ตอนที่ 27 : มีใจ ครั้งที่ 25
-25-
‘ตั้งใจเรียน เที่ยงคืนเจอกัน’
ไอ้ข้อความจากคนแปลกหน้านั่นเองที่ทำให้ผมต้องยืนกระต่ายขาเดียวพร้อมกับคาบไม้บรรทัดตั้งสองชั่วโมง ปากนี่แทบฉีกเลย รู้แบบนี้ปิดเสียงไว้ก็ดี ฮือ อยากจะร้องไห้เจ็บปากไปหมดเลยแหละ พอเที่ยงวันก็มานั่งหน้าสลอนที่คณะวิศวะ วันนี้ไม่มีใครมองด้วยสายตาแบบขยะเดินมาแล้ว
เฮ้อ ค่อยยังชั่ว
“เหนื่อยไหม”
“อัพลองเดินไปคณะกรีนดูสิ แล้วจะรู้สึก” ผมบอกเพราะนานทีอัพจะไปหา ส่วนใหญ่มักจะเป็นผมที่มากินข้าวด้วยมากกว่า ก็เข้าใจแหละว่าเด็กวิศวะชอบเลิกเที่ยงบ้าง เที่ยงครึ่งบ้าง ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะเหนื่อยแล้วหิวเกินไปหากต้องเดินมาหาผมที่คณะ ยอมรับว่ามันไกลพอสมควร
“เดี๋ยวอัพไปหาเอง”
“โอ๋ๆ กรีนล้อเล่นครับ” ผมบอกและยิ้มหวานประจบ
“อัพรู้ว่ากรีนเหนื่อย”
“เห็นหน้าอัพก็หายเหนื่อยแล้ว วันนี้กรีนต้องยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้องเรียนด้วย ตั้งสองชั่วโมงแน่ะปวดปากเลย” พอมีแฟนก็อยากเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี่ให้ฟัง อัพขยับมือมาลูบริมฝีปากพร้อมกับขมวดคิ้ว เกลียดแรง! เกลียดหัวใจตัวเองที่เต้นแรงทุกทียามอัพอยู่ใกล้ตัว
“เดี๋ยวไปซื้อยามาให้”
“ยาดีอยู่กับตัว ไปซื้อทำไมเล่า”
“ยาอะไร” เขาขมวดคิ้ว ผมเลยเอานิ้วชี้ที่ปากอัพ และเอานิ้วมาชี้ที่ปากตัวเองเป็นเชิงบอกใบ้ว่า ‘จูบกับกรีนก็หายแล้ว’ พอเจ้าตัวรู้ก็ยกมือลูบหัวด้วยสายตาเอ็นดู
“นี่ๆ พวกพี่ก็นั่งอยู่ด้วยไหม”
“ใช่ ทำเป็นโลกนี้มีกันแค่สองคน”
“ใช่ซี้ ~ พวกเรามันส่วนเกิน”
พวกพี่ทั้งสามบอกขึ้นจนผมหันไปยิ้มให้ พวกเขาไปซื้อข้าวมากินกันก็พูดแบบนี้แหละพวกอิจฉาคนมีแฟน พอเสนอให้ไปมีแฟนบ้างก็ไม่ยอม เรื่องมากจังเลยแฮะ เอาเถอะตอนนี้ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าเพราะหัวใจจะละลาย อัพหล่อมากต้องเอาแฟนไปเก็บไว้ในใจ เอาไปจูบให้ปากแตกเลย
เมื่อทุกอย่างลงตัวด้วยดีก็แยกย้ายกันไป ผมกลับไปทำงานที่คณะกับเพื่อนรักทั้งสองที่ห้องสมุด เพื่อนๆ เห็นก็ยกมือทักทายและก้มหน้าทำงานตัวเอง เรียกว่าไม่มีเวลามาทักทายอะไรกันมากเลย อ่า ต้องไปหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองได้รับมอบหมายสินะ
ผมเดินหาหนังสือกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจตามชั้นหนังสือไปเรื่อยๆ นิ้วไล่สันหนังสือแต่ก็ไม่พบสักที มันหายไปไหนหมดวะเนี่ย เอ๊ะ เจอแล้วแต่ทำไมมันอยู่ชั้นบนสุดเลยแถวนี้ก็ไม่มีบันไดด้วย เอาน่าลองเขย่งปลายเท้าดู
หนึ่ง สอง...
