 ตั้งนานแล้วนี่นา ยังไม่เคยลองดื่มสักครั้งเลย อืม. . . ลองสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
    “เอาสิ” ฉันหยิบกระป๋องเบียร์มาจากมือของเธอ แล้วกระดกมันลคออย่างไม่คิดชีวิต รสชาติมันก็ไม่ดีแต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมาก แล้วสักพักฉันก็วางกระป๋องเบียร์ลง
    “หมดแล้วเหรอ”
    “ยังหรอก รสชาติก็ดีนะ แต่ฉันว่าไวน์อร่อยกว่า”
    “อื้อหือ. . . ขนาดไม่อร่อยยังซัดซะเรียบแบบนี้ฉันนับถือเธอเลยจริงๆ แล้วไปทำงานวันแรกเจออะไรมาบ้างหละ”
    ฉันหย่อนตัวลงข้างเธอ “เจอหนุ่มหล่อมากกกกกกกกก”
    “ฮ้า จริงเหรอ แล้วเขาหล่อมากมั้ย” เธอเขย่าตัวฉัน
    “หล่อมากเลยแหละ หล่อกว่าใครๆ ที่ฉันเคยเจอมาเลย” ฉันว่าพลางยกเบียร์ขึ้นซด “แต่นิสัยก็แย่กว่าใครๆ ที่ฉันเคยเจอมาเหมือนกัน”
    “อ้าว. . . ทำไมหละ”
    “ฉันแค่ทำชาหกใส่เขาเอง เขาก็ตีโพยตีพายใส่ฉัน นี่ดีนะที่เฒ่าแก่เนี้ยไม่รู้ ไม่งั้นฉันต้องโดนไล่ออกแน่ๆเลย แต่นายนั่นก็ยังให้ฉันเลี้ยงข้าวเขาอีกตั้ง 1 อาทิตย์ คิดว่าฉันรวยนักรึไง” ฉันซดเบียร์แล้วกุมขมับ
    “ขนาดนั้นเชียว แหม. . . อยากเห็นหน้าเทพบุตรจอมวายร้ายคนนั้นจัง”
    ฉันวางกระป๋องเบียร์ลงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์โยนมันไปให้เทรูมิ
    “เอามาให้ฉันทำไม หน้าเขาเหมือนกระเป๋าสตางค์เหรอ”
    “ไม่ใช่ เอามานี่”
    ฉันคว้ามันจากมือเทรูมิ แล้วเปิดมันอย่างชนิดที่ว่าไม่กลัวว่ามันจะขาดแล้วโยนกลับไปให้เธอ
    “อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่น่าเชื่อ หนุ่มคนนั้นที่เธอพูดถึงเนี่ยนะเหมือนดีแลน กัว”
    “ก็ได้แค่หน้าเหมือนเท่านั้นแหละ แหม. . . ถ้าเป็นดีแลน กัวตัวจริงเขาไม่นิสัยแย่ๆ แบบนั้นหรอก แต่ถ้าดีแลนตัวจริงโมโหแล้วให้ฉันเลี้ยงข้าวเขาจริงๆ นะ ฉันจะยอมเลี้ยงไปตลอดชีวิตเลย”
    “ใช่ๆ ข้อนี้เห็นด้วย แล้วนี่เธอเปิดเทอมวันไหนเหรอ”
    “เปิดเทอม! ใช่เปิดเทอม”
    “???”
    “โอ๊ยตายแล้ว ฉันลืมเรื่องนี้สนิทเลย ฉันเปิดเทอมพรุ่งนี้นี่นา แล้วเสื้อผ้าชุดนักเรียนหละจะทำยังไงซักก็ไม่ได้ซัก รีดก็ไม่ได้รีด โอ๊ย. . . พระเจ้าช่วย”
    ฉันเดินกุมขมับตัวเองไปรอบห้อง ชุดนักเรียนเพิ่งตัดเสร็จ ร้านที่ตัดมาก็ซักให้ท่าไหนก็ไม่รู้กลิ่นอับหึ่งเลยแถมไม่รีดให้อีกตะหาก ขืนใส่ชุดแบบนั้นไปหละก็ต้องเรียกฉันว่า ’อีบ้านนอก’ แหงๆ เลย ทำไงดีหละเนี่ย อ๊า! ฉันต้องเอาไปซัก ใช่ ต้องซักๆๆ
    “นี่เทรูมิ ปกติเธอซักผ้าที่ไหนเหรอ”
    “อืม. . . ฉันเอาไปซักที่ร้านซักรีดข้างๆ อพาร์ตเมนท์น่ะ แต่ป่านนี้ร้านคงปิดไปแล้วหละ” เทรูมิพูดไปซดเบียร์ไปอย่างสบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าฉันกังวลใจจะตายอยู่แล้ว ฮือๆๆ
