ตอนที่ 2 : แจโดรักนี้ป่วยจิต (2) (100%)
“กู๊ดมอร์นิ่ง!”
เด็กหนุ่มเจ้าของลักยิ้มที่ข้างแก้มพลันเอ่ยทักทายขึ้นมาทันทีที่เปิดประตูห้องแล็บเข้ามาแต่เช้า ใบหน้าของเขายังคงดูซูบซีดเพราะว่าอดหลับอดนอนมาจากปาร์ตี้ที่เลิกจนดึกดื่นของเมื่อคืนวันก่อนแบบที่ฟ้าใกล้สาง
หัวทุย ๆ ของเด็กหนุ่มยังคงรู้สึกปวดตุบเพราะปริมาณของเหล้าที่ดื่มเข้าไปมากกว่าทุกครั้ง ซึ่งคำว่าแฮงค์ยังคงใช้แทนสภาพที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ แจฮยอนยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาบีบนวดที่ต้นคอด้านหลังไปด้วยขณะที่เขาก้าวขาเข้ามาในห้องแบบที่จวนจะถึงโต๊ะของดงยองในที่สุด
“อยู่คนเดียวอีกแล้ว?” เด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างแจฮยอนยังคงพยายามชวนดงยองพูดคุยและทำตัวตามปกติ หลังจากที่พึ่งจะผ่านเรื่องราวที่เกินขีดข้ามเส้นที่ห้องน้ำในผับคืนนั้นอย่างยากที่จะเข้าหน้ากันติดง่าย ๆ อีกครั้ง
เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายที่เคยชินกับการนั่งทำงานอยู่คนเดียวพลันตวัดหางตาหันกลับไปมองดูหน้าของเด็กหนุ่มอีกคนที่ยังกล้าชวนเขาคุยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนที่จะตัดสินใจรีบลุกออกไปจากที่นั่งแล้วเดินสวนเด็กหนุ่มตัวสูงออกไปจากห้องทั้งอย่างนั้น
“ฉันไปถ่ายเอกสารก่อน!”
ดงยองไม่ได้โกรธเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แต่เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเริ่มรู้สึกกลัวเวลาที่ต้องอยู่กันแบบสองต่อสองกับเด็กหนุ่มอย่างแจฮยอนคนนี้จริง ๆ เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่าตอนนี้กำลังรู้สึกกลัวแจฮยอนหรือว่ากำลังกลัวหัวใจของตัวเองอยู่กันแน่
“ตั้งใจจะหลบหน้ากันอยู่สินะ?!” แจฮยอนไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกเลยว่าที่ดงยองต้องทำตัวแบบนี้มันเป็นเพราะเหตุผลอะไร แต่มันก็น่าหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กหนุ่มคนที่เขาชอบกลับเอาแต่หลบหน้ากันอยู่แบบนี้ ดงยองจะรู้บ้างไหมว่าเหตุผลที่แจฮยอนต้องมาที่ห้องแล็บทุกวันก็เป็นเพราะว่าเขาอยากจะเห็นหน้าตาของรุ่นพี่ที่น่ารักคนนี้ยังไงกันล่ะ
แกร๊ก!
ประตูห้องแล็บเปิดกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับกระต่ายน้อยดงยองที่กำลังขนลังอันใหญ่เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“ให้ผมช่วยถือให้เอาไหม?” แจฮยอนรีบออกปากขันอาสาพุ่งตัวเข้าไปช่วย หวังว่าความดีที่เขาพยายามลงมือทำมันอาจจะช่วยลบล้างความผิดที่เขาเคยทำกับดงยองไปได้บ้าง
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเองได้!” น้ำเสียงราบเรียบที่ฟังดูเย็นชาของดงยองมันยิ่งกว่าการเอาน้ำเย็นที่อยู่ในช่องแช่แข็งออกมาสาดใส่หน้าของเด็กหนุ่มตัวสูงคนนี้เสียอีก
รุ่นพี่ดงยองนี่ใจแข็งจริง ๆ เลยนะ เอาแต่หลบหน้าหลีกเลี่ยงแล้วก็ปฏิเสธผมอยู่ได้ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น แต่จะไปโทษพี่เขาก็ไม่ได้หรอก ต้องโทษตัวเองที่ทำให้รุ่นพี่รู้สึกกลัวจนต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
แต่ผมเองก็ปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองอีกไม่ได้เหมือนกัน
ดูสิ! แค่ได้เห็นใบหูของเขาจากทางด้านหลังแบบนี้ ผมก็แทบจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่เลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ!
