ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปฏิบัติการรักหักเหลี่ยมแค้น>>vv<<

    ลำดับตอนที่ #3 : ศัตรูหมายเลขสอง

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 50


           เจ็บใจที่สุด!! ทำไมฉันจะต้องโดนไอ้คนแบบนั้นมาด่าต่อหน้าคนทั้งโรงอาหารทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยนะ  เสียแรงที่ฉันเห็นว่าเขาหน้าตาดี  เลยพลอยคิดไปว่านิสัยก็จะดีเหมือนหน้าตาด้วย  ฉันสาบานได้เลยนะว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำให้ฉันเกลียดได้เพียงแค่เห็นหน้าครั้งแรก 

     

            มีไอ้บ้านี่แหละเป็นคนแรกเลย!! 

     

            พี่ต้า...แฟนของยัยแพมแม้จะดูนิสัยดีก็จริง  แต่ทำไมถึงได้คบกับเพื่อนนิสัยเลวๆอย่างไอ้ริวนั่นซะได้  เฮอะ! ท่าทางจะหลงแฟนตัวเองหัวปักหัวปำเลยล่ะสิท่า แล้วทำไมยัยนั่นถึงไม่พูดอะไรบ้างเลยล่ะ  ความจริงตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนผิด  วิ่งมาชนฉันเอง 

     

          โอ๊ย! >O<”

     

          ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บตรงบริเวณสะโพก  จนต้องเผลอร้องออกมา  สงสัยคงจะเป็นตอนที่ฉันเซไปชนเข้ากับมุมโต๊ะเมื่อกี๊แน่ๆเลย 

     

          ฉันก้าวเดินอาดๆด้วยความโมโห  แล้วก็รู้สึกตัวได้ว่ามาหยุดอยู่ที่สวนหย่อมบริเวณหน้าอาคารหนึ่ง  เฮ้อ...นั่งสงบใจซักหน่อยดีมั้ยเรา 

     

           ฉันนั่งลงกับเก้าอี้มาหินตรงใต้ต้นไม้ใหญ่  ก่อนจะทอดสายตามองออกมายังสนามหญ้ากว้างใหญ่ข้างหน้าโรงเรียน  ที่พวกผู้ชายกำลังเตะบอลกันอย่างสนุกสนาน  คิดๆไปแล้วก็อยากจะขอโทษยัยแพม  ที่ฉันทำให้ต้องเกิดเรื่องราวแย่ๆแบบนั้น  ทั้งที่มันอยากจะให้ฉันรู้จักคุ้นเคยกับพี่พวกนั้นแท้ๆ  แต่จะมาโทษฉันไม่ได้หรอก  ต้องโทษไอ้หมอนั่นต่างหากที่ทำตัวไร้สาระ!

     

           แฮ่กๆๆ ยัยเบล  หาตั้งนาน

     

           ฉันหันไปตามเสียงเรียก  ก่อนจะพบยัยแพมยืนหน้าแดงหอบแฮ่กๆเป็นหมาหอบแดดอยู่ข้างหลัง

     

           ...

     

           ฉันได้แต่ถอนหายใจให้มันอย่างไม่รู้จะทำอะไร

     

           แกหายโมโหแล้วใช่มั้ย

     

           มันถามก่อนเดินมานั่งที่เก้าอี้มาหินตัวเดียวกับฉัน

     

           แกจะด่าอะไรฉันอีกล่ะ

     

            ฉันถามมันเสียงเรียบๆ  แต่ใจไม่ได้เรียบตามน้ำเสียง

     

           ฉันจะด่าแกทำไม  แกไม่ผิดอะไรนี่  เห็นอยู่ว่าพี่ป่านเค้าวิ่งมาชนแกโดยไม่ระวังเองง่ะ

     

           แต่คนอื่นเค้าไม่คิดเหมือนแกนี่

     

            ฉันบอกเคืองๆ

     

            อ๋อ...พี่ริวน่ะเหรอ  ช่างหัวหมอนั่นมันเด่ะ  ลองเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับแฟนน่ะ  หมอนั่นมักจะทำตัวไร้เหตุผลอย่างนี้เสมอแหละ

     

            ทำไม  ไอ้บ้านั่นมันหลงแฟนมันมากเลยเหรอ

     

            อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะ  ถามเพื่อนๆในกลุ่มเค้าดูก็บอกแต่ว่าคบกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว  แต่ฉันว่าเค้าก็ทำเวอร์เกินไปจริงๆนั่นแหละ  ถ้าฉันเป็นแกฉันอาจจะยิ่งกว่าเอาน้ำสาดหน้าก็ได้นะ

     

            แพมออกความเห็น

     

            ช่างแมร่งเถอะ!  ไม่ต้องพูดถึงไอ้ริวนั่นแล้ว!  นึกถึงแล้วก็โมโห  แต่...แกไม่ได้โกรธแฟนแกใช่มั้ย...เอ่อ...พี่ต้าน่ะ

     

           ฉันถาม

     

           เปล่านี่

     

           เออๆ ดีแล้วล่ะ  เพราะฉันคิดว่าเค้าเป็นคนที่ดีคนนึงเลยนะ

     

           ฉันก็ว่างั้นแหละ  เฮ้ย!”

     

          แพมอุธานพร้อมทำหน้าตกใจ

     

          ทำไมเหรอ

     

           นั่นมันไอ้จุ้นนี่  เห็นผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า

     

            แพมชี้ไปที่หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่อยู่ห่างจากพวกเราไปไม่ไกลนัก  เห็นพอชัดว่าจะเป็นไอ้จุ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง

    หน้าตาน่ารัก

     

            นั่นมัน...น้องขวัญนี่!”

     

            ฉันบอก  พลางมองไปที่ทั้งสองคนอย่างแปลกใจ

     

            น้องเขามาอยู่กับไอ้จุ้นได้ไง  หรือว่าเป็นแฟนกัน

     

            ฉันว่า  ไอ้จุ้นมันไปจีบน้องเขามากกว่า  แกไม่เห็นเหรอ  ว่าน้องเค้าหน้าแดงๆอ่ะ  เฮอะ! ท่าทางกวนๆอย่างหมอนั่นน่ะ  ไม่มีทางที่น้องขวัญจะมาชอบได้หรอกเฟ้ย!”

     

           ฉันว่า  แพมพยักหน้าเห็นด้วย

     

          ก็จริงอยู่นะที่ไอ้จุ้นมันดูกวนๆ  แต่ความจริงหน้าตามันก็หล่อไม่เบาเลยนะ

     

          แกมีตารึเปล่ายะยัยแพม! ฉันรู้จักมันมาตั้งแต่ตอนป.5ยังไม่เห็นมีวี่แววเลย

     

          เฮ้ย! ไอ้จุ้นมันเดินไปแล้วเว้ย  สงสัยว่ามันจะแห้วซะล่ะมั้ง

     

          ฉันมองไปทางนั้นพลางคิดว่าไม่รู้จะสะใจหรือสงสารมันดี

     

     

            และแล้วเย็นวันพุธที่สุดโคตรจะน่าเบื่อก็มาถึง  โดยเฉพาะเวลานี้

     

           พวกแกจะกลับแล้วเหรอ

     

           ฉันถามแพมกับนิ้งด้วยหน้าไร้วิญญาณ

     

          ก็ฉันไม่ตกเหมือนแกนี่

     

          นิ้งหันมาตอบพลางขยับแว่นหนึ่งทีตามเอกลักษณ์

     

          โทษทีนะ  ฉันนัดพี่ต้าไว้อ่ะ ^_^”

     

          แพมบอกขอโทษอย่างรู้สึกผิด  แต่ดูสีหน้ามันแล้วไม่เห็นจะรู้สึกผิดสักนิด -_-

     

          เออๆ ไปไหนก็ไปเลยไอ้พวกทิ้งเพื่อน

     

          หลังจากนั้นฉันกับเพื่อนในห้องทีตกภาษาอังกฤษก็มานั่งจับจองพื้นที่ภายในห้องสามสามสองกันเป็นที่เรียบร้อย  ฉันเองพยายามเลือกที่นั่งที่ค่อนไปทางข้างหลังเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุเวลางีบหลับ

     

          ดูๆไปแล้วคนที่ตกอังกฤษในชั้นม.5 ทั้งหมดก็มีไม่เยอะเท่าไหร่นะ  ประมาณสี่สิบกว่าคน  โอ๊ะ! แล้วฉันเป็นหนึ่งในจำนวนคนพวกนี้เนี่ยนะ! -_-

     

          หลังจากที่คนทยอยเข้ามานั่งที่กันเรียบร้อยแล้ว  ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงคนนึงท่าทางห้าวๆเดินถือแผ่นกระดาษส่งตามโต๊ะต่างๆเพื่อเป็นการเช็คชื่อ  โอ๊ะ! มีคนเข้ามาอีกคนนึง  เป็นรุ่นพี่ผู้ชายด้วย  คราวนี้เป็น...

