ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักใสกิ๊ง แอบปิ๊งแต่เธอ[My One Love]

    ลำดับตอนที่ #1 : เปิดศึก

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 48


    ---(OhaYo!!!) สวัสดีค้าาาาาาา ชื่อ(เล่น)จริงๆชื่อแพรนะคะ อายุ 13 อยู่รร.สวนกุหลาบฯรังสิต เพิ่งเขียนเป็นเรื่องแรกในชีวิต สิ่งที่คุณผู้อ่านต้องทำก็คือ อ่าน & Comment(อันนี้ต้องการมากๆ) และสุดท้าย คะแนนค่ะ ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อคตอนแรกนะคะ ต้องค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ถึงพริกถึงขิงเองแหละค่ะ



    ---------- แด่เธอผู้ซึ่งอยู่ในความทรงจำ และเธอจะอยู่ในใจของฉันตลอดไป ----------



    ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย ทำไมสาวน้อย(ก็ไม่น้อยเท่าไหร่หรอก -_-)อย่างฉันต้องมาอยู่บ้านกับพี่ชายที่บ้าแต่งานแล้วก็ใช้ฉันเหมือนแรงงานทาสแบบนี้ด้วยนะ ให้ตายสิ งานก็มาก เงินก็หมด เพื่อนก็ไม่มี ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนคบไม่ได้นะแต่ดูอย่างยัยแพทเพื่อนสนิทของฉันซิ โดนแฟนคนที่ 16 ทิ้งยังไม่ชินหนีเตลิดเปิดเปิงไปอยู่กับยายที่เชียงใหม่ซะได้ แล้วเติ้ลอีกหละเพื่อนชายคนเดียวของฉันต้องไปเรียนซัมเมอร์ที่ยุโรป โธ่เอ้ย!!!…T^T นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องสอบซ่อมนะ ฉันก็ได้ไปเที่ยวฮาวายเกาะสวาทหาดสวรรค์กับซาร่าเพื่อนของฉันสมใจอยากแล้ว

        ฉันเคยได้ยินมาบ่อยครั้งว่า ’ถ้าเรารู้สึกเบื่อหน่ายในสิ่งที่เรากระทำ จะทำให้เวลาผ่านไปช้าลง’ แล้วมันก็จริงซะด้วย แต่ยังไงซะพรุ่งนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมแล้ว แล้วมันก็น่าจะดีกว่าที่จะต้องมานั่งงมโข่งอยู่ที่บ้านแน่ๆ แต่!!!… แต่ๆๆ แต่ว่าโรงเรียนที่ฉันจะต้องย้ายไปนี้มันเป็นโรงเรียนรัฐบาลด้วยสิ ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยอยู่โรงเรียนรัฐบาลมาก่อนเลย ก็ขอร้องว่าอย่าให้เกิดอะไรไม่ดีๆกับฉันก็แล้วกัน

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก…เสียงใครกำลังเคาะประตูO_O

                  “มิค มิค -_-”อ๋อ…รู้แล้วนั่นเป็นเสียงของพี่ชายฉันเอง

                  “มีอะไรเหรอ”

                  “แม่ไม่อยู่น่ะสิ นี่ก็เที่ยงแล้วหิวมากด้วย”

                  พี่ฉันพูดอ้อมไปซะจนแทบจะกลับมาไม่ถูกสรุปง่ายๆคือเขาจะให้ฉันทำกับข้าวให้ -_- เป็นแบบนี้ทุกทีเลย ให้ตายสิ v_v!!

                  “เออ…ได้ รอแป๊บนะ”ฉันตอบแล้วลงมาที่ครัว

    ถ้ามีใครสักคนให้ตั๋วฉันไปอยู่ที่ญี่ปุ่นนะ ฉันจะไม่ย่างก้าวกลับมาที่ประเทศไทยอีกเลย เพราะฉันเบื่อที่จะต้องมาใส่ชุดนักเรียนเชยๆ กฎระเบียบงี่เง่าของโรงเรียนที่ไม่รู้ว่าจะทำให้อะไรมันดีขึ้นมาและอย่างยิ่งพี่ชายฉัน ตึ่ง ตึ่ง ฉันกระทืบเท้าในห้องครัวเสียงดัง ฉันอยากจะใช้ชีวิตเหมือนพ่อดูสักครั้ง พ่อฉันเป็นนักธรณีวิทยาได้ตะลอนๆไปไหนมาไหนตามใจชอบ นานๆถึงจะกลับบ้านมาสักที ล่าสุดนี่ก็เพิ่งจะไปมัลดีฟเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้เอง

    “ให้ตายสิ…ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยนะ V_V!!”

