คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คนสองคนกับความโง่แตกต่าง
“เอาล่ะ! เดี๋ยวครูจะแจกผลการสอบกลางภาคให้นักเรียน ถ้าครูเรียกชื่อใครให้ออกมาด้วยล่ะ”
นักเรียนในห้องที่ตอนแรกเป็นนกกระจอกแตกรัง ได้กลายร่างเป็นลูกนกตัวน้อยๆเชื่องๆว่าง่ายขึ้นมาทันที ด้วยความสนอกสนใจสิ่งที่กำลังจะได้รับในไม่ช้า
“อธินันท์”
“พิชญะ”
“กวี”
“รัฐภูมิ”
นักเรียนแต่ละคนที่ถูกเรียกชื่อต่างทยอยกันออกไปรับผลสอบ (ชื่อคุ้นๆว่ามั้ย...) แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นชื่อฉัน -_-
“วิลาสินี”
ยัยแพมที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆหันมาหลิ่วตากับฉันก่อนจะลุกไปรับผลสอบ ฉันแอบเห็นมันทำหน้าหงิกเล็กๆตอนที่ดูผลสอบของตัวเอง
“เป็นไง”
ฉันกระซิบถามมันเบาๆ
“จะเป็นไงล่ะ! -_-“
“ฮะๆๆ คราวนี้ตกกี่วิชา ^O^”
“นี่ๆ อย่ามาทำขำ อย่างน้อยคราวนี้ฉันก็ไม่ตกอังกฤษนะยะ!”
แพมหันมาทำหน้านิ่ว
“อ้อเหรอ...ไม่อยากจะเชื่อ มิน่าวันนี้ฝนฟ้าทำท่าจะตก”
ฉันประชด เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาจารย์เอมใจเรียกชื่อฉันพอดี ฉันจึงลุกออกไปก่อนที่ยัยแพมจะหันมาทันด่าฉันได้ทัน
ทว่า...ไม่อยากจะเชื่อ นี่ฉันตกอังกฤษได้ไงกัน ไฟนอลคราวที่แล้วฉันยังได้ตั้งสองจุดห้า!!
“คะแนนไม่ดีเหรอ”
นายจุ้นคู่กัดตลอดกาลตั้งแต่สมัยประถมถาม หลังจากเห็นสีหน้าฉัน
“เรื่องของฉัน อย่าจุ้น!”
ฉันหันไปตอบอย่างเคืองๆ ชิ!จุ้นสมชื่อจริงๆ เวลานี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาชวนใครทะเลาะด้วยทั้งนั้น ก็ตั้งแต่ฉันเรียนมาฉันไม่เคยมีประวัติสอบตกในวิชาไหนเลยนะ ถึงแม้จะไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนาก็เถอะ(แบบว่าคาบเส้นพอดีเป๊ะ!)อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยตกนะ
“มีใครตกของครูบ้าง ไหนยกมือให้ดูหน่อยซิ”
อาจารย์เอมใจถามหลังจากที่ทำการแจกผลการสอบให้นักเรียนครบทุกคนแล้ว ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในกลุ่มฝูงชนนั้นที่ต้องยกมือ เพราะวิชาที่อาจารย์เอมใจสอนก็คืออังกฤษนั่นเอง T^T อู้ว!! จะว่าไปแล้วมีคนตกอังกฤษเยอะเหมือนกันแฮะ ประมาณสิบคน!! T^T (เยอะตรงไหน)
“เฮอะๆๆ”
ฉันหันไปทำตาเขียวกับยัยแพมที่หัวเราะใส่หน้าฉัน
“เอาล่ะ! ก่อนอื่นครูมีข่าวดีสำหรับคนที่ตกอังกฤษในครั้งนี้ว่า...เราจะไม่มีการสอบซ่อม เพราะครูเชื่อว่าถึงจะสอบใหม่พวกเธอก็คงจะไม่ผ่านอยู่ดี”