“ระวังหนังสือตกใส่หัว” เสียงทุ้มนุ่มหูดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง พอเห็นหน้าก็มองบนใส่ด้วยความหงุดหงิด ไอ้บ้านี่ทำไมโผล่มาบริหารบ่อยจังวะ ตอนเช้าก็มา ตอนบ่ายก็มา สรุปคณะรัฐศาสตร์ไม่มีการเรียนการสอนเหรอ
“ยุ่งอะไรด้วย”
“แค่จะช่วย” ลีโอบอก เขายืนด้วยท่าที่สบายมากคือเอามือซุกกระเป๋ากางเกงนักศึกษาสีดำและยืดแขนไปนิดหน่อยก็หยิบหนังสือกฎหมายมาได้แล้ว ที่จริงส่วนสูงเราไม่ห่างกันเท่าไหร่หรอก...ว่าไหม
“เอามาสิ”
“นี่ช่วยไหม พูดสิขอบคุณครับ” เขาก้มหน้ามามองจนผมเบือนสายตาหนี เรียกว่าเกลียดมาก มากจนอยากเอาสันหนังสือมาฟาดใส่หัวให้เลือดกระจายเต็มพื้น ทำไมพระเจ้าต้องส่งไอ้บ้านี่มาเรียนที่เดียวกับผมด้วยวะ
“อยากจะบอกว่า...”
“เกลียด ฮ่าๆ”
หัวเราะอะไรของเขากัน จริงจังเว้ย
“บอกแล้วว่าเกลียดอะไรจะได้แบบนั้น” เขาบอกและเอาหนังสือวางบนหัวจนผมต้องรีบจับไว้ ไม่ใช่อะไรหนังสือเล่มนี้หนามาก หนักมาก หากวางบนหัวนานกว่านี้สักสามวินาทีคอคงหักได้เพราะแบบนี้แหละผมถึงไม่เลือกเลือกเรียนนิติศาสตร์ ต้องไปนั่งจำกฎหมายสารพัดเลย เผอิญว่าสมองไมได้มีความจุมากมาย จำคำว่าเป็นแฟนอัพก็พอแล้ว
“ฉันมีแฟนแล้ว”
“ความรักของฉันคือการแย่งชิง มีแฟนแล้วก็เลิกได้”
ผมชะงักไปทันทีกับประโยคท่อนนี้ของเขา จะเป็นลีโอรึเปล่าที่โทรมาแล้วก็สร้างข่าวบ้าบอนั่นว่าผมนอนกับผู้ชายคนอื่น อยากจะเอ่ยปากถามก็กลัวคำตอบ ไม่อยากจะคิดว่าลีโอจะชอบผู้ชายหน้าตาบ้านๆ แบบผม มันคิดภาพไม่ออกจริงๆ เราสองคนเกลียดกัน คนเกลียดกันจะมารักกันได้เหรอ
ไม่ใช่เขาใช่ไหม
“นายไม่ได้ชอบฉันใช่ไหม”
(อัพต่อ)
“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ”
“นายใช่ไหมที่เป็นคนสร้างข่าวนั่น ตัดต่อภาพว่าฉันนอนกับผู้ชายคนอื่น!” ผมชี้หน้าเขาด้วยความโกรธจัด ลีโอหัวเราะทันทีเหมือนตลกมากที่ผมใส่ร้ายป้ายสีเขาแบบนั้น ไม่อยากจะเชื่อลีโอเนี่ยนะชอบผม คนชอบกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอก
“อย่ามาใส่ร้ายกันสิกรีน”
“ไอ้โรคจิตนั่นมันต้องเป็นนายแน่! เฮ้ยๆ” ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ลีโอก็เอามือแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองทีละเม็ดจนหมด จากนั้นก็ถอดมันออกจากตัวจนเผยให้เห็นร่างกายที่ดูดีสมบูรณ์แบบทุกตารางนิ้ว มีเนื้อแน่น กล้ามหน้าท้องเป็นลอน หุ่นดีอย่างกับนายแบบในนิตยสารเลย
