[SF] {ละครหลังข่าว....ภาคค่ำ} ....[TONO x RITz] - [SF] {ละครหลังข่าว....ภาคค่ำ} ....[TONO x RITz] นิยาย [SF] {ละครหลังข่าว....ภาคค่ำ} ....[TONO x RITz] : Dek-D.com - Writer

[SF] {ละครหลังข่าว....ภาคค่ำ} ....[TONO x RITz]

โดย Orny

นิยายน้ำเน่้า ตาม ละคร บนจอแก้ว

ผู้เข้าชมรวม

3,407

ผู้เข้าชมเดือนนี้

5

ผู้เข้าชมรวม


3.4K

ความคิดเห็น


39

คนติดตาม


10
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 54 / 21:29 น.

แท็กนิยาย

โน่ริท



ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


[SF] :: ละครหลังข่าว ... ภาคค่ำ
[FANDOM] :: The star 6
[Pairing] :: Tomo x RITz



THIS IS YAOI FICTION
if u dont like plz click [X]
AND


DO NOT COPY !!


.
.
.

thx for reading

ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ หวังว่าทุกคนที่อ่านจะสนุกไปกับเรื่องสั้นเรื่องนี้
แล้วเจอกันค่า


ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    Title : ละครหลังข่าว..ภาคค่ำ
    Status:
    One Shot
    Fandom: The star 6

    Pairing:  TONO x RITz
    Author: Orny
    Rating: PG-13
    Genre: Romantic- Drama
    นิดๆ


    Author’s Note:….
    ฟังเพลงนิยาย แล้ว ภาพมันซ้อนนน เอาซะหน่อยก่อนเปิดเทอม

     

    -------------------------------------

     

    ·         สาวเอ๋ย เจ้าจงเปิดเพลงนิยาย ของ โตโน่ ฟังไปด้วยขณะอ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้

    ·        สาวเอ๋ย เจ้าจงนึกภาพ โตโน่ในชุดเจ๊กขายหมี่ เสื้อกล้าม กับริท ออร่า

    ·         สาวเอ๋ย เจ้าจงทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น มองข้ามความเป็นจริงในบางเรื่อง เช่นเดียวกับที่ยึดติดกับความเป็นจริงในบางเรื่อง

    ·         สาวเอ๋ย เจ้าจงอย่าถือสาหาความกับข้าพเจ้าเลย ฟิคมันชั่ววูปจริงๆ 555+

     

     

     

     

     

    ...แล้วซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายก็ได้แต่งงาน และ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

    Happy ending ~

     

     

    ตอนจบของการ์ตูนในเครือว้อนท์ดิสนีย์ มีหรือจะให้พระนางต้องผิดหวัง ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะต้องเผชิญกับปีศาจร้าย  แม่มดจมูกแหลม คนใจโหดโฉดชั่ว แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ถ้าไม่เผลอกินแอปเปิ้ลตายเพราะไม่มีเจ้าชายมาจูบให้ฟื้นไปเสียก่อน

     

    นั่นล่ะ ..นิยาย

    อาจไม่ปรัมปราเท่าให้พรรณนาเรื่องราวของเหล่าเทพโอลิมปัส

    แต่ก็ไม่ได้เวิ่นเว้อมากน้อยไปกว่ากันนักหรอก

     

    ถามว่า ถ้าไม่ใช้ว้อนท์ดิสนีย์ จะพบเจอความสลับซับซ้อน และความอาภัพอับเฉาของเหล่าพระนางได้ที่ไหน ..ตอบได้ง่ายๆ ช่อง 3 5 7 9 หลังข่าวภาคค่ำ อาจจะต่างจากการ์ตูนสวยงามที่เคยดูสักหน่อยก็ตรงที่น้ำเน่า ..... แต่ก็ยังเห็นเงาจันทร์นะตัวเองงงงง

     

    ถ้างั้น ถามต่อว่า ชีวิตจริง เรื่อง ดราม่าน้ำตานองแบบนี้มันเกิดขึ้นหรือไม่ ...ตอบ มันก็คงไม่ขั้นนั้น หรือ บางทีมันอาจจะแนวๆนั้น ...รึยังไง

     

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    ตรอกคับแคบในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งรวบรวมอะไรเอาไว้บ้าง มันอาจจะยังไม่ถึงกับต้องเรียกว่าสลัม แต่แน่นอนมันไม่ใช่สวรรค์ของคนบนดิน  ร้อยทั้งร้อยของคนที่อยู่ในชุมชนแอดอัดแห่งนี้กำลังดิ้นรนหาทางออก ต่อสู้กับปัญหาใหญ่หลวงที่ติดตัวมาเหมือนกันหมด คือ ความจน

     

    เงิน ไม่ค่อยมี หนี้ ไม่เคยหมด ..วัฏจักรความจนเลยต้องวนเวียนไปมาไม่จบไม่สิ้น

    ถึงจะอยากหลีกเลี่ยง แต่ใช่ว่าจะทำได้

     

    รถขายก๋วยเตี๋ยวเก่าๆค่อยๆเข็นเข้ามาตามตรอกทางเดินช้าๆ เสียงกุกกักจากเครื่องมือที่วางไว้บนตัวรถเข็นไม่ค่อยเป็นระเบียบเท่าไหร่นักดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อล้อรถบดกับผิวทางขรุขระ  อีกไม่นานก็จะเที่ยงคืน ไฟจากบ้านหลังเล็กพออยู่กินนอนได้แต่ละหลังบ้างดับสนิทเพื่อการพักผ่อน ในขณะที่อีกหลายหลังก็ยังคงเปิดไฟไว้เพื่อทำอะไรบางอย่าง

     

    บานประตูไม้ใกล้ผุเปิดออกอย่างเบามือ ตามมาด้วยเสียงล้อรถขายก๋วยเตี๋ยวคันเดิมค่อยๆเคลื่อนเข้ามาภายในตัวบ้าน มันถูกจอดทิ้งไว้ข้างๆหนึ่งที่หน้าต่างห้าบานจากบ้านทั้งหลัง ทุกอย่างพยายามดำเนินไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หม้อก๋วยเตี๋ยวรวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆได้รับการเก็บล้างจนสะอาดเอี่ยมและคว่ำตากลมเอาไว้ข้างนอก

