ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :+:+:ปิ๊งรักนาย เจ้าชายยากูซ่า:+:+:

    ลำดับตอนที่ #7 : {BL@cK[G]u@Rd} - เกือบตาย...แล้วมั้ยหละ

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 48


    ----กลับมาแล้วครับ หลังจากที่หายไปหลายวัน มะกี้นี้เพิ่งไปอ่านกระทู้นึงในบอร์ดเอนเตอร์เทนมา สนพ.นึงเค้าบอกว่าเค้าไม่ชอบเรื่องที่เขียนออกนอกประเทศแบบพวกเกาหลี ญี่ปุ่นอะไรแบบนั้น เพราะว่ามันจะไม่เสมือนจริง นักเขียนบางคนยังไม่เคยไปเหยียบประเทศนั้นด้วยซ้ำไป ใช่! หนึ่งในนั้นก็คือเราเนี่ยแหละ ไม่เคยไปเหยียบญี่ปุ่นเลยสักครั้ง แต่เราก็มั่นใจว่าเราทำดีพอนะ ก่อนที่จะเอาความรู้สึกนึกคิดจของเรามาตีแผ่ให้สาธารณะชนอ่านกันน่ะ แล้วก็ที่ว่าสนพ.เค้าจะดูแค่ 3 - 4 ตอนแรก งั้นก็หมายความว่าตอนหลังๆ ของใครเพิ่งมาสนุกก็แย่งั้นสิ ก็ใช่! อีกแหละ เราเป็นมาแล้ว กับสนพ.[แจ่มใส]เลยหละ เค้าอ่านเรื่องของเราแค่ไม่กี่หน้าด้วยซ้ำแล้วก็วิจารณ์กลับซะจนเราไม่อยากจะอ่าน แต่คือบางเรื่องมันก็จริงหละนะ แต่บางเรื่องก็ต้องอ่านไปเรื่อยๆ ให้เข้าใจแล้วค่อยวิจารณ์จะดีกว่า เอาเถอะ ถ้าใครมาอ่านแล้วอยากจะลองส่งเรื่องหรือเขียนเรื่องก็ดูอะไรให้ดีๆ ก่อนก็แล้วกันนะ----Osaki[ด้วยความหวังดีค่ะ^^]



        วันนี้ฉันแอบๆ แวบขึ้นไปที่ห้อง 3 - 4 เพื่อไปแอบดูหมอนั่น เขาก็ไม่มาโรงเรียนจริงๆ แฮะ แต่ถึงเขาจะไปไหนเป็นตายร้ายดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่นา ดีซะอีก ถ้าตายไปจริงๆ ฉันก็จะได้หมดพันธะสัญญาสักที โฮะๆ แต่ว่าเรื่องไดคิคุงนี่สิ ถ้าเมื่อวานฉันไม่ติดว่าต้องวิ่งหนีหมอนั่น ฉันก็ได้เจอเขาแล้วแท้ๆ เชียว เอ๊ะ! เห็นว่าไดคิคุงจะอยู่ห้องเดียวกับหมอนั่นด้วยนี่นา นี่ถ้าฉันต้องมาหาไดคิคุงทุกวัน ไม่ต้องเจอกับหมอนั่นทุกครั้งเลยเหรอ อะไรจะซวยปานนี้นะเรา v_v”



        “นี่เมมิ ไปไหนมา กินข้าวเสร็จแล้วหายหัวไปเลยนะ” นาอิถามฉัน



        “ไปห้อง 3 - 4 มาน่ะ แล้วนี่คาซาม่าไปไหนเหรอ”



        “ถูกชมรมฟุตบอลเรียกตัว เลยต้องรีบไป”



        “เหรอ”



        “แย่จังเลยนะ วันนี้ไดคิคุงไม่มาซะด้วย เขามักจะหนีเรียนแบบนี้ประจำ”



        “ใครว่าหนีเรียนน่ะนาอิ พูดให้ดีๆ หน่อยสิ เขาอาจจะต้องมีธุระอะไรของเขาบ้างแหละน่า” อิคุมิพูดคล้ายๆ ว่าเธอจะงอนๆ นิดหน่อย



        “โอ๋ๆ อย่าโกรธไปเลยนะอิคุมิ ไหนว่าเธอจะเอาเบอร์มือถือเบอร์ใหม่มาให้พวกเราไม่ใช่เหรอ นะๆๆ อย่าโกรธเลยนะ” นาอิตรงเข้าไปกอดเอวอิคุมิแล้วทำท่าง้อแบบน่ารักสุดๆ



        “. . .”