ไม่ๆ ออกจากประเด็นแล้ว
“ถอดเสื้อทำบ้าอะไร ไม่เห็นเหรอว่าในห้องสมุดมีกล้องวงจรปิดอยู่” ผมเริ่มโวยวาย ถึงแม้จะไม่ชอบลีโอแต่ก็ไม่อยากให้ใครมองว่าไอ้หมอนี่เป็นพวกโรคจิต ดีไม่ดีเขาจะหาว่าผมมีผู้ชายเพิ่มอีกหนึ่งคนก็ได้
“ฉันอยากให้นายดูว่าร่างกายฉันเนี่ยผอมแห้งไหม ผิวขาวมากไหม แล้วไหนรอยสักมังกร ถ้านายฉลาดจะคิดได้ว่าคนในรูป...ไม่ใช่ฉัน”
ผมเงียบไปเลยเพราะมันคือความจริงทุกอย่าง ลีโอไม่มีรอยสักมังกร หุ่นไม่ได้หอมแห้งไร้เรี่ยวแรง ที่สำคัญผิวของเขาขาวกว่าผู้ชายในรูปเยอะ ลีโอมองด้วยสายตารำคาญก่อนจะเอาเสื้อนักศึกษามาใส่ตามเดิมด้วยท่าทางหงุดหงิด สงสัยจะไม่ชอบให้ใครใส่ร้ายว่าตัวเองเป็นพวกโรคจิตมั้ง
“อ้อ ฉันไม่ชอบผู้ชาย...แบบนาย”
“ไอ้บ้า ไปให้ไกลเลยไป!” ผมตะโกนใส่หน้าด้วยความเกลียดชัง เมื่อกี้ลีโอใช้นิ้วชี้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยท่าทางเหมือนขยะเดินได้ ไหนจะสายตาที่โคตรดูถูกกันอีก
“ระวังตัวด้วย ศพอาจไม่สวย หึๆ”
ลีโอเดินออกไปแล้วพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ไม่ได้หวั่นไหวกับหุ่นอันดูดีของเขาแต่เพราะคำพูดก่อนไปต่างหาก ยอมรับว่าในใจอยากให้คนร้ายเป็นลีโอเพราะยังพอรับมือไหว อ่า ทำยังไงดีล่ะไอ้โรคจิตนั่นเป็นใครก็ไม่รู้ มันต้องวางแผนร้ายกาจไว้แน่ๆ
ผมเดินกลับไปนั่งข้างเพื่อนตามเดิมและเริ่มทำงานไปจนเสร็จ ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาไกลถึงหกโมงเย็นแล้ว อีกไม่นานอัพคงจะมารับกลับบ้านนั่นแหละ ให้ตายสิ ปวดหัว ใจมันเต้นแรงจนน่ากลัว
“มีอะไรปรึกษากันได้”
“เห็นนั่งหน้าเครียดมาตั้งนานแล้ว”
“ไม่รู้จะเล่ายังไงวะ” ผมบอกเพื่อนสนิททั้งสองคน มือก็ประสานกันไว้แน่นจนเหงื่อเริ่มชื่น เราควรจะเล่าเรื่องน่ากลัวให้เพื่อนฟังด้วยดีไหม ถ้าลุยเดี่ยวจะเป็นยังไง
“เราเพื่อนกัน มีปัญหาต้องช่วยเสมอ”
“เล่ามา เพื่อนไม่ทิ้งกันเว้ย”
“ถ้าเป็นเรื่องข่าวบ้าบอนั่นยิ่งต้องเล่า เล่ามา”