    “พรุ่งนี้ไม่มีชุดนักเรียนใส่ไปจะทำยังไงดีหละเนี่ย ต้อง ตาย! ตาย! ตาย! สถานเดียวแน่ๆ ”
    “เธอเรียนที่ฮาจิโบคุเอ็นใช่มั้ย”
    “ใช่” ฉันยังคงเดนกระสับกระส่ายไปรอบห้อง
    “เพิ่งจะวันแรกน่ะ เธอไม่ต้องใส่เครื่องแบบไปก็ได้”
    “ว่าไงนะ” ฉันหยุดเดินแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เทรูมิพูด
    “นี่เธอ ฉันก็ศิษย์เก่าของโรงเรียนฮาจิโบคุเอ็นเหมือนกันนะ วันแรกที่ฉันเข้าเรียนน่ะ ฉันก็ไม่ได้ใส่เครื่องแบบไปเพราะชุดของฉันยังตัดไม่เสร็จ เธอก็ลองบอกไปว่าชุดยังตัดไม่เสร็จดูบ้างสิ”
    “อืม มุขนี้มันก็ดีนะ แต่อาจารย์จะเชื่อเหรอ”
    “เลือกเอาก็แล้วกันว่าจะใส่ชุดนักเรียนเน่าๆ ไป หรือจะพูดให้คนอื่นเชื่อแค่ 2 3 คำ” เทรูมิพูดแล้วยกเบียร์ขึ้นซด “ละครจบแล้วฉันไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องผจญกับเด็กดื้ออีกตั้งหลายคน ฮ้าววววว”
    เอาไงดีหละ จะให้ใส่ชุดเน่าๆ นั่นฉันยอมตายซะดีกว่า สงสัยคงต้องโกหกอาจารย์จริงๆ แหละ ว่าแต่ จะใส่ชุดอะไรไปดีหละ
    “นี่เทรูมิ พรุ่งนี้เธอจะให้ฉันใส่อะไรไปดีหละ”
    “อยากใส่คอจีนไปก็เรื่องของเธอสิฉันจะนอนแล้ว!” เธอตะโกนดังมาจากในห้อง
    คอจีนงั้นเหรอ อื้ม. . . ไม่เลวนะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะใส่คอจีนละกัน ฉันเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนทีวี จ๊าก! นี่มันจะ 5 ทุ่มแล้วเหรอ พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนสายแน่ๆ เลย ไม่ได้การต้องรีบไปอาบน้ำนอนแล้ว
    วันนี้ฉันตื่นสายเป็นพิเศษ บรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป จากที่เคยมีคุณย่ามาจ้ำจี้จ้ำไชให้ตื่นแต่เช้า แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว ฉันถึงเข้าใจว่าการอยู่คนเดียวมันดีอย่านี้นี่เอง สงสัยว่าเมื่อคืนเทรูมิจะเมาหนักหละมั้ง เลยเข้าไปนอนในห้องน้ำ ฉันจึงยกร่างไร้สติของเธอเข้าไปนอนในห้องนอน หาผ้ามาเช็ดตัวให้แล้วฉันก็ไปอาบน้ำและหาอะไรกินเสร็จก็เลยว่าจะออกไปทำงาน ด้วยความที่ไม่ชำนาญทางในโตเกียว เลยอาศัยถามทางไปเรื่อยๆ เห็นว่าร้าน Cougar อะไรนี่อยู่ใกล้โรงเรียนไดโดคุสินะ
    พอฉันไปถึงร้าน Cougar  ร้านนี้อยู่ข้างโรงเรียนไดโดคุจริงๆ ชนิดที่ว่าปีนรั้วโรงเรียนมาได้เลย เป็นร้านที่ดูแล้วน่านั่งมากทีเดียวภายในร้านเป็นสีขาวซะส่วนใหญ่ ตกแต่งด้วยรูปปั้นสิงโตนานาชนิด แต่ร้านนี้มันแปลกๆนะ ทำไมไม่มีคนเลย แถมประตูก็ปิดอีกตะหาก ด้วยความสงสัยฉันจึงถามคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น
    “เอ่อ คุณคะๆ ”
    “คะ?”
