ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :+:+:ปิ๊งรักนาย เจ้าชายยากูซ่า:+:+:

    ลำดับตอนที่ #2 : {BL@cK[G]u@Rd} - เจอแล้วพระเอกของฉัน[รึเปล่า]

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 48


    ---- อ่านะ ตอนที่สองแล้วนะครับ และแล้วนางเอกของเราก็เจอกับพระเอกสุดหล่อแล้วแต่แหม. . . เจอกันครั้งแรกทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันซะแล้ว แบบนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย V_V\"---- Osaki



        วันนี้ฉันตื่นสายเป็นพิเศษ บรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป จากที่เคยมีคุณย่ามาจ้ำจี้จ้ำไชให้ตื่นแต่เช้า แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว ฉันถึงเข้าใจว่าการอยู่คนเดียวมันดีอย่านี้นี่เอง สงสัยว่าเมื่อคืนเทรูมิจะเมาหนักหละมั้ง เลยเข้าไปนอนในห้องน้ำ ฉันจึงยกร่างไร้สติของเธอเข้าไปนอนในห้องนอน หาผ้ามาเช็ดตัวให้แล้วฉันก็ไปอาบน้ำและหาอะไรกินเสร็จก็เลยว่าจะออกไปทำงาน ด้วยความที่ไม่ชำนาญทางในโตเกียว เลยอาศัยถามทางไปเรื่อยๆ เห็นว่าร้าน Cougar อะไรนี่อยู่ใกล้โรงเรียนไดโดคุสินะ



        พอฉันไปถึงร้าน Cougar  ร้านนี้อยู่ข้างโรงเรียนไดโดคุจริงๆ ชนิดที่ว่าปีนรั้วโรงเรียนมาได้เลย เป็นร้านที่ดูแล้วน่านั่งมากทีเดียวภายในร้านเป็นสีขาวซะส่วนใหญ่ ตกแต่งด้วยรูปปั้นสิงโตนานาชนิด แต่ร้านนี้มันแปลกๆนะ ทำไมไม่มีคนเลย แถมประตูก็ปิดอีกตะหาก ด้วยความสงสัยฉันจึงถามคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น



        “เอ่อ คุณคะๆ ”



        “คะ?”



        “ไม่ทราบว่าร้านนี้เปิดกี่โมงคะ”



        “ร้านนี้เขาเปิดบ่าย 2 ค่ะ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมกับใบหน้าประมาณว่า “ยัยนี่บ้านนอกชะมัด”



        อ้าว ก็แล้วใครจะไปรู้หละ ไอ้บริษัทจัดหางานนั่นก็เล่นไม่บอกอะไรเลย แล้วจะเอาไงต่อดี ว่าร้านจะเปิดก็อีกตั้งหลายชั่วโมง เอาวะ ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว นั่งรอมันซะเลยก็แล้วกัน



        ผ่านไป 30 นาที ฉันเริ่มรู้สึกเบื่อ แล้วรำคาญสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา คนพวกนี้ทำอย่างกับฉันเป็นคนบ้านนอกงั้นแหละ แต่จะว่าไป. . . มันก็จริงแฮะ



        ปิ๊บ ปิ๊บ ใครส่งข้อความมานะ





        + เมื่อคืนกว่าจะเผด็จศึกเขาได้ก็แทบแย่เลย ขอบใจนะที่ไม่ทำให้ฉันเป็นผีเฝ้าห้องน้ำ +





        ฉันอ่านข้อความแล้วนึกขำ



        “ฮิฮิ”



        “นี่คุณ อยากกินถึงขนาดมานั่งรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดเลยเหรอ” เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังพูดกับฉันนะ



        คำพูดนั่นมันยิ่งทำให้ฉันดูบ้านนอกเข้าไปใหญ่ นายเป็นใครกันนะ ฉันค่อยๆเงยหน้ามองเขา นายคนนี้สูงชะมัดเลย กว่าจะมองไล่จากขาขึ้นไปถึงหน้าได้ก็เล่นเอาคอฉันเกือบเคล็ด แล้วพอฉันมองหน้าเขา



        “ถ้าคุณจะซื้อเค้กต้องรอตอนบ่ายสองนะครับ”



        นอกจากสูงแล้วยังน่ารักอีกด้วย อยากได้มาเป็นน้องชายจัง



        “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้มาซื้อเค้ก  คือ… ฉันจะมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ บริษัทจัดหางานส่งฉันมา”