ยิ่งเพื่อนกดดันมากเท่าไหร่ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องเบอร์แปลกให้โอวานและซุปเก๋ากี้ฟัง พวกมันสองคนผลัดกันถามผลัดกันแสดงความคิดเห็นจนเวลาล่วงเลยมาไกลถึงหนึ่งชั่วโมง ไม่รู้ป่านนี้อัพจะทำงานเสร็จรึยัง อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาความทุกข์ใจไปให้เพื่อนครึ่งหนึ่ง
“เที่ยงคืนนี้กูจะไปด้วย”
“จะดีเหรอวะโอวาน” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“พวกกูจะตามไปห่างๆ หากมันทำอะไรไม่ดีก็ลุยไปกระทืบเลย” คราวนี้ซุปเก๋ากี้บ้าง บางทีก็เป็นผู้ชายสำอาง บางครั้งก็ลุยโดยไม่กลัวอันตราย จะเก่งกล้าเกินไปแล้ว
“ขอบใจ”
“กลับยัง”
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้าลง อัพเดินมาคว้ากระเป๋าสะพายไปถือให้ก่อนจะเดินนำไปทางลานจอดรถซึ่งเจ้าตัวไม่คิดจะทักทายหรือรับไหว้เพื่อนผมเลย เอาเถอะคงรีบไปทำงานของตัวเองต่อนั่นแหละ เมื่อเราสองคนมาถึงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็ทำตามเดิม ทำเหมือนที่ผ่านมา
พอปีนขึ้นมานั่งได้ก็โน้มตัวไปกอดเอวอัพไว้จนสายตาเหลือบไปเห็นเงาอะไรบางอย่าง พอหันไปมองเงานั้นก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว อ่า สงสัยจะคิดมากไปแหละ
อัพขับรถมาบนท้องถนนด้วยความรวดเร็ว เขาไม่ได้รีบหรอกแต่สไตล์การขับรถมันเป็นแบบนั้น เมื่อก่อนขับรถอย่างนุ่มนวลพอนานไปนรกส่งมาเกิดชัดๆ บางทีผมดื้อก็แกล้งขับรถเร็ว เบรกทีนี่หัวเกือบกระเด็น ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่เคยทำให้ผมได้รับบาดแผลแม้แต่นิดเดียว
บอกเลยว่าสั่งสอนที ขอยอมเป็นเด็กดีสักวัน
“วันนี้อัพทำอาหารเยอะๆ ได้ไหม หรือจะซื้อไปก็ได้แต่ขอได้กินอาหารเย็นกับอัพวันนี้ ตามใจแฟนตัวเองหน่อยนะ” ผมบอกทั้งที่ยังซ้อนท้ายรถเขาอยู่ ไม่รู้ว่าเที่ยงคืนนี้จะเจออะไรบ้าง กลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะวางแผนชั่วให้ผมกับอัพต้องเลิกกันจริงๆ คนขับรถอยู่หัวเราะขึ้นพลางหันหน้าด้านข้างมามอง ถึงจะสวมหมวกกันน็อคอยู่ก็รู้แหละว่ามองด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนเคย
“แฟนใครขี้งอน ขี้บ่น ขี้น้อยใจแถมกินจุมากด้วย แต่ดีเนอะไม่นอกใจ”
(อัพต่อ)
“อัพว่ากรีนขี้บ่นเหรอ ไม่เคยบ่นเลย”
“เหรอ”
เหรอ!