    “ไม่ทราบว่าร้านนี้เปิดกี่โมงคะ”
    “ร้านนี้เขาเปิดบ่าย 2 ค่ะ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมกับใบหน้าประมาณว่า “ยัยนี่บ้านนอกชะมัด”
    อ้าว ก็แล้วใครจะไปรู้หละ ไอ้บริษัทจัดหางานนั่นก็เล่นไม่บอกอะไรเลย แล้วจะเอาไงต่อดี ว่าร้านจะเปิดก็อีกตั้งหลายชั่วโมง เอาวะ ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว นั่งรอมันซะเลยก็แล้วกัน
    ผ่านไป 30 นาที ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อ แล้วรำคาญสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา คนพวกนี้ทำอย่างกับฉันเป็นคนบ้านนอกงั้นแหละ แต่จะว่าไป. . . มันก็จริงแฮะ
    ปิ๊บ ปิ๊บ ใครส่งข้อความมานะ
    + เมื่อคืนกว่าจะเผด็จศึกเขาได้ก็แทบแย่เลย ขอบใจนะที่ไม่ทำให้ฉันเป็นผีเฝ้าห้องน้ำ +
    ฉันอ่านข้อความแล้วนึกขำ
    “ฮิฮิ”
    “นี่คุณ อยากกินถึงขนาดมานั่งรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดเลยเหรอ” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดกับฉันนะ
    คำพูดนั่นมันยิ่งทำให้ฉันดูบ้านนอกเข้าไปใหญ่ นายเป็นใครกันนะ ฉันค่อยๆเงยหน้ามองเขา นายคนนี้สูงชะมัดเลย กว่าจะมองไล่จากขาขึ้นไปถึงหน้าได้ก็เล่นเอาคอฉันเกือบเคล็ด แล้วพอฉันมองหน้าเขา
    “ถ้าคุณจะซื้อเค้กต้องรอตอนบ่ายสองนะครับ”
    นอกจากสูงแล้วยังน่ารักอีกด้วย อยากได้มาเป็นน้องชายจัง
    “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้มาซื้อเค้ก  คือ ฉันจะมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ บริษัทจัดหางานส่งฉันมา”
    “อ๋อ  เหรอครับ งั้นคุณทำไมไม่เข้าไปคุยกับเฒ่าแก่เนี้ยข้างในหละ”
    ฉันยืนขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเริ่มเมื่อยคอ แต่เมื่อยืนขึ้น ทำให้ฉันอยากจะกลับลงไปนั่งเหมือนเดิมเพราะการยืนคุยกับคนที่สูงกว่าเราเกือบ 20 กว่าเซนต์ มันเป็นเรื่องที่ดูแล้วน่าหดหู่ใจมากๆ
    “ก็ฉันนึกว่าไม่มีคนอยู่นี่คะ แล้วเด็กแถวนี้ก็บอกว่าร้านนี้เปิดตอนบ่ายสอง ฉันก็เลยนั่งรอ”
    นายนั่นกลอกตาขึ้น นี่ฉันบานนอกขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
    “OK. งั้นผมจะพาคุณเข้าไปก็แล้วกัน”
    อยากจะรู้จังเลยว่าเขาอายุเท่าไหร่ อิ อิ จะได้จีบซะเลย แหม. . . เพื่อนฉันที่นีงาตะบอกว่าคนน่ารักแต่นิสัยดีในโตเกียวน่ะหายากชิ ไม่เห็นจะจริงเลย ฉันมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงอาทิตย์ก็เจอหล่อๆ ไปตั้ง 2 คนแล้ว แหม. . . ฉันนี่โชคดีชะมัดเลย
    นายนั่น (ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรนี่นา) เดินนำฉันเข้าไปที่หลังร้าน ทันทีที่เปิดประตูกลิ่นเนยจำนวนมากก็ลอยมาเตะจมูกฉันอย่างแรง ฉันชักเริ่มหิวๆ ขึ้นมาแล้วสิ หลังร้านนี้ใช้เป็นที่ทำเค้กสินะ เพราะมีเตาอบตั้งหลายเตา แถมกลางห้องก็มีถาดมีกะละมังใส่แป้งเต็มไปหมด แล้วบนชั้นก็ยังมีอุปกรณ์ทำเค้กอีกตั้งหลายชิ้น อ๊ะผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอที่เป็นเฒ่าแก่เนี้ย ไม่สิหน้าตาน่ารักแถมดูๆแล้วจะอายุน้อยกว่าฉันซะอีก คงจะเป็นลูกเฒ่าแก่เนี้ยหละมั้ง เค้กที่ทำขายในร้านนี้คงจะเป็นฝีมือเธอคนนี้สินะ ยังเด็กอยู่เลยแต่เก่งชะมัด
    “สวัสดีครับนัทสึเมะจัง”
    “อ้าวพี่ทักกี้ วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ เอ๊ะ พาแฟนมาด้วยเหรอคะ”
    “ไม่ใช่ครับ” นายนั่นรีบปฏิเสธทันควัน “เขาเป็นคนที่บริษัทจัดหางานส่งมาน่ะครับ”
    “อ๋อเหรอคะ โทษทีนะคะที่เข้าใจผิด ถ้าจะมาหาคุณแม่หละก็ ท่านอยู่ข้างบนน่ะค่ะ เดี๋ยวจะไปเรียกมาให้นะคะ พี่ทักกี้เอาน้ำมาให้คุณ. . .”