        “อ๋อ  เหรอครับ งั้นคุณทำไมไม่เข้าไปคุยกับเฒ่าแก่เนี้ยข้างในหละ”



        ฉันยืนขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเริ่มเมื่อยคอ แต่เมื่อยืนขึ้น ทำให้ฉันอยากจะกลับลงไปนั่งเหมือนเดิมเพราะการยืนคุยกับคนที่สูงกว่าเราเกือบ 20 กว่าเซนต์ มันเป็นเรื่องที่ดูแล้วน่าหดหู่ใจมากๆ



        “ก็ฉันนึกว่าไม่มีคนอยู่นี่คะ แล้วเด็กแถวนี้ก็บอกว่าร้านนี้เปิดตอนบ่ายสอง ฉันก็เลยนั่งรอ”



        นายนั่นกลอกตาขึ้น นี่ฉันบานนอกขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย



        “OK. งั้นผมจะพาคุณเข้าไปก็แล้วกัน”



        อยากจะรู้จังเลยว่าเขาอายุเท่าไหร่ อิ อิ จะได้จีบซะเลย แหม. . . เพื่อนฉันที่นีงาตะบอกว่าคนน่ารักแต่นิสัยดีในโตเกียวน่ะหายากชิ ไม่เห็นจะจริงเลย ฉันมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงอาทิตย์ก็เจอหล่อๆ ไปตั้ง 2 คนแล้ว แหม. . . ฉันนี่โชคดีชะมัดเลย



        นายนั่น (ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรนี่นา) เดินนำฉันเข้าไปที่หลังร้าน ทันทีที่เปิดประตูกลิ่นเนยจำนวนมากก็ลอยมาเตะจมูกฉันอย่างแรง ฉันชักเริ่มหิวๆ ขึ้นมาแล้วสิ หลังร้านนี้ใช้เป็นที่ทำเค้กสินะ เพราะมีเตาอบตั้งหลายเตา แถมกลางห้องก็มีถาดมีกะละมังใส่แป้งเต็มไปหมด แล้วบนชั้นก็ยังมีอุปกรณ์ทำเค้กอีกตั้งหลายชิ้น อ๊ะผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอที่เป็นเฒ่าแก่เนี้ย ไม่สิหน้าตาน่ารักแถมดูๆแล้วจะอายุน้อยกว่าฉันซะอีก คงจะเป็นลูกเฒ่าแก่เนี้ยหละมั้ง เค้กที่ทำขายในร้านนี้คงจะเป็นฝีมือเธอคนนี้สินะ ยังเด็กอยู่เลยแต่เก่งชะมัด



        “สวัสดีครับนัทสึเมะจัง”



        “อ้าวพี่ทักกี้ วันนี้มาเช้าจังเลยนะคะ เอ๊ะ พาแฟนมาด้วยเหรอคะ”



        “ไม่ใช่ครับ” นายนั่นรีบปฏิเสธทันควัน “เขาเป็นคนที่บริษัทจัดหางานส่งมาน่ะครับ”



        “อ๋อเหรอคะ โทษทีนะคะที่เข้าใจผิด ถ้าจะมาหาคุณแม่หละก็ ท่านอยู่ข้างบนน่ะค่ะ เดี๋ยวจะไปเรียกมาให้นะคะ พี่ทักกี้เอาน้ำมาให้คุณ. . .”



        “คุเซฮาร่า เมมิค่ะ”



        “เอาน้ำมาให้คุเซฮาร่าซังก่อนสิคะ”



        “ครับๆ”



        นายนั่นผู้น่ารักรีบกุลีกุจอเอาน้ำมาให้ฉันกิน สักพักเฒ่าแก่เนี้ยก็ลงมาหาฉัน ท่านเป็นคนใจดีมากเลย แถมยังสวยมากๆ อีกด้วย มิน่าหละถึงได้มีลูกสาวน่ารักขนาดนี้ หลังจากที่ฝากเนื้อฝากตัวกับเฒ่าแก่เนี้ยเสร็จ ท่านก็เลยให้นายนั่นช่วยสอนกฎระเบียบของร้านนี้ให้ฉัน



        “จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อซาคุ ทากิซาว่า อยู่ปี 2 โรงเรียนไดโดคุครับ”