ผมเบะปากใส่ร่างสูงและกอดกระชับเอวเขาให้แน่นขึ้น เมื่อรถมอเตอร์ไซค์จอดเทียบท่าที่หน้าคอนโดได้แล้วเราสองคนก็พากันเข้ามาในห้องครัวและช่วยทำอาหารเหมือนเคย ใจหนึ่งเริ่มกลัวแล้วสิหากใครคนนั้นจะพรากเราสองคนออกจากกัน พอคิดได้แบบนั้นก็เดินไปสวมกอดอัพทางด้านหลัง ใจมันหวิวไปหมด
กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ได้กอดเขาแล้ว
“กลัวเหรอ”
“อื้อ” ผมตอบรับในลำคอและซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังเขาด้วยท่าทางเหนื่อยล้า อัพหมุนตัวมาพลางเอามือลูบแผ่นหลังเป็นเชิงปลอบใจ สายตาเขามันดูแน่วแน่มั่นคงมาก
“ไม่มีใครพรากกรีนไปได้หรอก ตอนนี้แค่รอเท่านั้น”
หา?
ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ตั้งใจจะถามว่ารออะไรแต่อัพดันแกะแขนผมออกและทำอาหารต่อ ชะโงกหน้าไปมองก็โดนผลักหัวอีกต่างหาก ในเมื่อพยายามจะถามแล้วมันไม่สำเร็จก็ปล่อยไป ยังไงก็ต้องลองดูสักตั้ง เที่ยงคืนนี้ได้รู้แน่ว่าไอ้โรคจิตมันเป็นใคร
“เสร็จรึยังเหรอ”
“หิวใช่ไหม”
“กรีนทนไหว ไม่ต้องรีบหรอก” ผมบอกแต่ถึงอย่างนั้นอัพก็เหมือนจะรีบทำอาหารให้เร็วขึ้นกว่าเดิม พอเห็นว่าแฟนตัวเองทำตัวน่ารักจึงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ อยากจะเข้าไปหอมแก้มให้ช้ำไปเลย
“เสร็จแล้ว”
เร็วดีเนอะ
เราสองคนช่วยกันจัดอาหารบนโต๊ะจนเรียบร้อยและลงมือทานข้าวเย็นกัน ตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้วเหลืออีกแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้นก็จะรู้ตัวคนร้าย ให้ตายสิทำไมตอนนี้ผมถึงมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก อัพดูแลเอาใจใส่ตลอดจนผมลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปเลย
“อัพนอนได้แล้ว ดึกแล้ว” ผมบอกหลังจากที่เราสองคนอาบน้ำกันเรียบร้อยแล้ว อัพนอนลงข้างๆ พร้อมกับดึงตัวผมไปกอดไว้แน่นแต่วันนี้ต้องเอาแขนเขาออกอย่างเสียดายเพราะถ้าอัพกอดตัวเราอยู่คงลุกออกไปตอนเที่ยงคืนไม่ได้แน่ อัพเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วไม่พอใจไง
“ทำไมถึงกอดแฟนตัวเองไม่ได้”
“คือกรีนเมื่อยมาก กอดวันอื่นเนอะ”
“อือ” เขาตอบรับง่ายๆ และหันหน้าไปอีกทาง
เวรกรรม!
แฟนงอนครับ แต่คืนนี้คงง้อไม่ได้ปล่อยให้งอนไปก่อนแล้วกัน เอาล่ะเหลืออีกประมาณสามชั่วโมงถึงจะได้เจอตัวผู้ร้าย คืนนี้ต้องเคลียร์ให้จบ เพื่อนผมก็พร้อมจะช่วยเหลืออยู่ห่างๆ หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น
สามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว...
ผมค่อยๆ ขยับตัวลุกอย่างเชื่องช้าเพราะกลัวว่าเสียงการเคลื่อนไหวจะทำให้อัพตื่นและถามว่าจะไปไหน เอาเถอะ ป่านนี้เพื่อนคงรอหน้าห้องกันหมดแล้วมั้ง อีกแค่สิบนาทีก็จะถึงเวลาที่นัดหมาย หวังว่าคนร้ายคนนั้นจะไม่โหด เอาความจริงคือกลัวไอ้โรคจิตนั่นมันจะปล้ำผมมาก
ครืด...