เด็กหนุ่มเจ้าของลักยิ้มที่สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองอยู่นาน แต่ก็ไม่อาจต้านทานมันเอาไว้ได้อีกแล้ว พลันเดินเข้าไปโอบกอดเด็กหนุ่มรุ่นพี่ที่ไม่ทันระวังตัวจากทางด้านหลัง ก่อนกดริมฝีปากของเขาหยอกเย้าที่ใบหูของดงยองในทันที
“จ๊วฟ!!!”
“อ๊ะ...”
ใบหน้าของคนที่ถูกจู่โจมพลันขึ้นสีแดงจัดด้วยความรู้สึกตกใจ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่แจฮยอนเข้ามาคอยกวนประสาทแถมยังคอยปั่นป่วนเขาอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
“ช่วยไม่ได้นะครับ ร่างกายของผมมันปฏิเสธความรู้สึกตัวเองไม่ค่อยได้น่ะ” เด็กหนุ่มตัวสูงรีบพลิกหมุนตัวของดงยองให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาพร้อมประสานสายตาจ้องมองกลับไปอย่างลึกซึ้งและมีความหมาย
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เด็กหนุ่มที่ใบหน้าเริ่มแดงไปหมดจนถึงใบหูพยายามบังคับเสียงของตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนโพล่งใส่หน้าของเด็กหนุ่มอีกคนที่ยังไม่ยอมปล่อยตัวเขาให้หลุดออกจากวงแขนไปอย่างง่าย ๆ
ดงยองพยายามขัดขืนจนต้องรีบยกมือของตัวเองขึ้นมาอย่างตั้งใจว่าจะผลักหน้าอกกว้างของแจฮยอนออกไปให้พ้นตัว หากแต่เด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่ากลับคว้าจับเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้างของรุ่นพี่ ก่อนจะดึงรั้งแขนของดงยองให้โน้มเข้ามาจนเลยพาดหัวไหล่เกาะเกี่ยวอยู่รอบคออย่างแกมบังคับ
“ถ้าเป็นแบบนี้เราสองคนก็จะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นสินะ?!” น้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบของแจฮยอนกลับยิ่งทำให้หัวใจของดงยองยิ่งเต้นถี่เร็วรัวขึ้นไปอีก
“ป...ปล่อยฉันนะ!” เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายที่เริ่มทำตัวไม่ถูกพยายามดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนที่กำลังรัดแน่นเข้ามาจนปลายจมูกของเด็กหนุ่มตัวสูงแทบจะกดลงบนผิวแก้มนุ่มของดงยองอยู่แล้ว
แกร๊ก!!!
บานประตูห้องแล็บถูกเปิดเข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนเด็กหนุ่มทั้งสองคนต้องรีบผละตัวออกจากกันอย่างไม่มีใครต้องเอ่ยปากขอร้อง
“หืม?! ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าพวกเธอสองคนจะสนิทกันมากขนาดนี้?!” ด็อกเตอร์ยองโฮที่กำลังเดินเข้ามาพลันเอ่ยถามออกไปแบบที่ไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่นัก
“อ...เอ่อ...คือว่า...พวกเรา...ไม่ได้สนิทกันหรอกครับ!” ดงยองที่กำลังมองสบตากับด็อกเตอร์และแจฮยอนแบบที่สลับกันไปมาพยายามตอบคำถามเลี่ยงไปเพราะไม่อยากให้ถูกจับได้
“ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ ด็อกเตอร์ พวกเราน่ะสนิทกันมานานมากแล้วล่ะครับ!” แจฮยอนเหล่สายตามองดูใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มอีกคนที่ยังคงแดงก่ำขึ้นมาจนถึงใบหู ก่อนที่จะค่อย ๆ ใช้ฝ่ามือของเขาบีบก้นของดงยองจนสุดแรงสร้างความรู้สึกปั่นป่วนให้เด็กหนุ่มรุ่นพี่อีกคนต้องฝืนทนสะกดกลั้นความรู้สึกเขินอายที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเอาไว้อยู่แบบนั้น
“จริงเหรอ? แล้วพวกเธอสนิทกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?!”
“ก็ตั้งแต่ตอนที่เริ่มทำโปรเจคด้วยกันนั่นแหล่ะครับ” แจฮยอนยกยิ้มหวานขึ้นมาพร้อมกับตอบคำถามของอาจารย์ออกไปอย่างอารมณ์ดี
“อ๋า?! เป็นแบบเองนั้นสินะ?!”