        “จริงๆ เหรออิคุมิ เธอมีเบอร์ของเขาจริงๆ เหรอ  ฉันขอด้วยคนสิ เธออย่าโกรธนาอิเขาเลยนะ เขาอาจจะแค่พูดเล่นๆ ก็ได้”



        “ใช่ๆ มันก็แค่เรื่องเล่นๆ อย่าโกรธเลยนะ นะคะๆ”



        “เออๆๆ ก็ได้ๆ ฉันเพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ จากกระเป๋ากางเกงของเพื่อนไดคิคุง จดเอาไว้แล้วห้ามบอกใครเด็ดขาดนะ”



        “OK.”



        ฉันกับนาอิตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายแต่อย่างใด พวกเราจดเบอร์ของไดคิคุงไว้ในมือถือ แล้ววันนั้นนาอิก็ไม่ให้ใครยืมมือถือเลย ราวกับว่าเป็นของมีค่าขึ้นมา ตอนเย็นเวลาเหลือจากวิชาสุดท้ายนิดหน่อย พวกเราจึงลงไปดูคาซาม่าซ้อมฟุตบอลที่สนาม เธอเป็นกองหน้าที่เก่งมากๆ เลย ให้ลงแข่งฟุตบอลโลกคงพาญี่ปุ่นชนะได้ถ้วยเลยหละมั้ง และหลังจากนั้น ฉันต้องขอตัวกลับก่อนเพราะต้องไปทำงาน วันนี้ทุกคนที่ร้าน Cougar อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งเฒ่าแก่เนี้ย นัทสึเมะจัง ฮาเสะจุน และคุณฟุโอกะ



        “เมื่อวานนี้ไปไหนมาเหรอฮาเสะจุน”



        “อืม. . . แหม. . . มันน่าอายน่ะ” ฮาเสะจุนเอามือลูบหัวพร้อมกับใบหน้าที่แดงขึ้นเรื่อยๆ เวลาหมอนี่อายก็น่ารักไปอีกแบบนะ โอ๊ย!. . . อยากได้น้องชายแบบนี้ที่สุด



        “ไปเที่ยวกับนัทสึเมะจังมาใช่มั้ยหละ บอกมาเถอะไม่ต้องอายหรอก”



        “อืม. . . มันก็ใช่น่ะครับ แล้วนี่คุเซฮาร่าซังรู้จักกับคุณฟุโอกะรึยังหละครับ” ฮาเสะจุนพูดพลางชี้ไปที่คุณฟุโอกะที่กำลังเก็บแก้วอยู่



        “อ๋อ เรารู้จักกันแล้วหละ เขาตั้งใจทำงานมากเลยเนอะ”



        “ใช่ครับ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนัทสึเมะจังน่ะ ช่วงนี้มหาวิทยาลัยยังไม่เปิด ก็เลยมาช่วยงานที่ร้านน่ะ แต่ว่าอีกไม่กี่วันเขาก็

    ต้องกลับไปอุเอโนะเหมือนเดิมแล้วหละ คุณฟุโอกะเนี่ย เรียกได้ว่าเป็นบุคคลตัวอย่างเลยก็ได้ ผมว่าเขาก็เหมือนคุเซฮาร่าซังเลยนะที่ต้องจากบ้านมาอยู่คนเดียว เธอเรียนอยู่ที่โทได (มหาวิทยาลัยชื่อดังของญี่ปุ่น มีอีกชื่อคือมหาวิทยาลัยโตเกียว) ตอนนี้อยู่ปี 2 น่ะครับ”



        “โอ้โห. . . เด็กโทไดเลยเหรอเนี่ย คุณฟุโอกะจะต้องเก่งมากแน่ๆ เลย”