        “ฉันคุเซฮาร่า เมมินะ เรียนที่ฮาจิโบคุเอ็น ดูท่าทางฉันจะอายุมากกว่าเธอแล้วสินะทากิซาว่าคุง”



        “เรียกผมว่าทักกี้ก็ได้ครับ” นายนั่น เอ๊ย!  ทากิซาว่าคุงพูดอย่างมั่นใจ



        “โห. . . ไม่เล่นของสูงไปหน่อยเหรอ ทักกี้น่ะแฟนฉันนะ อีกอย่างบุคลิกนายก็ไม่เห็นจะเหมือนทักกี้เลยสักนิด”



        “แล้วผมเหมือนใครหละครับ”



        “นายน่ะเหรอ อืม. . .” ฉันจับคางพลางมองทากิซาว่าคุงอย่างพิจารณา “นายน่ะเหมือนฮาเซคาว่า จุนมากกว่า งั้นฉันเรียกนายว่าฮาเสะจุนก็แล้วกัน”



        “ฮาเสะจุนเหรอ ถึงจะหล่อสู้ทักกี้ไม่ได้แต่ก็ OK. นะ” ฮาเสะจุนพูดไปมองนัทสึเมะจังไป



        “ชอบเธอเหรอ”



        “ใช่ ผมชอบคนทำอาหารเก่งน่ะ เวลาเธอทำอาหารเธอดูมีเสน่ห์มากเลย”



        ชักหมดหวังแล้วเรา



        “ทำไมไม่บอกรักไปเลยหละ ฉันจะได้ช่วยเชียร์”



        ฮาเสะจุนเกาหัว จะทำท่าไหนนายก็ยังน่ารักอยู๋ดี “คงจะเร็วๆ นี้แหละ จริงสิ ผมยังไม่ได้เอายูนิฟอร์มของร้านมาให้คุณเลย เดี๋ยวผมไปเอามาให้นะ”



        ว้าว… มีชุดด้วยเหรอ จะเป็นยังไงกันนะ ฮาเสะจุนวิ่งไปหลังร้านสักพักก็กลับออกมาพร้อมชุดพนักงานเสิร์ฟที่มีเสื้อสีขาวกระโปรงสีฟ้าเข้มและผ้ากันเปื้อนสีชาว พอฉันใส่มัน แหม. . . เรานี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย หลังจากนั้นฮาเสะจุนก็สอนให้เป็นแคชเชียร์ เป็นคนเสิร์ฟ สรุปแล้ว ฉันต้องทำงานทุกอย่างในร้านกระทั่งล้างจาน ฉันเลยเริ่มคิดว่าฉันต้องทำงานเกินค่าแรงไปแน่ๆ



        พอบ่าย 2 ได้เวลาเปิดร้าน โห. . . คนแห่กันมาเพียบเลย ยิ่งกว่าก่อม็อบอีกมั้งนั่น ต้องรับศึกหนักตั้งแต่วันแรกซะแล้วเรา ดูท่าแล้วร้านนี้จะเป็นที่ฮิตฮอตของคนแถบนี้มากเลยสินะ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น นักศึกษา ขนาดคุณยายยังพาหลานมากินเลย ฉันต้องรับออร์เดอร์ครั้งละ 4 -  5 โต๊ะ ฉันไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนเลยขอสลับหน้าที่กับฮาเสะจุนมาเป็นแคชเชียร์แทน พอเห็นฮาเสะจุนทำแล้วเขาดูคล่องมากเลย สงสัยฉันคงจะต้องฝึกอีกยาว ส่วนนัทสึเมะจังผู้น่ารักหลังจากที่เสร็จงานหลังร้านเธอก็มาช่วยที่หน้าร้านอีกแรง



        หลังจากที่เหนื่อยมากๆ กับการทำงานวันแรกของฉัน ก็ได้พักสักทีเพราะช่วง 6 โมงเย็นจะเป็นช่วงที่คนเริ่มซากันแล้ว เราทั้ง 3 คนก็มานั่งเมาท์แตกกัน ระหว่างที่กำลังเมามันส์อยู่นั้น ก็มีลูกค้าชาย หญิงคู่หนึ่งเข้ามาในร้าน ฉันไม่สนใจผู้หญิงหรอก แต่ผู้ชายนี่สิ  เขาดูเซ็กซี่มากเลย ความเท่ห์ของเขาปิดกั้นความรู้สึกรับรู้ทุกอย่าง รูปร่างเขาผอมสูง (ท่าทางคงจะสูงกว่าฮาเสะจุนอีกมั้ง) จุดดึงดูดความสนใจอีกอย่างนอกจากรูปร่างของเขาแล้วก็คือนี่ คิ้วดกดำ ตาคม จมูกโด่ง มาดนิ่งจริงๆ ให้ตายเถอะ ทำไมเขาดูเหมือนดีแลน กัวจังนะ (พระเอกเรื่อง The Outsiders) เสียดายจังเลยที่มีแฟนแล้ว