“ใช่แล้วล่ะครับ”
เด็กหนุ่มเจ้าของลักยิ้มยังคงพูดคุยกับด็อกเตอร์ต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีทีท่าว่าจะหมดเรื่องคุยกันง่าย ๆ ทั้งที่สายตาก็แอบชำเลืองมองดูใบหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นพี่อีกคนที่ยังคงขึ้นสีแดงจัด พร้อมกับยืนตัวเกร็งแบบที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น
ทำไมกันนะ ดงยองถึงได้ดูน่ารักน่าแกล้งอยู่ตลอดเวลาในสายตาของแจฮยอนแบบนี้
.
.
“แจ้ก็เลยแกล้งแหย่พี่ดงยองเขาไปแบบนั้น! แต่พอมาคิดดูอีกที แจ้ก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันนะ?” แจฮยอนยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นมาจิบตอนที่ยืนคุยอยู่กับอีแทยงบนดาดฟ้าของตึกเรียนที่พวกเขาชอบแอบขึ้นมาเล่นกันอยู่เสมอ
“เฮียเริ่มรู้สึกว่าแกกำลังเล่นสนุกอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะ ฉันเริ่มรู้สึกสงสารดงยองขึ้นมาบ้างแล้วที่เห็นแกเอาแต่แกล้งมันเหมือนเป็นกระต่ายน้อยอยู่แบบเนี้ย?!” แทยงเริ่มเปิดปากปรามเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่เอาแต่ใจชอบแกล้งคนอื่นไปเรื่อย
“ช่วยไม่ได้นะเฮียก็พี่เขาอยากหลบหน้าแจ้ก่อนทำไมกันล่ะ?! แจ้ชวนคุยก็ไม่ยอมคุย พอจะช่วยถือของให้พี่เขาก็เล่นเดินหนีแจ้ไปอีก!”
“นี่แกท่าจะบ้าไปแล้วรู้ตัวบ้างไหมเนี้ย?”
“บ้ายังไงล่ะ? เฮีย”
“แล้วมันใช่เรื่องเหรอวะ? ที่ต้องไปหาดงยองมันทุกวันที่ห้องแล็บแล้วก็คอยตามแกล้งมันอยู่แบบเนี้ย?!”
“นั่นสินะ?! อีกอย่างพี่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา!”
“หืม?! ไอ้แจ้! มึงพึ่งรู้ตัวเองเนี่ยนะ?!” อีแทยงแทบจะเอาขอบของก้นแก้วกาแฟที่ถืออยู่ในมือเขกลงไปบนหัวทุย ๆ ของเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ชอบทำตัวปัญญาอ่อนต่อหน้าเขาแทบจะทุกครั้ง
“ไม่รู้สิ?! แจ้เองก็ไม่ได้อยากที่จะแกล้งพี่ดงยองนักหรอก แต่เวลาที่แจ้ได้เห็นหน้าของพี่เขาตอนที่โดนแกล้งทีไร แจ้กลับมีความสุขอย่างที่บอกออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย”
“...”
“มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ แต่มันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มันมากกว่านั้น”
“แกก็เลยจูบดงยองงั้นสินะ?!”
“จูบเจิบอะไรกันล่ะ? เฮีย!”
“เฮียว่านะ แกคงตกหลุมรักดงยองเข้าให้แล้วล่ะ?! เหมือนที่เฮียตกหลุมรักไอ้เตนล์ยังไงล่ะ!”
“...”
“โห! ตายยากจริง ๆ พูดถึงปุ๊บก็โผล่หน้ามาให้เห็นกันเลยเนี่ยนะ?!” อีแทยงชะโงกหน้าลงไปมองดูเด็กหนุ่มคนที่แจฮยอนแอบชอบกำลังเดินผ่านหน้าตึกเรียนตรงออกไปทางประตูของคณะ
“เฮียกำลังพูดถึงใคร?”
“ก็คนที่แกชอบยังไงล่ะ!”
