ตอนที่ 8 : แจโดรักนี้ป่วยจิต (8) (100%)
“และนี่ก็คือห้องแล็บ” ดงยองหันหน้าของตัวเองกลับไปบอกรุ่นน้องสองคนที่เดินตามหลังมา ก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปเปิดประตูห้องผลักเข้าไปในนั้น
“ถ้าพวกนายต้องการจะใช้ห้องแล็บก็ช่วยบอกกันก่อนล่วงหน้าด้วยนะ”
“ครับ พี่ดงยอง”
“ทำอะไรของนายน่ะ?! แจฮยอน?!” เด็กหนุ่มเจ้าของห้องแล็บพลันดุใส่เด็กหนุ่มตัวสูงทันที หลังจากที่แจฮยอนวาดวงแขนของเขาเข้ามาโอบรอบคอของดงยองเอาไว้จนแน่น พร้อมกับกดจูบเบา ๆ ที่บนพวงแก้มอ่อนนุ่มของดงยองนั้น แบบที่เรียกได้ว่าทำมันต่อหน้าต่อตาของเด็กใหม่อีกสองคนทันที จนพวกเขาต้องเขินอายยืนหน้าแดงแทนดงยองขึ้นมาอยู่ที่หน้าประตูห้องบานนั้น
“...”
“ฉันบอกนายแล้วไงว่าจะมีนักศึกษาใหม่เข้ามาที่นี่วันนี้! นายยังจะกล้าทำแบบนี้อีกงั้นเหรอ?!”
“อ๋า? นั่นสินะ? พี่ดงยองบอกกับผมไว้แบบนั้นนี่นา?! ขอโทษด้วยนะฮะ พอดีผมพึ่งตื่นนอนเมื่อกี้เองน่ะ ลืมไปเสียสนิทเลย” เด็กหนุ่มตัวสูงยังคงแกล้งล็อกคอของดงยองเอาไว้จนแน่นแบบนั้น อย่างที่ไม่ยอมปล่อยให้ดงยองดิ้นรนหนีไปไหนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แบบที่ริมฝีปากแทบจะกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางของดงยองอีกครั้งเสียอีก
“นายจะทำอะไรของนายน่ะ?! แจฮยอน?!” กระต่ายน้อยดงยองที่ทั้งเขินและรู้สึกตกใจจนหน้าแดงลามไปถึงใบหูแล้ว รีบยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาปิดปากของเด็กหนุ่มตัวสูงเอาไว้ ก่อนที่จะดันหน้าของแจฮยอนให้ถอยห่างออกไป พร้อมกับดิ้นตัวเองให้หลุดออกมาจากวงแขนของแจฮยอนเป็นอิสระได้ในที่สุด
เมื่อไหร่แจฮยอนจะเลิกแกล้งผมแบบนี้สักทีนะ ผมละเหนื่อยใจจนอยากจะขอยอมแพ้ ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามใจไปซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริง ๆ นะเนี่ย
เด็กหนุ่มตัวสูงรีบเปลี่ยนจุดสนใจจากคนรักของตัวเองพุ่งตัวออกไปยืนในระยะประชิดตัวกับเด็กใหม่สองคนนั้น พร้อมกับเริ่มต้นการสัมภาษณ์แบบที่ไม่มีใครเอ่ยปากร้องขอ
“พวกนายเป็นนักศึกษาใหม่งั้นเหรอ?”
“ครับ”
“หน้าตาก็งั้น ๆ”
“ห๊า?!”
“บอกไว้ก่อนเลยนะว่าห้ามมายุ่งกับพี่ดงยองของฉันเด็ดขาด”
“เอ่อ...”
“พวกเราเคยเรียนด้วยกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ?” เด็กใหม่คนหนึ่งเอ่ยถามแจฮยอนออกไป หลังจากที่เขามั่นใจแล้วว่าเคยเจอกับแจฮยอนมาก่อนหน้านี้แล้ว
“จริงเหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นจำได้เลยล่ะ!”