    “คุเซฮาร่า เมมิค่ะ”
    “เอาน้ำมาให้คุเซฮาร่าซังก่อนสิคะ”
    “ครับๆ”
    นายนั่นผู้น่ารักรีบกุลีกุจอเอาน้ำมาให้ฉันกิน สักพักเฒ่าแก่เนี้ยก็ลงมาหาฉัน ท่านเป็นคนใจดีมากเลย แถมยังสวยมากๆ อีกด้วย มิน่าหละถึงได้มีลูกสาวน่ารักขนาดนี้ หลังจากที่ฝากเนื้อฝากตัวกับเฒ่าแก่เนี้ยเสร็จ ท่านก็เลยให้นายนั่นช่วยสอนกฎระเบียบของร้านนี้ให้ฉัน
    “จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อซาคุ ทากิซาว่า อยู่ปี 2 โรงเรียนไดโดคุครับ”
    “ฉันคุเซฮาร่า เมมินะ เรียนที่ฮาจิโบคุเอ็น ดูท่าทางฉันจะอายุมากกว่าเธอแล้วสินะทากิซาว่าคุง”
    “เรียกผมว่าทักกี้ก็ได้ครับ” นายนั่น เอ๊ย!  ทากิซาว่าคุงพูดอย่างมั่นใจ
    “โห. . . ไม่เล่นของสูงไปหน่อยเหรอ ทักกี้น่ะแฟนฉันนะ อีกอย่างบุคลิกนายก็ไม่เห็นจะเหมือนทักกี้เลยสักนิด”
    “แล้วผมเหมือนใครหละครับ”
    “นายน่ะเหรอ อืม. . .” ฉันจับคางพลางมองทากิซาว่าคุงอย่างพิจารณา “นายน่ะเหมือนฮาเซคาว่า จุนมากกว่า งั้นฉันเรียกนายว่าฮาเสะจุนก็แล้วกัน”
    “ฮาเสะจุนเหรอ ถึงจะหล่อสู้ทักกี้ไม่ได้แต่ก็ OK. นะ” ฮาเสะจุนพูดไปมองนัทสึเมะจังไป
    “ชอบเธอเหรอ”
    “ใช่ ผมชอบคนทำอาหารเก่งน่ะ เวลาเธอทำอาหารเธอดูมีเสน่ห์มากเลย”
    ชักหมดหวังแล้วเรา
    “ทำไมไม่บอกรักไปเลยหละ ฉันจะได้ช่วยเชียร์”
    ฮาเสะจุนเกาหัว จะทำท่าไหนนายก็ยังน่ารักอยู๋ดี “คงจะเร็วๆ นี้แหละ จริงสิ ผมยังไม่ได้เอายูนิฟอร์มของร้านมาให้คุณเลย เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ”
    ว้าว มีชุดด้วยเหรอ จะเป็นยังไงกันนะ ฮาเสะจุนวิ่งไปหลังร้านสักพักก็กลับออกมาพร้อมชุดพนักงานเสิร์ฟที่มีเสื้อสีขาวกระโปรงสีฟ้าเข้มและผ้ากันเปื้อนสีชาว พอฉันใส่มัน แหม. . . เรานี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย หลังจากนั้นฮาเสะจุนก็สอนให้เป็นแคชเชียร์ เป็นคนเสิร์ฟ สรุปแล้ว ฉันต้องทำงานทุกอย่างในร้านกระทั่งล้างจาน ฉันเลยเริ่มคิดว่าฉันต้องทำงานเกินค่าแรงไปแน่ๆ
    พอบ่าย 2 ได้เวลาเปิดร้าน โห. . . คนแห่กันมาเพียบเลย ยิ่งกว่าก่อม็อบอีกมั้งนั่น ต้องรับศึกหนักตั้งแต่วันแรกซะแล้วเรา ดูท่าแล้วร้านนี้จะเป็นที่ฮิตฮอตของคนแถบนี้มากเลยสินะ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น นักศึกษา ขนาดคุณยายยังพาหลานมากินเลย ฉันต้องรับออร์เดอร์ครั้งละ 4 -  5 โต๊ะ ฉันไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลยขอสลับหน้าที่กับฮาเสะจุนมาเป็นแคชเชียร์แทน พอเห็นฮาเสะจุนทำแล้วเขาดูคล่องมากเลย สงสัยฉันคงจะต้องฝึกอีกยาว ส่วนนัทสึเมะจังผู้น่ารักหลังจากที่เสร็จงานหลังร้านเธอก็มาช่วยที่หน้าร้านอีกแรง
