ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สอง
สอง
ท้องฟ้าตอนช่วงสายนี่ไม่เป็นใจเอากับผมเสียเลย แดดมันส่องจนผมต้องหลับตาซักแปปเพื่อที่จะไม่ให้ไฟจากดวงอาทิตย์เข้ามาถึงประสาจอตาของผม
ผมเดินเข้าไปในศาลบางนา และให้เจ้าหน้าที่จับตัวผมไปที่เครื่องตรวจโลหะ
มีทนายฝ่ายจำเลยหลายคนนักที่ต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ เพราะพวกเจ้าหน้าที่นั้นบางคนเป็นพวกของฝ่ายอัยการ มักจะมาแกล้งพวกทนายเป็นประจำ แต่เรื่องนั้นก็ไม่แปลกนักหรอกเมื่อคนที่ถูกแกล้งนั้น มาทำดันทำให้คนผิด บริสุทธิ์เอาเสียได้
ผมเดินเข้าไปในห้องพิจารณาคดี เพื่อถามกับจ่าศาลว่า ลูกความของผม ทาสึจิ เอมะ วันนี้ได้มาเพื่อรับการพิจารณาคดีหรือเปล่า
จ่าศาลพยักหน้า แล้วบอกผมว่า
" นายนี่โชคดีจริง ลูกความของนายจะถูกพิจารณาเป็นคนแรก "
" ครับ " ผมพูดสั้นๆ เพราะไม่ต้องการจะถามอะไรมากนัก
สมุดเล่มเหลืองเยลโล่เพจเจต ในหมู่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยจะเปิดอ่านมันเท่าไหร่นัก เพราะมันเกี่ยวกับพวกโฆษณาหากินของพวกผู้ใหญ่กลางคน ซึ่งผมก็ลงมันไว้ด้วย
- ทนายอาญา เคลวิน ไมเลอร์ รับแก้คดี แก้ต่าง เราสามารถอาศัยความผิดของคุณ มาเป็นความถูกต้องได้ -
มีพวกลูกความของผมหลายคนที่เมื่อผมแก้คดีให้เขาได้ เมื่อพวกเพื่อนๆของเขาได้ไปทำผิดจนถูกฟ้องแล้ว พวกลูกความของผมก็จะแนะนำเบอร์โทรสำนักงานของผม ในสมุดเล่มเหลือง ซึ่งงานของผมก็ต้องมีการจัดเรียงไว้อยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนจัดการกับเรื่องนี้เองหรอกนะ
ทาสึจิ เอมะ เดินออกมาจากประตูทางเข้าด้านหลังของศาลบางนา เขาก้าวออกมาเป็นคนแรกแล้วไปนั่งลงตรงที่นั่งของฝ่ายจำเลย ซึ่งก็คือที่เดียวกับที่ผมกำลังนั่งอยู่
" คุณช่วยผมได้ใช่ไหม " เอมะ ยิงคำถามหาผมในทันที
" ผมคิดว่าได้นะ " ผมตอบกลับเขาไป
" ถ้าทำสำเร็จเดี๋ยวผมให้อีก ครึ่งล้านเลย " เอมะพูดขึ้นอีกครั้ง
ผมยิ้ม และหันหน้าไปทางประตู รอผู้พิพากษากำลังมา
เอมะ ถูกจับข้อหาค้าเฮโรอีน ซึ่งตำรวจแก่จับเขาได้ในเทค เมื่อเขาไม่ได้พกบัตรประจำตัวประชาชนมา ทางตำรวจได้พาเอมะไปสอบปากคำ แต่เขาก็ยังเมาอยู่ดี แล้วพูดว่า เขาเป็นพ่อค้ายา เขาเป็นพ่อค้ายา ตำรวจแก่คนนั้นเลยลองค้นกระเป๋าเขาดู แล้วพบกับนามบัตรของเอมะ ซึ่งเขียนที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ตำรวจแก่ได้ยกพวกตำรวจด้วยกัน ไปค้นบ้านของตาเอมะทันที