    ซวยจริงเล้ย…มักกะโรนีเจ้ากรรมสุดโปรดของฉันมันดันมาหมดซะได้โธ่เอ้ย ทำไมถึง ซวย… ซวย… ซวย…ซวยๆๆๆๆๆ อย่างนี้ด้วยนะ เอาวะช่วยไม่ได้นี่นาเมื่อไม่มีอะไรให้กินก็ต้องกินอาหารสิ้นคิดจนได้ คงไม่ต้องบอกนะว่าเป็นอะไร

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก…

                  “พี่…เปิดประตูด้วย”

        แกรก พี่ฉันเปิดประตูแล้วดูท่าทางคงจะหิวสุดๆ

                  “อะไรกันนะกับขาววันนี้”

                 ฉันยื่นถ้วยที่มีฝาปิดให้พี่ฉัน แล้วพี่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอาหารในถ้วย

                  “โห…มาม่าเหรอ”

                  “มีให้กินก็ดีแล้วแหละ”

        “จะทำให้พี่ชายกินทั้งที ทำได้แค่นี้เองเหรอคุณน้องรัก แหม…ไหนบอกว่าชอบทำกับข้าวไง เรียนคหกรรมมาไง ทำไมมื้อเที่ยงของฤดูร้อนต้องกินมาม่าด้วยหละ”

                  “นี่คุณชาย ถ้าคุณอยากจะกินอะไรทำไมไม่ทำเองฮ้า ทำให้ก็บ่น ไม่ทำให้ก็บ่น เอาแต่ใจตัวเองเป็นเด็กไปได้ เห็นน้องเป็นอะไร? แจ๋วงั้นเหรอ!”

        ปั้ง!!!…ฉันปิดประตูห้องใส่พี่ชายของฉันดังลั่นด้วยความโมโหแล้วสงบสติอารมณ์อยู่หลังประตูสักพักก่อนที่จะนึกว่าต้องทำอะไรต่อ

    เปิดเทอม เปิดเทอม…ฉันต้องทำอะไรน้า… เออ…จริงสิฉันยังไม่ได้จัดข้างของใส่กระเป๋าเลยนี่นา ฉันต้องรีบสักหน่อยแล้ว

    ฉันจัดการซัดมาม่าในถ้วยจนหมดอย่างรวดเร็วแล้วจัดของใส่กระเป๋าโดยด่วน หลังจากนั้นฉันก็ขอเงินพี่ไปเล่นอินเตอร์เน็ตที่ร้านหน้าปากซอย เมื่อมาถึงฉันก็รีบลงนั่งที่คอมพ์ฯเครื่องที่ 4 ซึ่งเป็นเครื่องที่ดีที่สุดในร้านและโชคดีที่ไม่มีใครมานั่ง วันนี้ร้านค่อนข้างเงียบสงสัยเด็กๆแถวนี้คงจะเปิดเทอมกันหมดแล้วหละมั้ง ฉันเปิดดูเว็บฯโรงเรียน เพื่อดูว่าตัวเองอยู่ห้องอะไร ใจฉันตอนนี้ตุ๊มๆต่อมๆอย่างบอกไม่ถูก