        แล้วฉันกับฮาเสะจุนก็คุณกันเรื่องของคุณฟุโอกะ ที่อยู่โทไดกันตลอดการทำงาน พอเลิกปุ๊บ ฉันก็กระโดดไปหาคุณฟุโอกะ แล้วถามเรื่องราวของเธอทันที เธอบอกว่าเธอเป็นคนบ้านนอก แถมจนอีกตะหาก ถึงแม้ว่าทางบ้านของนัทสึเมะจังจะเต็มใจช่วยค่าเล่าเรียนเธอ แต่เธอไม่ขอรบกวน และที่เธอติดโทไดได้เพราะเธอสอบชิงทุนเอา (เก่งมากๆ >_<;;) เธออยากจะเรียนให้เก่งๆ จนจบปริญญาเอก จะได้หางานที่ได้เงินดีๆ ทำ เธอจะได้ไม่ลำบาก คุณฟุโอกะนี่สุดยอดจริงๆ



        พอกลับมาถึงหน้าอพาร์ตเมนท์ ฉันก็เพื่งจะนึกขึ้นได้ว่า ฉันมีเบอร์ของไดคิคุงแล้วนี่นา ถ้าได้เบอร์มาแล้วไม่โทรไปมันก็ไม่ใช่ฉันน่ะสิ งั้นโทรเลยดีกว่า



        ทีแรกฉันจะใช้มือถือโทร แต่มันดันแบตหมดซะได้ ก็เลยเดินไปโทรที่ตู้โทรศัพท์ข้างๆ ป้ายรถเมล์



        ตรู้ด ตรู้ด. . .



        “ฮัลโหล”



        “อะ เอ่อ. . . สวัสดีค่ะ ไดคิคุงใช่มั้ยคะ (บีบเสียงหวาน) ”



        “ครับ นั่นใครครับ”



        “เอ่อ. . . คุเซฮาร่า เมมินะคะ ไดคิคุงอาจจะยังไม่รู้จักฉันหรอก ฉันเรียนที่เดียวกับไดคิคุงนะ แต่อยู่คนละห้อง อยากรู้จักกับไดคิคุงน่ะค่ะ คือว่า… ชอบไดคิคุงมากๆ เลย”



        “เหรอครับ”



        “ค่ะ”



        “เอ่อ. . . ถ้าไม่มีอะไรผมต้องวางสายก่อนนะครับ ตอนนี้ผมกำลังยุ่ง”



        “ผมยุ่งก็หวีสิคะ” มุขนี้คิดนานมั้ยเนี่ย ^_^



        “ไม่ใช่ครับ คือหมายความว่าตอนนี้ผมมีงานค้างอยู่น่ะครับ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่คุยนานๆ ไม่ได้ ขอโทษนะครับ”



        “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ สวัสดีค่ะ”



        แหม. . . ถึงแม้ว่าจะได้คุยแค่แป๊บเดียว แต่เสียงเขาก็ยังคงดังก้องอยู่ในใจฉัน บ้าแล้วค่ะ บ้าไปแล้ว ออกแนวเว่อร์นะ นั่นน่ะมันก็ไม่ได้เพอร์เฟ็คอะไรขนาดนั้นหรอก แต่คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ เสียงมีเสน่ห์มากๆ ขนาดคุยในโทรศัพท์นะเนี่ย อยากเจอตัวจริงไวๆ จัง แค่เสียงของไดคิคุงที่ได้ยินไม่ถึง 30 วินาทีแค่นั้นก็ทำเอาฉันเกือบจะเดินชนนู่นชนนี่ตลอดคืนนั้น เขาเล่นเอาฉันฝันหวานทั้งคืนจนแทบจะนอนไม่หลับเลย



        กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง! ตุ๊บ! (ท่านผู้อ่านพยายามจินตนาการว่ามันคือเสียงนาฬิกาปลุก : Osaki)



        เฮ้อ. . . เช้าแล้วเหรอเนี่ย ทำไมมันเร็วจังนะ ยังนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มเลย ยังไงก็แล้วแต่ ต้องตื่นแล้วหละ ขืนนอนต่อมีหวังคราวนี้กู่ไม่กลับแน่



        ผ่านไป 20 นาทีหลังจากที่ฉันแต่งตัวเสร็จ ฉันจะต้องทำข้าวกล่องให้หมอนั่นด้วยนี่นา ในตู้เย็นตอนนี้ก็มีแต่ไข่ กับผักกาด 2 - 3 หัว แล้วก็เยลลี่ครึ่งถ้วยเท่านั้น ไมมีอะไรที่พอจะอยู่ในรายการบังคับของหมอนั่นเลย สงสัยต้องออกไปซื้อเองซะแล้วหละมั้ง