        “ยัยเซเลอร์มูนมาแล้ว” ฮาเสะจุนพูด



        หมายถึงผู้หญิงที่มากับดีแลน กัวคนนั้นน่ะเหรอ จะว่าไปยัยนั่นก็เหมือนเซเลอร์มูนจริงๆ นะ เธอรัดผม 2 ข้างซะสูงเชียว ดีนะที่ไม่ย้อมสีเหลือด้วย ฮิๆ



        “ได้เวลาปฏิบัติงานอีกครั้งแล้ว เดี๋ยวค่อยมาเมาท์แตกกันต่อ” ฮาเสะจุนลุกขึ้นเพื่อไปรับออร์เดอร์แต่ฉันก็ดึงแขนเขาไว้



        “นี่ฮาเสะจุน ขอฉันเป็นคนรับออร์เดอร์แทนเถอะ”



        (ท่านผู้อ่านคงทราบนะคะว่านางเอกของเราคิดอะไรอยู่ : Osaki)



        “เอาไปเลย ผมไม่อยากอยู่ใกล้ยัยเซเลอร์มูน” ฮาเสะจุนพูดจบก็ยื่นใบรับออร์เดอร์ให้ฉันแล้วนั่งคุยกับนัทสึเมะต่อ



        ฉันก้มลงดูหน้าตัวเองจากกระจกเงาที่แปะไว้ข้างฝาแล้วจัดผมตัวเดองให้เข้าที่เข้าทางนิดหน่อย อยู่ต่อหน้าคนหล่อจะเป็นยัยเพิ้งไม่ได้ OK. เรียบร้อยแล้ว ไปกันเลย



        “ร้าน Cougar สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ”



        อึดอัดใจชอบกลแฮะ อุตส่าห์ได้ยืนใกล้คนหล่อแต่ก็ได้แค่แอบดู



        “นี่ที่รัก จะกินอะไรดีคะ” ยัยเซเลอร์มูนถามแฟนสุดหล่อของเธอ มันน่ารักดีอยู่หรอก แต่คำพูดชวนอ้วก แบบนี้น่าหมั่นไส้ที่สุดเลย



        “งั้นเอาเค้กสตรอเบอรี่ 2 ที่ค่ะ”



        “ฉันไม่ชอบสตรอเบอรี่” สุดหล่อพูดขึ้น เสียงเขาเข้มมากๆ เลย



        “แล้วคุณจะรับอะไรดีคะ (บีบเสียงหวาน) ” ฉันพูด ดีใจจังได้พูดกับเขาแล้ว



        “กาแฟ” เขาพูด



        “จะเอาเป็นเอสเปรสโซ่หรือคาปูชิโน่ดีคะ”



        “เอามาอย่างละแก้วเลย”



        “ค่ะๆ”



        แปลกคนจริงๆ กินกาแฟทีเดียวสองสูตรเลย ถึงจะแปลกยังไงแต่ก็โดนใจเราอยู่ดี ฉันเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แล้วเห็นว่าทั้งสองคนยังคุยกันอย่างน้ำไหลไฟดับ ฉันเลยไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะ เลยจัดการทำกาแฟและจัดเค้กใส่จานแล้วยกไปเสิร์ฟ



        “เค้กสตรอเบอรี่ 2 ที่กับกาแฟเอสเปรสโซ่กับคาปูชิโน่ได้แล้วค่ะ”



        ยัยเซเลอร์มูนตักเค้กแล้วทำท่าจะป้อนสุดหล่อ



        “ที่รัก อ้าปากสิคะเดี่ยวมินาโกะป้อนนะ อ้ำๆ”



        โอ๊ย ใครก็ได้ขอกระโถนด่วนเลยฉันจะอ้วกแล้ว อี๋... . . เลี่ยนชะมัด แต่ละคำแต่ละท่าทางทำออกมาได้ยังไงกัน ไม่รู้สุดหล่อของฉันทนเข้าไปได้ยังไง ฉันเลยเดินออกมาก่อนที่จะอ้วกใส่หัวยัยเซเลอร์มูนนั่น แล้วฉันก็มานั่งดูสุดหล่อของฉันที่หลังเคาน์เตอร์ ยิ่งดูก็ยิ่งอิจฉายัยเซเลอร์มูน



        ผ่านไปสักพัก. . .