นักเรียนทุกคนรวมทั้งฉันต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ครูเลยจะจัดให้มีการเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนที่สอบตกในครั้งนี้ หรือถ้าใครที่ไม่ตกแต่ก็สนใจอยากจะไปเรียนก็เชิญนะจ๊ะ แต่สำหรับนักเรียนที่ตกนั้นครูบังคับจ้ะ”
“แล้วเรียนเมื่อไหร่คะ”
“เอาไว้ครูค่อยนัดอีกทีก็แล้วกันจ้ะ เพราะต้องไปบอกเด็กห้องอื่นๆด้วย”
“ไม่อยากจะเชื่อนี่แกโง่ขนาดนั้นเลยเหรออยะ! ยัยอ่อน”
พี่แบมพูดจากระแทกแดกดันฉันขณะกำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก
“นี่มันครั้งแรกของเบลเองนะ ใครจะเหมือนพี่ล่ะเก่งแต่วิชาอังกฤษ ส่วนตัวอื่นๆก็ตก++”
ฉันกระแนะกระแหนกลับอย่างเหลืออด แต่ที่พูดไปก็เป็นความจริง
“เฮอะ! ใครสนล่ะ ถึงฉันมันจะโง่ดักดานน่ะนะ แต่ฉันก็สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องมาแบมือขอพ่อแม่ ทำให้ได้อย่างฉันก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูด”
จริงอย่างที่พี่แบมพูด ยัยนี่ไม่ได้เก่งอะไรนักหนา ถ้าผ่าตัดสมองดูอาจจะมีแต่ขี้เลื่อยก็ได้ แต่แม้ภายในยัยนี่จะกลวงโบ๋แค่ไหน แต่ภายนอกกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง พี่แบมเป็นคนสวย รูปร่างดีจึงมีแมวมองมาติดต่อให้ไปเคสติ้ง ไปถ่ายแบบ จนตอนนี้พี่แบมก็กลายเป็นไอดอลคนหนึ่งของเหล่าวัยรุ่นทีเดียว แม้แต่เพื่อนที่โรงเรียนฉันยังเป็นแฟนคลับของพี่ฉันเลย
เฮ้อ...แต่ทำไมฉันซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆกลับไม่เห็นได้รับอานิสงค์อะไรมาบ้างเลยน้า แม้ฉันจะว่าพี่ตัวเองอย่างนั้นก็เถอะ แต่ตัวฉันเองซึ่งกลวงโบ๋ทั้งภายในและภายนอกก็ไม่ได้ดีไปกว่าพี่แบมเลย
“นี่บอกพ่อแม่ให้หน่อยแล้วกันนะ ว่าฉันจะออกไปข้างนอก”
พี่แบมหันมาพูดกับฉัน หลังจากบรรจงหวีผมเป็นเงาสลวยของตนเสร็จ
“พ่อกับแม่ไม่อยู่ไปงานเลี้ยง แล้วพี่จะออกไปไหนล่ะ”
ฉันถามพลางทอดสายตามองดูชุดสวยที่ผู้เป็นพี่ใส่
“ไปถ่ายเอ็มวี อืม...ให้วงโนอีโก้น่ะ”
“โห!! จริงเด่ะ กรี๊ดดดดดด! งั้นฝากไปขอลายเซ็นนักร้องนำมาด้วยสิพี่แบม เอ...ชื่ออะไรน้า ดอม...โด่ง...อะไรซักอย่าง เอ๊ะ! ไม่เอาดีกว่า ฝากหอมแก้มเขาเลยก็แล้วกันนะ”
“ถึงแกไม่บอก ฉันก็ต้องทำงั้นอยู่แล้ว”
พี่แบมบอกยิ้มกระหยิ่ม พลางก้มลงบรรจงใส่สร้อยที่ข้อเท้า
“เอ๊ะ! ทำไมล่ะ”
“ก็ในบทที่ฉันจะต้องเล่นน่ะ มันมีฉากที่ฉันจะต้องจูบกับเค้าอย่างดุดดื่มด้วยล่ะ”
“หา! อะไรนะ!!”