แม่บ้านเปิดประตูแล้ว เมื่อเห็นตำรวจเลยปิดประตูหนี ในตอนนี้ตำรวจไม่สามารถเข้าไปในที่ดินอันเป็นพื้นที่ส่วนบุคลลของเอมะได้ ทางตำรวจเลยรอให้ถึงเวลากลางคืน แม่บ้านที่นั่นหลับไปแล้ว ตำรวจได้เรียกกองปราบปรามพิเศษ ลอบเข้าไปในบ้านของเขา และพบกับเฮโรอีน และเครื่องผลิต ซึ่งอยู่ทางหลังบ้านของเอมะ ยาพวกนี้คือหลักฐานที่จะจับเขาไว้ไม่ให้หลุด รวมกับพฤติกรรมของแม่บ้านแล้วยิ่งรัดเขาแน่นขึ้นทุกที
เอมะโทรมาหาผมและให้แก้เรื่องพวกนี้ ซึ่งมันก็เรื่องเดิมๆของเขานั่นแหละ
เมื่อผู้พิพากษาเดินเข้ามาขึ้นบังลังค์ในศาล ผู้พิพากษาเรียกคดี ของเอมะขึ้น
ผมและเอมะ ยืนขึ้นเพื่อเป็นการแสดงตัว คนที่ยืนขึ้นพร้อมกับผมอีกคนก็คือ อัยการ
รูปีย์ มู้ด อัยการของรัฐ เขาถูกมาทำงานนี้เพราะมีเส้นสายในกรมตำรวจและเขาก็มั่นใจว่าจะชนะคดีนี้ได้แน่ แต่ผมว่ามันไม่มีไว้ซะหรอก
อัยการเริ่มฟ้องศาล ว่า นาย ทาสึจิ เอมะ ได้ผลิตเฮโรอีน โดยมีเครื่องจักร ตัวยา และ ยังมีข้อหาอีกหนึ่งคือไม่พกบัตรประชาชนเข้าไปในเทค
มู้ดยกรูปถ่ายบ้านของ เอมะ และสภาพตอนที่เขาเมาในโรงพัก
ผมยืนขึ้นค้าน แล้วเริ่มต่อรองกับคดีนี้ว่า
" ทำอย่างนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ ตาเอมะเขาเป็นชาวญี่ปุ่นและย้ายสัญชาติมาเป็นคนของเมืองไทย เขาแค่ไปเขาเทค รุปร่างหน้าตาของเขาอายุมากกว่า 18อยู่แล้ว ทำไมคุณตำรวจถึงต้องมาจับคนอายุมากแบบนี้ด้วยเล่า? " ผมพูดพร้อมกับใส่อารมณ์จริงจังไว้
" ก็ในเมื่อกฏหมายระบุไว้แล้ว ว่าคนที่เข้าสถาณเริงรมย์แล้วต้องพกบัตรประชาชน ขับรถก็ต้องมีใบขับบี่ " มู้ดพูดแต่เขาไม่หันหน้ามาทางผม
" ผมว่าทางตำรวจเลือกปฏิบัตินะ " ผมพูด
ทันใดนั่นเสียงโหวกเหวกของพวกตำรวจก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นปกติที่ทนายฝ่ายจำเลยกล่าวเสียดสีกับตำรวจ
" คุณไมเลอร์ ผมขอให้คุณใช้คำพูดที่ดีกว่านี้หน่อยครับ " ผู้พิพากษากล่าว
" ได้ครับ "
ผมเริ่มพูดต่อ