     

    หยดเหงื่อเม็ดโตที่ไหลย้อยลงมาเข้าตาทำให้ดวงตาเรียวต้องกระพริบไล่ความแสบออกไป น้ำจากสายยางจึงเป็นตัวช่วยชะล้างที่ดีที่สุด เขาถือโอกาสไล้แรงน้ำล้างทำความสะอาดผิวหน้าและร่างกายบางส่วนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเหงื่อไคลอยู่พักนึงจนกระทั่งรู้สึกสบายตัวขึ้นมาบ้าง

     

    กลับมาแล้วหรอ ลูก

     

    สุ้มเสียงที่เอ่ยทั้งขึ้นท่ามกลางความเงียบทำเอาสะดุ้งเล็กน้อย กระนั้นก็ยังจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร เขาหันไปข้างหลังพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เช่นเดียวกัน  เธอยิ้มบางๆให้เขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

     

    อุตส่าห์เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนะเนี่ย แม่ยังรู้อีก

     

    เขารับผ้าขนหนูที่เธอยื่นให้มาเช็ดใบหน้าและท่อนแขนเปียกๆแล้วหัวเราะกับตัวเองเบาๆที่วันนี้ก็ยังทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำได้ไม่สำเร็จ  แม่ยังคงยิ้มไปพร้อมๆกับส่ายหัวไปมากับการกระทำของเขา เธอไม่มีทางไม่รู้ว่าเขากลับมาแล้ว เพราะเธอจะรอจนกว่าเขาจะกลับมา จนกว่าเธอจะแน่ใจว่าเขาทานข้าวมือเย็นที่ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว จนกว่าเธอจะได้กอดเขาและกล่าวราตรีสวัสดิ์

     

    วันนี้ขายดีนะแม่ อ่ะนี่  แม่เอาเก็บไว้นะ แบ่งไว้ใช้ส่วนนึง เอาไปใช้หนี้ป้าทองสักพันนึงก่อน ที่เหลือสักนิดสักหน่อยเอามาให้ผมก็ได้ เผื่อแม่ไม่ว่าง ผมจะเอาไปฝากธนาคารให้

     

    ..........โตโน่

     

    ครับ

     

    ...แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องเหนื่อย

     

    ..แม่ครับ ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมไม่เหนื่อย อะไรที่ผมทำแล้วครอบครัวของเราจะมีความสุข ผมไม่เคยรู้สึกเหนื่อยทั้งนั้นล่ะ

     

    .......

     

    ผมรักแม่นะครับ

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    รถเข็นก๋วยเตี๋ยว หมูโตโน่

     

     

    เล็กน้ำไม่ผัก หมี่แห้งไม่ถั่วงอก อย่างละ 2 นะ

     

    ครับๆ นั่งรอสักครู่นะครับ

     

     

    อากาศกำลังร้อน ช่วงวุ่นวายที่สุดของวันคงไม่พ้นเวลากลางวัน พนักงานบริษัทในระแวกใกล้เคียงจุดขายที่ขายอยู่ทุกคนล้วนแล้วแต่พักกลางวัน  มองในแง่ดี รสชาติก๋วยเตี๋ยวของเขาถูกปากจนหลายคนยินดีที่จะรอทานถึงแม้จะช้าแค่ไหนในแต่ละวัน แง่ร้ายคือ เขามีแค่สองมือสองเท้า ไหนจะทำ เสิร์ฟ คิดเงิน แน่นอน มันช้า พลาด และชัวร์ว่าเขาเสียลูกค้าบางส่วนไป

     

    น้องๆ คิดเงินด้วย

     

    ครับๆพี่ รอแป๊ปนึงนะครับ

     

    ถ้าสติไม่แตกไปซะก่อน ยืนยันว่านาย โตโน่ ภาคินจะสามารถมีชีวิต ต่อสู้กับความวุ่นวาย ความร้อน และความบ้าบอเหล่านี้ ขายก๋วยเตี๋ยวต่อไปได้อีกหนึ่งวัน เขาหยิบเส้นเล็กสองกระชอนลวกทิ้งไว้ในหม้อ หั่นหมูแดงบนเคียงตามปริมาณที่สองจานควรจะมี จุ่มมือลงในอ่างล้างมือใกล้ตัวและเช็ดน้ำเปียกออกลวกๆบนผ้ากันเปื้อน

     

    ทอน 40 บาท

     

    อ่อ ครับๆ รอสัก ....ริท

     

     

    มือที่กำลังควักเงินทอนออกมาชะงักไปสักครู่ เขาเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความฉงนในสุ้มเสียง และรอยยิ้มกับหน้าหวานๆคือคำตอบ นัยต์ตาแวววาวจ้องมาที่เขาอย่างขบขัน ก่อนที่จะให้ลูกค้ารอนานมากไปกว่านี้ ผู้มาเยือนก็รีบลวกมือเข้าไปในผ้ากันเปื้อนของเขาและหยิบเงินทอนออกมากำนึงแล้วรีบวิ่งไปทอนเงินให้ลูกค้าทันที

     

     

    ในที่สุดช่วงเวลาวุ่นวายก็จบสิ้น บ่ายโมงกว่าแล้ว ลูกค้าเริ่มเหลืออยู่ไม่มากนัก  อีกราวๆสามถึงสี่ชั่วโมง มันอาจจะกลับมาวุ่นวายอีกครั้ง คงไม่เท่าตอนกลางวัน รวมไปถึงไม่มีอะไรต้องกลัว เขามีลูกมือ กองชามสูงไม่เท่าภูเขาอีกหนึ่งกองค่อยๆวางลงแบบเก้ๆกังๆข้างๆกะละมังล้างจานกะละมังแรก  และมันก็พลาด ชามที่อยู่ชั้นบนสุดๆเริ่มเอียงกะเท่เร่ ทลายลงมาในที่สุด

     

     

    เฮ๊ยๆๆ พี่โตโน่ จับที จับ ....โถ่เอ๊ย ไปหมดเลยย TT”

     

     