“จริง ๆ นะ พวกเราเรียนห้องเดียวกันด้วย”
“แต่ฉันว่าฉันไม่เคยรู้จักนายมาก่อนเลยนะ”
“เออ! แจฮยอน อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์ ฉันจะไม่อยู่นะ เพราะงั้นฉันจะฝากกุญแจห้องไว้กับนาย โอเคมั้ย?” ดงยองรีบบอกเรื่องที่เป็นสาระให้กับรุ่นน้องคนสนิทของเขาได้ฟังในทันที เพื่อที่ว่าแจฮยอนจะได้เลิกแกล้งกวนประสาทเด็กใหม่สองคนนั้นจนตื่นกลัวแล้วก็วิ่งหนีไปเสียก่อน
“แล้วทำไมพี่พึ่งมาบอกกับผมตอนนี้ล่ะ?!” เด็กหนุ่มตัวสูงรีบพุ่งตัวเดินเข้ามาหาดงยองอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่จะบีบหัวไหล่ของกระต่ายน้อยน่ารักคนนี้ เพื่อคาดคั้นขอคำตอบเรื่องที่เขาจะไม่อยู่เกือบทั้งอาทิตย์นั้น
.
.
“พี่ดงยองต้องไปสัมมนาที่ต่างประเทศเหรอฮะ?” จีซองถามออกไปตามประสาเด็กน้อย หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวที่พี่ชายของตัวเองบอกกับทุกคนให้ได้รู้เหมือน ๆ กันในห้องนั่งเล่นตอนนั้น
“ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้นตอนที่พี่ไม่อยู่พวกนายต้องทำตัวกันให้ดี ๆ ด้วยล่ะ” ดงยองบอกกับน้องชายทั้งสามคนตอนที่เขายกของว่างเข้ามาเสิร์ฟให้ทุกคนถึงที่โต๊ะ
“ได้ครับ” ทั้งเจโน่ แจมินและจีซองต่างก็ตกปากรับคำของพี่ชายตัวเองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“พวกนายอยากได้ของฝากกันหรือเปล่า?” แจฮยอนที่นั่งโอบไหล่ของจีซองอยู่ข้างตัวนั้น พลางเอ่ยปากถามออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ห๊า?! นี่นายจะตามฉันไปด้วยอย่างนั้นเหรอ?” ดงยองแทบจะตะโกนถามออกมาจนสุดเสียงด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดเลยว่าแจฮยอนจะยอมลงทุนโดดเรียนทั้งอาทิตย์เพื่อตามเขาไปดูงานที่ต่างประเทศแบบนี้ด้วย
“งั้นพี่ดงยองพาพวกผมไปด้วยได้มั้ย?” แจมินรีบเปิดปากถามออกไปอย่างรวดเร็วแอบคาดหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ้างลักครั้งในชีวิต
“ไม่ได้เด็ดขาดเลย พวกนายยังต้องไปโรงเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ?!” เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายรีบตอบปฏิเสธออกมาแบบที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดใคร่ครวญเลยสักนิด
“เมื่อกี้นี้พวกนายพูดเรื่องอะไรกัน?!” เสียงของพี่ชายคนโตสุดของบ้านดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ย่ำเดินเข้ามาด้วยน้ำหนักที่ลงส้นเท้าแรงมากกว่าปกติ
น้องเล็กทั้งสามคนต่างหันหน้ามองตามเสียงที่ดังนั้น พร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อของเด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานั้นทันที
“พี่กงมยอง! กลับมาแล้วเหรอฮะ?!”
“ฉันจะไม่ยอมให้นายไปเที่ยวกับดงยองแล้วทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นหรอกนะ!”
“หืม?”