" ในเมื่อเขาไม่ได้พกบัตรประชาชนเข้าเทค แล้วทางตำรวจเรียกเขาไปสอบปากคำถึงโรงพักนะ คนเมาน่ะเขาเมาแบบไม่มีสติ แอลกอฮอล์ที่เขาดิ่มไม่ถือว่ามากนัก แต่คุณได้ยินเสียงโวยวายของเขาว่า ผมเป็นพ่อค้ายา ขึ้นแค่นั่น ทั้งสน.ถึงกับวุ่นเลยหรอ และยังไปค้นกางเกงของคนเมาอีก มันก็เหมือนเขาไม่ได้สติแล้วคุณไปค้นตัวเขาน่ะ ละเมิดสิทธิชัดๆ เมื่อได้นามบัตรของเขาก็รีบไปที่บ้าน เพื่อจะแจ้งข้อหารบกวนผู้อื่นในสถานที่ราชการให้กับทางบ้าน เพื่อจะจ่ายเงินละซินะครับ "
ผมหันหน้าไปทาง เอมะ และพูดขึ้นอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายที่จะพูดจ่อไมค์โครโฟน
" ทางตำรวจได้บุกลุกเข้าไปในที่อยู่ของจำเลยเป็นตอนกลางคืนยามวิกาลเสียนี่ แล้วคุณมีหลักฐาน หรือพยานหรือยังในตอนนั้น เบาะแสคุณก็ยังไม่มีแล้วไปบุกบ้านจำเลยเอาดื้อๆ เพราะได้ยินจำเลยพูดว่าตัวเองเป็นพ่อค้ายา และแม่บ้านไม่เปิดประตูให้แค่นั้นหรอ แล้วพวกหน่วยพิเศษกองปราบปรามที่เขามาบ้านของจำเลยนั้น ผมได้สืบมาแล้วครับ ว่าเขาไม่ใช่หน่วยพิเศษกองปราบปรามอะไรนั่นหรอก แต่เป็นตำรวจเองต่างหากที่กระทำ " ผมพูดคำว่า ตำรวจอย่างหนักแน่น
ผู้พิพากษาเมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว เริ่มได้อ่านเค้าพูดของผม เขาประกาศว่า
" อัยการจะมีอะไรฟ้องจำเลยอีกไหม "
มู้ด เงียบและเขาก็ขออณุญาติศาลเดินออกไปจากที่นั่น เขาทนไม่ได้ที่ต้องแพ้ผม
" ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ศาลขอสั่งให้ ยกฟ้อง คดีของจำเลย ทาสึจิ เอมะ " (อัยการออกไป ไม่มีคนฟ้อง)
ทั้งห้องเงียบหยั่งกับรอนับเคาท์ดาวน์วันปีใหม่ ผมจับมือกับเอมะ แล้วกระซิบกับเขา
" อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ "
" วันพุธเงินถึงมานายแน่ " เขาพูดโดยมีน้ำเสียงมั่นใจกว่าตอนที่เขาพูดยื่นขอเสนอ
เอมะถูกส่งไปที่สำนักงานศาลบางนาเพื่อเซ็นสัญญาปลดปล่อยเขาออกจากการฟ้องครั้งนี้
ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วรู้ไหมละว่าทำไมผมถึงรู้เรื่องคดีนี้ ยิ่งเสียกว่าตำรวจที่มีรูปคดีทั้งหมดอยู่อีก เพราะว่าเขาพลาดอะไรไปบางอย่าง เขาพลาดการแก้เกมส์ การ์ดแต่ละใบล้วนมีเอฟเฟค และผมกับคนของผมก็มีเอฟเฟคนั้น ซึ่งเหนือกว่าการ์ดที่มีพลังโจมตี และป้องกันมากกว่าอีกซะด้วยซ้ำไป
--------------
จบไปอีกตอนนึง ยังไงก็ขอบคุณทีอ่านด้วยนะครับ ผมก็ไม่คอ่จะว่างเท่าไหร่นัก ถ้าว่างๆก็จะแต่งลงในนี้เลยไม่มีสคริป์อะไร เข้าบอร์ดแล้วพิมพ์ไปเรื่อยๆเลย