     

            ไอ้ริว!! O_O

     

            มันมาทำอะไรที่นี่ฟะ! จะว่ามันตกเลขก็คงไม่ใช่เพราะถ้ามันตกมันก็ไปเรียนกับพวกม.6สิ  มันมาทำไรที่นี่!!ฉันมองมันเลิ่กลั่กในขณะที่มันเดินไปหน้าห้องแล้วหยิบไมค์ขึ้นมาพูด...

     

           หวัดดีน้องๆ   พี่ชื่อริว  จะมาสอนภาษาอังกฤษให้นะครับ

     

           ว่าไงนะ!!  โอ้! มายบุดด้าห์!! 

     

          น้องม.5 นี่ยังดีนะครับตกภาษาอังกฤษกันน้อยกว่าพวกพี่ซะอีก  ถ้าไงเดี๋ยวเซ็นชื่อกับพี่หม่อนก่อนนะครับ

     

           ริวพูดยิ้มพลางชี้ไปที่รุ่นพี่ห้าวๆคนเมื่อกี๊  พี่คนนั้นพยักหน้ายิ้มๆ

     

          พี่ริวคะ  พี่ริวเป็นนายแบบใช่มั้ยคะ!”

     

          มีผู้หญิงคนนึงถามขึ้น

     

         ก็ไม่เชิงหรอก แค่ถ่ายรูปลงนิตยสารนิดหน่อยอ่ะ ^_^”

     

           ไอ้ริวตอบพลางยิ้มหวานให้  หนอย...ไอ้...ไอ้ซาตานในคราบเทพบุตร!!

     

          พี่ริวเท่จังเลยค่ะ

     

          พี่ริวจะสอนเรื่องอะไรคะ  เรามาสอนกันตัวต่อตัวดีกว่า

     

           อะ...ไอ้พวกนี้มันเป็นผู้หญิงแน่รึเปล่าฟะ! พูดออกมาได้ไงไม่อายปาก  น่าสงสารพ่อแม่จริงๆ

     

           นี่เธอ...หวังว่าคงจะไม่บ้าตามยัยพวกนั้นนะ

     

           ไอ้จุ้นซึ่งนังอยู่ถัดจากฉันกระซิบบอก  และฉันก็ได้แต่ชูกำปั้นไปให้มัน

     

          เอาล่ะๆ พี่ว่าเรามาเริ่มเรียนกันดีกว่า…”

     

          และฉันก็ไม่อยากจะสนใจอะไรอีก  เพราะไม่งั้นฉันคงจะช๊อกตาย  เพราะความโกรธมันไปอุดตันเส้นเลือด! ไม่ยักรู้แฮะว่าหมอนั่นเก่งอังกฤษด้วย  เอ...จะว่าไปอาจารย์เอมใจก็เคยพูดเปรยๆไว้เหมือนกัน ว่ามีรุ่นพี่ม.6 คนนึงจะมาสอนอังกฤษให้  แต่ยักรู้ว่าจะเป็นไอ้นี่...

     

           หลังขากเวลาผ่านไปราวๆยี่สิบนาที  ฉันจะหลับอยู่แล้วทว่า...

     

          น้องครับ! น้องคนนั้นน่ะ

     

          ทันใดนั้นไอ้ริวก็เรียกเสียงดัง  และชี้มาที่ฉัน  ในขณะที่ฉันกำลังเหม่อ

     

          เอ๊ะ!”

     

         ฉันอุธาน

     

         น้องนั่นแหละครับ  ยืนขึ้นซิ

     

         หนอย...จะมาไม้ไหนอีกล่ะ! ฉันค่อยๆยืนพลางส่งสายตาเคียดแค้นไปให้

     

         ชื่ออะไรครับ

     

          มันถามชื่อฉัน  ถ้าหากฉันรู้ชื่อแม่มันก็คงจะตอบไปแล้วล่ะ  แต่ฉันไม่รู้ก็เลยได้แต่ตอบตามความจริง

     

          แล้วชื่อจริงล่ะครับ ^_^”

     

         รลลณี!”