    เจ้าตัวการณ์บ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหยิบถ้วยชามกระจัดกระจาดใส่ลองซาวน้ำล้างเศษอาหารออกที่ละอัน ริมฝีปากเรียวยกยิ้มน้อยๆกับความเปิ่น แต่แล้วก็ค่อยๆหุบลงอย่างเก่า เขาหลุบตาลงก้มหน้าล้างจานกะละมังที่สองต่อไปเรื่อยๆ

     

     

    วันนี้ก็คนเยอะเหมือนเดิมเลยนะพี่โตโน่ เรืองฤทธิ์เอ่ยขึ้นขณะกำลังพยายามเขี่ยเศษผักชีออกจากก้นชามสีฟ้าอ่อน นั่นหมายความว่าไงรู้ไหม

     

    หือ หมายความว่าไงล่ะ

     

    ก็หมายความว่า ก๋วยเตี๋ยวหมูโตโน่ยังอร่อยเหมือนเดิมไงเล่า

     

    ฮ่าๆ ๆ ๆ โตโน่หัวเราะกับคำยอ ไอ้เรื่องนี้เขาก็พอรู้อยู่ ลูกค้าหลายต่อหลายคนมักชมเกี่ยวกับรสชาติอาหารให้ฟังบ่อยๆหลังทานเสร็จ  ทานอะไรมารึยัง เราหน่ะ

     

    ยังอ่ะ กะมาฝากท้องที่นี่แหละ

     

    อ่าว แล้วทำไมริทไม่บอกพี่ เลิกล้างเลย ไป ทานข้าวก่อน เกิดปวดท้องขึ้นมาทำไง เขากระชากข้อมือเรียวให้ลุกขึ้นตามแรงดึง ทว่ากับถูกฝืน ริท ลุกขึ้นมาเร็ว

     

    ก็ริทยังไม่หิว พี่โตโน่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นั่งลงเหอะ เดี๋ยวล้างจานไม่ทันนะ ยอดขายตกฮวบไม่รู้ด้วยทีนี้

     

     

     ....จบยังไงล่ะเรื่องนี้ มีหรือ จะมีใจอ่อนกับความดื้อรั้น จานทั้งหมดที่ล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วถูกนำมาเช็ดน้ำออกทีละใบแล้วซ้อนวางต่อกันไว้บนรถขายก๋วยเตี๋ยว เขาจัดการลวกเส้นเล็กต้มยำของโปรด และยัดเยียดให้เจ้าตัวดีนั่งลงทานให้หมดทันทีที่จัดวางภาชนะเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เรืองฤทธิ์ขี้โมกล่าวคำยอไม่ขาดปากทุกครั้งที่เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือหมูแดงเข้าปาก บ้างหัวเราะตลกกับมุขแป้กๆที่ตัวเองเล่นแล้วอีกฝ่ายดันไม่ขำ แล้วก็มาไอค่อกแค่กเพราะเศษอาหารเข้าคอจนต้องลูบหลังกันไม่หวั่นไม่ไหว

     

    บอกแล้วไง อย่าพูดเวลากิน แบบนี้ทุกทีเลย โตโน่ลูบหลังคนไอไม่หยุดเบาๆ

     

    ก็พี่โตโน่ไม่ขำ ริทก็เลยต้องขำเนี่ย อะแฮ่ม วันหลังก็ขำดิ ริทจะได้ไม่ต้อง ฮ่าๆๆๆ

     

    ไอ้บ้า รีบกินให้หมดเร็วๆ

     

    ค๊า บบบบ

     

     

    นั่นคือความน่ารัก และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะของริทด้วยความเอ็นดู  ...เกือบห้าโมงครึ่งแล้ว ลูกค้าเริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ดูจากออเดอร์ที่สั่งมาไม่ขาดสาย ดูท่าวันนี้จะได้ปิดร้านกลับบ้านเร็ว สองมือของเขาแทบจะพันกันไปหมด สติอยู่ที่การจำจด หยิบแยก บะหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ไม่ให้ผิดพลาด กระนั้นสายตาก็ยังเหลือบดูอีกคนวิ่งวุ่นเสิร์ฟ และคิดตังค์ไม่ให้คลาดสายตา ..บางที ไม่สิ ความสุขของนาย โตโน่ ภาคิน วันนี้ ไม่ใช่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นหมูโตโน่  หรือ ความสุขของครอบครัวเท่านั้น แต่ความสุขของทุกวันนับตั้งแต่ได้รู้จักกับเรืองฤทธิ์ คือการได้เจอหน้า ได้คุยกัน ได้เห็นริททุกวัน ...ได้รักริทอย่างที่ริทเป็น

     

     

    ....รัก

    รักงั้นหรอ .....

    คนขายก๋วยเตี๋ยวจนๆอย่างเขาเนี่ยหนอ จะไปรักคุณหนูตระกูลดังอย่าง เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช ได้

     

     

    ...โน่

     

    ......

     

    พี่โตโน่!!”

     

    ห ห๊ะ  ว่าไงนะริท

     

    เส้นใหญ่ผักเยอะๆหนึ่ง เส้นหมี่ต้มยำไม่งอกหนึ่ง

     

    อ่อ โอเคๆ

     

    คิดไรอยู่เนี่ย เหม่อไม่ได้นะรู้ป่าว เส้นอืดหมด ....อ่อ คร๊าบบพี่ รอแป๊ปนึงครับ

     

     

    มันคือความเป็นจริงที่ไม่สวยงามเอาซะเลย เขาจัดการหยิบสองเส้นออเดอร์ล่าสุดใส่กระชอนและลวกลงในหม้ออย่างชำนาญ ริทกำลังทอนตังค์และน้อมรับคำชมในเรื่องของความเอร็ดอร่อยจากลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหวานๆนั่นเปรอะเปื้อนไปด้วยเหงื่อ มือเล็กยกขึ้นปาดมันออกเล็กน้อย แล้ววิ่งไปรับออเดอร์ก๋วยเตี๋ยวอีกโต๊ะนึงต่อ ด้วยรอยยิ้มอย่างเก่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก  ตลอดเวลาเกือบสี่เดือนที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้ 

     

