คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
สมัยโบราณกาลมีมหากษัตริย์องค์หนึ่งที่สามารถทำบางสิ่งซึ่งเป็นความต้องการสูงสุดของกษัตริย์หลาย ๆ พระองค์ที่ไม่สามารถทำได้ ให้สำเร็จลงได้ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ การรวบรวมอาณาจักรต่าง ๆ มากมายในโลกนี้เข้าด้วยกัน และในวันที่องค์มหากษัตริย์ผู้นี้ทำสำเร็จท่านได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นที่เมืองหลวงของท่านซึ่งก็คือ เมืองมาทาซิมัส เมืองมาทาซิมัสนี้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเจริญ อารยะธรรมมากมายหลั่งไหลเข้าเมืองนี้อย่างมากมายด้วยน้ำมือการปกครองของมหากษัตริย์องค์นี้ที่เปรียบเสมือนดังเทพเจ้าของประชาชนทุกผู้ทุกคนของท่าน องค์มหากษัตริย์มีความสามารถมากมายหลายด้านทั้งด้านการปกครอง ด้านการทหารและด้านการรบที่เป็นสิ่งที่พระองค์ถนัดมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เองผู้คนมากมายจึงเชื่อว่าท่านเป็น มหาเทพ กลับมาเกิด
ในงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีทั้งการการแสดงตลก การแสดงเวทย์มนต์ต่าง ๆ และส่วนที่ขาดไม่ได้เลยในการเฉลิมฉลองนั้นก็คือ สุราและสตรี ซึ่งในส่วนสุรานั้นทางองค์มหากษัตริย์ก็ได้สั่งให้ลูกน้องของเขาจัดเตรียมให้พร้อมอย่างไม่ขาดสายเพื่อเป็นการขอบคุณแก่เหล่าทหารกล้าของเขาในการศึกยาวนานที่ผ่านมา เวลาแห่งความสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วทหารกล้ามากมายและเหล่าข้าราชบริภารต่างก็เมามายอย่างไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัว ซึ่งตัวองค์มหากษัตริย์เองก็สภาพไม่ต่างจากเหล่าทหารกล้าซักเท่าใดนักแต่ก็ยังพอมีสติที่จะเดินกลับที่ บรรทม อย่างทุลักทุเล
ตามทางเดินที่เต็มไปด้วยความมืดมิดของพระราชวัง องค์มหากษัตริย์เดินกลับห้องพักด้วยอาการเมามายอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เพราะท่านเองนั้นก็ดื่มไปเยอะเอาการ ท่าเดิมไปตามทางเรื่อย ๆ ด้วยความชำนาญแม้จะเมามายไม่ได้สติ และแล้วซึ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ ๆ ก็เสียงลม วูบ ผ่านหูท่านไป วูบ หนึ่งด้วยความเร็ว และปรากฏ รอยบาดแผลล่องลึกยาวพาดไปตามแขนซ้ายของท่านพร้อมเลือดที่ไหลออกมาเป็นทาง เหตุการณ์เกิดขึ้นชั่วขณะ พร้อมกับที่องค์มหากษัตริย์หันกลับไปมองยังผู้ที่คิดลอบปรงพระชนคนนั้นอย่างอาฆาต พร้อมตวัดมือวูบหยิบดาบที่เสียบอยู่ข้างเอวอย่างเคยชินแต่ก็ยังปรากฏอาการเมามายที่ยังมีอยู่อย่างปิดไม่มิด ดาบสีฟ้าทรงสวยปรากฏอยู่เบื้องหน้านักฆ่าในมือขององค์กษัตริย์ซึ่งปกติมันจะดูน่าเกรงขาม แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปทั้งรอยแผลที่แขนซ้ายและเลือดที่อาบเต็มไปทั้งแขน แถมอาการเมามายที่ยังไม่หาย ทำให้เรียกรอยยิ้มพร่างพรายปรากฏขึ้นที่มุมปากของนักฆ่าได้อย่างง่ายดาย นักฆ่าไม่รอช้าให้เสียเวลา