    หลังจากที่เหนื่อยมากๆ กับการทำงานวันแรกของฉัน ก็ได้พักสักทีเพราะช่วง 6 โมงเย็นจะเป็นช่วงที่คนเริ่มซากันแล้ว เราทั้ง 3 คนก็มานั่งเมาท์แตกกัน ระหว่างที่กำลังเมามันส์อยู่นั้น ก็มีลูกค้าชาย หญิงคู่หนึ่งเข้ามาในร้าน ฉันไม่สนใจผู้หญิงหรอก แต่ผู้ชายนี่สิ  เขาดูเซ็กซี่มากเลย ความเท่ห์ของเขาปิดกั้นความรู้สึกรับรู้ทุกอย่าง รูปร่างเขาผอมสูง (ท่าทางคงจะสูงกว่าฮาเสะจุนอีกมั้ง) จุดดึงดูดความสนใจอีกอย่างนอกจากรูปร่างของเขาแล้วก็คือนี่ คิ้วดกดำ ตาคม จมูกโด่ง มาดนิ่งจริงๆ ให้ตายเถอะ ทำไมเขาดูเหมือนดีแลน กัวจังนะ (พระเอกเรื่อง The Outsiders) เสียดายจังเลยที่มีแฟนแล้ว
    “ยัยเซเลอร์มูนมาแล้ว” ฮาเสะจุนพูด
    หมายถึงผู้หญิงที่มากับดีแลน กัวคนนั้นน่ะเหรอ จะว่าไปยัยนั่นก็เหมือนเซเลอร์มูนจริงๆ นะ เธอรัดผม 2 ข้างซะสูงเชียว ดีนะที่ไม่ย้อมสีเหลือด้วย ฮิๆ
    “ได้เวลาปฏิบัติงานอีกครั้งแล้ว เดี๋ยวค่อยมาเมาท์แตกกันต่อ” ฮาเสะจุนลุกขึ้นเพื่อไปรับออร์เดอร์แต่ฉันก็ดึงแขนเขาไว้
    “นี่ฮาเสะจุน ขอฉันเป็นคนรับออร์เดอร์แทนเถอะ”
    (ท่านผู้อ่านคงทราบนะคะว่านางเอกของเราคิดอะไรอยู่ : Osaki)
    “เอาไปเลย ผมไม่อยากอยู่ใกล้ยัยเซเลอร์มูน” ฮาเสะจุนพูดจบก็ยื่นใบรับออร์เดอร์ให้ฉันแล้วนั่งคุยกับนัทสึเมะต่อ
    ฉันก้มลงดูหน้าตัวเองจากกระจกเงาที่แปะไว้ข้างฝาแล้วจัดผมตัวเดองให้เข้าที่เข้าทางนิดหน่อย อยู่ต่อหน้าคนหล่อจะเป็นยัยเพิ้งไม่ได้ OK. เรียบร้อยแล้ว ไปกันเลย
    “ร้าน Cougar สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”
    อึดอัดใจชอบกลแฮะ อุตส่าห์ได้ยืนใกล้คนหล่อแต่ก็ได้แค่แอบดู
    “นี่ที่รัก จะกินอะไรดีคะ” ยัยเซเลอร์มูนถามแฟนสุดหล่อของเธอ มันน่ารักดีอยู่หรอก แต่คำพูดชวนอ้วก แบบนี้น่าหมั่นไส้ที่สุดเลย
    “งั้นเอาเค้กสตรอเบอรี่ 2 ที่ค่ะ”
    “ฉันไม่ชอบสตรอเบอรี่” สุดหล่อพูดขึ้น เสียงเขาเข้มมากๆ เลย
    “แล้วคุณจะรับอะไรดีคะ (บีบเสียงหวาน) ” ฉันพูด ดีใจจังได้พูดกับเขาแล้ว
    “กาแฟ” เขาพูด
    “จะเอาเป็นเอสเปรสโซ่หรือคาปูชิโน่ดีคะ”
    “เอามาอย่างละแก้วเลย”
    “ค่ะๆ”
    แปลกคนจริงๆ กินกาแฟทีเดียวสองสูตรเลย ถึงจะแปลกยังไงแต่ก็โดนใจเราอยู่ดี ฉันเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แล้วเห็นว่าทั้งสองคนยังคุยกันอย่างน้ำไหลไฟดับ ฉันเลยไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ เลยจัดการทำกาแฟและจัดเค้กใส่จานแล้วยกไปเสิร์ฟ
    “เค้กสตรอเบอรี่ 2 ที่กับกาแฟเอสเปรสโซ่กับคาปูชิโน่ได้แล้วค่ะ”
    ยัยเซเลอร์มูนตักเค้กแล้วทำท่าจะป้อนสุดหล่อ
    “ที่รัก อ้าปากสิคะเดี่ยวมินาโกะป้อนนะ อ้ำๆ”
    โอ๊ย ใครก็ได้ขอกระโถนด่วนเลยฉันจะอ้วกแล้ว อี๋... . . เลี่ยนชะมัด แต่ละคำแต่ละท่าทางทำออกมาได้ยังไงกัน ไม่รู้สุดหล่อของฉันทนเข้าไปได้ยังไง ฉันเลยเดินออกมาก่อนที่จะอ้วกใส่หัวยัยเซเลอร์มูนนั่น แล้วฉันก็มานั่งดูสุดหล่อของฉันที่หลังเคาน์เตอร์ ยิ่งดูก็ยิ่งอิจฉายัยเซเลอร์มูน
    ผ่านไปสักพัก. . .