    ความบังเอิญที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เด็กบ้าที่วิ่งหนีอะไรสักอย่างมาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ชนรถขายก๋วยเตี๋ยวของเขาจนข้าวของตกกระจายเต็มพื้น ซ้ำยังซวยโดนน้ำร้อนจากหม้อกระฉอกใส่อีกต่างหาก วันนั้น จำได้ดีว่า เขาต้องนั่งปลอบเด็กขี้แยที่ปวดแสบปวดร้อนกับผิวเนื้อที่พองขึ้นมาหน่อยๆ เป่าลมปลอบใจแล้วปลอบใจอีกอยู่นานสองนานกว่าจะได้เก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ริทยิ้มให้เขา กล่าวทั้งคำขอโทษและขอบคุณ จากนั้นก็สัญญาว่าจะมาไถ่โทษที่วิ่งชนด้วยการมาช่วยขายก๋วยเตี๋ยวที่ร้านทุกวัน ความเป็นกันเอง ความน่ารัก ความน่าเอ็นดู และทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวเรืองฤทธิ์ทำให้เขาหลงรัก และโชคดี วันที่ตัดสินใจพูดออกไป ริทเองก็คิดแบบนั้นกับเขาเหมือนกัน ...แต่ที่เป็นอยู่แบบนี้

     

     

    เขาพาริทมาลำบาก...

                    เขาทำให้ริทต้องลำบาก...

    นี่...เป็นความรักที่ถูกต้องแล้ว ...รึเปล่า

     

     

    เป็นอย่างที่คิด ก๋วยเตี๋ยวขายหมดเร็วกว่าทุกวัน จำนวนเงินที่ได้สำหรับวันนี้ถือว่าพอสมควรเลยทีเดียว  ถึงอย่างนั้นเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบจะสามทุ่ม ป้ายไฟร้านหมูโตโน่ดับลง อาศัยความสว่างจากเสาไฟฟ้าใกล้เคียงแทน โต๊ะทุกตัวถูกพับเก็บและนำไปฝากไว้กับร้านโชว์ห่วยข้างๆกันแลกด้วยก๋วยเตี๋ยวฟรีทุกเมื่อเมื่อเจ้าของบ้านหลังนี้อยากทาน โตโน่บอกปัดเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวต้องการจะให้ แต่คุณลุงใจดีก็พยายามยัดเยียดใส่มือเขากลับมาจนได้

     

    ขั้นตอนสุดท้ายของการเก็บชามคือเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำให้เรียบร้อย เรืองฤทธิ์จัดการเช็ดทีละจานและเก็บลงไว้ในตู้ใต้หม้อของรถเข็น เขาหัวเราะเล็กน้อยกับการพยายามปฏิเสธเงินของเจ้าของร้านผู้ถ่อมตน  ก็พี่โตโน่ของเขามันเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นริทรึ จะขอบคุณแล้วหยิบเข้ากระเป๋าทันทีเลย ..แต่ก็นั่นล่ะ คือ พี่โตโน่  ..เพราะงั้นไง ถึงได้รักในสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นเป็น

     

    โอ๊ะ ..ฮัลโหล ครับแม่ ริทกดปุ่มรีบสาย แนบโทรศัพท์ไว้กับหูและบ่าพลางเช็ดจานที่เหลือยู่ไม่กี่ใบไปด้วย ก็ออกมาทำรายงานกับเพื่อนไง เนี่ยหิว เลยมาซื้อของที่เซเว่นกิน ….โถ่ แม่ แม่ไม่เชื่อริทหรอ ...คร๊าบบ แล้วพรุ่งนี้ริทจะรีบกลับไปให้ทันมื้อเช้านะ ครับ สวัสดีครับแม่

     

    ....โกหกแม่มาอีกแล้ว

     

    พี่โตโน่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

     

    ก็ทันได้ยินตอนริทบอกแม่ว่ามาทำรายงานกับเพื่อน

     

    .......

     

    บอกแล้วใช่ไหม ...อย่าโกหกแม่

     

    ก็ริท..”

     

    หลังจากนี้ไป ริทไม่ต้องมาช่วยพี่แล้ว

     

    พี่โตโน่

     

    พี่ทำเองได้ เอาล่ะ ริทกลับบ้านไปได้แล้ว

     

    อย่ามาพูดงี้นะพี่โตโน่ ริทก็เห็นอยู่ว่า ตอนที่ริทไม่มาพี่โตโน่วุ่นวายขนาดไหน แล้วจะไม่ให้ริทมาช่วยได้ยังไงกัน

     

    พี่ไม่อยากให้ริทโกหกแม่ ริทก็รู้ไม่ใช่หรอว่ามันไม่ดี อีกอย่างนะ พี่ไม่อยากให้..

     

    ไม่อยากให้ริทลำบากใช่ม๊ะ นี่เมื่อไหร่พี่โตโน่จะเลิกคิดแบบนี้สักที คิ้วบางขมวดมุ่นเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นผม เรืองฤทธิ์เก็บจานล็อตสุดท้ายลงตู้ไปอย่างกระแทกกระทั้น และจ้องเข้าไปในดวงตารีเรียวของอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย ริทเคยบอกพี่โตโน่แล้ว ว่าริทไม่ได้ลำบาก แล้วริทก็ไม่เคยคิดว่ามันลำบาก ถ้าเผื่อว่าพี่โตโน่จำไม่ได้ ริทจะบอกพี่โตโน่อีกทีก็ได้ถ้างั้นหน่ะ

     

    ..............

     

    เก็บของเสร็จหมดแล้ว กลับบ้านกัน

     

    ห๊ะ?