แจฮยอนรีบเดินเข้ามายืนเกาะขอบระเบียงบนดาดฟ้าพร้อมกับเพ่งสายตามองตามอีแทยงลงไปดูเด็กหนุ่มที่ถูกพูดพาดพิงถึงด้วยอีกหนึ่งคน
“เด็กผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดงยองนั่นดูไม่น่าจะใช่นักศึกษาของคณะนี้เลยนี่หว่า?! แทยงกำลังสรุปทุกอย่างที่พอมองเห็นจากสายตาที่พยายามหรี่มองเพื่อให้เห็นทุกอย่างชัดเจนที่สุด
“ใครจะไปอยากรู้?!”
“อ๋า?! เฮียนึกออกแล้ว! นักศึกษาหนุ่มสุดหล่อคณะทันตะฯ ขวัญใจสาว ๆ นี่เอง ดูสิ! ขนาดมันไม่แต่งตัวออร่ามันยังแผ่กระจายมาถึงตรงนี้เลยนะเว้ย!” เด็กหนุ่มเสียงทุ้มพูดออกไปตามที่เขาคิด แต่กลับไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นกำลังเสียดแทงหัวใจของแจฮยอนเข้าไปอย่างเจ็บปวด
ใบหน้าของดงยองที่กำลังยืนส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มอีกคนอย่างมีความสุขอยู่นั้นกำลังทำให้เด็กหนุ่มตัวสูงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดหัวใจตัวเอง จนใบหน้าของเขาต้องกระตุกเกร็งอย่างแรงแบบที่ห้ามไม่ได้
เวลาอยู่กับคนอื่นก็ทำหน้าตาน่ารักแบบนั้นได้นี่นา?! แถมยังส่งยิ้มให้กันแบบนั้นอีก?!
ทีเวลาอยู่กับเราไม่เห็นจะเคยทำหน้าตาแบบนั้นบ้างเลย!
“แกมีคู่แข่งซะแล้วว่ะ แจ้เอ๊ย?!” แทยงหันกลับไปมองดูแจฮยอนที่พยายามทำเป็นไม่สนใจไม่อยากมองดูรุ่นพี่ดงยองที่กำลังมีความสุขอยู่กับคนอื่นที่อยู่หน้าประตูคณะนั้น
“เฮียต้องการจะสื่ออะไร?!” แจฮยอนพลันตวัดสายตากลับมาจ้องมองใบหน้าของรุ่นพี่คนสนิทแบบที่เก็บอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ไม่อยู่
“เฮ้ย! อย่าจ้องหน้าเฮียแบบนี้สิวะ?!”
“จ้องเจิ้งอะไรกันล่ะ?!” เด็กหนุ่มตัวสูงที่เริ่มเหวี่ยงวีนรีบสวนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็จ้องหน้าเฮียอยู่นี่ไง?! ยังจะเถียงอีก?!”
“...”
ถ้าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันจริง ๆ เวลาที่พวกเขามีความสุขด้วยกันแบบนั้นล่ะ?! ใบหน้าที่ดูน่ารักและดูเซ็กซี่แบบนั้นของพี่ดงยอง ไอ้เด็กคนนั้นมันก็ต้องได้เห็นเกือบหมดทุกอย่างเลยน่ะสิ!
ไม่มีทาง! ไม่มีทาง!
ไม่มีทางที่ฉันจะยอมแพ้ไอ้เด็กหน้าหล่อดีกรีทันตแพทย์คนนั้นอย่างแน่นอน ใครจะยอมให้มันได้ตัวของพี่ดงยองไปแบบง่าย ๆ กันล่ะ
ฝันไปเถอะ!
.
.
ถ้าผมไม่ต้องเข้าเลคเชอร์ชดเชยตอนเรียนภาคค่ำก็คงจะดีกว่านี้ ดูสิ! เลิกซะดึกเลย แถมตอนนี้ฝนก็ยังตกลงมาแบบไม่ยอมหยุดอีก ไอ้ตาแก่หัวล้านเอ๊ย! กับอีแค่รีพอร์ทตัวเดียวจะมาอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้!
หืม?! ไฟห้องแล็บยังเปิดอยู่อีกเหรอเนี้ย?
แกร๊ก!!!
“จะอยู่จนถึงเช้าเลยหรือไงกันครับพี่ดงยอง?!”
แจฮยอนเปิดปากถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ จนเด็กหนุ่มที่นั่งทำงานอยู่คนเดียวสะดุ้งตกใจหลังจากที่กำลังทำงานอยู่อย่างเงียบ ๆ เพลิน ๆ ดงยองพลันหมุนเก้าอี้หันกลับไปมองดูที่หน้าประตูห้องเพื่อค้นหาเจ้าของเสียงที่ฟังดูคุ้นหูที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
“แจฮยอนเองเหรอ?!”