    ฮู่เร่ๆๆ ฮ่าๆ ฮู่ร่าๆๆ เฮ่ๆ ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะได้อยู่ห้องเดียวกับซาร่าเพื่อนสนิทของฉันด้วย แต่ก็มีบางอย่างที่จะทำให้อาการดีใจของฉันต้องสะดุดเมื่อสมาชิกงแกงค์ชิว’ทุกคนดันมารวมตัวกันอยู่ในห้องเดียวกับฉัน ‘แกงค์ชิว’เนี่ยเป็นประเภทแบบว่า นินทาชาวบ้าน แย่งแฟนคนอื่น แต่งตัวสวยไปวันๆ O_Oตายหละสิ ถ้าพวกแกงค์ชิวเห็นทรงผมตูดเป็ดของฉันแบบนี้ที่โรงเรียนหละก็ต้องแย่แน่ๆเลย ฉันจึงรีบออกจากร้านอินเตอร์เน็ตทั้งๆที่ยังเหลือเวลาในการเล่นอีกตั้ง 20 นาที แต่ช่างเถอะตอนนี้ฉันต้องกำจัดทรงผมตูดเป็ดออกไปก่อน แล้วฉันก็เดินข้ามฝั่งถนนมาที่ร้านทำผม

    “อ้าว มิค วันนี้มาทำอะไรจ๊ะ”น้าพิณ(เจ้าของร้าน)ถามฉันอย่างสนิทสนม

                  “มายึดผมค่ะ เอาแบบถาวรนะคะ”

                  “ไหนว่าแม่หนูไม่ให้ยืดไงหละ ถ้าคุณแม่บ่นอย่ามาโทษน้านะ”

                  “หนูจะไปโทษคุณน้าทำไมหละคะ ก็หนูเป็นคนอยากทำเองนี่นา เออ…น้าพิณคะ พอยึดเสร็จก็ซอยให้ด้วย เอาสั้นแค่บ่านะ”

    “จ้า ใช้เวลานานหน่อยนะ”

                  เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงกับอีกนิดหน่อย ในที่สุดฉันก็สลัดทรงผมตูดเป็ดของฉันออกไปได้ ตอนนี้ผมของฉันเป็นผมซอยสั้นประบ่า(ก็ประมาณทรงผมของโดนัทตอนนี้แหละ)ปลายผมก็ไม่บานเป็นตูดเป็ดด้วย เท่านี้ฉันก็ไม่โดนพวกแกงค์ชิวล้อทรงผมฉันแล้วหละ

    “ทั้งหมดก็ 800 บาทจ๊ะ นี่น้าเห็นว่าน้าสนิทกับหนูนะเนี่ย ถ้าเป็นลูกค้าจรน้าคิดเค้า 1000 เลยนะ” น้าพิณพูดกับฉัน

                  “เอ่อ…น้าพิณคะ หนูเอาเงินติดตัวมาแค่ 20 บาทเองน่ะค่ะ เก็บกับแม่หนูได้มั้ยคะ”

        “จ้า”น้าพิณตอบด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆเพราะน้าพิณรู้ดีว่าฉันไม่เคยมีเงินติดตัวมาเลย เมื่อมาทำผมทุกครั้งที่ร้าน

        ฉันเดินสะบัดผมไปมาออกจากร้านอย่างสบายใจ เอ้…ดูๆไปแล้วเรานี่ก็สวยไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย ฮิ ฮิ

    เวลาอาหารเย็น

    “มิคนี่ลูกไปทำอะไรกับผมมาเนี่ย”แม่ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “น้าพิณเขาไม่ได้บอกแม่เหรอคะ ว่าหนูไปยืดผมมาน่ะ”

    “บอก แต่ทำไมไม่ถามแม่ก่อนฮะ ตั้ง 800 คิดว่าแม่มีเงินมากหรือไงตอนนี้”แม่ขมวดคิ้วขึ้น จนจะผูกโบได้อยู่แล้ว

    “ขะ ขอโทษค่ะ”ฉันตอบด้วยความสำนึกผิด

    “ต้าพรุ่งนี้ลูกไปส่งน้องด้วย”

    “ไม่เอา”ฉันกับพี่ขึ้นเสียงพร้อมกัน

    ให้ตายสินี่แม่คิดอะไรเนี่ย นี่ฉันอายุ 16 แล้วนะ ฉันไปคนเดียวของฉันก็ได้ทำไมต้องให้พี่ไปส่งด้วยหละ อย่างน้อยฉันก็น่าจะได้นั่งรถเมล์ไปโรงเรียนแบบคนอื่นบ้างสิ โธ่เอ้ยT^T

        “ผมไม่ไปส่งมิคเด็ดขาด”พี่พูดใส่หน้าแม่เสียงดัง

        “หนูก็ไม่ไปกับพี่เด็ดขาดด้วย”ฉันก็เอาบ้าง

        “นึกว่าฉันอยากจะไปส่งเธอนักรึไง”