     

    เอ๊า ก็กลับบ้านไง พี่โตโน่หูไม่ดีไปแล้วหรอ

     

    ไม่ๆ กลับบ้านกันอะไร บ้านพี่หรอ ริทสิ ต้องกลับบ้าน ดึกแล้ว

     

    พี่โตโน่หูไม่ดีแล้วจริงๆ ก็ริทบอกแม่ว่าริทมาทำรายงานกับเพื่อน แล้วไหนอ่ะเพื่อนริท ก็มีแต่พี่โตโน่นี่แหละ

     

    แต่มันไม่ดี

     

    ไม่ต้องห่วงน่า ริทบอกกันไว้แล้ว เตี๊ยมเรียบร้อย ป่ะ กลับบ้านสักทีเถอะน๊า เมื่อยขาจะแย่อยู่แล้วววววว

     

     

    แล้วคนใจอ่อนของนายโตโน่ ภาคิน ก็จำยอมความต้องการของเรืองฤทธิ์ทั้งหมด เดินทางกลับบ้านพร้อมร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นหมูโตโน่ไปเหมือนทุกวัน ต่างตรงที่วันนี้มีเสียงฮัมเพลง และหัวเราะคิกคักของริทดังอยู่ข้างหูตลอดเวลา แม่ของเขาชอบริท เธอบอกว่าริทเป็นเด็กน่ารัก แต่เธอไม่เคยเอ่ยปากบอกว่าอยากให้ริทมาหาบ่อยๆ เพราะเธอเองก็รู้สึกเหมือนที่เขารู้สึก แต่ริทก็มาหาบ่อยทุกที ก็เจ้าตัวอยากจะมา ใครห้ามได้ล่ะ

     

    เขาเลื่อนผ้าแพรผืนเบาห่มขึ้นบนหัวไหล่อย่างเบามือ ลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่หลับสนิทไปแล้วเงียบๆ ...ไหนบอกไม่เหนื่อย ... ลมหายใจอุ่นร้อนถ่ายผ่านเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เรืองฤทธิ์ตกอยู่ในห้วงนิทรา แต่ทว่าเขายังคงหลับไม่ลง

     

    ....พี่ รัก ริท นะ

     

     

    ก็แค่คำกระซิบเบาๆ

    และ ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดี

     

    คงจะดีกว่านี้ ถ้า เขา โตโน่ ภาคิน เป็น คนรวยคนนึงที่มีชื่อเสียงในแวดวงอะไรสักอย่าง

    จะได้คู่ควรกับลูกชายในตระกูลดัง อย่าง เรืองฤทธิ์ ศิริพานิชอย่างแท้จริง

     

    ....เป็นไปไม่ได้หรอก..

     

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

    ไม่ อย่า ได้โปรด อย่ายึดบ้านฉันกับลูกเลย ฮืออ ได้โปรดเถอะนะ อย่ายึดไป ฮืออออ

     

     

    เสียงโหวกเหวกโวยวายแต่เช้าปลุกให้เขาและริทสะดุ้งตื่นขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน โตโน่รีบลุกพรวดพราดออกไปจากห้อง นั่นคือเสียงของแม่ ตามมาด้วยเสียงกระทบกระแทกของถ้วย ถัง กะละมังต่างๆที่อยู่นอกบ้าน

     

    แม่ แม่เป็นอะไร พวกคุณเป็นใครเนี่ย เขาเข้าไปกอดแม่ที่กำลังนั่งคุกเข่าร้องไห้เอาไว้แน่น ผมไม่เคยกู้เงินพวกคุณนี่ ไม่เคยเห็นหน้าพวกคุณด้วยซ้ำ ทำไมพวกคุณถึง...

     

     

    พ่อ!!”

     

    ริทที่วิ่งตามหลังเขามาไม่ห่างนักเรียกชื่อหนึ่งในชายชุดสูทสีดำสนิทตรงหน้าด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเหลือบมองมาที่เขาและแม่ มือเล็กค่อยๆกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ

     

    ทำไมทำแบบนี้ มายุ่งกับพวกเขาทำไมกัน พวกเขาไมได้ทำอะไรผิดนะ

     

    นั่นมันก็เพราะลูกไม่ใช่หรือไง ริท

     

    ริททำอะไร ริทไมได้ทำอะไรทั้งนั้น เอาคนของพ่อออกไปจากบ้านหลังนี้ให้หมดเลยนะ ออกไปป!!!”

     

    หึ ไม่ได้ทำอะไรงั้นลูกรัก  ลูกนึกว่าลูกจะโกหกพ่อได้เหมือนที่โกหกแม่งั้นรึ .. เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามคบกับไอ้เจ๊กขายหมี่นี่ ทำไมลูกไม่เคยเชื่อพ่อ

     

    มันไม่มีเหตุผล ทำไมริทกับคบกับพี่โตโน่ไม่ได้

     

    ก็เพราะมันไม่คู่ควรกับลูกไง !!!  เก่ง เซน ไปจับตัวไอ้เจ้าลูกบ้ามา แล้วพาไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้

     

     

    ดวงตาที่คล้ายคลึงกันกับเรืองฤทธิ์จ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาเหยียดหยาม อะไรที่เขาทำได้บ้างนอกจากกัดฟัน ทนยอมรับความจริงที่พ่อของริทพูดออกมา ลูกสมุนซ้ายขวาทำตามคำสั่งของเจ้านายแต่โดยดี เรืองฤทธิ์พยายามขืนตัวออก ดิ้น และสลัดข้อมือให้หลุดออกจากการกอบกุม

     

     

    ไม่ ริท บอกว่าริท ไม่กลับ พี่เก่ง เซน ปล่อยริทเดี๋ยวนี้นะ ริทบอกให้ปล่อยไง ไม่!!! ปล่อย เซ่!!!”

     

     

    สุดท้ายแล้วเขาก็ช่วยอะไรริทไม่ได้เลย ไม่มีเจ้าตัวเล็กอยู่ในบ้านไม้ซ่อมซ่อหลังนี้อีกแล้ว เหลือเพียง แม่ที่กำลังร้อนไห้ เขาที่กำลังอดทน แต่พ่อของริทที่ยังคงยืนเหยียดหยามเขาไม่จบไม่สิ้น มือเหี่ยวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบปึ๊งกระดาษปึ๊งนึงออกมา ใช้ปากกาขีดเขียนบางอย่างลงไป

     

     

    และเพื่อให้ให้เจ๊กขายหมี่จนๆอย่างแกมายุ่งกับลูกฉันอีก เอานี่ไป

     

     

    แผ่นกระดาษบางเบาค่อยๆร่วงลงบนพื้น มันบาดแก้มตามความคมของขอบกระดาษเล็กน้อย ภาคินหลุบตาลงมาแผ่นกระดาษนั่นเล้กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยสายตากราดเกรี้ยว

     

     

    เช็ค 50 ล้าน  ...แล้วอย่ามายุ่งกับลูกของฉันอีก จำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย

     

     