        “เก็บเงินด้วยค่ะ” ยัยเซเลอร์มูนตะโกน



        “ครับ” ฮาเสะจุนรับคำแล้วเดินไปที่โต๊ะ



        แย่จัง เขาจะไปแล้วเหรอเนี่ย เรายังไม่รู้จักกันเลย ไม่ได้การซะแล้ว ฉันเลยรีบวิ่งไปตัดหน้าฮาเสะจุนที่โต๊ะ



        “เท่าไหร่คะ” เซเลอร์มูนถาม



        “1280 เยนค่ะ”



        สุดหล่อยื่นแบงค์ 5000 เยนมาให้ฉัน มือเราสัมผัสกันนิดหน่อย “ไม่ต้องทอน”



        แล้วยัยเซเลอร์มูนก็เดินกอดแขนสุดหล่อออกไป ทำไงดีๆ เราจะไม่ได้เจอเขาแล้วเหรอ ไม่จริงน่า



        “เอ่อคุณคะ .. . ”



        ตุ้บตับ ตุ้บตับ



        “ลืมโทรศัพท์ค่ะ”  ฉันหยิบมือถือบนโต๊ะ แล้วเดินเอามันไปส่งให้เขา มือฉันสั่นเล็กน้อยก็แหม. . . ไอ้มือถือรุ่นนี้ราคาเหยียบแสนได้หละมั้ง



        “ขอบใจ” เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน



        ความจริงฉันน่าจะเก็บมันเอาไว้ซะเลยดีกว่านะ แต่ไม่หรอกฉันคิดว่าฉันเป็นคนดีพอ ชอบเขาเราก็ต้องทำให้เขามีความสุขสิจริงมั้ย

    ตอนนี้เกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว ลูกค้าเหลืออีกไม่กี่คนได้เวลาเริ่มเก็บร้านแล้วสินะ ภาพสุดหล่อคนนั้นยังติดตาฉันอยู่เลย อยากจะเจอเขาอีกจัง



        อ๊ะ ลูกค้ามา



        คุณพระช่วย!!! ไม่น่าเชื่อว่าคำอธิษฐานของฉันมันจะส่งผลเร็วขนาดนี้ นั่นเขาจริงๆ ด้วย สุดหล่อของฉัน แล้วนี่เขากลับมาที่นี่ทำไมกันนะ อุ๊ย! รึว่าจะชอบเราเข้าแล้ว แหม…บ้าน่า คิดไปไกลเชียว ไปทำงานได้แล้ว



        “อ้าวคุณ ที่มาเมื่อตอนบ่ายนี่คะ คราวนี้จะรับอะไรดีคะ (บีบเสียงหวาน อีกแล้ว)” อิ อิ ฉันทำทีเป็นจำเขาได้ เพื่อเขาจะจำฉันได้บ้าง



        “เอาเค้กกาแฟ”



        “ได้ค่ะ” คงจะหนีไม่พ้นเรื่องกาแฟสินะ ฉันเอาใบรับออร์เดอร์ไปให้ฮาเสะจุนแล้วรินน้ำชาไปให้สุดหล่อของฉันความจริงร้านเราไม่ได้มีแบบนี้หรอก แต่เป็นบริการพิเศษจากฉันให้สุดหล่อคนนี้คนเดียว



        “น้ำชาค่ะ อ๊ะว้ายยยยยยยยยยยยย!!!” ตายแล้ว อุตส่าห์เอาน้ำชามาเสิร์ฟให้ดันทำหกใส่เขาซะนี่ ฮือๆ เขาต้องโกรธแน่ๆ เลย



        “O_O นี่เธอ! ” จึ๋ย เขาโมโหเข้าซะแล้ว



        “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันรีบโค้งขอโทษเขายกใหญ่ หน้าแตกอย่างแรงเลยเรา ครั้งแรกก็ไม่ประทับใจซะแล้ว