        ฉันหันมาประจัญหน้ากับพี่

        “แล้วทำซะหยั่งกับว่าฉันอยากไปกับพี่นักนี่”

    “ทำไม”

        “ก็แล้วทำไมหละ”

        ป้าบ!!! แม่ตบโต๊ะเสียงดัง

        อึ๋ย…ท่าทางเจ็บน่าดูเลย

        “นี่พวกเธอหยุดนะ”

        “…”

        “…v_v”

        “เป็นพี่น้องกันยังไง จิกกันกัดกันไม่หยุดไม่หย่อนเลยสามัคคีกันบ้างได้มั้ย ไม่รู้หละยังไงซะต้าต้องไปส่งน้อง แล้วมิคลูกต้องไปกับพี่ด้วย เฮ้อ…แม่ไปนอนหละ”

        แม่เอาชามของตัวเองไปวางไว้ที่อ่างล้างชามแล้วปล่อยให้ฉันกับพี่นั่งงงอยู่ 2 คนที่โต๊ะอาหาร พี่มองฉันด้วยสีหน้าไม่ใยดีดี แล้วฉันก็มองโต้กลับไป

        “ชิ”

        “เชอะT^T”

    ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกังวลใจกับเหตุการณ์ที่จะต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ อย่างเช่นการแนะนำตัวในห้องเรียน การทำความรู้จักเพื่อนใหม่และที่แย่ๆๆๆ แย่ที่สุดก็คือพวกแกงค์ชิว ฉันไม่มีทางหนีเรื่องแบบนี้ได้จริงๆเหรอ หรือว่าพรุ่งนี้จะไม่ไปโรงเรียนดี โอ้ย ปวดหัว เออ…โทรหาซาร่าดีกว่าอย่างน้อยถ้าฉันได้คุยกับเธอมันน่าจะทำให้อะไรดีขึ้น

    ตรู้ด ตรู้ด

    “ฮัลโหล ซาร่า”

    “ไงมิค ‘บายดีป่ะ”

    “ดี ตอนนี้เธออยู่ไหนน่ะ”

    “สนามบิน เพิ่งลงเครื่อง นี่ฉันมีของไปฝากเธอเพียบเลยนะ”

    “ขอบใจ นี่ซาร่ารู้รึยังเรื่องพวกแกงค์ชิวนะ”

    “ทำไมเหรอ”

    “พวกนั้นอยู่ห้องเดียวกับเราน่ะสิ”

    “เหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่เธออยู่ห้องเดียวกับฉันนี่”

    ไอ้ที่อย่างนี้หละรู้เชียวนะ

    “ใช่”

    “เอ่อมิค ถ้าไม่มีอะไรแค่นี้ก่อนนะฉันต้องแบกกระเป๋าขึ้นแท็กซี่น่ะ แค่นี้ก่อนนะ”

    “เดี๋ยวซาร่า”

    ตรู้ด ตรู้ด

    “โธ่ v_v”



    วันรุ่งขึ้น

        ตึง… ตึง… ตึง… ตึงตะดึงตึ้งตึง ตะดึงตึ้งตึ่ง ตึ้งตึงตึงตึ่ง

        เสียงนาฬิกาปลุกของฉันทำให้ฉันตื่น นี่สินะวันเปิดเทอมฉันควรจะดีใจกับมันสิเพราะว่าไม่ต้องมาอยู่อย่างป่นๆปี้ๆที่บ้านอีกต่อไป หลังจากที่เสร็จภารกิจที่บ้านในตอนเช้าฉันกับพี่ก็นั่งแท็กซี่ไปโรงเรียน

        เรานั่งที่เบาะหลังกัน ทั้งพี่และฉันเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศในรถชวนให้ขนลุกซู่เพราะฉันกับพี่ไม่ได้พูดกันเลยแถมยังไม่มองหน้ากันอีก ถึงเราเบื่อๆหน้ากันมาตลอดช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแต่เราก็เป็นพี่น้องกัน แต่ฉันก็น่าจะเป็นน้องที่ดีบ้าง จริงสิ… อีกไม่กี่อาทิตย์ก็เป็นวันเกิดพี่ฉันแล้วนี่นาฉันน่าจะถามพี่ว่าอยากได้อะไรดีในช่วงวันเกิดสินะ