    ปลายรองเท้าขัดมันก้าวออกไปจากเขตบ้านของเขาแล้ว มีแต่เขากับแม่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับ กระดาษเช็คห้าสิบล้าน ถึงแม้จะตาวาวด้วยยอดเงินสูงลิบที่ทั้งชีวิตไม่เคยได้สัมผัส แต่กลับรังเกียจที่จะแตะต้องหรือหยิบมันขึ้นมาใช้แม้แต่บาทเดียว

     

     

    ...รู้อยู่แก่ใจมาตั้งนานแล้วว่าตัวเองมันไม่คู่ควร

    แต่มันผิดมากหรอที่จะรักกัน

    ผิดที่เขาเกิดมาจนเกินไป หรือ ผิดที่ ริท อยู่สูงเกินกว่าเขาจะเอื้อมมา

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    อ่ะนี่ เส้นเล็กต้มยำที่มึงสั่ง

     

     

    กันยื่นถุงก๋วยเตี๋ยวร้อนๆที่เพิ่งจะซื้อมาให้คนหงอยเหงาที่นั่งหง่าวอยู่บนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ เขาก็ไม่ได้อุตริซื้อมาเอง ทั้งๆที่ไอ้เพื่อนตัวดีเป็นคนสั่งแท้ๆ แต่กลับเมินหน้าหนีถึงก๋วยเตี๋ยวไปแบบไร้เยื่อใด

     

    นี่ไอ้ริท กูต้องเอาใส่ชามให้มึงไหม

     

    มึงกินแทนกูเลยก็ได้กัน กูไม่ได้อยากกินหรอก

     

    ห๊ะ นี่มึงสั่งกูให้แวะซื้อ แต่มึงไม่ได้อยากกิน มึงบ้าป่ะเนี่ยย ไอ้ริท มึงบ้าแล้ว กันแทบจะเหวี่ยงถุงก๋วยเตี๋ยวร้อนๆในมือลงสระ ไม่ก็กระแทกพื้นให้น้ำกระฉอกคาถุง ทั้งๆที่บ้านของริทกับร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ห่างกันคนละทาง แต่เจ้าบ้านี่ก็คะยั้นคะยอให้เขาซื้อมาให้ได้ ...ครั้งที่ล้านแล้วที่เขาต้องตามใจมัน

     

    ....ก็กูแค่อยากเห็นถุงก๋วยเตี๋ยว อย่างน้อยกูก็ได้รู้ว่าเขายังอยู่ดีไม่ได้ไหน

     

    วันหลังกูจะซื้อถุงข้างทางนี่แหละให้มึงดู แล้วกูจะบอกมึงว่าเขาสบายดี

     

    โถ่ กันนน มึงอ่ะ

     

     

    หน้าที่มุ่ยอยู่แล้วก็ยิ่งมุ่ยเข้าไปอีก เรืองฤทิ์เหลือบมองถุงก๋วยเตี๋ยวในมือเพื่อนอีกครั้ง สบายใจไปได้เปราะนึงว่าพี่โตโน่ของเขายังคงขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ดีมีสุข แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า พี่โตโน่กับทำคนเดียวไหวไหม ทนกับความวุ่นวายเพราะไม่มีคนช่วยได้หรือเปล่า... อยากไปหา แต่พ่อกับแม่ก็กันเขาเอาไว้ทุกทาง แม้กระทั่งจะติดต่อ ก็ยังทำไม่ได้...

     

    เฮ้อ นี่ ไอ้ริท กันถอนหายใจออกมาเบาๆ เอื้อมมือลากเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้ๆกันมาหย่อนก้นลงนั่ง วันนี้ที่กูไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้มึงดูถุงเนี่ย พี่เขาก็ไม่ได้อยู่ขายนะเว๊ย แต่ไอ้ร้านหน่ะ ร้านเดิม

     

    ....ไม่อยู่หรอ  แล้วใครขายอ่ะ

     

    แม่พี่โตโน่ ...มึง กูก็ไม่อยากพูดอะไรมากนะเว๊ย จำได้ไหม เมื่อสามปีที่แล้ว พี่เขาเคยฝากกูมาบอกมึงว่าไง

     

    ........

     

    เขาบอกว่า รอ ..ถ้ามึงรอเขาได้ ให้มึงรอ ...แต่ถ้าวันไหนที่มึงรอไม่ได้แล้ว มึงจะไม่รอเขาอีก เขาก็ไม่ว่ามึงหรอก

     

    กูรู้

     

    ..วันนี้ จะปีที่สี่แล้วนะเว๊ย .. มึงจะรอเขาต่อไหม หรือมึงพอใจแค่นั่งดูถุงก๋วยเตี๋ยวแล้วรอต่อไป แบบนั้นกูก็โอเค เรื่องของมึงอยู่แล้ว ..แต่ริท กูไม่อยากเห็นมึงเป็นหมาหงอยแบบนี้อีกแล้ว เปิดใจบ้างเถอะวะ

     

    ......

     

    กูเป็นห่วงมึงนะเว๊ย

     

    ..........กัน .... กูยังรักเขาอยู่เลย ไม่ให้กูรอได้ยังไง

     

    อ่าว เฮ๊ย รถใครมานั่น

     

    ไม่รู้สิ เห็นวันนี้พ่อบอกว่านัดแขกไว้ที่บ้าน มาเหนื่อยๆเข้าไปกินน้ำป่ะกัน  เอาถุงก๋วยเตี๋ยวมา มึงอุตส่าห์ไปซื้อ กลัวไม่กินแล้วมึงจะเสียใจ

     

    แหม่ อย่ามาพูด เพราะกูบิ้วเรื่องพี่โตโน่เหอะ มึงถึงกินหน่ะ

     

     

     

    กันสวัสดีคุณพ่อของริทและหยุดคุยทักทายกันสักพัก ในขณะที่ลูกชายแท้ๆอย่างเรืองฤทธิ์เดินผ่านพ่อไปเงียบๆ เขายังโกรธพ่ออยู่ แม้ลึกๆจะเข้าใจความคิดของพ่อแล้วก็ตาม แต่ทำไม พ่อถึงไม่เข้าใจเขาบ้าง ริททำหูทวนลมกับการท้วงติงการกระทำที่ไม่เหมาะสมจากกัน เพื่อนที่ทั้งด่าและเทศน์ให้เขาฟังได้อยู่เรื่อยๆ  ...ถ้าพ่ออยากเห็นลูกตัวเองมีความสุขจริงๆ ..ทำไมต้องขัดขวาง