“รถไฟเที่ยวสุดท้ายใกล้จะหมดแล้วนะครับ?!”
“ถึงฉันจะอยู่ดึกกว่านี้ก็ไม่เป็นไรหรอก!” ดงยองฝืนตอบกลับไปแบบที่ไม่อยากจะสนใจใยดีมากนัก
“รุ่นพี่จะหลบหน้าผมอยู่แบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กันเหรอ?!” แจฮยอนพลั้งปากถามกลับไปบ้างหลังจากที่เห็นว่าเด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายยังคงทำตัวเย็นชาใส่เขาอยู่แบบเดิมเหมือนอย่างทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน
“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดสักหน่อย!”
“งั้นเหรอ?”
แจฮยอนล้มเลิกความคิดที่จะเดินผ่านห้องแล็บไปในทันที เขาพลันเลี้ยวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาดงยองอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
“...”
“พอดีว่าผมเอารถมา กลับด้วยกันก็ได้นะ?!” แจฮยอนยื่นข้อเสนอออกไปอย่างเป็นกันเอง เขาเพียงแค่อยากที่จะอาสาพารุ่นพี่ดงยองไปส่งที่บ้านก็เท่านั้น เพราะเห็นว่าถึงดงยองจะกลับด้วยรถไฟตอนนี้ก็คงไปไม่ทันขบวนเที่ยวสุดท้ายแล้ว
“ไม่ดีกว่า!” เด็กหนุ่มที่ถูกชวนพลันส่ายหน้าปฏิเสธ สายตาของเขายังคงจ้องมองสบตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างระมัดระวังตัว ก่อนดึงเก้าอี้เข้ามาขวางกั้นกลางเอาไว้ระหว่างตัวของเขากับเด็กหนุ่มตัวสูงแบบที่ไม่ยอมให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้
“ผมไม่ทำอะไรพี่ดงยองหรอกน่า ก็แค่อยากจะพาไปส่งให้ถึงที่บ้านก็เท่านั้นเอง”
“...”
ดงยองยังคงไม่ไว้ใจยืนนิ่งเงียบงันพร้อมกับจ้องตากลับไปอีกครั้งอย่างไม่อยากที่จะเชื่อใจเด็กหนุ่มตัวสูงอีกแล้ว
“ผมจะไม่ทำอะไรพี่ดงยองเหมือนอย่างคืนนั้นอีก ตอนนี้ฝนก็กำลังตกหนักพี่คงจะกลับลำบากถ้าไม่ยอมให้ผมไปส่งที่บ้าน?!” แจฮยอนพยายามพูดกับดงยองอย่างใจเย็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงนอกไปจากเรื่องนี้
“...”
การที่แจฮยอนเคยก้าวล้ำเส้นเขตแดนของดงยองเพียงแค่ครั้งเดียวกำลังทำให้กระต่ายน้อยดงยองยังคงต้องชั่งใจคิดใคร่ครวญอยู่อย่างยากที่จะรีบตอบรับคำชวนนั้น
“จริง ๆ พี่ดงยอง ผมจะไม่ทำอะไรพี่แบบนั้นอีกแล้วจริง ๆ ผมสัญญา” เด็กหนุ่มตัวสูงต้องรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาตรงหน้าเพื่อเป็นการยืนยัน
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเองก็ต้องขอบใจนายมากเลยนะ” ดงยองค่อย ๆ ลดแว่นสายตาของเขาลงมาถือไว้ในมือเพราะไม่อาจสู้สบตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าได้อีกเหมือนกัน
ใบหน้าของแจฮยอนพลันขึ้นสีแดงเรื่อจนต้องรีบยกมือของเขาขึ้นมาปิดปากเอาไว้ก่อนเลื่อนสายตาเลี่ยงหลบหนีไปอีกทางเพราะกลัวใจของตัวเองที่อาจจะเผลอทำอะไรกระต่ายน้อยน่ารักที่อยู่ตรงหน้าได้ หากเผลอจ้องมองดงยองไปนานมากกว่านั้น
แจฮยอนไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กหนุ่มรุ่นพี่อย่างดงยองเวลาที่ถอดแว่นสายตาออกแล้วจะดูน่ารักน่าแกล้งได้จนถึงขนาดนี้
พี่ดงยองน่ารักออกขนาดนี้ผมจะอดใจไหวได้ยังไงกันล่ะครับ?!