    “เก็บเงินด้วยค่ะ” ยัยเซเลอร์มูนตะโกน
    “ครับ” ฮาเสะจุนรับคำแล้วเดินไปที่โต๊ะ
    แย่จัง เขาจะไปแล้วเหรอเนี่ย เรายังไม่รู้จักกันเลย ไม่ได้การซะแล้ว ฉันเลยรีบวิ่งไปตัดหน้าฮาเสะจุนที่โต๊ะ
    “เท่าไหร่คะ” เซเลอร์มูนถาม
    “1280 เยนค่ะ”
    สุดหล่อยื่นแบงค์ 5000 เยนมาให้ฉัน มือเราสัมผัสกันนิดหน่อย “ไม่ต้องทอน”
    แล้วยัยเซเลอร์มูนก็เดินกอดแขนสุดหล่อออกไป ทำไงดีๆ เราจะไม่ได้เจอเขาแล้วเหรอ ไม่จริงน่า
    “เอ่อคุณคะ .. . ”
    ตุ้บตับ ตุ้บตับ
    “ลืมโทรศัพท์ค่ะ”  ฉันหยิบมือถือบนโต๊ะ แล้วเดินเอามันไปส่งให้เขา มือฉันสั่นเล็กน้อยก็แหม. . . ไอ้มือถือรุ่นนี้ราคาเหยียบแสนได้หละมั้ง
    “ขอบใจ” เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน
    ความจริงฉันน่าจะเก็บมันเอาไว้ซะเลยดีกว่านะ แต่ไม่หรอกฉันคิดว่าฉันเป็นคนดีพอ ชอบเขาเราก็ต้องทำให้เขามีความสุขสิจริงมั้ย
ตอนนี้เกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว ลูกค้าเหลืออีกไม่กี่คนได้เวลาเริ่มเก็บร้านแล้วสินะ ภาพสุดหล่อคนนั้นยังติดตาฉันอยู่เลย อยากจะเจอเขาอีกจัง
    อ๊ะ ลูกค้ามา
    คุณพระช่วย!!! ไม่น่าเชื่อว่าคำอธิษฐานของฉันมันจะส่งผลเร็วขนาดนี้ นั่นเขาจริงๆ ด้วย สุดหล่อของฉัน แล้วนี่เขากลับมาที่นี่ทำไมกันนะ อุ๊ย! รึว่าจะชอบเราเข้าแล้ว แหม บ้าน่า คิดไปไกลเชียว ไปทำงานได้แล้ว
    “อ้าวคุณ ที่มาเมื่อตอนบ่ายนี่คะ คราวนี้จะรับอะไรดีคะ (บีบเสียงหวาน อีกแล้ว)” อิ อิ ฉันทำทีเป็นจำเขาได้ เพื่อเขาจะจำฉันได้บ้าง
    “เอาเค้กกาแฟ”
    “ได้ค่ะ” คงจะหนีไม่พ้นเรื่องกาแฟสินะ ฉันเอาใบรับออร์เดอร์ไปให้ฮาเสะจุนแล้วรินน้ำชาไปให้สุดหล่อของฉันความจริงร้านเราไม่ได้มีแบบนี้หรอก แต่เป็นบริการพิเศษจากฉันให้สุดหล่อคนนี้คนเดียว
    “น้ำชาค่ะ อ๊ะว้ายยยยยยยยยยยยย!!!” ตายแล้ว อุตส่าห์เอาน้ำชามาเสิร์ฟให้ดันทำหกใส่เขาซะนี่ ฮือๆ เขาต้องโกรธแน่ๆ เลย
    “O_O นี่เธอ! ” จึ๋ย เขาโมโหเข้าซะแล้ว
    “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันรีบโค้งขอโทษเขายกใหญ่ หน้าแตกอย่างแรงเลยเรา ครั้งแรกก็ไม่ประทับใจซะแล้ว
    “นี่เธอกล้าดียังไงมาทำชาหกใส่ฉันแบบนี้ นี่มันเสื้อ ADIDAS ที่ฉันเพิ่งซื้อมาเชียวนะ เธอมาทำเปื้อนแบบนี้มีปัญญาชดใช้รึเปล่าฮะ! ”
    อ๋อ. . . ที่แท้ก็พวกคนรวย ถึงฉันจะชอบนาย แต่มาด่ากันปาวๆๆ แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ ต้องสั่งสอนกันซะมั่ง แต่ไม่ได้หรอก เราเป็นคนทำหกเองนี่นา อีกอย่าง นี่มันในร้าน เรายังเป็นพนักงานอยู่เลย ควบคุมอารมณ์เอาไว้ก่อนสิเรา
    “คุณคะ แค่คราบน้ำชาน่ะ เอาน้ำธรรมดาซักก็ออกแล้ว” ฉันพยายามพูดกับเขาดีๆ
    “พูดแบบนี้นึกว่าฉันจะยกโทษให้งั้นเหรอ อ๋อ. . . ไม่มีปัญญาใช้หละสิ งั้นก็ได้ เรียกเฒ่าแก่เนี้ยมาคุยซะดีกว่ามั้ง
    “. . .”