     

         ฉันตอบห้วนๆ 

     

         งั้นช่วยแปลคำนี้ให้หน่อยได้มั้ย

     

         หา!”

     

           ฉันมองไปที่กระดานตามคำที่หมอนั่นชี้  อ๋อ...นี่คิดจะแกล้งให้ฉันอายใช่มั้ย  ฝันไปเถอะ!  เอ่อ...ว่าแต่ว่ามันแปลว่าอะไรฟะ

     

           ได้มั้ยครับ!”

     

           หมอนั่นถามพลางยิ้มกวนประสาท

     

          เอ่อ...

     

          ไอ้บ้าเอ๊ย!!  จะให้ฉันตอบได้ไง  ก็ฉันไม่รู้นี่หว่า  แต่ถ้าฉันบอกไปว่าไม่รู้หมอนั่นก็ต้องสะใจน่ะสิ!!  อ๊ายยยย! เจ็บใจชะมัด

     

          ว่าไง...

     

          อุณหภูมิ

     

          ในตอนนั้นเอง  ไอ้จุ้นหันมากระซิบบอกฉันเบาๆ   พอให้ได้ยินกันสองคน ฉันจึงได้แต่มองมันตาปริบ

     

          อะ...อุณหภูมิ!”

     

           ฉันตอบออกไป  พลางเหล่มองไปที่ไอ้จุ้น

     

          ใช้ได้ๆ

     

           ไอ้ริวพูดและพยักหน้าเล็กน้อยแต่ฉันว่าเหมือนมันจะพูดกับตัวเองมากกว่า  แต่ยังไงฉันก็รอดแล้วล่ะ! ฉันนั่งลงก่อนจะหันไปมองไอ้จุ้นซึ่งกำลังก้มหน้าเขียนอะไรยุกยิก      

     

         

           ขอบใจนะ

     

          ฉันบอกไอ้จุ้นขณะที่กำลังเดินออกมาจะกลับบ้าน

     

          เรื่องไร...อ๋อ...ไม่เป็นไรหรอก

     

          เอ๊ะ!”

     

          คือ...ฉันแค่เห็นว่า  คนฉลาดก็ย่อมจะต้องช่วยเหลือคนโง่อยู่แล้ว

     

          ไอ้จุ้นลอยหน้าบอก

     

          งั้น...ฉันขอถอนคำพูด  ที่ขอบคุณนายไปเมื่อกี๊ -_-”

     

          ฉันบอกก่อนจะแลบลิ้นใส่มัน

     

          แต่ว่านะ...ถ้านายไม่ช่วยฉันตอนนั้น  ฉันคงจะเจ็บใจมากเลยล่ะ!”

     

           ฉันบอก

     

          พี่คนนั้นน่ะ...พี่ริวอ่ะ

     

         ทำไม

     

          ฉันถาม

     

          เหมือนว่าเค้าจะจงใจแกล้งเธอนะ

     

          นายก็สังเกตุเห็นเหมือนกันเหรอ!!”

     

          ฉันถามอย่างกะตือรือล้น

     

           อ๋อ...ฉันก็ไม่ได้สังเกตุอะไรหรอก  มันเห็นกันชัดๆอยู่แล้ว  เธอรู้จักกับเค้าเหรอ

     

          ก็ไม่เชิงหรอกนะ  เรียกว่าศัตรูจะดีกว่า

     

          ฉันบอก

     

           เธอนี่ไม่เคยเป็นมิตรกับใครเลยนะ  ชอบสร้างแต่ศัตรู

     

          หา!”

     

          ก็จริงมั้ยล่ะ  เธอชอบเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเป็นศัตรูกับคนโน้นคนนี้  ทั้งที่ตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าอยากเป็นศัตรูกับเธอรึเปล่า

     

          เอ๋...

     

          ฉันมองหน้านายจุ้นงงๆ  มันหมายความว่าไงฟะที่มันพูด

     

           นี่เธอ...

     

           ใครคนนึงเรียกฉันขณะจับแขนฉัน  ฉันหันไปมองและเป็นไปตามสัญชาตญาณ  ฉันสะบัดแขนทันทีที่หันไปเห็นเจ้าของเสียง  ในขณะที่ไอ้จุ้นมองอย่างงงๆ

     

           ริว!”