        “พี่…”

        “…”

        “พี่!”ฉันขึ้นเสียง

        “อะไร”พี่ตอบเนือยๆ

        “คือ…เอ่อ…”

        “อะไร”

        “อ๋อเปล่าๆ”

        ทำไมฉันไม่ถามนะ ยัยมิคเอ้ย… นั่นพี่เรานะไม่ใช่สัตว์ประหลาดกลัวอะไรเนี่ย และแล้วความเงียบก็บังเกิดขึ้นอีกครั้งในรถแท็กซี่ทำให้ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างมาก

        ไม่นานนักรถแท็กซี่ที่ฉันขึ้นก็มาจอดอยู่ตรงหน้าโรงเรียน

        “ต้องให้เข้าไปส่งรึเปล่า”

        “ไม่ต้อง ขอบใจที่มาส่งT^T”ฉันทำปากเบ้ใส่พี่    

        “แต่ฉันคิดว่าน่าจะลงไปสักหน่อยนะ”

        “O_O”

        ในที่สุดพี่ก็ลงมาจากรถแล้วเดินประกบฉันมาเรื่อยๆฉันพยายามเดินให้ห่างจากพี่เข้าไว้เพราะว่าการที่เราอายุ 16 แล้วยังต้องมีใครมาส่งที่โรงเรียนนี่มันเป็นเรื่องน่าอายมากเลยสำหรับฉัน เด็กนักเรียนรุ่นราวคราวเดียวกับฉันคนอื่นๆมองฉันด้วยเหมือนกับฉันเป็นตัวประหลาด ในขณะที่พี่ฉันเดินหว่านรอยยิ้มไปทั่ว จนเรามาถึงประตูโรงเรียน

        “สวัสดีค่ะ”ฉันสวัสดีอาจารย์ที่ยืนตรงประตูโดยมารยาท แล้วกำลังจะเดินเข้าโรงเรียน

        “นี่เธอ เธอหยุดเลย”

        “!!!???”

        ฮะ? ใคร?? อะไรเหรอ??? ฉันหยุดเดินกระทันหันแล้วหันไปซ้ายหันขวาอย่างงงๆเพื่อหาต้นเสียง แล้วฉันก็เจออาจารย์หนวดที่ดูน่าเกรงขามคนหนึ่งถือไม้เรียวแล้วชี้มาที่ฉัน อะไรกันเนี่ยวันแรกก็โดนลงโทษซะแล้วตายหละหว่า และฉันทำอะไรผิดเหรอ

    “สวัสดีค่ะอาจารย์ มีอะไรเหรอคะ”

                 “เธอไม่รู้รึไงว่ากฎของโรงเรียนนี้เขาห้ามซอยผม เมื่อวันปฐมนิเทศน์ก็บอกไปแล้วนี่” อาจารย์หนวดเฟิ้มเอาไม้เรียวมาตีหัวฉัน

                  ตายหละสิ วันปฐมนิเทศน์ฉันได้มาโรงเรียนนี้ที่ไหนกัน แล้วตอนนั้นฉันไปทำอะไรอยู่นะ

                  “หนูไม่ทราบค่ะอาจารย์”ฉันตอบกลับไปอย่างซื่อๆ

        “หนูไม่ทราบค่ะอาจารย์”

        อาจารย์ทำเสียงแหลมล้อเลียนใส่ฉัน ในขณะที่ฉันก้มหน้าแล้วเหล่สายตาไปรอบๆฉันเห็นพวกเด็กนักเรียนหลายคนมองมาที่ฉันแล้วซุบซิบอะไรกันสักอย่าง

        “ไม่ทราบได้ยังไง แล้วคนข้างหลังเธอนั่นใครน่ะ”อาจารย์หนวดเอาไม้เรียวชี้มาทางพี่ฉัน

        “เอ่อ เขาเป็น…”ฉันพยายามอธิบาย

        “เราไม่รู้จักกันครับ จริงสิแล้วผมมาอยู่กับเธอได้ยังไงนะ”

