ตอนที่ 5 : แจโดรักนี้ป่วยจิต (5) (100%)
ผมเองก็รู้ดีอยู่หรอกนะว่ารุ่นพี่ดงยองเขาคงไม่ยอมลงมาหาผมง่าย ๆ ถ้าหากว่างานของเขายังไม่เสร็จ ผมถึงต้องมาตามหาตัวเขาที่ห้องแล็บตอนนี้ยังไงกันล่ะ
แจฮยอนเอื้อมมือออกไปเปิดประตูห้องแล็บ ก่อนที่จะผลักมันเปิดเข้าไปในนั้น
แกร๊ก!!!
ทำไมห้องมืดแบบนี้ล่ะ?!
ปลายนิ้วของของเด็กหนุ่มเจ้าของลักยิ้มที่ข้างแก้มพลันกดลงบนสวิชท์ไฟที่ข้างประตูนั้นทันที
แกร๊ก!!!
แสงสว่างจากหลอดไฟที่กำลังติดขึ้นมาช่วยทำให้เด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาภายในห้องสามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างได้อย่างชัดเจน
“พี่ดงยอง?!”
“ฮ...ฮือ...”
“ทำไมลงไปนั่งอยู่ที่พื้นแบบนั้นล่ะ?” เด็กหนุ่มตัวสูงที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่โต๊ะ มองเห็นเพียงแผ่นหลังของรุ่นพี่ที่กำลังนั่งกอดเข่าหลบอยู่ที่ใต้โต๊ะ
“จ...แจฮยอน...” เจ้าของฟันกระต่ายค่อย ๆ หันหน้ากลับมาหาเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนที่เขารู้จักด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อค่อย ๆ ย่อตัวนั่งลงที่พื้นตรงนั้น ก่อนที่จะยื่นส่งปลายนิ้วมือออกไปจับปลายคางของดงยองให้เงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขาอย่างอ่อนโยน
“พี่ร้องไห้ทำไม ไหนบอกผมหน่อยสิ?!”
“ฮือ...จ...แจฮยอน” ดงยองพยายามกลั้นน้ำตาพร้อมกับก้อนสะอื้นเอาไว้ หากแต่มือทั้งสองข้างของเขายังคงกำรวบอยู่ที่ขากางเกงของตัวเองจนแน่นอยู่อย่างนั้น
“มีใครทำอะไรพี่งั้นเหรอ?”
“ก็เรื่องที่ฉันผิดนัดกับนายน่ะสิ! แล้วยังจะเข้าใจผิดเรื่องของนายอีกตั้งหลายอย่าง?! ฮ...ฮือ...”
“ห๊า?! เรื่องแค่นี้เองเนี่ยนะ? ที่ทำให้พี่ต้องมานั่งหลบอยู่เป็นลูกหมาแบบนี้!” เด็กหนุ่มตัวสูงแทบไม่อยากจะเชื่อว่ารุ่นพี่ดงยองคนที่เขาแอบชอบจะเป็นคนที่มีความรู้สึกอ่อนไหวได้ง่ายดายถึงขนาดนี้
“ฉ...ฉันขอโทษ แจฮยอน...”
“อ๋า...พี่จะมาขอโทษผมทำไมกันล่ะ?! ไม่เอา ๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว” แจฮยอนยกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นมาช่วยซับน้ำตาบนใบหน้าของรุ่นพี่อย่างอ่อนโยน
“ฮ...ฮือ...”
“ผมบอกว่าให้หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
“ฮือ...ฉ...ฉันขอโทษ”
บางทีนี่อาจจะเป็นการแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของพี่ดงยองที่เก็บอยู่ในใจของเขาก็ได้ เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดนั้นได้เป็นอย่างดี
ปลายนิ้วเรียวยาวของแจฮยอนยังคงช่วยปาดน้ำตาของดงยองที่ยังคงไหลออกมาอยู่นั้นให้ค่อย ๆ หมดไป ก่อนที่จะเอื้อมมือออกไปโอบรั้งรอบศรีษะกลมทุยของดงยองให้เข้ามาซบอยู่ที่หน้าอกเพื่อปลอบโยนให้เด็กหนุ่มรุ่นพี่คนนี้ได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“หยุดร้องไห้ได้แล้วนะพี่ดงยอง” เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูนุ่มหูและอ่อนโยนของแจฮยอนกำลังหลอมละลายให้เด็กหนุ่มที่กำลังถูกโอบกอดอยู่นั้น ค่อย ๆ หยุดสะอื้นและหยุดร้องไห้ได้ในเวลาไม่นานนัก เด็กหนุ่มที่ยังคงซุกใบหน้าของตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของแจฮยอนกลับยิ่งรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจอย่างเต็มตื้นจนบอกออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก นอกจากใบหน้าของเขาที่กำลังขึ้นสีแดงเรื่ออยู่อย่างนั้น
ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้ามาเรียนในมหาลัย ผมก็พบว่ามีเด็กหนุ่มอีกมากมายที่ร่างกายของเขาดูแตกต่างไปจากผม พวกเขาดูแข็งแรงและดูตัวโตกว่าผมมาก ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความกลัว ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มพวกนั้นจะไม่ได้เข้ามาทำร้ายผมก็ตามที แต่การที่พวกเขาเข้ามาใกล้ชิดกับผมหรือมาสัมผัสตัวผมอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนั้น มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกกลัวมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก
ผมจึงเลือกที่จะสร้างกำแพงขวางกั้นเอาไว้ระหว่างตัวของผมเองกับเด็กหนุ่มทุกคนที่เข้ามาใกล้ รวมไปถึงแจฮยอนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ผมเปลี่ยนนิสัยของตัวเองไม่ได้ นิสัยที่เป็นมาตั้งแต่เด็กที่ไม่ยอมให้ใครได้สัมผัสตัวผมได้เลยสักนิด แต่ว่าแจฮยอนเขาไม่เคยยอมแพ้สักครั้งเลย ไม่ว่ายังไงเขาก็จะพยายามหาทางเข้ามาใกล้ชิดกับผม หาทางที่จะได้ทำความรู้จักกับผม แม้ว่าวิธีการที่เขาเข้ามาหาผมในหลายรูปแบบนั้น มันจะดูแปลกอยู่สักหน่อยก็ตามที
แต่ว่าตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทุกสัมผัสที่เป็นแจฮยอน ผมไม่เคยรู้สึกต่อต้านมันเลยสักนิด ตรงกันข้ามแล้วผมกลับมีความต้องการให้เขาสัมผัสร่างกายของผมมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกอย่างที่บอกไม่ถูก
“พี่ดงยอง หยุดร้องไห้แล้วใช่มั้ย?!” เด็กหนุ่มเจ้าของลักยิ้มผละอ้อมกอดออกจากเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะดึงแก้มสองข้างนั้นของดงยองให้ยืดออกจนมองเห็นใบหน้าที่ดูตลกปนน่ารัก
“อ๊า...ฉันเจ็บนะ?!”
ผมบอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงมีความสุขทุกครั้งเวลาที่แจฮยอนสัมผัสตัวผมแบบนี้
“พี่เจ็บงั้นเหรอ?”
“อ๋า...ก็ใช่น่ะสิ!”
เด็กหนุ่มตัวสูงยังคงหยอกล้อเล่นอยู่กับพวงแก้มของดงยองไปมาอย่างสนุกมือ ก่อนที่จะรู้สึกตัวอีกทีใบหน้าของเขาเองก็เริ่มแดงขึ้นมาเพราะความคิดไม่ซื่อของตัวเองในที่สุด
“เฮ้อ! จริง ๆ เลยนะ พี่ดงยองเนี่ย?! ทำไมถึงได้มีหน้าตาที่น่ารักขนาดนี้?!”
“ห๊า?! พูดบ้าอะไรของนายอีกเนี่ย?!”
“ต่อให้พี่กงมยองจะห้ามผมขนาดไหนก็ตาม ผมก็จะไม่สนใจมันอีกแล้ว” แจฮยอนรั้งแขนของดงยองให้ขยับตัวเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้นอีกนิด ก่อนที่เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายจะต้องยอมเปลี่ยนท่านั่งมาเป็นคร่อมอยู่บนหน้าตักของเด็กหนุ่มตัวสูงแบบที่ตัวของเขาเองแทบจะขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“พี่กงมยองทำไมงั้นเหรอ?” ดงยองเอ่ยถามออกไปในขณะที่เด็กหนุ่มอีกคนรั้งแขนทั้งสองข้างโอบเอาไว้รอบเอวบางนั้น
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนสิ!” เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายที่กำลังถูกรวบกุมข้อมือ พลันร้องห้ามออกมาด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าของแจฮยอนยื่นเข้ามาใกล้จนเกือบจะได้หอมแก้มของเขาในวินาทีนั้นอยู่แล้ว
“พี่ไม่ต้องถามอะไรผมอีกแล้วนะ รู้มั้ยว่าผมยืนรอพี่อยู่ข้างล่างนั่นนานแค่ไหนแล้ว?”
“จ...แจฮยอน...”
CUT
“อืม...” ดงยองค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่เขาไม่ค่อยรู้สึกคุ้นตาเลยสักนิด
“ตื่นแล้วงั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งพิงแผ่นหลังอยู่ที่หัวเตียงนอนหันหน้ามาถามรุ่นพี่ที่เผลอหลับไปครู่ใหญ่
“นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย?!” เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายพลันดีดตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งรีบถามออกไปด้วยความสะดุ้งตกใจหลงนึกว่าหลับเพลินจนข้ามวันไปแล้ว
“ยังไม่ถึงเที่ยงคืนเลย? ผมหิวแล้วอ่ะ สั่งอะไรมากินกันดีมั้ย?!” แจฮยอนพลิกดูเมนูอาหารที่เขากำลังถือดูอยู่ในมือ
“เอ๋?!”