.
.
“ให้ส่งแค่นี้จริง ๆ เหรอ?” แจฮยอนเอ่ยถามดงยองออกไปอีกครั้งเพราะว่ายังไม่อยากกลับ ขณะที่เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายยืนกางร่มตากฝนอยู่ที่ข้างตัวรถ
“อืม!”
“แน่ใจนะ?!”
“อืม!”
“พี่ดงยอง?!” เด็กน้อยที่กำลังจะเป็นวัยรุ่นเดินกางร่มออกมาจากตัวบ้านเพื่อมารอรับพี่ชายของเขาที่พึ่งกลับมาถึง
“จีซองเองเหรอ?” ดงยองที่พึ่งหันหน้าไปเห็นน้องชายพลันยกยิ้มตอบกลับไปให้อย่างเอ็นดู
“เพื่อนพี่ดงยองมาส่งถึงบ้านเลยเหรอเนี้ย?”
“อืม!”
“ขอบคุณนะครับที่มาส่งพี่ชายของผม” จีซองยกยิ้มขึ้นมาเต็มใบหน้าจนมองเห็นรูปตาเป็นสระอิ ก่อนโค้งตัวเป็นการขอบคุณแจฮยอนที่นั่งมองดูเขาอยู่ในรถอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอก! เรื่องแค่นี้เอง?!” แจฮยอนส่งยิ้มตอบกลับไปให้เด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มที่กำลังจ้องมองดูใบหน้าของเขากลับมาแบบที่ตาแทบจะไม่กระพริบ
“นายจะเข้ามานั่งเล่นในบ้านฉันก่อนไหม?” ดงยองเอ่ยถามออกไปตามมารยาทหากแต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เด็กหนุ่มรุ่นน้องอาสาขับรถมาส่งให้ถึงที่
แต่ทว่าตัวของเขากลับไม่รู้ตัวเลยว่าเพียงแค่แจฮยอนได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของกระต่ายน้อยน่ารักอย่างเขาก็จะทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มตัวสูงยิ่งรู้สึกพองโตจนคับแน่นอยู่ในอกด้วยความรู้สึกที่ดีใจมากเกินขีดสุดไปแล้วขนาดไหน
.
.
“นั่นใครกันน่ะ?” เจโน่ที่กำลังแอบยืนอยู่หลังประตูบานเลื่อนของห้องรับแขกพลันเอ่ยถามน้องเล็กจีซองออกไปด้วยความอยากรู้
“เป็นไปได้ไงที่พี่ดงยองพาเพื่อนมาที่บ้านน่ะ?” แจมินที่ยืนเกาะแขนของเจโน่อยู่ไม่ห่างก็แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ด้วยเช่นกัน
“พี่คนนั้นเขาดูหล่อมากเลยนะ!” แจมินยังคงเผลอพูดออกมาอีกครั้งอย่างลืมตัว
“หล่อมากเลยงั้นเหรอ?!” จีซองทวนประโยคนั้นซ้ำอีกครั้ง จนแขกพิเศษที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกนั้นต้องเหลียวสายตาหันกลับมามองเด็ก ๆ ที่กำลังยืนพูดคุยกระซิบกระซาบกันอยู่ที่หน้าประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แอบมองฉันอยู่งั้นเหรอ? พวกนายน่ะ?” แจฮยอนพลันยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับถามคำถามแหย่เล่นออกไปที่เด็ก ๆ อย่างนึกสนุก
“ขอโทษแทนน้อง ๆ ด้วยนะ” ดงยองที่เดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยชาร้อนเอ่ยปากบอกกับแจฮยอนที่กำลังเป็นจุดสนใจของพวกเด็ก ๆ สามคนที่อยากจะเห็นแจฮยอนแบบชัด ๆ
“อยู่กันหลายคนเลยสินะ?!” แจฮยอนถามกลับไป หลังจากที่มองดูควันที่ลอยขึ้นมาจากถ้วยชาร้อนนั้น
“อืม! ฉันมีน้องชายอยู่สามคน แล้วก็มีพี่ชายคนโตอีกหนึ่งคน”
ครืดดดดดดดด!!!