     

           หมอนั่นยิ้มให้ฉันราวกับฉันเป็นพวกผู้หญิงที่ควรจะหลงไหลในรอยยิ้มนั้น  แต่ฉันกลับขมวดคิ้ว

     

           จะกลับบ้านแล้วเหรอ

     

           ใช่  กลับกับเพื่อน

     

           ประโยคหลังฉันพูดก่อนจะหันไปมองไอ้จุ้น

     

           งั้นฉันคงต้องขอยืมตัวเพื่อนของนายหน่อยนะ

     

           ไอ้ริวหันไปพูดกับจุ้น  ซึ่งมันก็มองกลับมาแบบประมาณว่าอะไรกันเนี่ย

     

           จุ้น! ไปกันเถอะ อย่าไปเสียเวลาพูดกับคนแบบนี้เลย

     

          ฉันหันไปบอกจุ้นพร้อมกับดึงข้อมือมันให้เดินตามมา

     

          เราสองคนเดินดุ่มๆโดยไม่หันกลับไปมองจนกระทั่งรอดพ้นจากเงื้อมือไอ้ปีศาจ 

     

          นี่มันเรื่องอะไรกัน  ฉันงงไปหมดแล้ว

     

          จุ้นถามฉัน

     

         ไม่มีอะไรหรอก  แค่คนสองคนที่เกลียดขี้หน้ากัน

     

           ฉันตอบ

     

           เธอหมายถึงเธอกับฉันเหรอ

     

           ไอ้จุ้นถามต่อ  โอ๊ย! ทำไมตานี่ถึงซื่อบื้อแบบนี้นะ

     

           ฉันหมายถึงฉันกับไอ้...ริวต่างหาก!”

     

           ฉันตอบคำถามอย่างโมโหๆ

     

           รู้แล้วๆ  แต่ไม่เห็นต้องบีบมือฉันแน่นขนาดนี้เลยนี่!”

     

           เอ๊ะ! โทษที

     

           จริงด้วยฉันยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากมันเลยนี่  ว่าแล้วฉันก็รีบปล่อยมือจากมันก่อนจะเดินจ้ำอ้าวนำหน้ามัน

    แต่พอฉันนึกอะไรได้อย่างฉันจึงหันหลังไปหามัน

     

           นายไม่ต้องกลับกับฉันหรอก  หมอนั่นมันคงไม่ตามมาแล้วล่ะ  อ้อ!  แล้วอีกอย่าง เมื่อวานฉันเห็นนะ  นายไปสารภาพรักกับน้องขวัญน่ะ  อย่าเสียใจไปเลยนายก็ไม้ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก  ฉันเชื่อว่ายังมีผู้หญิงดีๆรอนายอยู่

     

           ฉันบอกก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินต่อ  ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรฉันถึงพูดออกไปแบบนั้น  อาจเป็นเพราะอย่างน้อยๆตัวตนจริงของมันก็ยังดีกว่าใครบางคนที่ฉันโคตรจะเกลียด!

     

     

            ฉันกลับมาถึงบ้านอย่างอ่อนระโหยโรยแรง  อันที่จริงก็ไม่ได้ใช้พลังงานเยอะอะไรนักหรอก  เฮ้อ...แต่ทำไมมันถึงรุ้สึกล้าๆไงไม่รู้  -_- 

     

            อ้าวพี่...

     

            ฉันร้องทักทันที่เห็นพี่แบมนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาหน้าทีวี  ดูหมดสภาพยิ่งกว่าฉันเสียอีก

     

            กลับมาแล้วเหรอ

     

            พี่แบมถามแต่ตายังคงจดจ้องอยู่กับจอทีวีข้างหน้า

     

          อื้อ...ไม่มีงานเหรอ

     

          มี  แต่ทำเสร็จแล้ว

     

           แล้วนั่นดูอะไรอยู่ล่ะ 

     

            ฉันถามขณะเดินไปเก็บกระเป๋า  เพราะเห็นว่าพี่แกไม่มีทีท่าว่าสนใจอะไรเลยนอกจากจอทีวีข้างหน้า

     

            ไม่มีไรหรอก

     

            เอ๋

     

            ดูเรื่อยเปื่อยน่ะ

     

            สงสัยวันนี้จะเมาค้าง  หรือไม่ก็อาจจะไม่สบายเพราะปกติยัยนี่น่าจะด่าฉัน  หรือไม่ก็ต้องกระแนะกระแหนประมาณว่า ยุ่งไรกับฉันล่ะ!’ หรืออะไรซักอย่างแล้ว  พิลึกคน!