        “นี่เธอกล้าดียังไงมาทำชาหกใส่ฉันแบบนี้ นี่มันเสื้อ ADIDAS ที่ฉันเพิ่งซื้อมาเชียวนะ เธอมาทำเปื้อนแบบนี้มีปัญญาชดใช้รึเปล่าฮะ! ”



        อ๋อ. . . ที่แท้ก็พวกคนรวย ถึงฉันจะชอบนาย แต่มาด่ากันปาวๆๆ แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ ต้องสั่งสอนกันซะมั่ง แต่ไม่ได้หรอก เราเป็นคนทำหกเองนี่นา อีกอย่าง นี่มันในร้าน เรายังเป็นพนักงานอยู่เลย ควบคุมอารมณ์เอาไว้ก่อนสิเรา



        “คุณคะ แค่คราบน้ำชาน่ะ เอาน้ำธรรมดาซักก็ออกแล้ว” ฉันพยายามพูดกับเขาดีๆ



        “พูดแบบนี้นึกว่าฉันจะยกโทษให้งั้นเหรอ อ๋อ. . . ไม่มีปัญญาใช้หละสิ งั้นก็ได้ เรียกเฒ่าแก่เนี้ยมาคุยซะดีกว่ามั้ง



        “. . .”



        นายคนนี้อารมณ์ร้อนชะมัดเลย



        “เฒ่าแก่เนี้ย! เฒ่าแก่เนี้ย! ” นายนั่นตะโกนดังลั่น



        !!! อ๊าก ถ้าเรียกเฒ่าแก่เนี้ยมาก็ตายสิ เผลอๆ เราจะโดนหักเงินเดือนหรือไม่ก็ถูกไล่ออกไปเลยก็ได้ ไม่นะงานแรกของฉันจะต้องมาพังเพราะความสะเพร่าของเราไม่ได้ กล้าทำก็ต้องรับผิดชอบสิ ไม่งั้นก็เสียศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงหมด



        “คุณๆ ฉันรับผิดชอบเองก็ได้”



        “งั้นก็ดี จะได้เคลียร์กันง่ายๆ ฉันจะให้เธอทำอะไรดีนะ อืม… ให้เธอเลี้ยงข้าวฉันสัก 10 วันเป็นการชดใช้ก็แล้วกัน”



        “5 วันได้มั้ย” ฉันลองต่อเขาดู



        “9 วัน”



        “อะงั้น 6 วันก็ได้”



        “8 วันขาดตัว ห้ามต่อแล้ว” (ทำเหมือนเป็นการต่อราคาเสื้อในห้างฯ ซะอย่งนั้น)



        “ขอร้องหละ 7 วันก็ยังดีนะ ลำพังเงินที่ฉันมีก็แทบไม่พอใช้แล้วอ่ะ”



        “ก็ได้ แต่ทุกครั้งฉันจะเป็นคนเลือกร้านเอง เข้าใจมั้ย”



        “อื้อ” ฉันตอบกลับอย่างหดหู่



        “งั้นวันนี้ให้เธอไปทำใจก่อนก็แล้วกัน ส่วนเค้กกาแฟที่ฉันสั่งเมื่อกี้ฉันยกให้เธอนะ” เขาพูดเสร็จแล้วเดินออกจากร้านไป



        “ฮือๆๆ นี่มันวันซวยชัดๆ เลย” ฉันร้องไห้โวยวาย



        “คุเซฮาร่าซัง ลูกค้ายังอยู่ในร้านนะคะ” นัทสึเมะจังเตือนฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์



        “ผู้ชายบ้าอะไร ตัวเองก็ออกจะรวย ยังจะให้คนอื่นมาเลี้ยงข่าวอีก ไม่มีปัญญาซื้อกินเองรึไงยะ” ฉันบ่นลับหลัง



        “ใช่ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ใจร้ายชะมัดเลย พี่ทักกี้อย่าเป็นแบบนี้เชียวนะคะ” นัทสึเมะพูดกับฮาเสะจุนอย่างเอาจริงเอาจัง



        “ครับ”