ท้องฟ้าตอนช่วงสายนี่ไม่เป็นใจเอากับผมเสียเลย แดดมันส่องจนผมต้องหลับตาซักแปปเพื่อที่จะไม่ให้ไฟจากดวงอาทิตย์เข้ามาถึงประสาจอตาของผม
ผมเดินเข้าไปในศาลบางนา และให้เจ้าหน้าที่จับตัวผมไปที่เครื่องตรวจโลหะ
มีทนายฝ่ายจำเลยหลายคนนักที่ต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ เพราะพวกเจ้าหน้าที่นั้นบางคนเป็นพวกของฝ่ายอัยการ มักจะมาแกล้งพวกทนายเป็นประจำ แต่เรื่องนั้นก็ไม่แปลกนักหรอกเมื่อคนที่ถูกแกล้งนั้น มาทำดันทำให้คนผิด บริสุทธิ์เอาเสียได้
ผมเดินเข้าไปในห้องพิจารณาคดี เพื่อถามกับจ่าศาลว่า ลูกความของผม ทาสึจิ เอมะ วันนี้ได้มาเพื่อรับการพิจารณาคดีหรือเปล่า
จ่าศาลพยักหน้า แล้วบอกผมว่า
" นายนี่โชคดีจริง ลูกความของนายจะถูกพิจารณาเป็นคนแรก "
" ครับ " ผมพูดสั้นๆ เพราะไม่ต้องการจะถามอะไรมากนัก
สมุดเล่มเหลืองเยลโล่เพจเจต ในหมู่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยจะเปิดอ่านมันเท่าไหร่นัก เพราะมันเกี่ยวกับพวกโฆษณาหากินของพวกผู้ใหญ่กลางคน ซึ่งผมก็ลงมันไว้ด้วย
- ทนายอาญา เคลวิน ไมเลอร์ รับแก้คดี แก้ต่าง เราสามารถอาศัยความผิดของคุณ มาเป็นความถูกต้องได้ -
มีพวกลูกความของผมหลายคนที่เมื่อผมแก้คดีให้เขาได้ เมื่อพวกเพื่อนๆของเขาได้ไปทำผิดจนถูกฟ้องแล้ว พวกลูกความของผมก็จะแนะนำเบอร์โทรสำนักงานของผม ในสมุดเล่มเหลือง ซึ่งงานของผมก็ต้องมีการจัดเรียงไว้อยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เป็นคนจัดการกับเรื่องนี้เองหรอกนะ
ทาสึจิ เอมะ เดินออกมาจากประตูทางเข้าด้านหลังของศาลบางนา เขาก้าวออกมาเป็นคนแรกแล้วไปนั่งลงตรงที่นั่งของฝ่ายจำเลย ซึ่งก็คือที่เดียวกับที่ผมกำลังนั่งอยู่
" คุณช่วยผมได้ใช่ไหม " เอมะ ยิงคำถามหาผมในทันที
" ผมคิดว่าได้นะ " ผมตอบกลับเขาไป
" ถ้าทำสำเร็จเดี๋ยวผมให้อีก ครึ่งล้านเลย " เอมะพูดขึ้นอีกครั้ง
ผมยิ้ม และหันหน้าไปทางประตู รอผู้พิพากษากำลังมา
เอมะ ถูกจับข้อหาค้าเฮโรอีน ซึ่งตำรวจแก่จับเขาได้ในเทค เมื่อเขาไม่ได้พกบัตรประจำตัวประชาชนมา ทางตำรวจได้พาเอมะไปสอบปากคำ แต่เขาก็ยังเมาอยู่ดี แล้วพูดว่า เขาเป็นพ่อค้ายา เขาเป็นพ่อค้ายา ตำรวจแก่คนนั้นเลยลองค้นกระเป๋าเขาดู แล้วพบกับนามบัตรของเอมะ ซึ่งเขียนที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ตำรวจแก่ได้ยกพวกตำรวจด้วยกัน ไปค้นบ้านของตาเอมะทันที