เฮ้ย ใครโทรมาวะเนี่ย ผมรีบเอามือตะครุบโทรศัพท์ทันที กลัวว่าเสียงสั่นของเจ้ามือถือจะส่งเสียงรบกวนชวนให้อัพตื่นมา คนที่โทรมานี่ไม่ใช่ใครอื่น ซุปเก๋ากี้นั่นเอง
“มากันรึยัง”
(ยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว)
“เดี๋ยวจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ผมวางสายก่อนจะหันไปจุ๊บหน้าผากของแฟนตัวเองแผ่วเบา อยากจะกอดอยากจะจูบก็กลัวว่ามันจะรุนแรง เอาเถอะคืนนี้ทุกอย่างได้กระจ่างแน่ ผมเหวี่ยงเท้าลงจากเตียงได้ก็ใช้เท้าเบาเดินออกนอกห้องและเปิดประตูออก เพื่อนรักทั้งสองคนยืนพิงผนังห้องรออยู่เลย
การแต่งตัวอย่างกับดาราเกาหลีแหละ
“เอาผ้าไหมพรมพันคอมาเพื่อ?”
“หล่อ จบนะ” โอวานเป็นคนตอบ
“พวกกูจะรออยู่หน้าห้อง หากเข้าไปนานเกินห้านาทีจะบุกเข้าไปช่วย” ซุปเก๋ากี้เป็นคนสรุปและเดินนำไปทางลิฟต์เพื่อมุ่งหน้าไปยังชั้นสี่สิบ โอวานเดินมายืนข้างๆ พร้อมกับยัดสนับมือมาด้วย ผมเห็นก็เบิกตาโตทันที
“อย่าทำหน้าตาเหมือนไม่เคยใช้ รู้ๆ กันอยู่”
ผมเบะปากให้เพื่อนก่อนจะเอาสนับมือยัดใส่กระเป๋ากางเกงนอนตัวโปรด ที่เพื่อนพูดเมื่อกี้ว่ารู้ๆ กันอยู่คือพวกเราเคยใช้มันมาแล้วตอนมอปลาย อย่ามองว่าพวกผมใสๆ เลย ถ้าเป็นเด็กดีจริงคงบวชเป็นพระไปแล้ว
(อัพต่อ)
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงชั้น 40 ห้อง 1198 จนได้ ชั้นนี้ค่อนข้างเงียบปกติอาจไม่เงียบก็ได้ เอาเถอะเวลาเที่ยงคืนนี้ใครเขาจะมาแหกปากร้องเพลงกันเล่า ทำไมใจมันหวิวชอบกลคล้ายจะกลัวเอาการ
“พวกกูจะเดินไปหลบตรงบันไดหนีไฟ”
“เกินห้านาที จะเข้าไปช่วย”
“อย่าทิ้งกันนะ” ผมบอกก่อนที่เพื่อนจะพยักหน้าลงและเดินจากไปพร้อมกัน ผมยืนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมกับเคาะประตูห้องสองสามที
ก๊อกๆ
ไร้วี่แววว่าจะมีคนอยู่
แอด...
เสียงประตูเปิดออก บานประตูมันแง้มออกเพียงเล็กน้อยแต่ไม่มีเจ้าของห้องปรากฏแก่สายตา ผมยื่นมือสั่นๆ ไปผลักและก้าวเท้าเข้าไป ในห้องมันค่อนข้างมืด ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความหวาดผวา เอ๋ ห้องนอนมันเปิดไฟอยู่นี่หว่า
ปัง!
เฮือก!