        เฮ้ยพี่อยากให้ฉันตายตรงนี้รึไง ไม่ช่วยแล้วยังจะปัดรังควานอีก

        “อะไรกันตัวแค่นี้ริอาจมีแฟนแล้วเหรอ”

        “…”

        “เอ่อมิคพี่ไปก่อนนะ สวัสดีครับอาจารย์”

        อ้าวทิ้งกันเฉยเลย พี่บ้าเอ้ยคอยดูเถอะฉันจะแก้แค้นให้สาสมเลย

        “นี่เธอฟังฉันอยู่รึเปล่า”

        “ขา ฟะ ฟะ ฟังอยู่ค่ะ”

        “แล้วจะเอายังไงเรื่องผมเนี่ย ฉันสั่งตั้งแต่วันปฐมนิเทศน์แล้วนะว่าห้ามซอยผม แล้วนี่อะไรเธอกล้าดีขนาดซอยมาอีกเหรอ”

        โธ่เอ้ยก็ฉันไม่รู้นี่จะเอาอะไรอีกหละ วันปฐมนิเทศน์ฉันก็สอบซ่อมอยู่ด้วย แล้วจะเอาเวลาไหนมานั่งฟังกฎระเบียบโรงเรียนเล่า ทำไมฉันไม่พูดออกเหมือนตอนที่ทะเลาะกับพี่เลยนะ ฉันรู้สึกว่ามีคนมามุงดูฉันโดนอาจารย์หนวดนี่เทศน์มากขึ้นเรื่อยๆ ขอร้องหละฉันอายจะตายอยู่แล้ว ใครก็ได้พาฉันออกไปจากที่นี่ที

        “สวัสดีค่ะอาจารย์ปรีชา”

        มีใครบางคนเดินเข้ามาทักอาจารย์ ฉันมองเห็นแต่ขาของเธอแต่ฉันว่า ฉันเสียงของเธอคุ้นมากเลยแหละ

        “อ้าวไง เธอเด็กเมืองนอกคนนั้นนี่ เธอชื่ออะไรน้าครูจำไม่ได้”

        “ซาร่าค่ะ”

        “ซาร่า!”

        ใช่จริงๆด้วยนั่นซาร่า ใช่ซาร่าจริงๆ ไม่ผิดใช่มั้ยโอ้… ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งคนมาช่วยลูก ฉันดีใจมากเลยที่เธอมาทันเวลาพอดี

        “มิค”

    “ซาร่า ฉันดีใจจังเลยที่เจอเธอ”

        ฉันกระโดดโลดเต้นแล้วเข้าไปกอดซาร่าเพราะฉันคิดถึงเธอมากเราไม่ได้เจอกันตลอดช่วงฤดูร้อน น้ำตาของฉันเริ่มคลอเบ้า มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ แต่ระหว่างที่ฉันกำลังกอดอยู่กับซาร่าตัวกลมก็มีเสียงที่ต้องให้พวกเราหยุด ใช่สิฉันลืมไป นี่ฉันกำลังโดนเทศน์อยู่นี่นา ซาร่าเธอรู้จักกับอาจารย์นี่นา ช่วยฉันทีนะ ได้โปรด

        “เธอรู้จักกันด้วยเหรอ”

        “อ๋อค่ะ นี่มณียาเพื่อนสนิทหนูเองแหละค่ะ”

        “ดีเลยแล้วทำไมเพื่อนเธอถึงซอยผมมาโรงเรียนหละ”

        ฉันขยิบตาให้ซาร่ามันเป็นความหมายนัยๆว่าช่วยฉันที

        “เอ่อ คือ…”

        “ว่าไง”อาจารย์หนวดเฟิ้มนั่นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซาร่า

        “อ๋อ คือเพื่อนหนูเขาเป็นนางแบบโฆษณาให้กับพวกโมเดลลิ่งน่ะค่ะ เลยต้องทำผมเปลี่ยนเป็นทรงนู้นทรงนี้บ่อยๆ น่ะค่ะ ใช่มั้ยมิค”

        ซาร่าสะกิดสีข้างฉัน

        “อะ อ๋อใช่ค่ะ”