“แล้วทำไมนายยังกล้าเข้ามานั่งเล่นในบ้านของฉันอยู่แบบนี้อีกล่ะเนี่ย?!” กงมยองแทบจะถลึงตาออกมานอกเบ้าพูดจาข่มขู่ไม่ยอมรับแจฮยอนเหมือนอย่างทุกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วเขาควรจะไปจัดการห้ามปรามน้องชายของตัวเองมากกว่าด้วยซ้ำ
“ทำยังไงดีล่ะฮะ งานนี้ผมยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าเดินทางไปหมดแล้วด้วย เพราะงั้นพี่กงมยองก็อย่าห้ามผมให้เหนื่อยเปล่าเลยนะครับ” เด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งยกมือขึ้นมาปิดหูของจีซองเอาไว้ลอยหน้าลอยตาพูดเถียงกลับไปอย่างผู้กำชัยชนะเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
“ด็อกเตอร์ยองโฮก็ไปกับพวกเราด้วยครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า” ดงยองพยายามหาตัวช่วยพูดเลี่ยงออกไปแบบนั้น เผื่อว่าพี่ชายของเขาจะยอมเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างสักนิด
“ไม่มีทาง! ถ้าขืนนายยังกล้าตามดงยองไปอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่านายจริง ๆ แน่นอน” ใบหน้าของกงมยองพลันโน้มเข้าไปใกล้แจฮยอนจนเกือบชิด สายตายังคงจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น พลางกัดฟันแน่นเพราะความโมโหอยู่อย่างนั้น
“อย่าห่วงไปเลยฮะ พวกเราไปสัมมนากันนะครับ ที่แบบนั้นมันคงไม่ทำให้ผมถึงขนาดที่อยากจะทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นกับพี่ดงยองได้หรอกน่า!” แจฮยอนยังคงสวนกลับด้วยคำพูดที่แทบจะจุดระเบิดให้อารมณ์ของกงมยองยิ่งปะทุมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกระดับ
“นายออกมาคุยกับฉันข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย!” คอเสื้อของแจฮยอนถูกฝ่ามือของกงมยองกำกระชากให้ลุกเดินตามเขาออกไปแบบที่เรื่องนี้ต้องจบกันแบบลูกผู้ชายตัวต่อตัวเท่านั้น
“ระวังหน่อยสิครับ น้อง ๆ ของพี่เขามองดูอยู่นะ ทำอะไรก็ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกเขาด้วยไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มตัวสูงยังคงปากดีพูดจาย้อนยอกออกไปอย่างได้ที จนคนที่อายุมากกว่าเริ่มจะเก็บอาการโกรธเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“ออกมานี่เลย! มาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้!”
“เฮ้! พวกพี่กำลังจะเล่นงัดข้อกันอีกแล้วเหรอฮะ? ให้ผมเล่นด้วยคนหนึ่งสิ!” แจมินรีบลุกยืนขึ้น ก่อนวิ่งตามเด็กหนุ่มสองคนนั้นออกไปอย่างที่เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุก
“เชื่อพี่เถอะ เดี๋ยวพอสองคนนั้นกลับมา พวกเขาก็ดีกันแล้วล่ะ อีกหน่อยก็คงสนิทกันจนถึงขั้นกอดคอนั่งกินเหล้าด้วยกันไปเองนั่นแหล่ะนะ” ดงยองไม่อยากจะสนใจเรื่องที่พี่ชายของเขาชอบหาเรื่องทะเลาะกับแจฮยอนอีกต่อไปแล้ว เพราะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วพี่กงมยองก็จะต้องถูกคนรักของเขาจัดการจนอยู่หมัดและต้องยอมแพ้ไปเองแบบราบคาบแทบจะทุกครั้ง
“พี่ดงยองฮะ ขอน้ำส้มให้ผมอีกหน่อย” จีซองยื่นแก้วเปล่าในมือของเขาขอให้ดงยองเทน้ำส้มใส่แก้วให้อีกครั้ง หากแต่สายตาของดงยองกลับต้องประสานสบตากับน้องชายคนโตที่นั่งนิ่งเงียบพลางยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มแบบที่เข้าใจเรื่องราวระหว่างดงยองกับแจฮยอนดีทุกอย่างแล้ว
“...”
“เอ่อ...นายเข้าใจพี่ใช่มั้ย? เจโน่?!” ดงยองรินน้ำส้มเทใส่แก้วให้กับจีซองด้วยท่าทางอาการที่ประหม่าอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่สามารถปิดบังเรื่องที่มีอะไรกันกับแจฮยอนแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้วสินะ
.