รอยยิ้มพร่างพรายที่ปรากฏเมื่อสักครู่หายไปจากมุมปากแล้วและตั้งท่าพร้อมที่จะเข้าจู่โจมอีกรอบ โดยไม่รอคำท้าใด ๆ เขากระโดดวูบ หายตัวไปจากที่ยืนอยู่ไปปรากฏกายขึ้นต่อหน้าองค์กษัตริย์แล้วฟาดดาบเข้าใส่อย่างเต็มแรง เคร้ง เสียงปะทะดาบที่ทางองกษัตริย์ยกดาบขึ้นมารับทางไว้ได้ ก่อนจะผลักดาบของนักฆ่าออกไปแล้วแทงดาบกลับเข้าที่ท้องของนักฆ่าอย่างไม่รีรอ เร็วเท่าใจนึกนักฆ่ากระโดดหลบออกด้านข้างแล้วฟันแขนขององค์กษัตริย์ทำให้เรียกเลือดออกมาได้อีกมากโข และกระโดดออกมาตั้งหลักใหม่พร้อมรอยยิ้มพรายที่ปรากฏบนใบหน้าอย่างสะใจ ความเจ็บปวดปรากฏบนใบหน้าองค์มหากษัตริย์อย่างปิดไม่มิดมีดข้างที่กุมดาบต้องนำกลับมาปิดแผลที่แขนอย่างห้ามไม่ได้ รายยิ้มสะใจจากน่าฆ่ายิ่งปรากฏอย่างสะใจมากยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าขององค์มหากษัตริย์ที่บัดนี้ไม่มีเค้าแห่งความยิ่งใหญ่หลงเหลืออยู่อีก นักฆ่านิรนามเดิมเข้าไปหาองค์มหากษัตริย์อย่างช้า ๆ เสียงดังสวบ ๆ ดั่งเสียงมัจจุราช ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดั่งองค์มหากษัตริย์รู้ถึงอนาคตอันใกล้ว่าตัวท่านเองนั้นจะเป็นเช่นไรจึงเอ่ยปากถามนักฆ่านั้นอย่างสงสัย
“ก่อนที่ข้าจะต้องตายเพราะมือท่านข้าขอทราบชื่อและใบหน้าของท่านซักครั้ง” องค์มหากษัตริย์ตรัสถามออกไปพร้อมดวงตาที่แสดงความเจ็ดปวดจับจ้องอยู่บนใบหน้าที่แอบซ่อนในผ้าคลุม
นักฆ่าชะงักไปชั่วครู่ราวตัดสินใจ ก่อนจะตัดสินใจเลิกผ้าคลุมขึ้นเผยให้เห็นใบหน้างามของเขาก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่คุ้นหูขององค์กษัตริย์ “หวังว่าท่านคงจะจำข้าได้” เขาตอบก่อนที่รอยยิ้มสะใจจะกลับมาปรากฏที่มุมปากของนักฆ่าอีกครั้ง
“จะ...เจ้า เจ้าอีคามัส” องมหากษัตริย์พูดอย่างตะกุกตะกักด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อว่านักฆ่าเบื้องหน้าเขาจะเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดเช่นนี้ ก่อนเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตกใจและโกรธแค้น คนที่เขาไว้ใจที่สุดคน คนที่เป็นดั่งเพื่อนสนิทของเขา
“เจ้าทำเช่นนี้ทำไม เจ้าต้องการอะไร”
“เจ้าคงคิดไม่ถึงละสิ คิรัส ไม่ใช่สิต้องเรียกว่า องค์มหากษัตริย์ถึงจะถูกสินะ” อีคามัสเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสะใจโดยที่รอยยิ้มยังไม่จางหายไป
“เจ้าคิดว่าการที่ข้าคอยติดตามเจ้า ช่วยเหลือเจ้า เป็นดั่งสมองของเจ้า เพื่ออะไร ๆ เจ้ารู้ไหม คงไม่รู้สินะได้ ข้าจะบอกเจ้าเอง สิ่งที่ข้าต้องการมันคือชื่อเสียง ชื่อเสียงที่จะทำให้คนทั้งโลกจดจำข้าและจะต้องจดมันไว้เป็นมหาประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของโลกใบนี้ แต่ที่ข้าต้องการจะได้มันกลับไม่ได้ แต่ผู้ที่ได้มันกลับเป็นเจ้า เจ้าคิรัส ซึ่งมันทำให้ข้าแค้นเจ้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ต้องห่วงสิ่งที่ข้าต้องการมันกำลังจะได้ในไม่ช้า แค่ข้าฆ่าเจ้าและครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้า