“อ้าว! มีแขกอยู่ด้วยงั้นเหรอ?” กงมยองเอ่ยปากถามขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว
“นายเองงั้นเหรอ?!” แจฮยอนเผลอโพล่งออกมาทันทีที่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มสุดหล่อคณะทันตะฯ ขวัญใจของสาว ๆ
“หืม?! พวกเราเคยเจอกันมาก่อนงั้นเหรอ?” กงมยองจ้องมองดูใบหน้าของแจฮยอนพร้อมกับถามออกไปอย่างที่ไม่ค่อยจะแน่ใจตัวเองนัก
“อ๋า?! ผมจำผิดคนน่ะ! ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นรุ่นน้องของพี่ดงยองที่คณะชื่อว่าแจฮยอนครับ”
“ฉันเองก็เป็นพี่ชายคนโตของดงยองชื่อว่ากงมยองน่ะ”
อ๋า! ที่แท้พวกเขาก็เป็นแค่พี่น้องกันนี่เอง ไม่ใช่คนรักอย่างที่เราคิดเมื่อตอนกลางวันสักหน่อย แบบนี้ก็หมดห่วงเรื่องคู่แข่งได้แล้วสินะ!
“ฉันขอตัวไปจัดการไอ้เด็กสามตัวนั่นก่อน นายนั่งเล่นที่ไปก่อนก็แล้วกันนะ” ดงยองเดินเข้ามาบอกกับแขกคนพิเศษของบ้านที่ไม่มีเลยสักครั้งที่ดงยองจะพาเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไหนมาถึงที่บ้านให้ทุกคนได้รู้จักแบบนี้
“โอเค พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก!”
เพียงแค่แจฮยอนได้เห็นรอยยิ้มน่ารักของกระต่ายน้อยดงยอง ใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดอย่างยากที่จะควบคุมความรู้สึกนั้นเอาไว้ได้
นี่มันรอยยิ้มพิฆาตของกระต่ายน้อยดงยองชัด ๆ
“แจฮยอน?! นายควรจะเป็นแค่เพื่อนที่ดีของดงยองเท่านั้นนะ!” กงมยองเริ่มต้นบทสนทนาชวนเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าพูดคุยด้วยรอยยิ้ม หากแต่สายตาของเขากลับดูออกว่าแจฮยอนคิดยังไงกับน้องชายของเขา
อะไรกัน?! ไอ้หมอนี่?! จู่ ๆ ก็ชวนคุยแล้วมายิ้มให้กันแบบแปลก ๆ อย่างนี้อีก
“ดงยองเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะทันคนสักเท่าไหร่ เป็นเรื่องเดียวที่ฉันมักจะเป็นห่วงเขาเสมอ แต่ว่าเรื่องอื่นดงยองเขาก็โอเคเพราะเขาจะคอยฟังสิ่งที่ฉันพูดเตือนทั้งหมด”
“...”
“บางครั้งเขาอาจจะถูกใครต่อใครชักจูงไปแบบง่าย ๆ โดยไม่ทันคิด จนเผลอทำอะไรลงไปแบบที่มันผิดพลาดไปจนสังคมไม่อาจยอมรับ พอฉันเห็นหน้าของนายแล้วก็เลยทำให้นึกถึงเด็กคนนึงที่เคยทำร้ายเขามาก่อนแบบนั้น...”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ พวกเราเป็นแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องที่เรียนคณะเดียวกัน อีกอย่างผมไม่มีทางที่จะคิดทำร้ายพี่ดงยองอย่างแน่นอน!” แจฮยอนเข้าใจเจตนาของกงมยองดีจึงพูดตอบออกไปแบบนั้นเพื่อตัดปัญหาและจะได้ช่วยให้พี่ชายของดงยองไม่ต้องคอยเป็นห่วงกับเรื่องนี้อีก
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันเองจะได้ไม่ต้องพูดอะไรมากนัก ฉันขอโทษด้วยก็แล้วกัน ที่เป็นห่วงดงยองมากเกินไปจนต้องพูดกับนายออกมาแบบนั้น หวังว่านายคงจะเข้าใจนะ”
ครืดดดดดดดด!!!
“กำลังคุยอะไรกันอยู่งั้นเหรอ?” ดงยองถามขึ้นทันทีที่เดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกหลังจากจัดการกับสมาชิกสามตัวให้ทำการบ้านให้เรียบร้อย
“ไม่มีอะไรมากหรอก!” กงมยองชิงตอบออกไปอย่างนั้น ก่อนที่ดงยองจะถามอะไรมากไปกว่านี้
พวกเขาเป็นแค่พี่น้องกันจริง ๆ งั้นเหรอ? ทำไมพี่ชายถึงได้ดูเป็นห่วงและหวงน้องชายของตัวเองมากถึงขนาดนี้กันล่ะ?!