        เฮ่อๆ เข้าใจคิดดีนี่ เป็นนางแบบโฆษณางั้นเหรอ แหม…ถ้าเป็นจริงได้ก็ดีสิ

        “เหรอ”

        “เอ่อ…นี่ค่ะอาจารย์ปรีชาของฝากจากฮาวาย”ซาร่าหยิบกล่องสีน้ำตาลอันใหญ่จากกระเป๋าเป้ของเธอแล้วยัดมันใส่มือของอาจารย์หนวดนั่น

        “พวกเราไปก่อนนะคะ”ซาร่าพูดก่อนที่เธอจะดึงมือฉันแล้ววิ่งฝ่าฝูงชนบริเวณนั้นออกไป

    ด้วยความที่ฉันขาสั้นมันเลยเหมือนว่าฉันถูกลากมามากกว่า ฉันไม่เคยวิ่ง(ถูกลาก)เร็วเท่านี้มาก่อนมันเลยทำให้อาการหอบของฉันกำเริบ ระหว่างที่ฉันวิ่ง ฉันก็สังเกตของของฉันกับซาร่าไปพลาง นี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าขาของฉันยาวแค่ 3 ส่วน 4 ของซาร่าเอง แล้วเราวิ่งมาได้ซักพักจนมาถึงเสาธง

        “เฮ้ๆ ซาร่าหยุดได้แล้วฉันเหนื่อยแล้วนะ แฮ่ก แฮ่ก”

        “ไม่ตามมาแล้วเนอะ”ซาร่าหันไปมองข้างหลังฉัน

        “อาจารย์หนวดนั่นน่ะเหรอ คงไม่ตามมาหรอกมั้ง เค้าเป็นใครน่ะทำเอาฉันขายหน้าคนเกือบทั้งโรงเรียนเลย แฮ่ก แฮ่ก”ฉันก้มลงเอามือจับเขาเพราะหายใจไม่ทัน

        “มิคOK.รึเปล่า ไปหาที่นั่งก่อนมั้ย”

        “เออ ก็ดี”

        ซาร่าประคองไหล่ฉันแล้วพาไปนั่งที่ม้านั่งสีเขียวใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ฉันยังหายใจไม่ทันอยู่เลย

        “อาจารย์คนนั้นเป็นใครเหรอ”

        “เขาชื่ออาจารย์ปรีชา เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองที่เข้มงวดมากเลย ฉันก็ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่หรอกที่ต้องเอาของมาให้น่ะเพราะว่าแกจะเข้าเวรที่ประตูทุกๆวันพุธกลัวแกจะจับได้ว่ากระโปรงฉันสั้นเลยต้องเอาของมาบังหน้าน่ะ”

        “ติดสินบนว่างั้นเถอะ”

        “ฮิๆ มันก็ไม่เชิงหรอก”

        แฮ่ก แฮ่ก ฉันยังหายใจไม่ทันอยู่

        “ฉันก็เลยโชคดีติดร่างแหเธอมาด้วย”

        “ช่ายๆ แล้วคิดไงถึงไปซอยผมหละเนี่ย”

        “ฉันจะบอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ว่าพวกแกงค์ชิวน่ะอยู่ห้องเดียวกับพวกเรา ฉันกลัวว่าถ้าพวกนั้นล้อทรงผมเก่าของฉันฉันจะไม่เกิดน่ะสิ”

        “แค่เนี้ยเหรอ เออ แต่มันก็จริงแฮะ พวกนั้นชอบล้อทรงผมเธอว่าตูดเป็ดอยู่เรื่อยเลยนี่นา”

        “พอเลยนะซาร่า ตอนนี้ผมฉันน่ะไม่ตูดเป็ดแล้วนะ”

        ฉันสะบัดผมเหมือนตอนที่อยู่หน้าร้านเสริมสวยให้ซาร่าดู

        “เออนี่ซาร่า แล้วของฝากฉันหละ”

        “เออ…ใช่ ขากลับจากโรงเรียนเธอไปเอาที่บ้านฉันก็แล้วกันนะ มันเยอะมากแบกมาไม่ไหวน่ะ”