แม่บ้านเปิดประตูแล้ว เมื่อเห็นตำรวจเลยปิดประตูหนี ในตอนนี้ตำรวจไม่สามารถเข้าไปในที่ดินอันเป็นพื้นที่ส่วนบุคลลของเอมะได้ ทางตำรวจเลยรอให้ถึงเวลากลางคืน แม่บ้านที่นั่นหลับไปแล้ว ตำรวจได้เรียกกองปราบปรามพิเศษ ลอบเข้าไปในบ้านของเขา และพบกับเฮโรอีน และเครื่องผลิต ซึ่งอยู่ทางหลังบ้านของเอมะ ยาพวกนี้คือหลักฐานที่จะจับเขาไว้ไม่ให้หลุด รวมกับพฤติกรรมของแม่บ้านแล้วยิ่งรัดเขาแน่นขึ้นทุกที
เอมะโทรมาหาผมและให้แก้เรื่องพวกนี้ ซึ่งมันก็เรื่องเดิมๆของเขานั่นแหละ
เมื่อผู้พิพากษาเดินเข้ามาขึ้นบังลังค์ในศาล ผู้พิพากษาเรียกคดี ของเอมะขึ้น
ผมและเอมะ ยืนขึ้นเพื่อเป็นการแสดงตัว คนที่ยืนขึ้นพร้อมกับผมอีกคนก็คือ อัยการ
รูปีย์ มู้ด อัยการของรัฐ เขาถูกมาทำงานนี้เพราะมีเส้นสายในกรมตำรวจและเขาก็มั่นใจว่าจะชนะคดีนี้ได้แน่ แต่ผมว่ามันไม่มีไว้ซะหรอก
อัยการเริ่มฟ้องศาล ว่า นาย ทาสึจิ เอมะ ได้ผลิตเฮโรอีน โดยมีเครื่องจักร ตัวยา และ ยังมีข้อหาอีกหนึ่งคือไม่พกบัตรประชาชนเข้าไปในเทค
มู้ดยกรูปถ่ายบ้านของ เอมะ และสภาพตอนที่เขาเมาในโรงพัก
ผมยืนขึ้นค้าน แล้วเริ่มต่อรองกับคดีนี้ว่า
" ทำอย่างนี้น่ะไม่ได้หรอกนะ ตาเอมะเขาเป็นชาวญี่ปุ่นและย้ายสัญชาติมาเป็นคนของเมืองไทย เขาแค่ไปเขาเทค รุปร่างหน้าตาของเขาอายุมากกว่า 18อยู่แล้ว ทำไมคุณตำรวจถึงต้องมาจับคนอายุมากแบบนี้ด้วยเล่า? " ผมพูดพร้อมกับใส่อารมณ์จริงจังไว้
" ก็ในเมื่อกฏหมายระบุไว้แล้ว ว่าคนที่เข้าสถาณเริงรมย์แล้วต้องพกบัตรประชาชน ขับรถก็ต้องมีใบขับบี่ " มู้ดพูดแต่เขาไม่หันหน้ามาทางผม
" ผมว่าทางตำรวจเลือกปฏิบัตินะ " ผมพูด
ทันใดนั่นเสียงโหวกเหวกของพวกตำรวจก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นปกติที่ทนายฝ่ายจำเลยกล่าวเสียดสีกับตำรวจ
" คุณไมเลอร์ ผมขอให้คุณใช้คำพูดที่ดีกว่านี้หน่อยครับ " ผู้พิพากษากล่าว
" ได้ครับ "
ผมเริ่มพูดต่อ
" ในเมื่อเขาไม่ได้พกบัตรประชาชนเข้าเทค แล้วทางตำรวจเรียกเขาไปสอบปากคำถึงโรงพักนะ คนเมาน่ะเขาเมาแบบไม่มีสติ แอลกอฮอล์ที่เขาดิ่มไม่ถือว่ามากนัก แต่คุณได้ยินเสียงโวยวายของเขาว่า ผมเป็นพ่อค้ายา ขึ้นแค่นั่น ทั้งสน.ถึงกับวุ่นเลยหรอ และยังไปค้นกางเกงของคนเมาอีก มันก็เหมือนเขาไม่ได้สติแล้วคุณไปค้นตัวเขาน่ะ ละเมิดสิทธิชัดๆ เมื่อได้นามบัตรของเขาก็รีบไปที่บ้าน เพื่อจะแจ้งข้อหารบกวนผู้อื่นในสถานที่ราชการให้กับทางบ้าน เพื่อจะจ่ายเงินละซินะครับ "