     

           นี่ยัยเบล

     

          หือ...อะไร

     

          ใครต่อใครคงจะรู้กันหมดสินะ  ว่าแกเป็นน้องฉัน

     

          แล้วทำไมล่ะ  ถามอะไรแปลกๆ

     

           ฉันถามอย่างงงๆ  แต่ก็ไม่ได้รอฟังคำตอบอะไร  เพียงแต่คิดว่าพี่แบมคงไม่อยากมีน้องอย่างฉันล่ะมั้ง  ถึงได้ถามอะไรแบบนั้น  เฮ้อ...ฉันมันแย่อะไรนักหนารึไง

     

          นี่!”

     

          พี่แบมเรียกขณะที่ฉันกำลังเดินขึ้นบันไดไปข้างบน

     

         อะไรอีกล่ะ!”

     

           ฉันหันไปถามอย่างเสียมิได้  ยังมีอะไรที่พี่สาวผู้แสนดีอยากจะคุยกับน้องสาวแย่ๆอีก

     

          ฉันจะย้ายไปอยู่คอนโดนะ!”

     

          หา! OoO”

     

          ฉันอุธานออกมา  ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

     

           จะย้ายไปเมื่อไหร่

     

           ฉันถามต่อ

     

           พรุ่งนี้     

     

          พ่อกับแม่รู้รึยัง

     

          รู้แล้ว  ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย

     

          พี่ตอบยังคงไม่หันมามองหน้า  ในขณะที่ฉันจ้องตาแทบถลน

     

          ทำไมล่ะ  มีอะไรรึเปล่า  ทะเลาะกับแม่เหรอ

     

           ประโยคสุดท้ายฉันถามไปงั้นแหละ  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าพ่อกับแม่ท่านไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว  วันๆแทบจะไม่ค่อยเจอหน้ากันอยู่แล้ว

     

          ไม่มีอะไรหรอก  มันเดินทางสะดวกดี

     

          ...

     

         ฉันยังคงนิ่งเงียบจ้องมองลึกเข้าไปในตาของพี่  แต่ก็ค้นอะไรไม่พบเลยนอกจากความว่างเปล่า

     

          เป็นบ้าอะไรยะ! จ้องอยู่ได้  รู้แล้วน่าว่าฉันเสวย!”

     

          เป็นครั้งแรกตั้งแต่สนทนากันที่ยัยนี่หันมา  และตวาดฉันด้วยเสียงแหลมอันคุ้นเคย  ฉันจึงยิ้มออกมาอย่าง

    โล่งอก

     

          ค่อยยังชั่ว...พี่จะย้ายออกไปน่ะ  ไม่เป็นไรหรอกนะ  แต่อย่าทำท่าทางเหมือนสวมวิญญาณนางเอกแบบนั้นสิ  มันใจคอไม่ดี

     

           ฉันแค่เหนื่อยน่ะ  เอ๊ะ! นี่แกเห็นฉันเป็นนางร้ายเหรอไง!!”

     

           ฉันมองพี่อีกแว้บนึงก่อนจะขึ้นไปข้างบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า  และใช้เวลาหมดไปกับการอ่านการ์ตูนที่เพิ่งซื้อมา  

     

           กรี๊งงงงงงง   กรี๊งงงงงงงง

     

           โอ๊ย!! ใครโทรมาตอนนี้ฟะ  กำลังเข้าได้เข้าเข็มเลย  นางเอกกับพระเอกจะจูบกันอยู่แล้ว  คอยดูนะ!  แม่จะด่าให้ยับเลย

     

           ฮัลโหล!”

     

           ...

     

          ฮัลโหล!!!”

     

          ขอสายเบลครับ

     

           เป็นเสียงผู้ชายที่ฟังยังไงก็ไม่คุ้นเลย  ทำให้ฉันชะงักไปก่อนตอบว่า...

     

           พูดอยู่  นั่นใครน่ะ!”

     

           โอ๊ะ! ทำไมทำเสียงดุแบบนั้นล่ะ

     

           นายเป็นใคร!”

     

           ฉันถามแบบโคตรจะเหลืออด

     

           โถ่! จำไม่ได้เหรอ  ก็พี่ริวของน้องเบลไงล่ะ หึๆๆ

     

           หมอนั่นบอกด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก  ก่อนจะหัวเราะราวกับพวกโรคจิต

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×