     

     

    ...แก! “

     

     

    เสียงคุณพ่อคำรามเรียกใครสักคนทำเอาถุงก๋วยเตี๋ยวแทบหลุดมือ ริทถลาออกมาจากห้องครัวพร้อมกับกันด้วยความตกใจ เขาเห็นเบื้องหลังของพ่อกำลังยืนชี้หน้าใครบางคนด้วยปลายนิ้วที่สั่นเทา

     

    สวัสดีครับ คุณลุง

     

     

    ดวงตาวาวเบิกกว้าง อีกคนที่เห็นตรงหน้าคือ ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า สวมชุดสูทสีเทา ผูกเนคไทด์สีแดงเลือดหมู กำลังยืนยิ้ม ..รอยยิ้มคุ้นเคยที่เขาไมได้เห็นมาเกือบสี่ปี ..

     

     

    พี่โตโน่

     

     

    มาอย่างเดียว ไม่เอาของมาฝาก จะเป็นการเสียมารยาท เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเลยเอาก๋วยเตี๋ยวมาฝาก

     

    ใครใช้ให้แกมาที่นี่ ห๊ะ ไอ้เจ๊กขายหมี่  ฉันไม่ยอมให้แกได้เจอหน้าลูกฉัน กลับไปซะ

     

    คุณลุงครับ คุณลุงเองที่เป็นคนนัดผมมาที่นี่  เรานัดกันมาตกลงเป็นหุ้นส่วนกันไม่ใช่หรอครับ

     

    ....ภาคิน ...แก คือ คุณภาคิน งั้นรึ

     

    ครับ ผม ภาคิน คำวิลัยศักดิ์  เจ้าของกิจการก๋วยเตี๋ยวหมูโตโน่..ต้องรบกวนคุณลุงด้วยนะครับ

     

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    นี่ เจ๊กขายหมี่เมื่อสี่ปีที่แล้ว กำลังจะซื้อหุ้นส่วนหนึ่งของบริษัท แล้วเข้ามาเป็นหุ้นส่วนกันงั้นรึ

     

     

    นั่นคือคำพูด หลังจากที่ตกลงนั่งคุยกันว่าด้วยเรื่องหัวข้อทางด้านธุรกิจที่นัดแนะว่าจะมาคุยเป็นอย่างดี ริทแอบมองอยู่ในมุมนึงเงียบๆกับกัน พ่อของเขาไล่พินิจโตโน่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป นอกจากรูปลักษณ์ภายนอก ใส่สูทแล้วดูดีขึ้นเป็นกอง นั่นยิ่งทำให้ไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่

     

     

    ครับ อันที่จริงต้องขอบคุณลุง สำหรับเช็คห้าสิบล้านวันนั้น  ถ้าผมไม่มีเช็คนั่น ผมคงใช้หนี้ไม่หมด และมาถึงจุดนี้ไมได้หรอกครับ

     

    เปิดไปกี่สาขาแล้ว ฉันไม่ค่อยกินก๋วยเตี๋ยว ไม่รู้เรื่องหรอก

     

    เบ็ดเสร็จตอนนี้ก็ 68 สาขา ทั่วประเทศครับ ถ้างั้นเดี๋ยวคุณลุงก็ลองทานก๋วยเตี๋ยวร้านผมดูเป็นอาหารมื้อเย็น อีกอย่าง  50ล้านที่ผมเคยได้ ...ผมเอามาคืนคุณลุงครับ

     

    อะไรนะ

     

     

    นี่ครับ เช็คห้าสิบล้าน ต้องขอบคุณคุณลุงอีกครั้ง ....และคุณลุงครับ ..ผมจะยังไม่ถาม ว่าผมจะซื้อหุ้นในบริษัทของคุณลุงได้ไหม ...แต่เช็คใบนี้  68 ล้าน ...ผมขอให้ผมได้เจอลูกของคุณลุงอีกครั้งได้ไหมครับ

     

    นี่ลื้อยัง...

     

     

    ครับ ผมยังรักลูกของคุณลุงอยู่ ผมไม่รู้ว่าลูกของคุณลุงจะยังรักและรอผมอยู่ไหม แต่ขอแค่ผมได้เจอเขาอีกครั้งก็พอ

     

     

    รอเซ่ !! ริทก็รักพี่โตโน่เหมือนกัน ทำไมจะไม่รอเล่า

     

    ...ริท

     

     

     

    แต่ทว่าพอจะก้าวเท้าวิ่งเข้าไปหากลับโดนสองสมุนเก่งเซนคนเดิมที่เคยพาตัวเขาหนีห่างจากโตโน่มากันไว้อีกครั้ง

     

     

    68 ล้าน กับการเจอลูกอั๊วงั้นเร๊าะ พ่อของริทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ลูกอั๊วมีค่าต่อลื้อแค่ 68 ล้านว่างั้น””

     

    ไม่ครับ คุณลุงจะเอามากกว่านี้ก็ได้ คุณลุงเอาเท่าไหร่บอกมาเถอะครับ ผมเต็มใจจ่ายให้คุณลุง

     

    .....ลื้อเก็บเงินของลื้อไว้เถอะ

     

    ....คุณลุง ทำไมผมถึงยังเจอริทไม่ได้อีก วันนี้ผมยังไม่พอที่จะคู่ควรกับคนที่ผมรักอีกหรอครับ ผมทำทุกอย่าง ดิ้นรน ต่อสู้กับความจน จนกระทั่งผมผ่านมันมาได้ ผมใช้เวลาทำงาน พิสูจน์ตัวเอง หาเงินก้อนโตมาใช้คืนคุณลุง หาเงินมาเพื่อให้คุณลุงเห็นว่าผมมั่นคงกว่าเมื่อก่อนแล้ว ทำไมคุณลุงถึงยังไม่ให้ผมเจอริทอีก

     

    50สิบล้านที่ลื้อหามาก็ไม่ต้องเอามาคืนอั๊ว อั๊วไม่รับเงินอะไรจากลื้อทั้งนั้น

     

    พ่ออ พ่อไม่อยากให้ริทมีความสุขเลยใช่ไหม ทำไมพ่อถึงได้ใจร้ายกับเราสองคนนัก ริทตะโกนออกมาอย่างทนไม่ได้

     

    ลื้อสองคนนั่นแหละหุบปาก

     

    .............