ผมหันไปมองด้านหลังตัวเองก็รีบก้าวขาถอยหลังไปทางห้องนอนที่เปิดไฟทิ้งไว้อยู่ บุคคลในเงามืดก้าวขาตามมาช้าๆ จนเราสองคนเดินเข้ามาในห้องนั้นแหละถึงเห็นใบหน้า แค่นั้นจริงๆ หัวใจผมก็กระตุกวูบด้วยความหวาดกลัว ไม่คาดคิดเลยว่าผู้ร้ายจะกลายเป็น...พี่ไอ!
“ว้าวๆ น้องกรีนทำไมช่างน่ากินแบบนี้”
เสียงอีกคนดูแหบแห้งมาก ผมอยากจะหนีไปให้พ้นแต่พอมองไปที่มุมห้องก็พบว่ามีผู้ชายร่างใหญ่อีกสองคนยืนอยู่ สองคนนี้เป็นแฝดกันชัวร์ หน้าตาท่าทางเหมือนกันอย่างกับคนคนเดียว ให้ตายตัวพวกเขามันใหญ่มาก กล้ามเป็นมัดๆ ผิวสีดำคล้ำ ไหนจะหนวดเครารุงรังอีก
“ของขวัญที่ฉันจะมอบให้น้องกรีนไง”
“นี่มันอะไร” ผมถามและทำตัวลีบ อยากจะมุดตัวหนีกับเหตุการณ์นี้ ถึงปากจะถามแบบนั้นแต่ทุกอย่างมันชัดเจนที่สุด เข้ามาในห้องนอนแบบนี้แถมผู้ชายสองคนยังสวมแค่กางเกงขาสั้นกันอีก ที่สำคัญมีกล้องอัดวิดีโอด้วย พวกเขาจงใจถ่ายคลิปไว้แล้วเอาไปให้อัพดูสินะ
“ยังไม่รู้อีกเหรอเด็กน้อย”
“...”
“ฉันรักนายไง รักมากเพราะนายจะทำให้ฉันหลุดจากหนีพนันสามล้านบาท เฮียใหญ่กับเฮียโตเขาอยากได้น้องกรีนเป็นเมีย เฮียทั้งสองคนบอกว่าถ้าจับน้องกรีนมาได้หนี้ทั้งหมดของฉันจะหายไปทันทีแถมยังได้เงินเพิ่มอีกหนึ่งล้านเป็นทุนเพื่อเล่นต่อด้วย”
ผมตัวสั่นไปหมด ในใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอยากจะตะโกนร้องให้ใครช่วยแต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ คอนโดแห่งนี้เก็บเสียงได้ดีทุกห้อง ตอนนี้ก็ทำได้แค่รอเวลาให้ครบห้านาทีเท่านั้น เพื่อนผมจะต้องเข้ามาแน่ๆ
“น่าเสียดายที่น้องกรีนมันโง่ ไม่บอกให้ไอ้อัพมาช่วย ตลกดีเนอะ ความรักทำให้นายยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้อีกคนไม่เดือดร้อน อยากจะปรบมือรัวๆ”
“พี่ไม่มีหัวใจจะไปเข้าใจอะไร” ผมบอกก่อนที่พี่ไอจะยกยิ้ม
“ใครบอกกัน พี่มีแต่ไม่คิดจะมอบให้ใครเท่านั้นเอง อ้อ ไอ้อัพมันนิสัยไม่ดีหรอก จะบอกให้เอาบุญว่ามันเลวกว่าที่น้องคิด ตอนปีหนึ่งมันควงสาวเป็นว่าเล่นและถ้าผู้หญิงคนไหนได้เดินคู่กับมันเป็นอันเข้าใจกันดีว่าจบที่เตียงทุกราย เฮอะ มันหล่อ เท่ ถึงไม่ใช่เดือนแต่มันก็ดัง แล้วน้องจะเสียใจ”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าอัพเป็นคนแบบนี้แต่มันคืออดีต แล้วไม่รู้ด้วยว่ามันคือความจริงรึเปล่า ผมก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าครบห้านาทีแล้วอีกไม่นานโอวานกับซุปเก๋ากี้จะมาช่วย พวกเพื่อนต้องมาช่วยแน่นอน