ห๊า?! นี่ผมอยู่ที่โรงแรมกับแจฮยอนจริง ๆ เหรอเนี่ย?!
“พี่ดงยองกินอะไรดี?”
“เอ่อ...นายเลือกให้ฉันเลยก็แล้วกันนะ แต่ฉันขอใช้โทรศัพท์ก่อน” ดงยองเอื้อมมือไปหยิบมือถือของแจฮยอนที่วางอยู่ตรงหัวเตียงนั้นขึ้นมาก่อนกดเบอร์ที่เขาจำได้ขึ้นใจเป็นอย่างดี
“อย่าบอกนะว่าพี่กำลังจะโทรไปหาพี่กงมยองน่ะ?!”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
เด็กหนุ่มตัวสูงที่ได้ยินคำตอบนั้น พลันพลิกร่างขึ้นมาคร่อมทับร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายกดข้อมือเอาไว้เหนือศรีษะทันที
“ถ้างั้นผมก็ไม่ยอมให้พี่ใช้มือถือของผมหรอกนะ!”
“ฉันก็แค่จะบอกกับเขาว่าคืนนี้ฉันไม่กลับบ้านก็แค่นั้นเอง”
คำตอบของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ทำให้แจฮยอนถึงกับหน้าขึ้นสียอมปล่อยมือออกจากข้อมือของดงยองให้เป็นอิสระและยอมให้เขาใช้มือถือโทรกลับไปที่บ้านตามความต้องการนั้นในที่สุด
“พี่กงมยอง?!”
(ดงยองเหรอ?! แล้วนี่เบอร์ใคร?! ทำไมนายยังไมกลับบ้านอีกห๊า?!)
“พอดีผมออกมาเที่ยวกับเพื่อนน่ะ”
(เพื่อนคนไหน? อย่าบอกนะว่าไปกับแจฮยอน?!)
“พี่ฮะ ผมโตแล้วนะ ผมดูแลตัวเองได้ อีกอย่างถ้าเป็นแจฮยอนแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ เพราะว่าตอนนี้แจฮยอนเขาเป็นคนพิเศษของผมแล้ว”
(!!!)
“พี่ช่วยเข้าใจความรู้สึกของผมหน่อยได้มั้ย?!”
(...)
“ได้มั้ยฮะ? ผมขอร้อง?! แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมอยากจะขอกับพี่จริง ๆ”
(เอ่อ...อืม! ก็ได้ พี่จะตามใจนายก็แล้วกัน)
“ขอบคุณฮะ”
(ยังไงก็ตามนายต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยล่ะ เข้าใจใช่มั้ย?!)
“ครับ ผมเข้าใจครับ ฝันดีนะฮะ”
(โอเค บาย)
หรือว่าดงยองจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ นะ?!
กงมยองได้แต่นั่งครุ่นคิดอยู่ลำพังเพียงคนเดียวหลังจากที่กดวางสายของดงยองไปแล้ว เขาคงจะต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของน้องชายตัวเองแล้วสินะ ที่เด็กหนุ่มอย่างดงยองควรจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นมาตามเส้นทางเดินที่เขาเลือกด้วยตัวเองได้แล้ว
.
.
“ขอบใจที่ให้ฉันยืมมือถือนะ” ดงยองหันมาส่งยิ้มอย่างโล่งอก ก่อนยื่นมือถือคืนไปให้กับเด็กหนุ่มตัวสูงที่กำลังนั่งใช้มือปิดหน้าของตัวเองเพราะความรู้สึกเขิน
“ที่พี่คุยกับพี่กงมยองทั้งหมดน่ะ พี่พูดออกมาจริง ๆ ใช่มั้ย?”
“หืม?! ทำไมนายต้องหน้าแดงแบบนั้นด้วยล่ะ?!”
“ก็เป็นเพราะคำพูดของพี่นั่นแหล่ะ! ยังจะมีหน้ามาถามผมอีก?!”
แจฮยอนพลันพลิกหมุนตัวของเขาให้ขึ้นคร่อมทับร่างของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ที่ชอบทำหน้าตาอินโนเซ้นต์อยู่ตลอดเวลาในทันที
“อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนสิ! นี่นายไม่หิวแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ผมไม่หิวแล้ว แต่ผมจะกลืนกินพี่ให้หมดทั้งตัวเลยต่างหากล่ะ”
“อ๊ะ...อือ...”
(100%)
#นอนรอคนอ่าน
#แจโดรักนี้ป่วยจิต
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

25 ความคิดเห็น
-
#22 ploy wty (จากตอนที่ 5)วันที่ 21 เมษายน 2561 / 21:13แจมันขี้เขิน แต่จะเขินแล้วจับดงยองกดทุกครั้งไม่ได้นะ พี่เขาช้ำหมด#220
-
#10 wnxnff (จากตอนที่ 5)วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 / 20:36อร้ากกกกกกกกกก๐_๐กรีดร้อง!!!#100
-
#9 AIGA_ss (จากตอนที่ 5)วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 / 13:55-////- เขิน 55555#90