.
สุดท้ายแล้วผมกับแจฮยอนก็ได้บินไปดูงานสัมมนาที่ต่างประเทศด้วยกันอยู่ดี
“ทำไมเบาะนั่งถึงได้เล็กขนาดนี้เนี่ย?!” เด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างตัวดงยองเริ่มเอ่ยปากบ่นออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดรู้สึกนั่งไม่สบายตัวเลยสักนิด
“...”
“ทำไมพี่เลือกที่นั่งชั้นประหยัดแบบนี้ล่ะ?!”
“อย่าบ่นเลยน่า แจฮยอน! คนอื่นเขาก็ยังนั่งได้เลยไม่ใช่เหรอ?”
“ผมนึกว่าพี่จะรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องนั่งเบียดกันแบบนี้กับผมเสียอีก?!” เด็กหนุ่มตัวสูงรีบเท้าคางของตัวเองยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับเด็กหนุ่มอีกคนจนปลายจมูกเกือบจะชิดแก้มของดงยองอย่างนั้น
“อ๊ะ...เอ่อ...ก็ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่นาย ฉันก็คงจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
สายตาของแจฮยอนที่จ้องมองดูใบหน้าด้านข้างของดงยองที่กำลังขึ้นสีแทบจะกลืนกินตัวทั้งตัวของคนที่เขารู้สึกชอบได้เกือบหมดทั้งตัวแล้วในตอนนั้น ฝ่ามือของเด็กหนุ่มตัวสูงพลันวางพาดลงบนที่หน้าขาของดงยอง ก่อนที่จะไล้ลูบมือไปมาอย่างแผ่วเบาหยอกเย้าจนดงยองยังต้องนั่งตัวเกร็งเวลาที่ถูกสัมผัส
“ผมกับพี่ยังต้องนั่งเบียดกันแบบนี้ไปอีกสองชั่วโมงเลยนะ ทางที่ดีพี่อย่าพูดอะไรออกมาปลุกความรู้สึกของผมให้มันตื่นขึ้นมาตอนนี้น่าจะดีกว่า”
“อ๊ะ...อืม...”
ฝ่ามือของแจฮยอนยังคงไล้ลูบวนไปมาที่หน้าขาของดงยองอย่างไม่หยุดมือ
“แจฮยอน...”
เจ้าของชื่อพลางเอี้ยวสายตาชำเลืองมองดูใบหน้าของเด็กหนุ่มที่นั่งข้างตัวนั้น พร้อมกับใบหน้าของเขาที่กำลังขึ้นสีแดงจัดเพราะถูกฝ่ามือของแจฮยอนปลุกปั่นอารมณ์ความรู้สึกให้ตื่นขึ้นมาแบบที่ไม่ได้ตั้งใจจริงจังแบบนั้น
“เฮ้ย! ผมแค่พูดเล่นเท่านั้นเองนะ ใครจะกล้าทำเรื่องแบบนั้น บนเครื่องบินกันล่ะ” แจฮยอนรีบชักดึงมือของตัวเองกลับมาไม่คิดเลยว่าที่เขาแกล้งดงยองเล่นไปแบบนั้น จะทำให้เด็กหนุ่มข้างตัวเขารู้สึกแบบนั้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลยสักนิด
.
.
“พวกนายมาถึงกันแล้วสินะ!” ด็อกเตอร์ยองโฮยืนโบกมือให้กับเด็กหนุ่มสองคนที่ตามเขามาสัมมนาถึงที่นี่ด้วยกันในครั้งนี้
“หวัดดีครับ ด็อกเตอร์” ดงยองเอ่ยคำทักทายออกไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นคนรู้จักยืนรอพวกเขาอยู่ที่ทางออกนั้น
“ฉันก็เข้าใจดีนะว่าพวกนายพึ่งเดินทางมาถึงกันเหนื่อย ๆ แต่ว่าฉันอยากจะให้พวกนายรีบเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรม แล้วก็รีบตามฉันไปที่ ๆ หนึ่งก่อนจะได้มั้ย?”