เดี๋ยวนี้ พี่ฉันชักจะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆเลยนะ แค่ได้ไต่เต้าตัวเองขึ้นมาเป็นนางเอกเอ็มวีก็ว่าเจ๋งแล้ว นี่ยังมีบทเลิฟซีนร้อนแรงแบบนั้นด้วย กรี๊ดดดดดด! รู้สึกเหมือนมีกองเพลิงแล่นพล่านไปทั่วตัว
“เฮ้อ...ฉันไปล่ะนะ เดี๋ยวเค้ารอนาน อุ๊ย! ทีมงานเค้าขับรถมารับแล้ว”
ยัยนั่นเดินนวยนาดออกจากบ้านไป ปล่อยให้น้องแท้ๆอย่างฉันส่ายหน้าด้วยความงงงวย
กรี๊งงงงงงงง กรี๊งงงงงงงงงงง
ดีนะที่เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นมาทันเวลาพอดี ไม่งั้นฉันก็คงนั่งเอ๋อแบบนั้นอีกนานแน่ๆ ว่าแต่ใครโทรมาป่านนี้นะ
“หวัดดีค่ะ”
“ยัยเบลลลลลลล!”
“ใครน่ะ แพมเหรอ”
“ฮือๆๆๆๆๆ”
“เฮ้ย! แกเป็นไร ร้องไห้ทำไมอ่ะ”
ฉันถามมันด้วยความตกใจ เพราะกว่าสี่ปีที่คบกันมายังไม่เคยเห็นมันร้องห่มร้องไห้อะไรมากมาย แม้แต่ตอนที่ไอ้มะอึกแมวสุดที่รักของมันแก่ตาย แล้วนี่เกิดเรื่องอะไรกับมันนะถึงได้ร้องไห้เป็นเผาเต่าอย่างนี้ หรือว่าบ้านไฟไหม้...
หา!!!! หรือว่า...
“เอ่อ...แก ใจเย็นๆ อย่าเศร้าไปเลยนะ อย่าคิดมากเลยน่า ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นล่ะนะ เกิด แก่ เจ็บ ตายมันเป็นของธรรมดา
”
“ฮือๆๆ แกพูดอะไรนะยัยเบล ฮือๆๆๆๆ ใครตาย ฮือๆๆ”
“อ้าว...ไม่ใช่เหรอ ฉันนึกว่าญาติแกเสียซะอีกง่ะ”
“ฮือๆๆ แกจะบ้าหรือไง ฮือๆๆ อยู่ดีๆมาแช่งญาติฉันทำไม ฮือๆๆ”
“ก็...ก็ฉันเห็นแกร้องไห้จะเป็นจะตาย -_-”
ฉันชักจะรู้สึกปวดประสาทกับยัยนี่แล้วสิ
“แล้วแกเป็นอะไรล่ะ! ร้องไห้อยู่ได้ ฉันจะรู้มั้ยเนี่ยยยย...”
“ฮือๆๆ ของเวลาฉันแป๊บนึง ฮือๆๆ”
สิบนาทีผ่านไป...-_-เนี่ยนะแป๊บนึงของมัน
“เอาล่ะ ไหนแกว่ามาซิ -_-“
ฉันบอกหลังจากที่ปล่อยให้มันร้องไห้ให้สะใจราวกับเด็กทารกอย่างเต็มที่ นี่เพราะฉันเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นฉันไม่รอแบบนี้หรอก ฉันน่ะเกลียดการรอคอยที่สุดเลย
“ฮึกๆๆ เอ่อ...แบงค์มันมาบอกเลิกฉัน”
“ทำไมล่ะ!”