        “จ้าขอบใจที่ยังไม่ลืมกัน ฉันไม่มีของฝากอะไรให้เธอเลยน่ะสิ เพราะตลอดหน้าร้อนน่ะฉันอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเลย ขอโทษนะ”ฉันทำตาปริบๆใส่ซาร่า

        “ต้าย… น่าสงสารจังเลยนะ”

    ระหว่างที่ฉันกำลังหยอกล้อกับซาร่าก็มีเสียงอันไม่พึงประสงค์แทรกเข้ามา ฉันหันไปมองอย่างสงสัย ไม่น่าเชื่อว่านั่นคือเสียงของริสาหัวหน้าแกงค์ชิวเธอดูสวยกว่าเดิมที่สวยอยู่แล้วเยอะขึ้นมากเลย อุ้ยแต่ไม่ได้ เธอต้องมาหาเรื่องอะไรฉันอีกแน่ๆเลย

    “เอ่อ…หวัดดีริสา”

    “มีอะไร”ซาร่าลุกขึ้นแล้วดูเหมือนว่าเธอจะปกป้องฉัน

    “ก็เปล่าหรอกแค่มาคุยอะไรด้วยนิดๆหน่อยๆในฐานะเพื่อนเก่าน่ะ สบายดีมั้ยหละมิคกี้จัง”

    “ฉันไม่ได้ชื่อมิคกี้นะ”ฉันเริ่มมีน้ำโหแล้ว

    “อ้อขอโทษทีนี่จ๊ะของฝาก”

    ริสาพูดพลางส่งกล่องสีแดงเล็กๆมาให้ฉันกับซาร่า นี่เธอจะมาไม้ไหนกันแน่นะ

    “เป็นพวงกุญแจจากซานดิเอโกน่ะ เล็กๆน้อยๆสำหรับเพื่อนเก็บเอาไว้เถอะ เออ…นี่พวกเธอเห็นปิ่นกับกระแตเพื่อนของฉันมั้ย”

    อ๋อยัยปิ่นกับยัยกระแตหน้าตัวตุ่นพรรคพวกของเธอน่ะเหรอ

    “ไม่เห็นหรอก”ซาร่ายังคงทำหน้าบูดไร้อารมณ์ใส่ริสาอยู่

    “เหรอ ไม่เป็นไร ขอบใจนะ เอ่อมิค”

    “หือ”

    “ผมเธอสวยดีนะ”

    นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนพูดดีกับฉันถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอยัยผมตูดเป็ดมั่งหละ ยัยดาวลูกไก่มั่งหละวันนี้ฉันว่าผีซานดิเอโกต้องเข้าเธอแน่เลยหรือไม่ก็วันนี้ต้องมีพายุลูกใหญ่มาบุกถึงบ้านฉันแน่ๆ บรึ๋ย…คิดแล้วสยอง

    “ฉันว่ายัยนั่นไม่ปกติแล้วนะ”ซาร่ายืนเอามือเท้าเอวแล้วมองริสาขณะที่เธอกำลังเดินจากไป

        “เอาน่าอย่าคิดมากเลยเธออาจจะกลับตัวกลับใจแล้วก็ได้มั้ง”

        “แต่ทำไมยังถามถึงยัยปิ่นกับยัยกระแตหน้าตัวตุ่นปากกระโถนนั่นอีกหละ”

        ฉันกำลังนั่งแกะกล่องสีแดงที่ริสาให้มาอยู่

        “เออ นั่นสิแต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่เธอเป็นคนดีน่ะ”

        “เฮ้อช่างเหอะ”

        และแล้วชั่วโมงแรกของเทอมใหม่กับโรงเรียนใหม่ก็เริ่มขึ้น ฉันกับซาร่านั่งโต๊ะติดกันในแถวหน้า ส่วนพวกแกงค์ชิวก็ไปนั่งเกาะกลุ่มกันที่ริมหน้าต่างริสากับปิ่นนั่งข้างๆกัน ส่วนกระแตที่หน้าเหมือนตัวตุ่นนั้นก็นั้งคู่กับผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง นี่ถ้าฉันไม่รู้ว่าพวกเธอเป็นใครนะ ฉันต้องคิดว่าสี่คนนี้เป็นสาวที่ป็อบที่สุดในโรงเรียนนี้อย่างแน่นอนเลย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×