“ห๊า?! ทำไมเปลี่ยนแผนกันแบบนี้ล่ะฮะ ด็อกเตอร์?” แจฮยอนที่รู้สึกเมาเครื่องบินมาอย่างหนักแทบจะร้องออกมาอย่างเหลืออดเพราะอยากจะนอนพักร่างกายของเขาสักนิด
“ทำไมนายพูดแบบนั้นกับด็อกเตอร์ล่ะ แจฮยอน? พวกเราไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศแบบนี้กันบ่อย ๆ หรอกนะ” ดงยองรีบหันไปดุไม่อยากให้เด็กหนุ่มรุ่นน้องต้องเสียมารยาทกับด็อกเตอร์แบบนั้น
“ผมก็เข้าใจอยู่หรอกนะ แต่ว่า...”
“ถ้าพวกเราได้ไปเที่ยวกับด็อกเตอร์ แล้วพอนายได้ดูวิวสวย ๆ เดี๋ยวอาการของนายก็หายไปเองนั่นแหล่ะ เชื่อฉันสิ!”
“หืม?!” แจฮยอนพลันชำเลือกงหางตามองดูดงยองแบบที่ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายนั้น จะแอบสังเกตอาการเมาเครื่องบินของเขาด้วยแบบนี้
“ไปด้วยกันเถอะนะ แจฮยอน” ด็อกเตอร์ยองโฮเอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มตัวสูงให้ไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้ง
“อ่า...ครับ ไปก็ได้ครับ”
“พวกนายนี่ดูหน้าตาคล้ายกันมากเลยนะ เหมือนกันอย่างกับพี่น้องจริง ๆ เลยน่ะสิ” ด็อกเตอร์ชวนคุยไปตามประสาพร้อมกับหัวเราะดังออกมาแบบที่ถูกใจเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้อยู่ไม่น้อย
“งั้นเหรอฮะ?” ดงยองแทบจะหัสเราะเสียงดังตามออกไปด้วย
“ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เปลี่ยนแผนการณ์กระทันหันแบบนี้”
“ครับ ไม่เป็นไรหรอกฮะ”
แจฮยอนได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของดงยองอย่างนั้น แต่กลับกลายเป็นเรื่องดีที่พวกเขาได้มีเวลาเที่ยวด้วยกันอย่างสนุกสนานในต่างประเทศแบบนี้
.
.
“ว่าแล้วเชียว เที่ยวจนหมดแรง เหนื่อยมากจนหลับไปแล้วสินะ” เด็กหนุ่มตัวสูงเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียง ก่อนทอดสายตามองดูดงยองที่นอนหลับสนิทไปแล้วอยู่บนเตียงนอนในห้องของเขาเองนั้น
“พี่ดงยอง?”
“อืม...”
ปลายนิ้วเรียวยาวของแจฮยอนพลางไล้เกลี่ยอยู่ที่พวงแก้มของกระต่ายน้อย หากแต่เจ้าของใบหน้ากลับนอนหลับตานิ่งสนิทไม่มีขยับเขยื้อนไหวติงเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงกรนเบา ๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอนั้น จนเด็กหนุ่มที่มองดูใบหน้าหวานของเจ้าชายนิทราต้องยอมถอดใจ
“ไม่ได้ผลแล้วสินะ ปลุกตอนนี้ก็คงไม่ตื่นแล้วล่ะ!” เด็กหนุ่มตัวสูงที่แอบวางแผนคิดไม่ซื่ออยู่ภายในใจพลันต้องมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างที่รู้สึกเสียดายเวลาคืนแรกนี้อยู่ไม่น้อย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า! แจฮยอน! นายยังมีเวลาเหลืออีกตั้งสามคืนเลยไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มตัวสูงพูดปลอบใจตัวเองออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะเดินกลับห้องของตัวเองไปทั้งอย่างนั้น
.
.
“พี่ดงยอง วันนี้พี่จะประชุมเสร็จกี่โมงเหรอ?”