ฉันถามพลางเงี่ยหูฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ในขณะที่ตาก็เคยจดๆจ้องๆมองดูฉากไล่ล่าอาชญากรสุดหล่อในหนังแอ็คชั่นมันสุดเหวี่ยงเรื่องหนึ่ง -_-
“ฉันก็ไม่รู้อ่ะ อยู่ดีๆหมอนั่นก็มาบอกเลิกฉัน”
“งั้นฉันว่า...ปล่อยไปเถอะผู้ชายไร้เหตุผลแบบนั้น เลิกไปก็ดีแล้วล่ะ”
“แต่เราคบกันมาตั้งหนึ่งปีนะ และอีกอย่าง...”
แพมแย้ง
“ใช่ แล้วปีนึงมันก็นานพอที่จะเห็นธาตุแท้ของหมอนั่น”
ฉันต่อ
“แกคิดอย่างนั้นเหรอ !”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วฉันก็ไม่เห็นว่าไอ้แค่แฟนมาบอกเลิก มันจะทำให้แกต้องร้องไห้เสียใจจะเป็นจะตายแบบนี้”
“แต่...”
“แล้วฉันว่านายแบงค์มันก็ไม่เห็นเหมาะสมกับแกเลย แกน่ะดีเกินกว่าที่จะคบกับคนพรรค์นั้น”
“แต่...”
“ยังมีผู้ชายดีๆอีกเยอะน่าในโลกนี้ นี่ผู้ชายในห้องเราก็พอใช้ได้นะ”
“แต่...”
“นี่ๆยกเว้นนายจุ้นนะ นายนั่นน่ะ...
“โอ๊ยยยยย! หยุดได้แล้ว!! ยัยบ้า ฉันจะพูดแกก็มาขัดคอหอยลูกกระเดือกอยู่ได้”
“แก...จะพูดอะไรล่ะ =_=”
ฉันถามกลับอย่างงุนงง
“ฉันจะบอกว่าฉันไม่ได้เสียใจที่ไอ้แบงค์มันบอกเลิกฉันหรอก”
ยัยแพมว่า
“หา...ว่าไงนะ!”
“ฉันจะเสียใจทำไมเล่า ก็ฉันน่ะมีตัวจริงอยู่อีกคนแล้วน่ะสิ”
“อ้าว...ละ...แล้วแกร้องไห้ทำไมอ่ะ”
“ก็ฉันเสียดายมือถือน่ะสิ ไอ้แบงค์ง่ะ พอมันบอกเลิกฉันมันก็ทวงมือถือที่มันเคยให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดคืน!! นั่นน่ะมันโนเกียรุ่นล่าสุดเลยนะ”
“งั้น...ที่แกร้องไห้จะเป็นจะตาย เพราะแกเสียดายมือถือเหรอ”
ฉันถามแพมพลางเกาหัวมึน
“ก็ใช่น่ะสิ!”
หือ!! ตอบเสียงดังฟังชัดเลยนะยะ!
“เฮอะ! งั้นฉันว่าแกก็สมควรโดนไอ้แบงค์มันทิ้งแล้วล่ะ!”
ฉันแดกดัน
“ฉันไม่สนหรอก เพราะฉันมีตัวจริงของฉันที่ดูๆอยู่แล้วเฟ้ย...”