        ร้านคอนวีเนี่ยนแถวนี้มีออกจะถมเถไป เลยสะดวกหน่อยที่ฉันจะหาซื้อของพวกนั้น เอ้. . . แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ทั้งสเต็กทั้งคาเวียร์ ลำพังเงินของฉันจะซื้อมันพอเหรอเนี่ย แต่เอาเถอะ ยังไงก็ลองเข้าไปดูก่อนละกัน



        ฉันเดินไปดูเนื้อสเต็กเป็นอย่างแรก ถ้าเอาแบบธรรมดามันก็ไม่แพงมากแต่ถ้าอย่างดีก็. . . แฮ่ๆ คงรู้นะว่าหมายถึงอะไร ฉันก็เลยเอาแบบธรรมดามาน่ะสิ จะอย่างดีหรือธรรมดา ถ้าทำให้อร่อยตอนกินมันก็อร่อยเองนั่นแหละ แล้วคาเวียร์หละ พนักงานบอกว่ามีแต่ของนำเข้า เพราะตอนนี้คาเวียร์ในญี่ปุ่นกำลังขาดตลาด เอาวะ นำเข้าก็นำเข้าสิ ไม่มีทางเลือกแล้วนี่นา ส่วนสึเกโมโนะกับถั่วหมัก ราคาไม่เท่าไหร่ฉันก็เลยซื้อแบบสำเร็จรูปมา สรุปว่าเช้านี้ ฉันหมดเงินไปหลายพันเลยหละ



        พอลงมือทำเข้าจริงๆ ดันคิดเมนูอะไรไม่ออกเลย เรามันก็ทำกับข้าวไม่ค่อยจะเก่งซะด้วยสิ ฉันจึงเปิดดูทุกซอกทุกมุมของบ้าน แต่ก็ไม่ยักกะเจอหนังสือทำอาหารเลยสักเล่ม ท่าทางเทรูมิคงจะไม่ชอบทำงานพวกนี้แน่ๆ ฉันเลยต้องดำน้ำเอาเองซะแล้ว เริ่มจากคาเวียร์ฉันก็เอาไปทำเป็นซูชิหน้าคาเวียร์ ส่วนซาดีนฉันก็เอาไปต้มให้ได้สีน่ารับประทาน เอาไว้กินกับสึเกโมโนะ อื้อหือ. . . ลาภปากซะไม่มี สุดท้ายคือ. . .3 ถั่วหมัก อันนี้ฉันจนปัญญาจริงๆ ก็เลยใส่เข้าไปในกล่องข้าวทั้งถุงแบบนั้นแหละ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย และฉันก็ไม่ลืมที่จะทำข้าวกล่องของตัวเองเอาไว้ไปกินที่โรงเรียนด้วย



        บนโต๊ะอาหาร



        “สวัสดีเมมิ -_- ”



        เทรูมิทักฉันขณะที่เธอกำลังเดินอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงมาที่โต๊ะอาหาร



        “สวัสดี นั่งสิ จะเอาไข่ดาวมั้ย เดี๋ยวไปเอามาให้”



        “อื้อ เอาสิ -_- ”



        ฉันเดินไปตักไข่ดาวที่ทอดเอาไว้ในกระทะให้เธอ ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วนะ สีหน้าเธอปกติตอนเช้าก็ออกจะสดใส แต่ไหงวันนี้เหมือนคนใกล้ตายแบบนี้นะ



        “ทำไมเช้านี้ดูไม่ค่อยสดใสเลยหละ”



        “โดนตัดเงินเดือนน่ะสิ ปกติไอ้ที่ได้อยู่ทุกวันนี่ก็แทบจะต้องซื้อแกลบกินอยู่แล้ว นี่ยังต้องมาโดนตัดเงินเดือนอีก อยากจะจากโลกนี้ไปไวๆ จัง เบื่อที่จะต้องมาทำตัวเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบนี้แล้ว”



        พอเทรูมิพูดฉันก็ตกใจทันที เกือบจะทำจานไข่ดาวตกแน่ะ ดีที่ฉันวางมันลงบนโต๊ะอาหารทันซะก่อน