“ก็น่าจะสักสี่โมงนั่นแหล่ะ”
“หลังสี่โมงพี่ก็ว่างเลยใช่มั้ย?”
“อืม! ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”
“ยังไงกันล่ะเนี่ย? เด็กหนุ่มสองคนนี้ เลิกงานแล้วไปหาอะไรกินกันหน่อยนะ” ด็อกเตอร์ยองโฮที่โผล่มาจากทิศทางไหนก็ไม่รู้ พลันเอ่ยปากชวนทั้งดงยองและแจฮยอนออกท่องราตรีเที่ยวไปด้วยกันเสียอย่างนั้น
“ห๊า?!” ดวงตาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนแทบจะเบิกกว้างขึ้นในทันที ที่มองเห็นสาวสวยหลายคนเดินตามด็อกเตอร์ยองโฮมาอย่างนั้น
“ด็อกเตอร์คะ?”
“เห็นมั้ยล่ะ! ฉันบอกแล้วไงว่ามีหนุ่มหล่อหน้าตาดีตามมาด้วยกันอีกสองคนเลยนะ” ด็อกเตอร์ยองโฮหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนทอดสายตามองดูเด็กหนุ่มตัวสูงที่ถูกลากดึงแขนให้เดินตามสาว ๆ ออกไปแบบนั้น
“มาดื่มด้วยกันก่อนสิคะ” สาวสายคนนั้นรีบรินเหล้าเทใส่แก้วยื่นส่งให้กับแจฮยอนในทันที
“ถ้าเป็นแจฮยอนแล้วล่ะก็ งานปาร์ตี้ไหน ๆ ก็เอาอยู่ทั้งนั้นแหล่ะ” ยองโฮรีบพูดกระซิบที่ข้างหูของดงยอง ก่อนดึงข้อมือของนักศึกษาคนโปรดนั้นให้เดินตามเข้าไปร่วมงานคืนนี้ด้วยกันอย่างสนุกสนาน จนเกือบลืมไปเลยว่าพวกเขามาทำอะไรกันที่นี่
.
.
“ยัยปิศาจร้ายพวกนั้น กล้ามอมเหล้าคนอย่างฉันได้ยังไงกันเนี่ย?” เด็กหนุ่มตัวสูงที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนที่นอนแบบหมดสภาพวางมือของตัวเองไว้อยู่บนหน้าผากเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวของเขามันกำลังหมุนวนไปหมดแล้ว
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันเห็นนายเมาหมดสภาพแบบนี้” ดงยองที่ทำหน้าที่แบกร่างของเด็กหนุ่มตัวสูงเข้ามาส่งจนถึงที่รีบเอ่ยปากออกไปอย่างนั้น เพราะเขาพึ่งจะเคยเห็นแจฮยอนเมามายจนไม่ได้สติแบบนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา
“ผมเองไม่ค่อยถนัดดื่มเหล้าเท่าไหร่นักหรอก! ถ้าเป็นเบียร์ก็ว่าไปอย่าง!” แจฮยอนค่อย ๆ หมุนพลิกตัวให้นอนคว่ำ ก่อนโงหัวของตัวเองขึ้นมามองดูหน้าของดงยองที่ยังคงนั่งข้างตัวเขาอยู่อย่างนั้น
“แต่ก็เป็นเพราะว่า นายยอมดื่มเหล้าแทนฉันต่างหากไม่ใช่เหรอไง?”
“ผมก็แค่ไม่อยากเห็นสภาพของพี่ตอนที่เมาปลิ้นจนดูไม่ได้มากกว่าน่ะสิ” ฝ่ามือของแจฮยอนตบลงบนที่นอนเบา ๆ เป็นสัญญาณบอกให้เด็กหนุ่มตรงหน้าของเขารีบทิ้งตัวนอนลงเคียงข้างกันในนาทีนั้นทันที ก่อนที่สติของแจฮยอนจะดับวูบไปเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เขาต้านทานมันเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“อืม! ฉันเองก็ง่วงแล้วล่ะ”
“...”