    นายคนนี้อารมณ์ร้อนชะมัดเลย
    “เฒ่าแก่เนี้ย! เฒ่าแก่เนี้ย! ” นายนั่นตะโกนดังลั่น
    !!! อ๊าก ถ้าเรียกเฒ่าแก่เนี้ยมาก็ตายสิ เผลอๆ เราจะโดนหักเงินเดือนหรือไม่ก็ถูกไล่ออกไปเลยก็ได้ ไม่นะงานแรกของฉันจะต้องมาพังเพราะความสะเพร่าของเราไม่ได้ กล้าทำก็ต้องรับผิดชอบสิ ไม่งั้นก็เสียศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงหมด
    “คุณๆ ฉันรับผิดชอบเองก็ได้”
    “งั้นก็ดี จะได้เคลียร์กันง่ายๆ ฉันจะให้เธอทำอะไรดีนะ อืม ให้เธอเลี้ยงข้าวฉันสัก 10 วันเป็นการชดใช้ก็แล้วกัน”
    “5 วันได้มั้ย” ฉันลองต่อเขาดู
    “9 วัน”
    “อะงั้น 6 วันก็ได้”
    “8 วันขาดตัว ห้ามต่อแล้ว” (ทำเหมือนเป็นการต่อราคาเสื้อในห้างฯ ซะอย่งนั้น)
    “ขอร้องหละ 7 วันก็ยังดีนะ ลำพังเงินที่ฉันมีก็แทบไม่พอใช้แล้วอ่ะ”
    “ก็ได้ แต่ทุกครั้งฉันจะเป็นคนเลือกร้านเอง เข้าใจมั้ย”
    “อื้อ” ฉันตอบกลับอย่างหดหู่
    “งั้นวันนี้ให้เธอไปทำใจก่อนก็แล้วกัน ส่วนเค้กกาแฟที่ฉันสั่งเมื่อกี้ฉันยกให้เธอนะ” เขาพูดเสร็จแล้วเดินออกจากร้านไป
    “ฮือๆๆ นี่มันวันซวยชัดๆ เลย” ฉันร้องไห้โวยวาย
    “คุเซฮาร่าซัง ลูกค้ายังอยู่ในร้านนะคะ” นัทสึเมะจังเตือนฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์
    “ผู้ชายบ้าอะไร ตัวเองก็ออกจะรวย ยังจะให้คนอื่นมาเลี้ยงข่าวอีก ไม่มีปัญญาซื้อกินเองรึไงยะ” ฉันบ่นลับหลัง
    “ใช่ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ใจร้ายชะมัดเลย พี่ทักกี้อย่าเป็นแบบนี้เชียวนะคะ” นัทสึเมะพูดกับฮาเสะจุนอย่างเอาจริงเอาจัง
    “ครับ”
    พอได้เวลาเลิกงานนัทสึเมะก็ห่อเค้กกาแฟที่นายคนนั้นสั่งเอาไว้ให้ฉันก่อนจะออกจากร้านไป ทีแรก ฮาเสะจุนอาสาจะพาฉันไปส่งแต่ฉันไม่อยากรบกวนเขา นั่นแหละสิ่งที่ฉันคิดผิดสุดๆ ตอนนี้มัน 3 ทุ่ม รถเมล์ก็ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีก็แต่แท็กซี่ เรื่องอะไรจะขึ้นหละ เอาเงินที่จ่ายค่าแท็กซี่ไปกินเกี๊ยวซ่ายังจะดีกว่าอีก ฉันต้องเก็บเงินไว้จ่ายค่าห้อง ค่าเทอม แล้วอะไรอีกจิปาถะ ฉันไม่ยอมเอาเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากของฉันมาเสียให้กับเรื่องไร้สาระนี่หรอก ลองเดินกลับบ้างจะเป็นอะไรไป
    เมื่อมาถึงอพาร์เมนท์
    “กลับมาแล้วค่ะ”
    “นี่เมมิ มาดูละครด้วยกันสิ กำลังสนุกเลยนะ”
    เทรูมิที่นั่งดูละครทีวีและกินมันฝรั่งอยู่อย่างเมามันส์ชวนฉัน
    “เอาเบียร์มั้ย” เธอยื่นกระป๋องเบียร์มาให้ฉัน ฉันเองก็ 18 ตั้งนานแล้วนี่นา ยังไม่เคยลองดื่มสักครั้งเลย อืม. . . ลองสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
    “เอาสิ” ฉันหยิบกระป๋องเบียร์มาจากมือของเธอ แล้วกระดกมันลคออย่างไม่คิดชีวิต รสชาติมันก็ไม่ดีแต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมาก แล้วสักพักฉันก็วางกระป๋องเบียร์ลง
    “หมดแล้วเหรอ”
    “ยังหรอก รสชาติก็ดีนะ แต่ฉันว่าไวน์อร่อยกว่า”
    “อื้อหือ. . . ขนาดไม่อร่อยยังซัดซะเรียบแบบนี้ฉันนับถือเธอเลยจริงๆ แล้วไปทำงานวันแรกเจออะไรมาบ้างหละ”
    ฉันหย่อนตัวลงข้างเธอ “เจอหนุ่มหล่อมากกกกกกกกก”
    “ฮ้า จริงเหรอ แล้วเขาหล่อมากมั้ย” เธอเขย่าตัวฉัน
    “หล่อมากเลยแหละ หล่อกว่าใครๆ ที่ฉันเคยเจอมาเลย” ฉันว่าพลางยกเบียร์ขึ้นซด “แต่นิสัยก็แย่กว่าใครๆ ที่ฉันเคยเจอมาเหมือนกัน”
    “อ้าว. . . ทำไมหละ”
    “ฉันแค่ทำชาหกใส่เขาเอง เขาก็ตีโพยตีพายใส่ฉัน นี่ดีนะที่เฒ่าแก่เนี้ยไม่รู้ ไม่งั้นฉันต้องโดนไล่ออกแน่ๆเลย แต่นายนั่นก็ยังให้ฉันเลี้ยงข้าวเขาอีกตั้ง 1 อาทิตย์ คิดว่าฉันรวยนักรึไง” ฉันซดเบียร์แล้วกุมขมับ
    “ขนาดนั้นเชียว แหม. . . อยากเห็นหน้าเทพบุตรจอมวายร้ายคนนั้นจัง”
    ฉันวางกระป๋องเบียร์ลงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์โยนมันไปให้เทรูมิ
    “เอามาให้ฉันทำไม หน้าเขาเหมือนกระเป๋าสตางค์เหรอ”
    “ไม่ใช่ เอามานี่”
    ฉันคว้ามันจากมือเทรูมิ แล้วเปิดมันอย่างชนิดที่ว่าไม่กลัวว่ามันจะขาดแล้วโยนกลับไปให้เธอ
    “อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่น่าเชื่อ หนุ่มคนนั้นที่เธอพูดถึงเนี่ยนะเหมือนดีแลน กัว”
    “ก็ได้แค่หน้าเหมือนเท่านั้นแหละ แหม. . . ถ้าเป็นดีแลน กัวตัวจริงเขาไม่นิสัยแย่ๆ แบบนั้นหรอก แต่ถ้าดีแลนตัวจริงโมโหแล้วให้ฉันเลี้ยงข้าวเขาจริงๆ นะ ฉันจะยอมเลี้ยงไปตลอดชีวิตเลย”
    “ใช่ๆ ข้อนี้เห็นด้วย แล้วนี่เธอเปิดเทอมวันไหนเหรอ”
    “เปิดเทอม! ใช่เปิดเทอม”
    “???”