        “เธอพูดอะไรน่ะ เทรูมิ กว่าเราจะได้เกิดมานี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าพูดแบบว่าไม่เห็นค่าของชีวิตแบบนั้นสิ”



        “ความจริงก็ไม่อยากหรอก ฉันรู้น่า ชีวิตคนเรายังอีกยาวไกล ชาตินี้ฉันยังหาแฟนดีๆ แบบคนอื่นสักคนยังทำไม่ได้เลย เรื่องอะไรจะตายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สมหวังในเรื่องความรักหละ เสียชาติเกิดหมดน่ะสิ”



        “ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าเทรูมิ คราวหลังอย่าทำอะไรให้ฉันตกใจแบบนี้อีกนะ”



        “อื้อ รับรองเลย”



        ฉันกับเทรูมิกินไข่ดาวไปดูข่าวตอนเช้าไป และแน่นอนว่าจะต้องมีข่าวของพวกยากูซ่าแกงค์ใหม่ที่เกิดขึ้นในย่านชิบุย่านี่ด้วย เลยทำให้อัตราการติดยาเสพติดของเด็กมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร้ายกาจที่สุดเลย ทำได้แม้กระทั่งเยาวชนของชาติ ฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ซะด้วย แต่ยังไงตำรวจญี่ปุ่นก็เก่งอยู่แล้ว ขอให้จับได้ไวๆ ก็แล้วกัน



        วันนี้ฉันใส่ชุดนักเรียนมาได้แล้ว พร้อมกับเอาชุดของเชียร์ลีดส์เดอร์ที่ฉันยืม (ขโมย) มาไปคืนด้วย ไม่รู้ป่านนี้จะรู้สึกยังไงที่ชุดหายไปเฉยๆ แบบนี้นะ หมอนั่นบอกให้ฉันทำข้าวกล่องมาให้ แล้วจะมาเอาไปยังไงหละ ฉันก็เลยต้องฝากคุณลุงยามที่นั่งประจำอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนท์เอาไว้ แล้วบอกว่าถ้ามีคนแปลกๆ มาถามหาข้าวกล่องก็ให้เขาไป คุณลุงแกท่าทางงงเต๊กเลย  ฉันก็เลยแอบขำนิดๆ ^^



        ช่วงเช้าก่อนเข้าชั่วโมงเรียน ฉันแอบแวบไปที่ห้องแต่งตัวของชมรมเชียร์ลีดส์เดอร์เพื่อเอาชุดไปคืน แต่ห้องมันก็ดันล็อกซะได้ ตอนนี้ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย ฉันจึงแขวนชุดเอาไว้ที่ประตู แล้วเขียนโน๊ตเล็กๆ ว่า ’ขอโทษ’ ลงไป พอออกมาแล้วเดินลัดไปทางสนามบาส ก็เจอพวกของคาซาม่าที่เพิ่งเข้ามาโรงเรียนพอดี เลยชวนกันไปคุยที่ใต้ต้นสนของโรงเรียนกัน



        “เมื่อวานโทรไปหาไดคิคุงแล้วรึยัง” คาซาม่าถามอย่างตื่นเต้น



        “โทรแล้วสิ เสียงไดคิคุงเท่ห์มากๆ เลยหละ”



        “เหรอๆ แล้วได้คุยว่าอะไรบ้างหละ”



        “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่บอกว่าชื่ออะไร แล้วก็บอกว่า. . . ชอบไดคิคุงน่ะ” ฉันพูดไปเขินไปนะ  เนี่ย -_-;;



        “ต๊าย… ใจเร็วด่วนได้จริงๆ เลยนะ ท่าทางจีบคนบ่อยหละสิท่า”



        “ฮิๆ ก็ไม่เชิง แต่ได้คุยแค่แป๊บเดียวเองนะ เขาบอกว่ามีธุระก็เลยวางสาย”



        “โธ่เอ๊ย! เธอน่ะยังได้คุย ส่วนฉันน่ะเหรอ โทรไปก็มีแต่ฝากข้อความๆ น่าเบื่อจะตาย” นาอิพูดประชด



        “เอางี้มั้ย ฉันว่าเราไปโทรหาเขากันเลยดีกว่า” ไดคิให้ข้อคิดเห็น



        อื้อ งานนี้ฉันเห็นด้วยเต็มที่เลย พวกเราจึงยกโขยงกันไปที่ตู้โทรศัพท์หน้าโรงเรียน พวกคาซาม่าก็ยัดเยียดให้ฉันเป็นคนคุย ได้สิ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว กำลังอยากจะได้ยินเสียงของไดคิคุงพอดี อะแฮ่มๆ



        ตรู้ด. . . ตรู้ด. . .