.
.
“ขอโทษด้วยนะ บ้านฉันมันอาจจะเสียงดังไปสักหน่อย” ดงยองเอ่ยปากบอกกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังใส่รองเท้าเตรียมตัวกลับแล้ว
“ผมว่าดีเสียอีกที่พี่ดงยองมีพี่น้องอยู่ด้วยกันตั้งหลายคนแบบนี้ ต่างกับที่บ้านของผมเลย”
“...”
“ฝนหยุดตกแล้ว งั้นผมขอตัวกลับเลยก็แล้วกันนะ”
“อืม!”
“พี่ไม่ต้องเดินออกมาส่งผมก็ได้ ผมจอดรถไว้ใกล้ ๆ แค่นี้เอง”
“เออ...คือว่า...ฉันยังไม่ได้บอกขอบคุณนายเลยก่อนหน้านี้ ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากเลยนะที่มาส่งฉันถึงบ้านเลยน่ะ” ดงยองเผลอยิ้มออกมาที่มุมปากแบบที่แอบเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในใจไม่ได้อีกต่อไป
แจฮยอนที่ไม่ทันคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าที่ดูน่ารักและอ่อนโยนของดงยองอย่างนั้น ทำให้ใบหน้าของเขาพลันขึ้นสีแดงเรื่อตามไปด้วย ก่อนที่จะยกฝ่ามือของเขาขึ้นมาอย่างยากที่จะหักห้ามใจ
ผมอยากที่จะสัมผัสพี่ดงยองในเวลานี้เหลือเกิน...
ฝ่ามือของแจฮยอนที่เอื้อมออกไปหวังจะประคองเกาะกุมที่ข้างแก้มของกระต่ายน้อยพลันต้องเลื่อนสูงขึ้นไปอีก ก่อนค่อย ๆ ลูบผมและยีหัวทุย ๆ ของดงยองเล่นไปมาด้วยความรู้สึกที่เอ็นดูปนหลงรัก
ถ้าหากไม่มีสายตาของกงมยองที่เดินตามออกมาหยุดยืนดูอยู่ที่หน้าประตูแล้ว แจฮยอนคงไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองที่อยากจะสัมผัสดงยองมากไปกว่านี้ได้เลย และมันอาจจะรับประกันไม่ได้ด้วยว่าเขาจะเผลอทำอะไรที่ก้าวข้ามเส้นเขตแดนที่เคยทำกับดงยองก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้ใครจะรู้
ฝ่ามือที่กำลังยีเส้นผมของดงยองไปมาด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยว กำลังทำให้หัวทุย ๆ ของเด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายต้องโยกคลอนไปมาจนน่าเวียนหัว
“อ๊ะ...อ๋า...” กระต่ายน้อยรีบร้องท้วงเพราะเริ่มต่อสู้กับน้ำหนักมือของแจฮยอนที่กำลังแกล้งเขาอยู่ไม่ได้อีกแล้ว
“ไว้ค่อยเจอกันที่คณะนะครับ?!” แจฮยอนส่งยิ้มให้กับดงยองอย่างอ่อนโยนและรู้สึกดีที่หัวใจของเขากำลังได้รับการเติมเต็มจนสุขล้นที่ในวันนี้ตัวของเขาเองมีโอกาสได้เข้าใกล้กับรุ่นพี่ดงยองมากขึ้นไปอีกนิด
“อืม! ไว้เจอกัน” เด็กหนุ่มเจ้าของฟันกระต่ายยังคงกุมมือของตัวเองไว้บนศรีษะ สัมผัสที่อ่อนโยนและอบอุ่นจากฝ่ามือของแจฮยอนนั้นมันยังคงแจ่มชัดอยู่อย่างนั้นจนเขารู้สึกและสัมผัสมันได้เป็นอย่างดี
สายตาของดงยองยังคงทอดมองดูแผ่นหลังของเด็กหนุ่มตัวสูงที่กำลังเดินห่างออกไปทีละนิด พร้อมกับเสียงที่ดังก้องอยู่ภายในใจว่า
แจฮยอนเขาก็มีมุมที่น่ารักอยู่เหมือนกันนะ
#นอนรอคนอ่าน
#แจโดรักนี้ป่วยจิต
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งื้ออ โดยองยิ้มเเล้วๆๆ
รอต่อนะค้าบ