    “โอ๊ยตายแล้ว ฉันลืมเรื่องนี้สนิทเลย ฉันเปิดเทอมพรุ่งนี้นี่นา แล้วเสื้อผ้าชุดนักเรียนหละจะทำยังไงซักก็ไม่ได้ซัก รีดก็ไม่ได้รีด โอ๊ย. . . พระเจ้าช่วย”
    ฉันเดินกุมขมับตัวเองไปรอบห้อง ชุดนักเรียนเพิ่งตัดเสร็จ ร้านที่ตัดมาก็ซักให้ท่าไหนก็ไม่รู้กลิ่นอับหึ่งเลยแถมไม่รีดให้อีกตะหาก ขืนใส่ชุดแบบนั้นไปหละก็ต้องเรียกฉันว่า ’อีบ้านนอก’ แหงๆ เลย ทำไงดีหละเนี่ย อ๊า! ฉันต้องเอาไปซัก ใช่ ต้องซักๆๆ
    “นี่เทรูมิ ปกติเธอซักผ้าที่ไหนเหรอ”
    “อืม. . . ฉันเอาไปซักที่ร้านซักรีดข้างๆ อพาร์ตเมนท์น่ะ แต่ป่านนี้ร้านคงปิดไปแล้วหละ” เทรูมิพูดไปซดเบียร์ไปอย่างสบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าฉันกังวลใจจะตายอยู่แล้ว ฮือๆๆ
    “พรุ่งนี้ไม่มีชุดนักเรียนใส่ไปจะทำยังไงดีหละเนี่ย ต้อง ตาย! ตาย! ตาย! สถานเดียวแน่ๆ ”
    “เธอเรียนที่ฮาจิโบคุเอ็นใช่มั้ย”
    “ใช่” ฉันยังคงเดนกระสับกระส่ายไปรอบห้อง
    “เพิ่งจะวันแรกน่ะ เธอไม่ต้องใส่เครื่องแบบไปก็ได้”
    “ว่าไงนะ” ฉันหยุดเดินแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เทรูมิพูด
    “นี่เธอ ฉันก็ศิษย์เก่าของโรงเรียนฮาจิโบคุเอ็นเหมือนกันนะ วันแรกที่ฉันเข้าเรียนน่ะ ฉันก็ไม่ได้ใส่เครื่องแบบไปเพราะชุดของฉันยังตัดไม่เสร็จ เธอก็ลองบอกไปว่าชุดยังตัดไม่เสร็จดูบ้างสิ”
    “อืม มุขนี้มันก็ดีนะ แต่อาจารย์จะเชื่อเหรอ”
    “เลือกเอาก็แล้วกันว่าจะใส่ชุดนักเรียนเน่าๆ ไป หรือจะพูดให้คนอื่นเชื่อแค่ 2 3 คำ” เทรูมิพูดแล้วยกเบียร์ขึ้นซด “ละครจบแล้วฉันไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องผจญกับเด็กดื้ออีกตั้งหลายคน ฮ้าววววว”
    เอาไงดีหละ จะให้ใส่ชุดเน่าๆ นั่นฉันยอมตายซะดีกว่า สงสัยคงต้องโกหกอาจารย์จริงๆ แหละ ว่าแต่ จะใส่ชุดอะไรไปดีหละ
    “นี่เทรูมิ พรุ่งนี้เธอจะให้ฉันใส่อะไรไปดีหละ”
    “อยากใส่คอจีนไปก็เรื่องของเธอสิฉันจะนอนแล้ว!” เธอตะโกนดังมาจากในห้อง
    คอจีนงั้นเหรอ อื้ม. . . ไม่เลวนะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะใส่คอจีนละกัน ฉันเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนทีวี จ๊าก! นี่มันจะ 5 ทุ่มแล้วเหรอ พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนสายแน่ๆ เลย ไม่ได้การต้องรีบไปอาบน้ำนอนแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น