     

    ริท อั๊วก็ไมได้อยากเห็นลื้อเป็นเหมือนที่ผ่านมา อั๊วไม่เคยอยากเห็นลูกอั๊วไม่มีความสุข  แล้วลื้อ.. ไอ้เจ๊กขายหมี่ไฮโซ อั๊วไม่ได้ต้องการเงินคืน หรือเงินอะไรทั้งนั้น

     

    ........

     

    ทำไมอั๊วถึงไม่อยากให้ลูกอั๊วคบกะลื้อ ลื้อรู้รึเปล่า ...ลื้อไม่มีความมั่นคงในชีวิต แล้วอั๊วจะมั่นใจได้ยังไงว่าลื้อจะทำให้ลูกอั๊วมีความสุข ลื้ออาจจะคิดว่าลื้อโอเคแล้วกับสิ่งที่ลื้อมี แต่ความสุขที่ลื้อได้รับกันสองคนไปวันๆหน่ะ มันพอแล้วกับทั้งชีวิตมั๊ยถ้าลื้อต้องการอยู่ด้วยกัน

     

    ........

     

    วันนี้ลื้อมั่นคงแล้ว ลื้อมีในสิ่งที่คนๆนึงควรจะมีครบแล้ว ต่อให้ลื้อไม่เอาเงินมาคืนอั๊วะ ไม่เอาเงินหกสิบแปดล้านมาเพื่อลูกอั๊ว ............อั๊วะก็ยินดียกลูกอั๊วะให้ลื้อ

     

    ..คุณลุง

     

    ..ลื้อพิสูจน์ให้อั๊วเห็นทุกอย่างที่อั๊วต้องการเห็น ...ลื้อทำให้อั๊วมั่นใจ ลื้อดูแลลูกอั๊วได้ ....แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่อั๊วจะขัดขวางลื้ออีกล่ะ

     

    .....ผม ....ขอบคุณครับคุณลุง ..ขอบคุณมาก

     

    พรุ่งนี้ลื้อหาอั๊วที่บริษัทด้วย เราจะได้ตกลงกันอีกที

     

    ครับ

     

    เก่งเซน ปล่อยริทมันมาได้และ แล้วไปกะอั๊ว ...กันลื้อคอยดูอย่าให้ไอ้สองคนนี้มันทำอะไรประเจิดประเจ้อล่ะ

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    รถสปอร์ตคันงามขับเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ศิริพานิช  กันยืนโบกมือบัยบายคันรถจนกระทั่งหายออกไปจากตัวบ้าน บางที่เขาน่าจะแอบผูกเชือกกับกระป๋องเอาไว้ท้ายรถให้เข้ากับบรรยากาศ ถึงพ่อของริทจะบอกว่าให้เขาช่วยดู แต่เวลาแบบนี้ใครจะไปอยู่เป็นกางขวางคอ....แล้วเพื่อนเขาก็มีความสุขสักที

     

    ต้องขอบคุณที่เกียร์รถเป็นเกียร์ออโต้ โตโน่เลยได้กุมมือข้างหนึ่งของริทเอาไว้ตลอดเส้นทาง บรรยากาศในคันรถเต็มไปด้วยความคิดถึง โหยหา และความรัก แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่ากุมมือ ริมอมยิ้มกับเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกรถ เขารู้สึกเขินจนตัวแทบจะม้วน แต่ก็ยินดีที่จะกุมมือโตโน่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย

     

    ริท

     

    อะไร

     

    อยากไปไหน

     

    ไปไหนหรอ

     

    นั่นสิ ริทอยากไปไหน  พี่จะพาริทไป

     

    ....ไปไหนก็ได้ แค่อยู่กับพี่โตโน่ ก็พอแล้ว

     

    ถึงได้ถามไง  จะได้พาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องส่งกลับบ้าน

     

    ฮ่าๆๆๆ พี่โตโน่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว

     

    ล้อเล้นน่า ..ริทอยากไปไหนล่ะ

     

     

    คนถูกถามเงียบคิดไปสักพัก ริทกำลังนึกสถานที่อยากไป และถ่วงเวลาโตโน่ให้กุมมือเขาเอาไว้อย่าได้ปล่อย ซึ่งเอาจริงๆ โตโน่ไม่มีทางปล่อยมือริทไป เพราะเขามันได้ทั้งขึ้นทั่งล่อง (หุหุ)

     

    ริทรู้แล้ว ริทอยากไปไหน

     

    หืม ที่ไหนล่ะ

     

    ไปร้านรถเข็น ก๋วยเตี๋ยวหมูโตโน่ไง ....เป็นที่ที่ริทอยากไปที่สุดตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

     

    ....ไปสิ

     

     

                ภาพวันเก่าๆย้อนกลับมาที่ละภาพทีละภาพ พวกเขาสองคนกำลังจะมุ่งกลับไปยังจุดเดิม จุดที่เคยเจอกัน จุดที่เคยอยู่ด้วยกัน จุดที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกัน  ...ไม่ได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่กลับไม่ใช้ชีวิตในจุดหนึ่งที่คิดว่ามีความสุขด้วยกัน

     

                    จากนี้ ..และตลอดไป

     

     

     

    END

     

     

    TALK :: สวัสดีค่ะ เรื่องที่สามแล้ว เหตุผลคือ ข้าพเจ้าจิ้นกระเจิง ..วันนี้ปล่อยเอ็มวี นิยายพอดีเน๊าะ ..อันตัวข้าพเจ้าฟังเพลงแล้วก็ภาพซ้อน เอาวะ อีกสักเรื่อง ก็หวังว่าทุกคนจะสนุก กับนิยายโน่ริทเรื่องนี้ได้นะคะ

     

    ขอบคุณค่ะ

     

     

     

                   

     

     

     

     

     

     

     


    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×