        “ฮัลโหล”



        “ไดคิคุงเหรอคะ”



        “ครับๆ ใช่ครับ นั่นใครน่ะ”



        “คุเซฮาร่า. . .”



        ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่ฉันกำลังมีความสุขจะต้องมาเจอมารผจญทุกทีเลยนะ ไอ้มารผจญที่ว่านั่นจะเป็นอะไรซะอีกหละ ก็คือหมอนั่นน่ะสิ วันนี้ดันนี้มาโรงเรียนด้วยเหรอเนี่ย แถมยังมายืนเต๊ะท่าหล่อคุยโทรศัพท์อยู่ข้างสนามฟุตบอลอีก สงสัยคุยกับผู้หญิงหละสิท่า แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ฉันไม่อยากให้หมอนั่นจับตัวฉันได้อยู่ดี รีบเผ่นก่อนดีกว่า ฉันจึงยัดหูโทรศัพท์ให้คาซาม่าทันที



        “ขอโทษจริงๆ นะ ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว พวกเธอจัดการต่อกันเอาเองนะ ไปหละ”



        ยังไม่ทันจะได้ยินเสียงตอบรับของพวกคาซาม่าฉันก็วิ่งหนีมาไกลแล้ว ถ้าหมอนั่นเกิดเดินมาทางนี้พอดีหละ ไม่ไปกันใหญ่เลยเหรอ ความเหนื่อยของฉันก็เสียเปล่าน่ะสิ สงสัยต้องหาที่ซ่อนซะแล้ว ว่าแต่จะซ่อนที่ไหนดีหละ จริงสิ! ห้องน้ำ ห้องน้ำจ๋า. . .



        ฉันวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิงห้องหนึ่ง จัดการปิดประตู ล็อกกลอนเสร็จสรรพ ดีนะที่ตอนนี้เป็นตอนเช้า ยังไม่ค่อยมีคนมาเข้า กลิ่นก็เลยพอทนได้ รอเวลาให้เข้าเรียนก่อนก็แล้วกันค่อยออกไป ระหว่างนั้น ก็เล่นเกมส์ในมือถือไปก่อนดีกว่า



        ฉันเอาฝาโถส้วมลง เอากระดาษทิชชู่เช็ดสักหน่อยแล้วค่อยนั่ง หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์อย่างเมามันส์ แต่แล้วก็มีใครสักคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ อยากรู้จังเลยว่าเป็นใคร พวกไหนกันนะ แต่จะปืนชะโงกหน้าออกไปดูก็กระไรอยู่ ช่างเถอะ เธอคงไม่ได้เป็นคนอันตรายอะไร อยู่เงียบๆ อย่ากระโตกกระตากแล้วเล่นเกมส์ต่อดีกว่า ฉันก็รู้สึกได้ว่าเธอเข้ามาในห้องน้ำห้องข้างๆ ฉัน สงสัยจะปลดทุกข์หละมั้ง ไม่เห็นต้องสนใจเลย เล่นต่อๆ



        เวลาผ่านไป. . .



        อื้อหือ… พระเจ้าจอร์ชช่วย กองทัพก็อดอาร์มี่บุกทางตอนใต้ของเธออย่างหนักเลยมั้งนั่น ถึงได้พรวดๆๆ ขนาดนี้ กลิ่นก็สุดจะทน กินควายเน่า 10 วันเข้าไปรึไง ถึงเหม็นได้เหม็นดีขนาดนี้ ไม่ไหวแล้ว แหวะ ต้องการออกซิเจนด่วน ฉันเลยเก็บสัมภาระ แล้วออกมาจากห้องน้ำก่อนที่จะโดนแก๊ซพิษรมควันจนตาย ฉันว่าตอนนี้เธอเป็นซะยิ่งกว่าคนอันตรายซะอีกนะเนี่ย โอ๊ย. . . จะบ้าตาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×