ผมหันหน้าไปทาง เอมะ และพูดขึ้นอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายที่จะพูดจ่อไมค์โครโฟน
" ทางตำรวจได้บุกลุกเข้าไปในที่อยู่ของจำเลยเป็นตอนกลางคืนยามวิกาลเสียนี่ แล้วคุณมีหลักฐาน หรือพยานหรือยังในตอนนั้น เบาะแสคุณก็ยังไม่มีแล้วไปบุกบ้านจำเลยเอาดื้อๆ เพราะได้ยินจำเลยพูดว่าตัวเองเป็นพ่อค้ายา และแม่บ้านไม่เปิดประตูให้แค่นั้นหรอ แล้วพวกหน่วยพิเศษกองปราบปรามที่เขามาบ้านของจำเลยนั้น ผมได้สืบมาแล้วครับ ว่าเขาไม่ใช่หน่วยพิเศษกองปราบปรามอะไรนั่นหรอก แต่เป็นตำรวจเองต่างหากที่กระทำ " ผมพูดคำว่า ตำรวจอย่างหนักแน่น
ผู้พิพากษาเมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว เริ่มได้อ่านเค้าพูดของผม เขาประกาศว่า
" อัยการจะมีอะไรฟ้องจำเลยอีกไหม "
มู้ด เงียบและเขาก็ขออณุญาติศาลเดินออกไปจากที่นั่น เขาทนไม่ได้ที่ต้องแพ้ผม
" ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ศาลขอสั่งให้ ยกฟ้อง คดีของจำเลย ทาสึจิ เอมะ " (อัยการออกไป ไม่มีคนฟ้อง)
ทั้งห้องเงียบหยั่งกับรอนับเคาท์ดาวน์วันปีใหม่ ผมจับมือกับเอมะ แล้วกระซิบกับเขา
" อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ "
" วันพุธเงินถึงมานายแน่ " เขาพูดโดยมีน้ำเสียงมั่นใจกว่าตอนที่เขาพูดยื่นขอเสนอ
เอมะถูกส่งไปที่สำนักงานศาลบางนาเพื่อเซ็นสัญญาปลดปล่อยเขาออกจากการฟ้องครั้งนี้
ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วรู้ไหมละว่าทำไมผมถึงรู้เรื่องคดีนี้ ยิ่งเสียกว่าตำรวจที่มีรูปคดีทั้งหมดอยู่อีก เพราะว่าเขาพลาดอะไรไปบางอย่าง เขาพลาดการแก้เกมส์ การ์ดแต่ละใบล้วนมีเอฟเฟค และผมกับคนของผมก็มีเอฟเฟคนั้น ซึ่งเหนือกว่าการ์ดที่มีพลังโจมตี และป้องกันมากกว่าอีกซะด้วยซ้ำไป
--------------
จบไปอีกตอนนึง ยังไงก็ขอบคุณทีอ่านด้วยนะครับ ผมก็ไม่คอ่จะว่างเท่าไหร่นัก ถ้าว่างๆก็จะแต่งลงในนี้เลยไม่มีสคริป์อะไร เข้าบอร์ดแล้วพิมพ์ไปเรื่อยๆเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น