ไม่ยากเลยใช่ไหมละ คิรัส ” อีคามัสพูดด้วยน้ำเสียงสะใจเช่นเดิมพร้อมกับเดินเข้ามาหาท่านองมหากษัตริย์อย่างช้า ๆ พร้อมกับดาบในมือที่ยังมีคราบเลือดขององค์มหากษัตริย์เปื้อนอยู่ เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าขององค์กษัตริย์ก่อนที่จะก้มลงไปมองใบหน้าที่บัดนี้ไม่เหลือเค้าที่ยิ่งใหญ่ในสมัยที่เขายังเป็นผู้ช่วยให้คน ๆ นี้ องค์มหากษัตริย์มองตอบอย่างไม่เกรงกลัวด้วยดวงตาที่บัดนี้หลงเหลือแต่แววตาเนื่องมาจากบาดแผลฉกรรจ์ที่แขนซึ่งบัดนี้มันชาไปหมด ชาไปเพราะความโกรธ ความโกรธจากการที่โดนคนที่เขาไว้ใจหักหลังอย่างไม่คาดคิด และแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว “ข้ายอมตายด้วยมือข้าเองดีกว่าที่จะตายด้วยมือ กบฏ อย่างเจ้า อีคามัส” เร็วเท่าใจคิดองค์มหากษัตริย์ถอนมือข้างที่ปิดแผลออกและกำดาบมั่นพร้อมด้วยทุ่มแรงสุดตัวเท่าที่มีแทงเข้าที่ท้องของตัวเอง ในขณะที่ อีคามัสกำลังตกตะตึงกับภาพเบื้องหน้านั้นได้มีนายทหารกล้ากองหนึ่งเดินตรวจการมาเห็นการสุดท้ายพอดีจึงได้รีบวิ่งเข้ามาหมายจะช่วยองค์มหากษัตริย์ ฝ่ายอีคามัสเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกระโดดหลบวูบออกไปด้านนอกกำแพงพระราชวังด้วยความชำนาญทางเดินในราชวัชที่เป็นดั่งบ้านหลังที่สองของเขา
ต่อมา อีคามัส ได้ทำการสถาปนาตนเองด้วยการเขียนหนังสือแต่งตั้งด้วยตัวเองและอ้างว่าองค์มหากษัตริย์เป็นผู้ให้เขาไว้นานแล้วก่อนที่จะเริ่มทำสงครามรวบรวมแผ่นดินอันเนิ่นนานซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้านเพราะเห็นว่า อีคามัส นั้นเป็นผู้ช่วยที่สนิทกับท่านองค์มหากษัตริย์มากโดยไม่คิดสงสัยแม้แต้เล็กน้อยซึ่งนั้นก็เข้าทางของอีคามัสเต็ม ๆ ทางด้านงานศพขององค์มหากษัตริย์นั้นก็ได้ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ด้วยมือของอีคามัสที่แส้รงทำหน้าเศร้าได้อย่างแนบเนียน ส่วนอาวุธข้างกายต่าง ๆ ขององค์มหากษัตริย์นั้นได้ถูกฝังไปพร้อมกับพระศพของท่านไปตลอดกาล
หลังจากงานศพของ องค์มหากษัตริย์ ผ่านพ้นไปข่าวแปลก ๆ ของอาวุธคู่กายท่านองค์มหากษัตริย์ก็แพร่ออกมาว่า “อาวุธแต่ละชิ้นขององค์มหากษัตริย์นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของล้ำค่ามีพลังวิเศษอยู่ในตัวทุกชิ้น โดยเฉพาะ ดาบมาทาซีมัส ซึ่งถูกอาบไปด้วย ความอาฆาตแค้นขององค์พระมหากษัตริย์อย่างเต็มเปี่ยม” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีคนที่เสาะแสวงหา อาวุธคู่กายต่าง ๆ ของท่านโดยเฉพาะดาบมาทาซีมัสอย่างมืดฟ้ามัวดิน และกาลเวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ข่าวของอาวุธคู่กายขององค์มหากษัตริย์ก็ยังไม่หายไป และ ยังมีข่าวบางอย่างที่เป็นที่น่าสนใจคือ มีข่าวว่า มีหลาย ๆ คนที่ได้อาวุธคู่กายมาครอบครองไว้แล้วและผลัดเปลี่ยนกันไปหลายมือนัก จนปัจจุบันนี้ไม่มีใครทราบว่าอาวุธคู่กายต่าง ๆ ขององค์มหากษัตริย์นั้นอยู่ที่ใดและอยู่ที่ใครบ้าง
ความคิดเห็น