“อ้อ เพื่อนของนายฉันสั่งให้คนไปจับตัวไว้แล้ว รอไปก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก สู้ยอมเป็นเมียเฮียทั้งสองดีกว่า รับรองว่าได้ออกกำลังกายยันเช้า” พี่ไอบอกขึ้นจนผมเริ่มหัวหมุน อยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อรู้ว่าความหวังสุดท้ายได้พังทลายไปแล้ว
“พูดมาก”
“เสียเวลา”
“อย่าเข้ามานะ!” ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อถูกไอ้ร่างยักษ์ทั้งสองจับแขนทั้งสองข้างพร้อมกับเหวี่ยงร่างลงบนเตียง พวกมันนอนขนาบข้างพร้อมกับกระซิบข้างหูจนผมนึกรังเกียจขยะแขยงไม่น้อย
“เป็นเมียเฮีย รับรองว่าสบายไปทั้งชาติ”
“อยากได้อะไรเฮียโตจัดให้หมด”
“ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมรวยผมเลี้ยงตัวเองได้” ผมบอกและพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่พวกมันไม่ยอมปล่อย มือของพวกมันช่วยกันปลดกระดุมเสื้อนอนผมอย่างรวดเร็ว ให้ตายสินี่ผมต้องเป็นเมียพวกมันงั้นเหรอ ไม่น่าเลยผมมันโง่เองถ้าบอกอัพว่าจะมาห้องนี้ก็น่าจะรอดอยู่
“แต่พี่อยากเลี้ยงน้อง จะดื้อไปทำไม”
“อัพ! ช่วยกรีนด้วย! ฮึก อัพกรีนกลัว ฮือ” ผมร้องไห้ทันทีเมื่อมือหนานั่นลูบไปทั่วแผ่นอกอย่างน่ารังเกียจ มันน่าขยะแขยงสิ้นดี เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ใช่เกย์แน่นอน ทำไมตอนจูบกับอัพ กอดกับอัพ หรือล่วงเกินอัพมันไม่มีความรู้สึกอย่างนี้ อยากจะกลั้นลมหายใจให้ตายซะเดี๋ยวนี้
พระเจ้าฮะ ใครก็ได้ช่วยผมที
“เริ่มถ่ายแล้วนะพี่ เฮ้ย!”
โครม!
---------------------------------------------------------------------
สำหรับผลโหวตเรื่องของหมอปอนด์และพันทิป สรุปเขาจะแต่งให้แน่นอน ครั้งแรกตั้งเป้าไว้แค่ 100 แต่ตอนนี้มันปาไปเยอะแล้ว
ส่วนเรื่องอัพกรีน ตอนนี้ก็รู้แน่นอนว่าใครคือคนร้าย แล้วไอ้ต่างหูมีคนทายถูกเยอะมาก ฮ่าๆๆ มันมี GPS อยู่และแอบฟังด้วย
(เดี๋ยวอัพก็เฉลยให้กรีนฟังเองแหละ)
**ต้องขอบอกก่อนเลยนะว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนตัวคนร้าย แต่งไปคือตั้งใจเอาพี่ไอตลอดเพราะตอนที่อัพเอาหนังสือฟาดใส่อีกคนแล้วหัวแตก (ยังจำได้ไหม) อีกคนจากไปด้วยความโกรธ ตัวละคนตัวนี้ยังจบไม่สวยเขาเลยดึงมา เขาอ่านคอมเมนต์และดูว่าใครจะทายถูกบ้าง แป่ว! ไม่มีเลย 555+ ยังไงก็เจอตอนหน้านะ บ๊ายยย
ไรท์ตัดได้ค้างงงมากกกก
555555555