“เฮ้ย!! แล้วแกไปเจอเค้าเมื่อไหร่ แกเพิ่งจะเลิกกับไอ้แบงค์เองนี่”
ฉันงง
“ก็ประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว เค้ามาขอเบอร์ฉัน”
“แต่ตอนนั้นแกยังไม่เลิกกับไอ้แบงค์เลยนะ >O<”
“เอ่อ...ก็ฉันเห็นพี่เค้าหล่อดี
เหอะน่า! ก็ตอนนี้เลิกแล้วนี่”
ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าฉันคบยัยนี่เป็นเพื่อนได้ไง -_-^
“เออ...ช่างเหอะ ว่าแต่เค้าเป็นใครล่ะ”
“อืม...เอาไว้ฉันพาแกไปรู้จักละกัน”
แพมบอกอย่างร่าเริง
“เหอๆ อย่างกะฉันอยากจะรู้จักงั้นแหละ”
เป็นเช้าวันอังคารที่น่าเหี่ยวเฉาอีกเช่นเคย ที่ฉันจะต้องแหกตาตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนอย่างทุกวัน แต่ทำไมฉันถึงบอกว่าวันนี้มันช่างเหี่ยวเฉาน่ะเหรอ เหอๆ -_-
“นี่ยัยเตี้ยไปโรงเรียนเช้าเป็นกะเค้าด้วยเหรอ”
นายจุ้นผู้ซึ่งมีความสามารถพิเศษ ที่สามารถทำให้ฉันปวดขี้ได้ทันทีที่เห็นหน้าแกว่งปากหาส้นติงอีกเช่นเคย
“เฮอะๆ ใครจะไปเหมือนนายล่ะ ไอ้เปรต”
ฉันด่ากลับขณะยืนรอรถเมล์ด้วยสีหน้าซังกะตาย แล้วทำไมวันนี้ฉันถึงต้องมาเจอมันด้วยฟะ! ลำพังเจอมันในห้องทุกวันก็เหม็นขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว
“ฮะๆๆ เธอคงจะอิจฉาในความสูงของฉันล่ะสิ ^O^”
ไอ้จุ้นบอกหน้าระรื่น
“...”
“ฉันเตือนเธอตั้งสมัยก่อนแล้ว ว่าให้กินนมๆ จะได้ไม่เป็นยัยเตี้ยอย่างนี้”
“ฉันไปเตี้ยบนหัวเตี่ยนายรึไง เลิกจุ้นจ้านกับฉันซะที ไอ้จุ้นจ้าน!!!”
เฮ้อ...จะมีสักวันมั้ยเนี่ย ที่ไอ้บ้านี่มันจะไม่กวนประสาทฉัน -_-
“ไง...ไอ้จุ้น”
ใครคนหนึ่งเดินมาทักทายไอ้จุ้นอย่างสนิทสนม
“พี่ต้า...ทำไมวันนี้มาเช้าได้”
“วันนี้มีประชุมน่ะ นายก็รู้นี่ เรื่องชมรม”
“อ๋อ...การแข่งขันของจังหวัดที่จะถึงนี่น่ะเหรอ”
“เออ...ไปด้วยกันเลยเด่ะ เพราะถึงไงนายก็มีชื่อเป็นนักกีฬาเหมือนกัน แม้จะยังไม่ชัวร์ว่าเป็นตัวจริงง่ะ”
“เอางั้นก็ได้
”
ฉันรู้สึกขอบคุณรุ่นพี่คนนี้ที่ช่วยเข้ามาขัดการปะทะกันระหว่างฉันกับไอ้จุ้น รู้สึกว่าเขาจะเป็นประธานชมรมเทควันโดที่นายจุ้นอยู่ ฉันมองไปที่นายจุ้นทีและพี่คนนั้นทีอย่างรู้สึกโล่งอก และค่อยกะดึ๊บๆตัวออกมาจากที่ตรงนั้นพยายามไม่ให้เป็นที่สังเกต และรู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่ยัยแพมไม่ได้มาด้วย ไม่งั้นยัยนั่นต้องพยายามทำตัวกลมกลืนเข้าไปตีซี้กับพี่คนนั้นอย่างแน่นอน เฮอะ! เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้เลย
และในระหว่างที่ฉันกำลังกะดึ๊บๆออกห่างมานั้น...
“เอ๊ะ! น้องคนนั้นน่ะ มากับนายนี่! แฟนเหรอ”
พี่ประธานชมรมหันมาชี้นิ้วมาที่ฉัน ก่อนจะหันไปถามนายจุ้น ในขณะที่ฉันชะงักกึก
ความคิดเห็น