        พอได้เวลาเลิกงานนัทสึเมะก็ห่อเค้กกาแฟที่นายคนนั้นสั่งเอาไว้ให้ฉันก่อนจะออกจากร้านไป ทีแรก ฮาเสะจุนอาสาจะพาฉันไปส่งแต่ฉันไม่อยากรบกวนเขา นั่นแหละสิ่งที่ฉันคิดผิดสุดๆ ตอนนี้มัน 3 ทุ่ม รถเมล์ก็ไม่ค่อยมีแล้ว จะมีก็แต่แท็กซี่ เรื่องอะไรจะขึ้นหละ เอาเงินที่จ่ายค่าแท็กซี่ไปกินเกี๊ยวซ่ายังจะดีกว่าอีก ฉันต้องเก็บเงินไว้จ่ายค่าห้อง ค่าเทอม แล้วอะไรอีกจิปาถะ ฉันไม่ยอมเอาเงินที่หามาได้อย่างยากลำบากของฉันมาเสียให้กับเรื่องไร้สาระนี่หรอก ลองเดินกลับบ้างจะเป็นอะไรไป



        เมื่อมาถึงอพาร์เมนท์



        “กลับมาแล้วค่ะ”



        “นี่เมมิ มาดูละครด้วยกันสิ กำลังสนุกเลยนะ”



        เทรูมิที่นั่งดูละครทีวีและกินมันฝรั่งอยู่อย่างเมามันส์ชวนฉัน



        “เอาเบียร์มั้ย” เธอยื่นกระป๋องเบียร์มาให้ฉัน ฉันเองก็ 18 ตั้งนานแล้วนี่นา ยังไม่เคยลองดื่มสักครั้งเลย อืม. . . ลองสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง



        “เอาสิ” ฉันหยิบกระป๋องเบียร์มาจากมือของเธอ แล้วกระดกมันลคออย่างไม่คิดชีวิต รสชาติมันก็ไม่ดีแต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมาก แล้วสักพักฉันก็วางกระป๋องเบียร์ลง



        “หมดแล้วเหรอ”



        “ยังหรอก รสชาติก็ดีนะ แต่ฉันว่าไวน์อร่อยกว่า”



        “อื้อหือ. . . ขนาดไม่อร่อยยังซัดซะเรียบแบบนี้ฉันนับถือเธอเลยจริงๆ แล้วไปทำงานวันแรกเจออะไรมาบ้างหละ”



        ฉันหย่อนตัวลงข้างเธอ “เจอหนุ่มหล่อมากกกกกกกกก”



        “ฮ้า จริงเหรอ แล้วเขาหล่อมากมั้ย” เธอเขย่าตัวฉัน



        “หล่อมากเลยแหละ หล่อกว่าใครๆ ที่ฉันเคยเจอมาเลย” ฉันว่าพลางยกเบียร์ขึ้นซด “แต่นิสัยก็แย่กว่าใครๆ ที่ฉันเคยเจอมาเหมือนกัน”



        “อ้าว. . . ทำไมหละ”



        “ฉันแค่ทำชาหกใส่เขาเอง เขาก็ตีโพยตีพายใส่ฉัน นี่ดีนะที่เฒ่าแก่เนี้ยไม่รู้ ไม่งั้นฉันต้องโดนไล่ออกแน่ๆเลย แต่นายนั่นก็ยังให้ฉันเลี้ยงข้าวเขาอีกตั้ง 1 อาทิตย์ คิดว่าฉันรวยนักรึไง” ฉันซดเบียร์แล้วกุมขมับ



        “ขนาดนั้นเชียว แหม. . . อยากเห็นหน้าเทพบุตรจอมวายร้ายคนนั้นจัง”



        ฉันวางกระป๋องเบียร์ลงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์โยนมันไปให้เทรูมิ



        “เอามาให้ฉันทำไม หน้าเขาเหมือนกระเป๋าสตางค์เหรอ”



        “ไม่ใช่ เอามานี่”



        ฉันคว้ามันจากมือเทรูมิ แล้วเปิดมันอย่างชนิดที่ว่าไม่กลัวว่ามันจะขาดแล้วโยนกลับไปให้เธอ



        “อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่น่าเชื่อ หนุ่มคนนั้นที่เธอพูดถึงเนี่ยนะเหมือนดีแลน กัว”



        “ก็ได้แค่หน้าเหมือนเท่านั้นแหละ แหม. . . ถ้าเป็นดีแลน กัวตัวจริงเขาไม่นิสัยแย่ๆ แบบนั้นหรอก แต่ถ้าดีแลนตัวจริงโมโหแล้วให้ฉันเลี้ยงข้าวเขาจริงๆ นะ ฉันจะยอมเลี้ยงไปตลอดชีวิตเลย”



        “ใช่ๆ ข้อนี้เห็นด้วย แล้วนี่เธอเปิดเทอมวันไหนเหรอ”



        “เปิดเทอม! ใช่เปิดเทอม”



        “???”