”แจฮยอน...” ดงยองโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าไปจนใกล้กับแจฮยอน ก่อนที่จะกดริมฝีปากบางของตัวเองลงไปอย่างนุ่มนวลแทนคำบอกลาในค่ำคืนนี้
“ฝันดีนะ”
.
.
สรุปว่าพวกเราทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากันเลยสักนิด เพราะวันต่อมาก็ยุ่งอยู่กับงานอยู่กับด็อกเตอร์จนหัวหมุนปั่นป่วนไปหมด
ถ้าขืนปล่อยผ่านคืนนี้ไปอีกคืนเดียว เราสองคนก็จะทำตามความต้องการของพี่กงมยองได้สำเร็จ
“ผมจะไม่ตามพี่ไปไหนอีกแล้วนะ ไม่ว่าจะกดดันหรือว่าบังคับผมยังไงก็ตาม” แจฮยอนยื่นคำขาดรู้สึกหงุดหงิดกับความคลาดเคลื่อนทุกสิ่งอย่าง ที่ทำให้เขาไม่ได้ทำในสิ่งที่ร่างกายและจิตใจของตัวเองต้องการจะทำกับคนที่เขารัก
“เดี๋ยวสิ! แจฮยอน?” ดงยองพยายามเรียกรั้งตัวของเด็กหนุ่มตัวสูงเอาไว้ ก่อนที่จะหันหน้าไปหาด็อกเตอร์ยองโฮเอ่ยปากขออนุญาตกันแบบที่รู้สึกลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“ด็อกเตอร์ครับ วันนี้พวกเราต้องขอโทษด้วยนะครับ คือว่าแจฮยอนเขารู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ผมก็เลยคิดว่าจะขอตัวพาเขากลับไปพักที่โรงแรมก่อนน่ะครับ”
“...”
“ใช่มั้ย? แจฮยอน?!” กระต่ายน้อยดงยองรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างนั้น
“ค...แค่ก ๆๆๆ ใช่แล้วครับ ด็อกเตอร์ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับ”
“นี่ฉันพาพวกนายไปเที่ยวด้วยกันจนร่างกายรู้สึกไม่ไหวกันแล้วสินะ? ถ้าอย่างนั้นดงยองก็ดูแลแจฮยอนด้วยแล้วกัน”
“ครับ ด็อกเตอร์เที่ยวให้สนุกนะครับ”
“กลับกันดี ๆ ล่ะ”
“ครับ”
.
.
“ผมเนี่ยนะ ที่ไม่สบาย? ไม่คิดเลยนะว่าพี่จะกล้าโกหกด็อกเตอร์ออกไปแบบนั้น?” เด็กหนุ่มตัวสูงที่กำลังนอนสบายเอาหัวหนุนแขนของตัวเองอยู่อย่างสบายใจแบบนั้น รีบพูดจาล้อเลียนกระต่ายน้อยน่ารักของเขาออกไปในทันที หากแต่แจฮยอนกลับต้องตกใจเมื่อเด็กหนุ่มที่เขากำลังพูดจาแหย่เล่นอยู่นั้น กำลังปีนขึ้นคร่อมนั่งทาบทับตัวเขาอย่างจู่โจมแบบที่ไม่ทันตั้งตัวเลยแบบนี้
“ก็ถ้าฉันไม่พูดออกไปแบบนั้น พวกเราจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้งั้นเหรอ?”
CUT
#นอนรอคนอ่าน
#แจโดรักนี้ป่วยจิต
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

25 ความคิดเห็น
-
#25 ploy wty (จากตอนที่ 8)วันที่ 21 เมษายน 2561 / 21:52ดงยองโหมดนี้แจจะไม่ทน เขิงงงงง#250
-
#15 kim.soojinrr (จากตอนที่ 8)วันที่ 6 มีนาคม 2560 / 17:15ไม่มีพิกัด nc หรือคะ ฮืออออ#151
-
#14 AIGA_ss (จากตอนที่ 8)วันที่ 5 มีนาคม 2560 / 22:12กรี๊ด -///- ดงยองมีความกล้าขึ้นเยอะเลยนะคะ 555 คือเขินอ่ะ#140