        “โอ๊ยตายแล้ว ฉันลืมเรื่องนี้สนิทเลย ฉันเปิดเทอมพรุ่งนี้นี่นา แล้วเสื้อผ้าชุดนักเรียนหละจะทำยังไงซักก็ไม่ได้ซัก รีดก็ไม่ได้รีด โอ๊ย. . . พระเจ้าช่วย”



        ฉันเดินกุมขมับตัวเองไปรอบห้อง ชุดนักเรียนเพิ่งตัดเสร็จ ร้านที่ตัดมาก็ซักให้ท่าไหนก็ไม่รู้กลิ่นอับหึ่งเลยแถมไม่รีดให้อีกตะหาก ขืนใส่ชุดแบบนั้นไปหละก็ต้องเรียกฉันว่า ’อีบ้านนอก’ แหงๆ เลย ทำไงดีหละเนี่ย อ๊า! ฉันต้องเอาไปซัก ใช่ ต้องซักๆๆ



        “นี่เทรูมิ ปกติเธอซักผ้าที่ไหนเหรอ”



        “อืม. . . ฉันเอาไปซักที่ร้านซักรีดข้างๆ อพาร์ตเมนท์น่ะ แต่ป่านนี้ร้านคงปิดไปแล้วหละ” เทรูมิพูดไปซดเบียร์ไปอย่างสบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าฉันกังวลใจจะตายอยู่แล้ว ฮือๆๆ



        “พรุ่งนี้ไม่มีชุดนักเรียนใส่ไปจะทำยังไงดีหละเนี่ย ต้อง ตาย! ตาย! ตาย! สถานเดียวแน่ๆ ”



        “เธอเรียนที่ฮาจิโบคุเอ็นใช่มั้ย”



        “ใช่” ฉันยังคงเดนกระสับกระส่ายไปรอบห้อง



        “เพิ่งจะวันแรกน่ะ เธอไม่ต้องใส่เครื่องแบบไปก็ได้”



        “ว่าไงนะ” ฉันหยุดเดินแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เทรูมิพูด



        “นี่เธอ ฉันก็ศิษย์เก่าของโรงเรียนฮาจิโบคุเอ็นเหมือนกันนะ วันแรกที่ฉันเข้าเรียนน่ะ ฉันก็ไม่ได้ใส่เครื่องแบบไปเพราะชุดของฉันยังตัดไม่เสร็จ เธอก็ลองบอกไปว่าชุดยังตัดไม่เสร็จดูบ้างสิ”



        “อืม… มุขนี้มันก็ดีนะ แต่อาจารย์จะเชื่อเหรอ”



        “เลือกเอาก็แล้วกันว่าจะใส่ชุดนักเรียนเน่าๆ ไป หรือจะพูดให้คนอื่นเชื่อแค่ 2 – 3 คำ” เทรูมิพูดแล้วยกเบียร์ขึ้นซด “ละครจบแล้วฉันไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องผจญกับเด็กดื้ออีกตั้งหลายคน ฮ้าววววว”



        เอาไงดีหละ จะให้ใส่ชุดเน่าๆ นั่นฉันยอมตายซะดีกว่า สงสัยคงต้องโกหกอาจารย์จริงๆ แหละ ว่าแต่… จะใส่ชุดอะไรไปดีหละ



        “นี่เทรูมิ พรุ่งนี้เธอจะให้ฉันใส่อะไรไปดีหละ”



        “อยากใส่คอจีนไปก็เรื่องของเธอสิฉันจะนอนแล้ว!” เธอตะโกนดังมาจากในห้อง



        คอจีนงั้นเหรอ อื้ม. . . ไม่เลวนะ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะใส่คอจีนละกัน ฉันเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนทีวี จ๊าก! นี่มันจะ 5 ทุ่มแล้วเหรอ พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนสายแน่ๆ เลย ไม่ได้การต้องรีบไปอาบน้ำนอนแล้ว



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×